ยักษ์ค้าปลีกชิงดำที่ดิน”บางซื่อ-ร่มเกล้า”
ทำเลทอง – สถานีกลางบางซื่อและบริเวณโดยรอบ ในอนาคตจะกลายเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการคมนาคม หลังสร้างเสร็จเปิดให้บริการพร้อมรถไฟฟ้าสายสีแดงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต ภายในปี 2563
จับตาเซ็นทรัล-เดอะมอลล์ ชิงดำประมูลลงทุน PPP ที่ดินรถไฟ-การเคหะฯ ปักหมุดสถานีกลางบางซื่อฮับค้าปลีก ลุยเปิดหน้าดินร่มเกล้า 128 ไร่ขึ้นห้างยักษ์ ร.ฟ.ท.เร่งตั้งคณะกรรมการ 35 ร่างทีโออาร์เปิดประมูล PPP โปรเจ็กต์มิกซ์ยูสโซน A เนื้อที่ 35 ไร่ ดึงเอกชนรับสัมปทานโครงการ 34 ปี มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน เผยยักษ์ค้าปลีก ปตท. ทุนจีน ญี่ปุ่น จ้องตาเป็นมัน คาดสิ้นปีได้ผู้ชนะ ต้นปีหน้าลงเข็มก่อสร้างรับรถไฟฟ้าสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” เปิดหวูดปี”63
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินและรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภายในปี 2561 นี้ ร.ฟ.ท.จะเปิดประมูลให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมทุน PPP รับสัมปทานก่อสร้างและบริหารพื้นที่สถานีกลางบางซื่อโซน A เนื้อที่ 35 ไร่ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการ 15,400 ล้านบาท คาดว่าจะได้เอกชนผู้ชนะประมูลและเริ่มพัฒนาโครงการภายในต้นปี 2562 ปัจจุบันโครงการผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ PPP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในหลักการจะให้เอกชนลงทุนทั้งหมด ภายใต้รูปแบบ BOT คือ ก่อสร้าง รับสิทธิบริหาร และโอนกรรมสิทธิ์ให้ ร.ฟ.ท.เมื่อครบกำหนดสัญญา ในระยะเวลา 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี และดำเนินธุรกิจ 30 ปี ล่าสุดอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 เพื่อร่างทีโออาร์และดำเนินการเปิดประมูลต่อไป
“โครงการนี้จะพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูส มีผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่สนใจ ทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ รวมถึง ปตท. เพราะอยู่ใกล้กับโครงการเอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ของ ปตท. ส่วนต่างชาติจะมีกลุ่มทุนจีนและญี่ปุ่น แต่คงจะสู้นักลงทุนในประเทศไม่ได้ หากจะเข้ามาจะต้องร่วมทุนกัน”
นายวรวุฒิกล่าวอีกว่า สำหรับสถานีกลางบางซื่อ ในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการคมนาคมขนส่งทางราง หลังจากมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต ภายในปี 2563 โดยผลศึกษาพื้นที่โซน A จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร มีสำนักงานและธุรกิจบริการ เช่น โรงแรมระดับ 3-4 ดาว สำนักงานให้เช่า และดีพาร์ตเมนต์สโตร์ เพื่อเป็นโมเดลให้เอกชนนำไปเป็นแนวทางการพัฒนา ซึ่งบริเวณนี้ในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (กทม.) สามารถพัฒนาได้เต็มที่ มี FAR (อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) 8:1 และ OSR (อัตราส่วนของที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม) 4% โดยโซน A จะสร้างได้ 448,000 ตร.ม. และได้รับโบนัสเพิ่ม 20% เป็น 537,600 ตร.ม. ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาพัฒนา
ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า หลังจาก กทม.เปิดใช้ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ เปิดพื้นที่ตาบอดของกรุงเทพฯโซนตะวันออก และมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ล่าสุดการเคหะฯมีแผนจะนำที่ดินร่มเกล้า 128 ไร่ ที่อยู่ในแนวเส้นทาง เปิดให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาเชิงพาณิชย์
ขณะนี้อยู่ระหว่างขอให้สำนักผังเมือง กทม.พิจารณาปรับข้อกำหนดใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากปัจจุบันที่ดินสีเหลือง ย 2 ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย เป็นสีส้ม ย 5 ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง จะทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากเดิมประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดใหญ่ 2 รายให้ความสนใจเข้ามาสอบถาม คือ เซ็นทรัล และเดอะมอลล์ รวมถึงนักลงทุนจากจีนอีกหลายราย ที่สนใจจะเข้ามาลงทุน เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพใกล้สถานีรถไฟฟ้าและถนนตัดใหม่
http://www.bkkcitismart.com
ดัชนีราคาห้องชุด-บ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างขาย ไตรมาส 2/61
ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งดัชนีราคาห้องชุด และบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างขาย พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด ไตรมาส 2/61
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย และดัชนีราคาห้องชุด โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ และทำการสำรวจราคาขายของโครงการบ้านจัดสรรสร้างใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างการขาย (มีหน่วยเหลือขายตั้งแต่ 6 หน่วยขึ้นไป) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งจะไม่นับรวมบ้านมือสอง โดยใช้ราคาปี 2555 เป็นปีฐานในการเปรียบเทียบ พบว่าในไตรมาส 2 ปี 2561 ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด มีค่าดัชนีเท่ากับ 122.5 จุด ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับดัชนีราคาห้องชุดใหม่รายไตรมาส โดยทำการสำรวจราคาขายของโครงการอาคารชุดสร้างใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างการขาย (มีหน่วยเหลือขายตั้งแต่ 6 หน่วย ขึ้นไป) ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 2 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี และสมุทรปราการ ทั้งนี้ไม่นับรวมห้องชุดมือสอง โดยใช้ราคาปี 2555 เป็นปีฐาน โดยพบว่าไตรมาส 2 ปี 2561 ภาพรวมดัชนีราคาห้องชุดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากโครงการเปิดตัวใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2561 มีราคาสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนในหลายทำเล โดยมีค่าดัชนีเท่ากับ 139.1 จุด ค่าดัชนีปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
http://www.bangkokbiznews.com
5 อันดับธนาคารปิด-ขยายสาขา มากที่สุดในรอบ 6 เดือน
เปิดอันดับธนาคารปิดสาขาและขยายสาขามากที่สุด ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 หลังธนาคารหลายแห่งปรับตัว พร้อมรับกระแสดิจิทัลแบงกิ้ง
ภาพจาก Longchalerm Rungruang / Shutterstock.com
ปรับตัวกันยกใหญ่สำหรับธุรกิจธนาคาร จากกระแสดิจิทัลแบงกิ้งที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการมาของอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งและโมบายแบงกิ้ง ที่ทำให้การจ่าย-ถอน-โอนเงิน เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงง่าย สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงมากมาย เห็นได้จากที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัลกันมากขึ้น
สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด (วันที่ 10 กรกฎาคม 2561) ของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า จำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ที่ผ่านมา ปรับลดลงถึง 46 แห่ง เหลือ 6,734 แห่ง จากเมื่อช่วงต้นปี 2561 ที่มีจำนวนถึง 6,780 แห่ง
สำหรับธนาคารที่มีจำนวนสาขาลดลงมากที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 ได้แก่
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลง 93 แห่ง
– เหลือ 1,069 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 1,162 สาขา
2. ธนาคารชาต ลดลง 4 แห่ง
– เหลือ 517 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 521 สาขา
3. และ 4. ร่วม ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารยูโอบี ลดลง 2 แห่ง
– ธนาคารกรุงเทพ เหลือ 1,165 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 1,167 สาขา
– ธนาคารยูโอบี เหลือ 151 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 153 สาขา
5. ธนาคารเกียรตินาคิน ลดลง 1 แห่ง
– เหลือ 66 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 67 สาขา
ภาพจาก Oathz / Shutterstock.com
จะเห็นได้ว่าธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ลดจำนวนสาขาเป็นจำนวนมาก ตามแผนดำเนินงานของธนาคารที่เคยออกมาประกาศเมื่อช่วงต้นปี ว่าจะปรับรูปแบบธุรกิจเดินหน้าเข้าสู่ดิจิทัลแบบเต็มตัว
ส่วนธนาคารที่มีการขยายสาขามากที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 ได้แก่
1. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย เพิ่มขึ้น 49 แห่ง
– ขยายเป็น 181 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 132 สาขา
2. ธนาคารกสิกรไทย เพิ่มขึ้น 3 แห่ง
– ขยายเป็น 1,034 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 1,031 สาขา
3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพิ่มขึ้น 2 แห่ง
– ขยายเป็น 664 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 662 สาขา
4. และ 5. ร่วม ธนาคารทหารไทย และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เพิ่มขึ้น 1 แห่ง
– ธนาคารทหารไทย ขยายเป็น 432 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 431 สาขา
– ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ขยายเป็น 23 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2551 ที่มี 22 สาขา
คงต้องจับตามองกันต่อไปสำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจธนาคารในอนาคต ว่าแต่ละแห่งจะมีวิธีปรับตัวกันอย่างไร เมื่อกระแสดิจิทัลเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงหลักเกณฑ์แบงกิ้งเอเย่นต์ ที่เปิดโอกาสให้ร้านค้าต่าง ๆ ขอใบอนุญาตเปิดบริการรับฝาก-โอน-ถอนเงินได้ ซึ่งจะกระทบต่อการขยายสาขาของธนาคารพาณิชย์อย่างแน่นอน
https://money.kapook.com
บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวที่ 33.22 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดเงินเอเชียสงบลงบ้าง หลังดอลลาร์ไม่แข็งค่ามาก
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.22บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อน
ในคืนที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐลดลงมาที่ระดับ 2.14 แสนคน ขณะที่เงินเฟ้อ (US CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน คิดเป็น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อลง ขณะที่ภาพรวมสงครามการค้าก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ฝั่งจีนยัง ไม่ได้ตอบโต้คำขู่ของโดนัลด์ ทรัมป์ล่าสุด ส่งผลให้โดยรวมตลาดหุ้น S&P500 ของสหรัฐปรับตัวขึ้นราว 0.9% ทางด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย และบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีทรงตัวที่ระดับ 2.85%
ในฝั่งตลาดเงินเริ่มเห็นความสงบบ้าง หลังจากที่เงินดอลลาร์ไม่แข็งค่ามาก ค่าเงินหยวนก็ทรงตัวได้ที่ระดับ 6.67 หยวนต่อดอลลาร์ ยูโรแข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 1.16 ดอลล่าร์ต่อยูโร และเยนอ่อนค่าลงเล็กน้อยไปที่ 112 เยนต่อดอลลาร์ ภาพดังกล่าวจะส่งผลบวกกับแนวโน้มการลงทุนในฝั่งเอเชียในวันนี้ และเราเชื่อว่านักลงทุนจะเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ในฝั่งเอเชียเมื่อปัญหาค่าเงินเอเชียอ่อนสงบ
ขณะที่เงินบาทเรายังเห็นแรงซื้อจากผู้นำเข้าเป็นตัวหนุนดอลลาร์ เพราะราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาในช่วงนี้ ขณะที่แรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกมีไม่มากพอที่จะกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ใกล้เคียงกับสกุลเงินหลักอื่นๆในระยะสั้น มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.17-33.27 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
ประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพที่มีมากมายอย่างไม่คาดคิด
สาเกเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเป็นอย่างดี การดื่มสาเกในปริมาณที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานได้แล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย มารู้จักสาเกและประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพกันเถอะ
สาเกคืออะไร
สาเกเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำชาติของชาวญี่ปุ่นซึ่งมีรสหวานและอุดมไปด้วยกรดอะมิโน โดยการผลิตสาเกนั้นเริ่มจากการหมักข้าวญี่ปุ่นนึ่งสุกด้วยโคจิจากหัวเชื้อราแอสเปอร์จิลลัส ออไรเซ่ (Aspergillus oryzae) เพื่อผลิตเอนไซม์สำคัญ ได้แก่ อะไมเลสและโปรติเอส ที่สามารถย่อยสลายโมเลกุลแป้งและโปรตีนในข้าวให้เป็นน้ำตาล กลูโคส และกรดอะมิโนและเปปไทด์สายสั้นๆ ตามลำดับก่อน แล้วจึงเติมหัวเชื้อยีสต์หรือโมโตะลงไปในส่วนผสมข้าวและโคจิเพื่อหมักน้ำตาลกลูโคสให้เป็นแอลกอฮอล์ สาเกที่ได้จากการหมักจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณร้อยละ 17-20 โดยปริมาตรต่อปริมาตร
ประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพ
ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
การศึกษาโดยสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติญี่ปุ่นจากตัวอย่างนักดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะทุกวันจำนวน 265,000 คน พบว่าคนเหล่านี้มีความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มสาเก โดยพบว่ากรดอะมิโนในสาเกมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และปากมดลูก เป็นต้น อีกทั้งในสาเกยังมีสารกลูโคซามีน (Glucosamine) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่มีหน้าที่ในการทำลายเซลล์มะเร็ง (Anti-tumor Natural Killer cells) ด้วย
ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
กรดอะมิโนในสาเก ได้แก่ วาลีน ลิวซีน และไอโซลิวซีน จะช่วยในการช่วยฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อโครงร่างซึ่งป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ อีกทั้งในโคจิยังมีสารที่ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ซึ่งไปย่อยสลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลในการป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ดี
ป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ
การดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบตันในสมองได้ เนื่องจากการดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยเพิ่มปริมาณเอนไซม์ ชื่อ ยูโรไคเนส (Urokinase) ที่มีคุณสมบัติในการสลายลิ่มเลือดซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะเลือดอุดตันได้ นอกจากนี้ในกากสาเกก็ยังมีสารที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ด้วย
ป้องกันโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกินไป การดื่มสาเกสดและเครื่องดื่มจากกากสาเกอาจจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ เนื่องจากมีสารที่ไปกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน
นอกจากช่วยป้องกันโรคดังกล่าวข้างต้นแล้ว สาเกยังมีประโยชน์ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย แต่ทั้งนี้การดื่มสาเกให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพนี้ต้องเป็นการดื่มทุกวันในปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงไม่มากเกินไป เพราะหากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปก็ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน
https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 13/07/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,550.00 |
19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,266.00 |
19,192.56 |
20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,139.40 |
17,273.30 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
570.00 |
8,641.20 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
443.00 |
6,715.88 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,312.00 |
19,889.92 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13/07/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
29.65
|
29.65
|
29.85
|
29.65
|
29.65
|
29.25
|
29.65
|
29.65
|
30.30
|
29.65
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
26.74
|
27.34
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
27.79
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
21.14 |
21.14 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.14 |
21.14 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
29.38 |
29.38 |
29.58 |
29.38 |
29.38 |
28.98 |
29.38 |
29.38 |
30.30 |
29.38 |
เบนซิน 95 |
36.76 |
– |
– |
– |
37.21
|
– |
37.26 |
36.76 |
– |
36.76 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
29.09
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
32.09 |
32.96 |
32.96 |
32.96 |
32.96 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |
10 July 05:00 |