สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 13 ธันวาคม 2561

รถไฟยึดคืนที่ดินทั่วปท. 7 พันไร่หมื่นล. สร้างทางคู่-ไฮสปีด-ลุยมิกซ์ยูสนำร่อง”แม่น้ำ”ปีหน้า

ปัจจุบันและอนาคต – สภาพพื้นที่260 ไร่ของสถานีแม่น้ำ ที่การรถไฟฯเตรียมจะนำเปิดประมูลหาเอกชนมาพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ ปัจจุบันถูกบุกรุก 86 ไร่ และฟ้องขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ใน 2 เดือนนี้

การรถไฟฯปฏิบัติการยึดคืนที่ดินทั่วประเทศ หลังถูกบุกรุกมานาน เปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ สร้างรายได้ระยะยาว เคลียร์หน้าดินรับรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า ไฮสปีดเทรน ปีหน้าประเดิม “สถานีแม่น้ำ” 260 ไร่ ขึ้นมิกซ์ยูส 8 หมื่นล้าน ลุยรื้อ 7.5 พันไร่ กาญจนบุรี พังงา บุรีรัมย์

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ ร.ฟ.ท.มีแผนจะนำที่ดินแปลงใหญ่มาเปิดให้เอกชนร่วมพัฒนาจัดหาประโยชน์รูปแบบ PPP เช่น สถานีแม่น้ำ ย่าน กม.11 รวมถึงเตรียมพื้นที่รองรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟความเร็วสูง ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) จึงเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.สำรวจการบุกรุกที่ดินทั่วประเทศเพื่อจะได้เร่งดำเนินการก่อนที่จะส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนต่อไป เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาภายหลังได้

สถานีแม่น้ำโมเดลนำร่อง

“ตอนนี้มีสถานีแม่น้ำเป็นโมเดลแล้ว จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพราะปีหน้าจะมีการเปิดประมูล PPP แล้ว”

นายสมยุทธิ์ เรือนงาม รองผู้อำนวยการฝ่ายด้านปฏิบัติการ ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ เปิดเผยว่า บอร์ด ร.ฟ.ท.มีมติให้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการกับผู้บุกรุกหรือรุกล้ำที่ดินรถไฟ เริ่มพื้นที่สถานีแม่น้ำ 260 ไร่เป็นที่แรก ได้สำรวจตั้งแต่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีพื้นที่ถูกบุกรุกรวม 86 ไร่ คิดเป็น 33% ของพื้นที่ทั้งหมด และพบว่ามีเอกชนบุกรุกในพื้นที่ประมาณ 40 ราย รูปแบบการบุกรุกมีทั้งทำลานจอดรถบรรทุก, กองเก็บวัสดุก่อสร้างและบ่อคอนกรีต, ที่พักคนงาน, กองขยะขนาด 1 ล้านคิว, ที่พักคนงาน, กองเก็บทรายและหิน,อู่ซ่อมรถและที่เก็บเครื่องจักรขนาดใหญ่ ส่วนสิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่เป็นตู้สินค้าคอนเทนเนอร์, บ้านชั้นเดียวแบบน็อกดาวน์ (บ้านสำเร็จรูป) และเพิงสังกะสีที่พักคนงาน

“แจ้งดำเนินคดีอาญาไปแล้ว 16 ราย แบ่งเป็นคดีบุกรุก 15 คดี ปลอมแปลงเอกสารสัญญาเช่า 1 คดี และฟ้องแพ่ง 5 ราย รวมมูลค่าความเสียหายที่ฟ้องร้อง 23 ล้านบาท ศาลนัดพิจารณาคดีนัดแรกวันที่ 12 ก.พ. 2562”

ส่วนคดีอาญามีผู้รับมอบอำนาจจาก 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท พงษ์ระวี จำกัด, บริษัท สยามคอนสตรัคชั่นกรุ๊ป จำกัด, บริษัท โอ แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด, บริษัท เวิลด์ โพร-ฟิกซ์ จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด เดชประเสริฐ ขนส่ง และห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.เอส.เอส.ซัพพลาย ขอเจรจากับ ร.ฟ.ท.ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยขอเวลา 6 เดือนขนย้ายอุปกรณ์และเครื่องจักรขนาดใหญ่ รถบรรทุก ตู้คอนเทนเนอร์ และอื่น ๆ แต่คณะทำงานไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว โดยจะดำเนินการฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญาภายในเดือน ธ.ค.นี้

“บอร์ดให้เวลาขับไล่ผู้บุกรุกให้ออกไปจากพื้นที่ภายใน 2 เดือนโดยไม่ต้องรอผลคดีแพ่งที่กว่าจะรู้ผลคดีต้องใช้เวลา 7-8 เดือน เมื่อผู้บุกรุกออกไปจากพื้นที่ได้แล้ว จะต้องเคลียร์พื้นที่ภายใน 1 ปี หรือภายในปีหน้า เพื่อนำพื้นที่เปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาต่อไปตามแผนงาน” นายสมยุทธิ์กล่าวและว่า ปัจจุบันพื้นที่สถานีแม่น้ำทั้ง 260 ไร่ สามารถตีมูลค่าที่ดินตามการประเมินของกรมธนารักษ์ได้ทั้งสิ้น 13,000 ล้านบาท (คิดเป็นไร่ละ 25 ล้านบาท และตารางวาละ 62,500 บาท) ส่วนอัตราค่าเช่าของ ร.ฟ.ท.ในปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 825 บาท/ตารางเมตร/ปี

เปิดหน้าดินรับมิกซ์ยูส

สำหรับการศึกษารูปแบบการพัฒนาโครงการที่ดินมี 6 รูปแบบ ประกอบด้วย อาคารพาณิชยกรรมและค้าปลีก อาคารพักอาศัย สำนักงาน ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ และโรงแรม แบ่งพัฒนา 5 โซน

โซนที่ 1 gateway commercial park 77 ไร่ อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เชื่อมโยงด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรม ที่พักอาศัยและบริการประเภทของอาคารประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน

โซนที่ 2 iconic marina 44 ไร่ เหมาะสร้างอาคารสูงขนาดใหญ่พิเศษ สำนักงาน ศูนย์ประชุมสัมมนาที่พักอาศัย ศูนย์การค้า พาณิชยกรรม การแสดงสินค้า ธุรกิจการค้า ที่ทำการขององค์กรการค้าเอกชน ศูนย์ข้อมูลธุรกิจ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และท่าเทียบเรือสำราญขนาดกลาง

โซนที่ 3 cultural promenade 78 ไร่ เหมาะพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมค้าปลีก และศูนย์กิจกรรมทั้งด้านบันเทิง ด้านการสร้างสรรค์ ร้านอาหาร ภัตตาคาร สปา คลับและอาคารใช้งานแบบผสมผสาน (mixed-use tower)

โซนที่ 4 riverfront residence 55 ไร่ เหมาะสร้างกลุ่มคอนโดมิเนียมหรือกลุ่มอาคารที่พักอาศัย สามารถเชื่อมต่อกับการใช้งานในพื้นที่อื่นของพื้นที่โครงการส่วนอื่นได้อย่างสะดวก และโซนที่ 5 affordable community 22 ไร่ ติดริมคลองด้านทิศเหนือ เหมาะพัฒนารองรับธุรกิจการค้าระดับชุมชน สินค้าหัตถกรรม ร้านอาหารตามแนวริมคลองขุด มีมูลค่าก่อสร้างโครงการและสาธารณูปโภค 88,780 ล้านบาท

ขยายผล 3 จังหวัด 7.5 พันไร่

นายสมยุทธิ์กล่าวว่า นอกจากสถานีแม่น้ำแล้ว จะลงพื้นที่สำรวจพื้นที่อื่นอีก ในเบื้องต้นมีผู้บุกรุกใน 3 จังหวัด คือ กาญจนบุรี พังงา บุรีรัมย์ รวมประมาณ 7,588 ไร่ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคณะทำงานจะขยายผลไปที่ จ.กาญจนบุรี พื้นที่รวม 1,750 ไร่ แบ่งเป็น 1.พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟกาญจนบุรี 140 ไร่มีปัญหาร้านค้าและบ้านเรือนประมาณ 20-30 หลังคาเรือนเข้าไปบุกรุก แต่เบื้องต้นตกลงกันได้แล้ว

2.พื้นที่บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว 540 ไร่ประสบปัญหามีแรงงานต่างด้าวทั้งชาวเมียนมาและชนกลุ่มน้อย เช่น กะเหรี่ยง พักอาศัยอยู่เพื่อรอเดินทางต่อเข้ามาในประเทศ และ 3.บริเวณน้ำตกไทรโยค 1,070 ไร่ พบว่ามีปัญหาการบุกรุกเข้าไปทำที่พักทั้งรีสอร์ตและโรงแรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่นี้ในอนาคต ร.ฟ.ท.มีแผนจะนำมาเปิดประมูลให้เอกชนพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือรีสอร์ตอยู่แล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการพัฒนาโครงการอยู่

ถัดมาจะเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.พังงาและภูเก็ตที่มีสะพานสารสินเป็นจุดเชื่อมต่อ พื้นที่รวม 838 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวา เบื้องต้นพบว่าบริเวณใกล้ ๆ กับสะพานสารสินมีการบุกรุกเพื่อขุดดินนำไปขายทำวัสดุก่อสร้าง และมีเรื่องการออกโฉนดที่ดินทับซ้อนในเขตที่ดินของ ร.ฟ.ท. โดยกำลังสำรวจพื้นที่ว่าถูกบุกรุกเท่าไหร่ และพื้นที่ที่มีโฉนดทับซ้อนมีจำนวนมากหรือไม่

บุรีรัมย์บุกรุก 5 พันไร่

นายสมยุทธิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของ จ.บุรีรัมย์มีพื้นที่บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีขนาดพื้นที่รวม 5,000 ไร่ที่ถูกบุกรุก ห่างจากแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-อุบลราชธานีประมาณ 2 กม. ซึ่งมีชาวบ้านรุกพื้นที่เข้าไปทำเกษตรกรรมจำนวน 100 ไร่ และมีกรณีชาวบ้านที่อยู่อาศัยในที่ดินของการรถไฟฯบางส่วนฟ้องร้อง เนื่องจาก ร.ฟ.ท.ไม่ยอมออกโฉนดที่ดินให้ แต่ในท้ายที่สุดศาลฎีกามีคำสั่งให้ชาวบ้านแพ้คดี จนชาวบ้านมาติดต่อขอเช่าพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยกันอยู่

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ มีที่ดินบางส่วนของ จ.บุรีรัมย์ที่ถูกครอบครองโดยนักการเมืองชื่อดังนำไปพัฒนาประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการดำเนินการจะต้องให้ทางผู้ใหญ่ในกระทรวงคมนาคมเป็นผู้กำหนดนโยบายดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก www.prachachat.net


ไนท์แฟรงก์ 20 ปี ชี้คอนโดเมืองกรุงปีนี้แตะ 6.5 หมื่นยูนิต กลุ่มราคาแพงราคาร่วงยกแผง ทำเลรอบนอกโต 7% ในรอบ 9 ปี

นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงก์ ชาร์เตอร์ ประเทศไทย กล่าวในโอกาสฉลอง 20 ปีการก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยว่า ประเมินตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2018 มีซัพพลายใหม่ 65,000 ยูนิต และมีซัพพลายสะสมในรอบ 9 ปี (2010-3Q2018) จำนวน 434,623 ยูนิต

ในจำนวนนี้แบ่งเป็นซัพพลายสะสมในช่วง 9 เดือนแรก 2018 จำนวน 481,741 ยูนิต, เป็นดีมานด์สะสม 370,941 ยูนิต มีอัตราดูดซับ (ขายได้) 77%

โฟกัสเซกเมนต์ห้องชุดไพร์มกับซูเปอร์ไพร์มในช่วง 9 เดือนแรก 2018 พบว่าอัตราดูดซับภาพรว 76.7% แบ่งเป็นห้องชุดไพร์มมีซัพพลาย 20,029 ยูนิต เทียบกับดีมานด์ 15,424 ยูนิต และห้องชุดซูเปอร์ไพร์ม มีซัพพลาย 8,853 ยูนิต ดีมานด์ 6,812 ยูนิต

ในด้านราคาพบว่าห้องชุดเกรด A เฉลี่ย 135,464 บาท/ตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% เทียบกับห้องชุดพรีเมี่ยมเฉลี่ย 205,315 บาท/ตารางเมตร ลดลง -2% และห้องชุดซูเปอร์พรีเมี่ยมหรือลักเซอรี่เฉลี่ย 297,975 ลดลง -11%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบราคาต่อราคาพบว่า เซกเมนต์ซูเปอร์ไพร์มลดลง -11% เฉลี่ย 297,975 บาท/ตารางเมตร นับเป็นอัตราลดลงมากกว่าโซนซีบีดีทั้งโซนซึ่งติดลบ -4.1% เฉลี่ยที่ 238,109 บาท/ตารางเมตร ลดลง

โดยห้องชุดเกรด A ยังมีผลตอบรับที่ดี เฉลี่ยราคา 135,464 บาท/ตารางเมตร โดยสถิติยังเติบโตเป็นบวก 2% ในขณะที่ทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกมีศักยภาพการเติบโตสูงสุด ดูจากมีอัตราดูดซับเพิ่มขึ้น 7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

แนวโน้มปี 2019 ตลาดชะลอตัวลงจากปีนี้ ผู้ประกอบการยังมีแนวทางปรับตัวโรดโชว์ขายลูกค้าต่างชาติทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ จีน มาเลเซีย แต่มีปัจจัยกดดันอยู่บ้างโดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งมีอุปสรรคจากนโยบายรัฐบาลจีนห้ามนำเงินออกนอกประเทศเกินปีละ 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.prachachat.net


สัมผัสวิถีไทยย้อนยุค ในงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์”

เมื่อต้นปี 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระราชานุญาตให้จัดงานฤดูหนาวแบบย้อนยุคเพื่อสะท้อนความงดงามของประเพณี วัฒนธรรม และศิลปะแบบไทย ๆ ชื่องาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561

มาถึงฤดูหนาวช่วงปลายปีนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้จัดงานอีกครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่องาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2561 ถึงวันที่ 19 มกราคม 2562 ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า

ทันทีที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน คนส่วนมากที่เข้าชมงานต่างสวมใส่ชุดไทยเข้าไปเดินเฉิดฉายถ่ายรูปสวย ๆ ในงาน ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในยุคสมัยอดีตจริง ๆ

พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์

พื้นที่พระลานพระราชวังดุสิตได้ถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่สำคัญและสายน้ำแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีการสร้างแบบจำลองพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระที่นั่งกลางน้ำในพระราชวังบางปะอิน เรือพระที่นั่ง 4 ลำ และรูปแบบอาคารบ้านเรือนไล่เรียงจากช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน

บ้านเรือนสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์

ในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการทั้งหมด 6 นิทรรศการ โดย 5 นิทรรศการอยู่บริเวณพระลานพระราชวัง ได้แก่ นิทรรศการพระมหากรุณาธิคุณแห่งสายน้ำ, นิทรรศการรัชกาลที่ 1-4, นิทรรศการรัชกาลที่ 5-9, นิทรรศการน้ำกับชีวิต, นิทรรศการบ้านประหยัดพลังงาน ส่วนอีก 1 นิทรรศการอยู่ในบริเวณสนามเสือป่า เป็นนิทรรศการสืบสานสายน้ำ สืบสานงานพระราชดำริ

ไฮไลต์ของงานถูกจัดไว้ตรงกลางพระลานพระราชวังดุสิต เริ่มจากป้ายงานที่ใครไปถึงงานแล้วก็อยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถัดเข้าไปเป็นแบบจำลองพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ส่วนบริเวณพระบรมราชานุสรณ์ ร.5 หรือพระบรมรูปทรงม้า ยังเป็นจุดสำคัญที่ผู้คนไปวางดอกไม้สักการะพระองค์ท่านเช่นเคย เหมือนเวลาที่ไม่มีการจัดงาน

บรรยากาศภายในงาน

หลังพระบรมราชานุสรณ์เป็นโซนจัดแสดงเรือพระที่นั่งจำลอง 4 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ และเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ซึ่งโซนจัดแสดงเรือพระที่นั่งนี้มีสาธิตการเห่เรือทุกวัน วันละ 2 รอบ เวลา 18.00 น. และ 19.30 น.

สาธิตการเห่เรือ

อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความสนใจมีคนต่อคิวรอถ่ายรูปกันจำนวนมาก คือ ภูเขาการบริหารน้ำตามแนวพระราชดำริ รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่รวบรวมพระราชกรณียกิจในด้านการบริหารจัดการน้ำเอาไว้อย่างครบถ้วน เช่น กังหันน้ำชัยพัฒนา อ่างเก็บน้ำ เขื่อนภูมิพล เกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการแก้มลิง โครงการฝนหลวง ซึ่งใช้เฮลิคอปเตอร์บนยอดภูเขาเป็นสัญลักษณ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ภูเขาการบริหารน้ำตามแนวพระราชดำริ

เข้าไปภายในสนามเสือป่าเหมือนเป็นเมืองแห่งความสนุกแบบย้อนยุค มีเวทีการแสดงหลักที่มีการแสดงมหรสพให้ชมทุกคืน

มัจฉาพาโชค

มีกิจกรรมสลากชิงโชค “มัจฉาพาโชค” และสลากการกุศลอุ่นไอรักให้ร่วมลุ้นรางวัลมากมาย ในส่วนนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานจักรยานและหมวกปั่นจักรยาน 52 คัน สำหรับเป็นรางวัลพิเศษ “มัจฉาพาโชค” วันละ 1 คัน ทุกวันตลอดการจัดงาน 42 วัน และอีก 10 คันเป็นรางวัลพิเศษสำหรับสลากอุ่นไอรัก

จักรยานพระราชทาน

บรรยากาศตลาด

 

สำหรับคนชอบช็อปก็มีร้านค้าจิตอาสา 904 ร้านค้าในพระบรมวงศานุวงศ์ และร้านค้ารับเชิญกว่า 36 ร้าน ฝั่งอาหารของกินต่าง ๆ ก็มีให้เลือกแบบจุใจใน 3 ตลาด ทั้งตลาดเดินชิมริมทาง ตลาดบกวิถี 4 ภาค และตลาดน้ำในฝัน

โรงพักริมคลอง

อีกหนึ่งจุดที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมงาน คือ โรงพักริมคลอง ที่จำลองอาคารโรงพักย้อนยุค ให้ผู้เข้าร่วมงานขึ้นไปร่วมสนุกได้โดยจะได้ใบลงบันทึกแจ้งความที่ออกให้เฉพาะเป็นชื่อของตัวเอง รวมถึงถ่ายรูปสวย ๆ กับเจ้าหน้าที่สวมใส่เครื่องแบบย้อนยุคด้วย

เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์

 

งาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” จะจัดไปจนถึงวันที่ 19 มกราคม 2562 เวลา 10.00-21.00 น. (วันศุกร์และเสาร์ถึงเวลา 22.00 น.) เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในงานมีรถเข็นและเจ้าหน้าที่ให้บริการผู้พิการด้วย

บรรยากาศภายในงาน

 

ใครที่สนใจเข้าร่วมชมงาน สามารถเข้าชมได้โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางที่จุดคัดกรอง 4 จุด ได้แก่ 1.ริมถนนศรีอยุธยาฝั่งสวนอัมพร ตรงข้ามกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2.บนทางเท้าข้างสนามเสือป่า 3.บนทางเท้าใกล้โค้ง ปตท.ถนนอู่ทองใน 4.บนเกาะกลางหน้ากองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนินนอก

สำหรับใครที่ไม่มีชุดไทย แต่อยากถ่ายรูปออกมาสวย ๆ เหมือนคนอื่นก็ไม่ต้องกังวล เพราะในงานมีจุดให้บริการเช่าชุดไทยถึง 4 จุด มีให้เลือกมากมายหลายแบบตามสไตล์ความชอบ

ส่วนการแสดงบนเวทีใหญ่ มีให้ชมทุกวันไม่ซ้ำกัน สามารถดูรายละเอียดตารางการแสดง รวมถึงรายละเอียดงานทั้งหมดได้ที่ www.phralan.in.th

ขอบคุณข้อมูลจาก www.prachachat.net


จะเป็นฉันคนใหม่ ใช้ บัตรเครดิต ยังไงไม่ให้จน

พัง พัง พัง พังกันมาทั้งปี ทั้งสุขภาพ ทั้งการงานมาแล้ว ยังพังเพราะบัตรเครดิตที่รูดกระจุยกระจายเสียขนาดนี้ เอายังไงดีล่ะเนี่ย? โธ่ ไม่เอาน่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไหนๆ ก็จะสิ้นปีแล้ว ใช้โอกาสนี้ปรับปรุงตัวเองเสียใหม่กันดีกว่า!

เอาล่ะ ว่าแต่จะเริ่มต้นใหม่ ทั้งที่ยังมีหนี้บัตรเครดิตค้างคาอยู่ จะทำยังไงดีนะ ไม่ให้รูดเพลินจนกระเป๋าแห้งกรอบกันอีกรอบ มาเริ่มต้นไปพร้อมกับ rabbit finance กันได้เลย

จะเป็นฉันคนใหม่ ใช้ บัตรเครดิต ยังไงไม่ให้จน

บัตรเครดิต

ส่องต้นตอพังๆ กับสารพัดปัญหาบัตรเครดิต

เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่า ก็ใช้บัตรเครดิตอยู่ดีๆ ไม่ได้รูดซื้อของแบรนด์เนม หรืออะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมเลย ทำไมจู่ๆ ถึงมีหนี้ ทำไมถึงเจอดอกเบี้ย และทำไมระบบการเงินรวน แถมพังแบบนี้ได้ล่ะ? ลองมาดูต้นตอที่แท้จริงของปัญหาหน่อยดีกว่า

  • เพราะสะดวกสบายเกินไป

ขึ้นชื่อว่าบัตรเครดิต บอกเลยว่าเกิดมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ทุกๆ คนอยู่แล้ว แต่ในบางครั้ง ความสะดวกสบายนี่แหละที่กลายเป็นดาบสองคม บางคนเผลอรูดเพลินง่ายๆ โดยที่ไม่รู้ตัวก็มีมานักต่อนักแล้วล่ะ

  • เพราะไม่มีวินัยในการใช้งาน

สิ่งที่ทำให้การใช้บัตรเครดิตพัง ถึงพังมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องวินัยในการใช้จ่ายนี่แหละ หลายคนคิดแค่ง่ายๆ ว่า เดี๋ยวค่อยจ่าย ของมันต้องมี ของมันต้องตำ รู้ตัวเข้าอีกที อ้าว รูดเต็มวงเงิน จ่ายดอกเบี้ยไม่ทันเสียแล้ว

  • เพราะผัดวันประกันพรุ่ง

พอรูดเยอะเข้า ยอดที่ต้องจ่ายในเดือนถัดไปก็ย่อมมหาศาลตามไปด้วยเป็นงูกินหาง หลายคนจึงใช้เทคนิค กดผ่อนชำระ หรือชำระไม่เต็มจำนวน บางคนเลือกชำระแค่ขั้นต่ำ จนงอกกลายเป็นดอกเบี้ยเสียอย่างงั้น แล้วแบบนี้ หนี้จะหนีไปไหนไกลล่ะ!

จะเห็นได้ว่า ปัจจัยการใช้บัตรเครดิตพังๆ ส่วนมากเริ่มมาจากความหละหลวมของผู้ใช้ หลายคนคาดการณ์ว่าจ่ายทัน จ่ายไหว จ่ายได้ แต่อาจลืมคำนวณไปว่า บางครั้งอาจจะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไม่สามารถจ่ายยอดดังกล่าวได้ตามเวลา จนกลายเป็นที่มาของหนี้ในที่สุด

หากใครไหวตัวทัน ก็อาจจะจ่ายหนี้ได้ทัน และอาจเสียแค่ดอกเบี้ยน้อยนิด แต่บางคนไม่ใช่เนี่ยสิ!

บัตรเครดิต

พลาดแล้วมีหนี้บัตรเครดิต เอายังไงดี?

จริงอยู่ว่าหนี้บัตรเครดิต หากชำระทัน ดอกเบี้ยก็ไม่ได้แรงจนน่ากลัว แต่ถ้าปล่อยไว้ดอกเบี้ยเหล่านั้นก็จำทับถม กลายเป็นหนี้ก้อนโตไปในที่สุด แล้วถ้าเราพลาดขึ้นมาล่ะ เอายังไงกันดี?

  • งดใช้บัตรเครดิตเพิ่ม

ระวังไว้ให้ดี เพราะคุณอาจเข้าสู่วังวนงูดกินหางได้ เพราะหลายคนเมื่อเอาเงินไปจ่ายค่าบัตรเครดิตเสียหมด เงินในกระเป๋าก็น้อยตามลงไปด้วย ทำให้มีไม่น้อยที่หยิบบัตรเครดิตออกมารูดไปก่อน เราขอเป่านกหวีด ห้ามเด็ดขาด เพราะไม่เช่นนั้น ยอดหนี้นอกจากจะไม่ลดลงแล้ว มีสิทธิ์ที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะงอกเงยตามมาอีกด้วย

ถ้าเป็นไปได้ เราขอแนะนำให้คุณงดใช้บัตร แน่นอนรวมถึงงดสร้างหนี้ต่างๆ เพิ่มเติมด้วย กระทั่งบัตรกดเงินสดก็ไม่ควรสร้างหนี้สินเพิ่ม เอาเป็นว่าอดใจไว้หน่อย เคลียร์หนี้ครบแล้วค่อยกลับมารูดจะดีกว่านะ

บัตรเครดิต

  • แบ่งสัดส่วนเงินจ่ายให้สมดุล

อย่างที่เราบอกไป ปัญหาของหนี้บัตรเครดิต เกิดจากพฤติกรรมงูกินหาง รูดเกินตัว พอถึงรอบทบบิลจ่ายหนี้จนกระเป๋าแห้งกรอบ ก็หยิบบัตรเครดิตวนมารูดจ่ายล่วงหน้าไปก่อน

ดังนั้น นอกจากงดใช้บัตรเพิ่มเติม คุณควรแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายตามจริงให้ดีด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาเงินสดไม่พอใช้นั่นเอง

เราอาจจะต้องยอมโดนดอกเบี้ยบ้าง หากหนี้ที่ว่าเยอะเกินตัว เช่น บิลรอบนี้ คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด 15,000 บาท แต่คุณมีเงินเดือนแค่ 22,000 บาท

การจะจ่ายรวดเดียวเต็มจำนวน อาจจะใช้ชีวิตลำบากเสียหน่อย โดยเฉพาะใครที่ต้องเช่าหอ มีค่าคอนโดต้องผ่อน แบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ?

ใช้บัตรเครดิต

เราแนะนำให้คุณลองหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องจ่ายในทุกเดือนออกมา แล้วแบ่งส่วนที่เหลือมาจ่ายค่าบัตรเครดิต และควรจ่ายด้วยยอดเดิมที่สม่ำเสมอ

เช่น กำหนดว่าจ่ายไหวที่ 5,000 บาท เดือนถัดไปแม้หนี้จะลดเหลือ 10,000 บาท แล้ว (และอาจจะมีดอกเบี้ยพ่วงมาบ้าง) ก็ใช้จ่ายซ้ำกลับเข้าไปอีก 5,000 บาท เมื่อจ่ายจนครบ คุณจะใช้เวลาราวๆ 3 – 4 เดือน ในการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตได้หมด

แต่การจะใช้สูตรนี้ได้ หมายความว่าคุณต้องงดรูดบัตรเครดิตเพิ่ม และเราไม่แนะนำให้จ่ายแค่ขั้นต่ำด้วยนะ

หนี้บัตรเครดิต

  • ไม่ไหวจริง อาจจะต้องกดผ่อนชำระ

หากของบางชิ้นราคาแรงเกินไป โดยทั่วไปทางธนาคารจะมีบริการให้คุณเลือกผ่อนชำระ บางเจ้าอาจจะมีผ่อนชำระ 0% แต่บางเจ้าอาจจะมีคิดดอกเบี้ยบ้าง

นอกจากนี้ หากหนี้บัตรเครดิตมีมากจนจ่ายไม่ไหว หมุนไม่ทันจริงๆ เราเองก็แนะนำให้คุณเดินเข้าไปคุยกับทางธนาคารให้ชัวร์เลยดีกว่า เพราะบางเจ้าจะมีลดหนี้ ลดดอก ให้ด้วยนะ อย่าทำตัว ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายเชียว

 

เริ่มกันใหม่ ใช้บัตรเครดิตยังไง ให้เป็นระบบ

ถึงแม้หนี้สินบัตรเครดิตจะไม่ได้แรงอะไรขนาดนั้น บางคนอาจจะโดนดอกเบี้ยเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอไปบ้าง แต่เราต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ แถมกว่าจะชำระหนี้สินบัตรเครดิตทุกอย่างหมดจริงๆ ก็ปาไปขั้นต่ำ 3 – 4 เดือน

ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดี แถมยังรวนถึงการเก็บออมเงินแน่ แต่ถ้าจะให้หักดิบเลยก็คงไม่ไหว อย่างนี้ลองมาจัดระเบียบการใช้บัตรหน่อยดีกว่า

  • ลดบัตรเครดิตเหลือที่จำเป็น

หลายคนมีสารพัดบัตรเครดิตเยอะแยะก่ายกองในกระเป๋า บางคนเห็นบัตรนี้วงเงินเต็ม ก็หยิบอีกบัตรมารูดเพลินเกินห้ามใจไปเรื่อยๆ ถ้าอยากปรับการใช้จ่ายเสียใหม่ เริ่มต้นง่ายๆ แค่ ลดบัตรเครดิตที่ไม่จำเป็นออกไปเสีย

จาก 5 ใบ อาจจะเหลือเพียงแค่ 2 ใบ เพื่อให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ถ้าวงเงินเต็มก็จะได้เป็นการห้ามไม่ให้เปย์เพิ่มได้ทางอ้อมด้วย

ใช้บัตรเครดิต

  • จดบันทึกรายรับรายจ่ายบ้าง

รูดเยอะบางครั้งมันก็ลืม บางคนมีของผ่อนจากเดือนที่แล้วอีก การจดบันทึกจะช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ดีมากยิ่งขึ้น! ไม่แน่นะ เห็นยอดในบันทึก คุณอาจจะมีไฟในการเก็บออม ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตลงก็ได้

  • ของผ่อนได้ต้อง 0% เท่านั้น

ของมันต้องมี ของมันต้องโดน บางครั้งเราจำเป็นต้องซื้อบ้างก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก่อนการรูดทุกครั้ง นอกเหนือจากโปรโมชั่นสินค้า โปรโมชั่นบัตรเครดิต และสิ่งที่คุณควรสอบถามเสมอ คือ การผ่อน 0% นั้นเอง

ของบางชิ้นมีราคาแพงเกินกว่าจะจ่ายได้หมดในรอบบิลเดียว แต่ถ้าต้องผ่อน ถ้าไม่อยากเป็นหนี้ เลือกผ่อน 0% ตามเดือนที่ทางธนาคารกำหนดไว้ จะดีกว่า แถมทำให้รายจ่ายในเดือนนั้นๆ ไม่หนักหนา ไม่เกิดหนี้บัตรเครดิตด้วยนะ

บัตรเครดิต

  • มีงบประมาณในแต่ละเดือน

ลองกำหนดงบประมาณที่อยากจะรูดบัตรเครดิตเอาไว้ในใจดูสิ เมื่อถึงลิมิตที่ตั้งเป้าไว้ คุณอาจจะทิ้งบัตรเครดิตไว้ที่บ้านแทน

เช่น กำหนดงบประมาณจ่ายไหวที่เดือนละ 4,000 บาท เมื่อรูดบัตรเครดิต รวมยอดแล้วครบ 4,000 บาท ตามที่กำหนด อาจจะวางบัตรเครดิตที่ว่าทิ้งไว้ที่บ้าน งดใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเพิ่ม หากจะซื้อต้องจ่ายด้วยเงินสดเท่านั้น

การทำแบบนี้ จะช่วยให้คุณไม่เผลอรูดเกินกำลังเงินที่ตัวเองจ่ายไหว แต่การจะใช้วิธีนี้ได้ อย่าลืมล่ะ ต้องหัดใจแข็ง ห้ามหยวนให้ตัวเองเด็ดขาดเลย

 

บัตรเครดิตหากใช้ให้ดีเชื่อเราเถอะไม่มีทางทำให้จนแน่นอน ซ้ำยังให้ความสะดวกสบายกับเราอีกด้วยขอเพียงใช้ให้ถูกต้อง พอเหมาะ ไม่เกินตัว

การเปย์รางวัล หรือซื้อสินค้าที่ต้องการบ้าง ควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ที่สำคัญ อย่าลืมหักส่วนต่างๆ ไว้ออมเผื่ออนาคตบ้าง ก็ไม่เลวเลย

เอาละ จะปีใหม่แล้ว มาเริ่มเป็นคนใหม่กันดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก  rabbitfinance.com


7 เคล็ดลับสร้าง “ทัศคติที่ดี” ให้กับตัวเอง

มหัศจรรย์ของพลังแห่งการคิดบวก เป็นคำที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ จนบางครั้งอาจจะฟังดูเฉยๆ และจำเจ แต่มีผลวิจัยออกมามากมายที่ช่วยยืนยันว่าการคิดบวกส่งผลดีต่อสุขภาพกายและจิตใจ ซึ่งพบว่าการคิดบวกจะช่วยสร้างความมั่นใจในตัวคุณให้มากขึ้น ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเครียด ซึมเศร้า หรือโรคที่เกิดจากความเครียดได้

บางคนบอกว่า พลังแห่งการคิดบวกก็คือการที่เราคิดแต่เรื่องดีๆ การใช้คำพูดด้านบวกกับตัวเอง หรือแม้กระทั่งการมอโลกในแง่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ยังอาจทำให้คุณมองไม่เห็นภาพมากนัก และนี่ก็คือเคล็ดลับทั้ง 7 ข้อ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพลังแห่งการคิดบวกได้มากขึ้น

1. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความมั่นใจ

คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้คุณจะอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน เคยไหม พอคุณตื่นสาย คุณเริ่มรู้สึกกังวล และมีความรู้สึกว่าวันนี้จะเกิดแต่เรื่องแย่ๆ สาเหตุมาจากการที่คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับจิตใจที่ไม่สดใส เพราะในหัวคุณเต็มไปด้วยความคิดทางลบ พาลทำให้วันนั้นทั้งวันของคุณกลายเป็นวันแย่ๆ ดังนั้นไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆเหล่านี้มากระทบต่อชีวิตของคุณ คุณควรเริ่มวันใหม่ด้วยจิตใจที่แจ่มใสและมั่นใจ อาจจะเริ่มจากการพูดคุยกับตัวเองในกระจก เช่น วันนี้จะต้องมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้น หรือ วันนี้คือวันที่ยอดเยี่ยมของฉัน อาจจะฟังดูตลกเพ้อเจ้อไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว คุณจะรู้สึกทึ่งกับผลลัพธ์ที่ตามมา

2โฟกัสแต่เรื่องดีๆ รวมถึงเรื่องเล็กๆ

แน่นอนล่ะ คุณต้องพบเจออุปสรรคบ้างในแต่ละวัน เพราะไม่มีอะไรที่เพอร์เฟคไปหมดหรอก เมื่อคุณเจออุปสรรคทั้งเล็กและใหญ่ แทนที่จะเครียดหรือกังวล ลองเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ด้านดีๆ ของมันดู เช่น เวลารถติดมากๆ ก็ให้คิดซะว่าคุณมีเวลาฟังวิทยุคลื่นโปรดของคุณนานขึ้น หรือถึงแม้อาหารที่คุณชอบกินดันหมด ก็คิดว่าคุณจะได้มีโอกาสลองชิมอาหารแนวใหม่ๆ ที่คุณไม่เคยกินดูบ้าง

3ในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆแฝงอยู่เสมอ

 

การพบเจอเรื่องร้ายๆ ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องไม่ดีเสมอไป เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านี้อาจกลายเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับคุณไปเลยก็ได้ ให้คุณลองคิดว่าสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่เจอนั้นอาจเป็นเรื่องที่ดีที่คุณจะได้พบเจอทำสิ่งใหม่ๆหรือโอกาสใหม่ๆ เข้ามาแทนที่

4เรียนรู้จากข้อผิดพลาด

ไม่แปลกที่คุณจะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับหลายๆเรื่อง ทั้งกับเรื่องงานและเรื่องอื่นๆ เพราะคุณไม่ใช่คนที่เพอร์เฟคสมบูรณ์แบบ จงมองข้ามความผิดพลาดในอดีตเหล่านั้นแล้วนำมาเป็นบทเรียน พร้อมทั้งโฟกัสกับสิ่งที่คุณต้องทำ มันจะช่วยให้คุณหาทางออกจากปัญหาเหล่านี้ได้

5เปลี่ยนจาก ‘การดูถูกตนเอง เป็น การให้กำลังใจตัวเอง

การที่คุณพูดดูถูกตัวเองบ่อยๆ เช่น ฉันไม่เก่งเรื่องเหล่านี้เลย หรือ ฉันไม่น่าลองมันเลย บางครั้งคำพูดแย่ๆเหล่านี้อาจลุลุกลามกลายเป็นนิสัยประจำตัวคุณก็ได้ และคำพูดดูถูกแย่ๆ เหล่านี้จะเป็นกำแพงที่กั้นไม่ให้เราพัฒนาไปข้างหน้า ดังนั้น จงหยุดดูถูกตัวเองแล้วหันมาพูดให้กำลังใจตัวเองดีกว่า เช่น ขอเวลากลับไปฝึกฝนใหม่…ครั้งหน้าฉันต้องทำได้แน่นอน หรือ ครั้งนี้ฉันอาจจะผิดหวัง…แต่ครั้งหน้าต้องสำเร็จให้ได้

6อยู่กับปัจจุบัน

คำว่าอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า ให้โฟกัสแค่วันนี้ หรือ ชั่วโมงนี้ แต่หมายถึง อยู่กับช่วงเวลาปัจจุบันนี้ต่างหาก ความคิดด้านลบมักจะเกิดจากอดีตที่เลวร้าย เกิดจากการที่คุณคิดมาก หรือกังวลเรื่องอนาคตมากเกินไป เช่น หากคุณถูกผู้อื่นตำหนิ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะถูกตำหนิตลอดไปหรอกนะ จงลืมคำพูดแย่ๆ ที่พึ่งผ่านมานั้นเสียเถอะ แล้วไม่ต้องคิดถึงคำพูดแย่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ให้โฟกัสแล้วแก้ปัญหาช่วงเวลานี้ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด แล้วคุณก็จะรู้ว่ามันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิดเลย

7รายล้อมตนเองด้วย คนคิดบวก

เมื่อรอบตัวคุณห้อมล้อมไปด้วยคนที่มีทัศนคติที่ดี คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านบวก เช่น บุคลิกภาพที่ดี เรื่องราวดีๆ และความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมจากคนเหล่านี้ คุณจะค่อยๆ ซึมซับพลังงานด้านบวกเหล่านี้เข้าไป และส่งผลให้ความคิดและคำพูดของคุณเปลี่ยนไป ถึงแม้การหาคนที่มีทัศนคติที่ดีอาจจะเป็นเรื่องยากเอาสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ควรปล่อยให้ความคิดแย่ๆครอบงำคุณได้ ดังนั้น จงสลัดความคิดแย่ๆออกไป และเปิดโอกาสให้คนอื่นได้สัมผัสพลังงานด้านบวกของคุณสิ แล้วคุณก็จะสัมผัสได้ถึงพลังงานด้านบวกจากพวกเขาด้วยเช่นกัน

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใดของชีวิตก็ตาม คุณก็สามารถนำเคล็ดลับทั้ง 7 ข้อนี้ไปใช้ได้เสมอ เพราะยิ่งคุณคิดบวกมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้สิ่งดีๆกลับมาเท่านั้น

Source: success


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/12/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,300.00 19,200.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,800.00 18,859.04 1,244.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,541.24 1,289.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,973.14 1,119.60
ทองรูปพรรณ 80% n/a 15,087.23 995.20
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,489.60 560.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,594.60 435.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13/12/2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45
แก๊สโซฮอล์ 91 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18
แก๊สโซฮอล์ E20 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44
แก๊สโซฮอล์ E85 20.09 20.09 20.09 20.09
เบนซิน 95 34.86 35.31 35.36 35.16 34.66 35.16
ดีเซล 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 30.39 30.66 30.66 30.66 30.66
แก๊ส NGV 16.13 16.13

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า