สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2561

ยักษ์ค้าปลีกชิงดำที่ดิน”บางซื่อ-ร่มเกล้า”

ทำเลทอง – สถานีกลางบางซื่อและบริเวณโดยรอบ ในอนาคตจะกลายเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการคมนาคม หลังสร้างเสร็จเปิดให้บริการพร้อมรถไฟฟ้าสายสีแดงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต ภายในปี 2563
จับตาเซ็นทรัล-เดอะมอลล์ ชิงดำประมูลลงทุน PPP ที่ดินรถไฟ-การเคหะฯ ปักหมุดสถานีกลางบางซื่อฮับค้าปลีก ลุยเปิดหน้าดินร่มเกล้า 128 ไร่ขึ้นห้างยักษ์ ร.ฟ.ท.เร่งตั้งคณะกรรมการ 35 ร่างทีโออาร์เปิดประมูล PPP โปรเจ็กต์มิกซ์ยูสโซน A เนื้อที่ 35 ไร่ ดึงเอกชนรับสัมปทานโครงการ 34 ปี มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน เผยยักษ์ค้าปลีก ปตท. ทุนจีน ญี่ปุ่น จ้องตาเป็นมัน คาดสิ้นปีได้ผู้ชนะ ต้นปีหน้าลงเข็มก่อสร้างรับรถไฟฟ้าสายสีแดง “ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต” เปิดหวูดปี”63
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการ กลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สินและรักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภายในปี 2561 นี้ ร.ฟ.ท.จะเปิดประมูลให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมทุน PPP รับสัมปทานก่อสร้างและบริหารพื้นที่สถานีกลางบางซื่อโซน A เนื้อที่ 35 ไร่ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการ 15,400 ล้านบาท คาดว่าจะได้เอกชนผู้ชนะประมูลและเริ่มพัฒนาโครงการภายในต้นปี 2562 ปัจจุบันโครงการผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ PPP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในหลักการจะให้เอกชนลงทุนทั้งหมด ภายใต้รูปแบบ BOT คือ ก่อสร้าง รับสิทธิบริหาร และโอนกรรมสิทธิ์ให้ ร.ฟ.ท.เมื่อครบกำหนดสัญญา ในระยะเวลา 34 ปี แบ่งเป็นก่อสร้าง 4 ปี และดำเนินธุรกิจ 30 ปี ล่าสุดอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 เพื่อร่างทีโออาร์และดำเนินการเปิดประมูลต่อไป
“โครงการนี้จะพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูส มีผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่สนใจ ทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ รวมถึง ปตท. เพราะอยู่ใกล้กับโครงการเอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ของ ปตท. ส่วนต่างชาติจะมีกลุ่มทุนจีนและญี่ปุ่น แต่คงจะสู้นักลงทุนในประเทศไม่ได้ หากจะเข้ามาจะต้องร่วมทุนกัน”
นายวรวุฒิกล่าวอีกว่า สำหรับสถานีกลางบางซื่อ ในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการคมนาคมขนส่งทางราง หลังจากมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต ภายในปี 2563 โดยผลศึกษาพื้นที่โซน A จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร มีสำนักงานและธุรกิจบริการ เช่น โรงแรมระดับ 3-4 ดาว สำนักงานให้เช่า และดีพาร์ตเมนต์สโตร์ เพื่อเป็นโมเดลให้เอกชนนำไปเป็นแนวทางการพัฒนา ซึ่งบริเวณนี้ในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (กทม.) สามารถพัฒนาได้เต็มที่ มี FAR (อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) 8:1 และ OSR (อัตราส่วนของที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม) 4% โดยโซน A จะสร้างได้ 448,000 ตร.ม. และได้รับโบนัสเพิ่ม 20% เป็น 537,600 ตร.ม. ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาพัฒนา
ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า หลังจาก กทม.เปิดใช้ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ เปิดพื้นที่ตาบอดของกรุงเทพฯโซนตะวันออก และมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ล่าสุดการเคหะฯมีแผนจะนำที่ดินร่มเกล้า 128 ไร่ ที่อยู่ในแนวเส้นทาง เปิดให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาเชิงพาณิชย์
ขณะนี้อยู่ระหว่างขอให้สำนักผังเมือง กทม.พิจารณาปรับข้อกำหนดใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากปัจจุบันที่ดินสีเหลือง ย 2 ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย เป็นสีส้ม ย 5 ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง จะทำให้มูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า จากเดิมประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดใหญ่ 2 รายให้ความสนใจเข้ามาสอบถาม คือ เซ็นทรัล และเดอะมอลล์ รวมถึงนักลงทุนจากจีนอีกหลายราย ที่สนใจจะเข้ามาลงทุน เนื่องจากเป็นทำเลมีศักยภาพใกล้สถานีรถไฟฟ้าและถนนตัดใหม่
http://www.bkkcitismart.com

ดัชนีราคาห้องชุด-บ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างขาย ไตรมาส 2/61

ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งดัชนีราคาห้องชุด และบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างขาย พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด ไตรมาส 2/61

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย และดัชนีราคาห้องชุด โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ซึ่งประกอบด้วย  บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ และทำการสำรวจราคาขายของโครงการบ้านจัดสรรสร้างใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างการขาย (มีหน่วยเหลือขายตั้งแต่ 6 หน่วยขึ้นไป) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ซึ่งจะไม่นับรวมบ้านมือสอง โดยใช้ราคาปี 2555 เป็นปีฐานในการเปรียบเทียบ พบว่าในไตรมาส 2 ปี 2561 ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 จังหวัด มีค่าดัชนีเท่ากับ 122.5 จุด ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับดัชนีราคาห้องชุดใหม่รายไตรมาส โดยทำการสำรวจราคาขายของโครงการอาคารชุดสร้างใหม่ที่ยังอยู่ระหว่างการขาย (มีหน่วยเหลือขายตั้งแต่ 6 หน่วย ขึ้นไป) ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 2 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี และสมุทรปราการ ทั้งนี้ไม่นับรวมห้องชุดมือสอง โดยใช้ราคาปี 2555 เป็นปีฐาน โดยพบว่าไตรมาส 2 ปี 2561 ภาพรวมดัชนีราคาห้องชุดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากโครงการเปิดตัวใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2561 มีราคาสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนในหลายทำเล โดยมีค่าดัชนีเท่ากับ 139.1 จุด ค่าดัชนีปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

http://www.bangkokbiznews.com

5 อันดับธนาคารปิด-ขยายสาขา มากที่สุดในรอบ 6 เดือน

เปิดอันดับธนาคารปิดสาขาและขยายสาขามากที่สุด ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 หลังธนาคารหลายแห่งปรับตัว พร้อมรับกระแสดิจิทัลแบงกิ้ง 

ธนาคารปิดสาขา
ภาพจาก Longchalerm Rungruang / Shutterstock.com

ปรับตัวกันยกใหญ่สำหรับธุรกิจธนาคาร จากกระแสดิจิทัลแบงกิ้งที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการมาของอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งและโมบายแบงกิ้ง ที่ทำให้การจ่าย-ถอน-โอนเงิน เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงง่าย สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงมากมาย เห็นได้จากที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัลกันมากขึ้น

สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด (วันที่ 10 กรกฎาคม 2561) ของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า จำนวนสาขาธนาคารพาณิชย์ของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ที่ผ่านมา ปรับลดลงถึง 46 แห่ง เหลือ 6,734 แห่ง จากเมื่อช่วงต้นปี 2561 ที่มีจำนวนถึง 6,780 แห่ง 

สำหรับธนาคารที่มีจำนวนสาขาลดลงมากที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 ได้แก่
 1. ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลง 93 แห่ง 

 – เหลือ 1,069 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 1,162 สาขา

2. ธนาคารชาต ลดลง 4 แห่ง

 – เหลือ 517 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 521 สาขา

3. และ 4. ร่วม ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารยูโอบี ลดลง 2 แห่ง
– ธนาคารกรุงเทพ เหลือ 1,165 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 1,167 สาขา

– ธนาคารยูโอบี เหลือ 151 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 153 สาขา

5. ธนาคารเกียรตินาคิน ลดลง 1 แห่ง
– เหลือ 66 สาขาในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 67 สาขา

ธนาคารปิดสาขา
ภาพจาก Oathz / Shutterstock.com
จะเห็นได้ว่าธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่ลดจำนวนสาขาเป็นจำนวนมาก ตามแผนดำเนินงานของธนาคารที่เคยออกมาประกาศเมื่อช่วงต้นปี ว่าจะปรับรูปแบบธุรกิจเดินหน้าเข้าสู่ดิจิทัลแบบเต็มตัวส่วนธนาคารที่มีการขยายสาขามากที่สุด 5 อันดับแรก ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2561 ได้แก่

1. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย เพิ่มขึ้น 49 แห่ง

 – ขยายเป็น 181 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 132 สาขา

2. ธนาคารกสิกรไทย เพิ่มขึ้น 3 แห่ง
– ขยายเป็น 1,034 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 1,031 สาขา

3. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพิ่มขึ้น 2 แห่ง
 – ขยายเป็น 664 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 662 สาขา

4. และ 5. ร่วม ธนาคารทหารไทย และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) เพิ่มขึ้น 1 แห่ง 

– ธนาคารทหารไทย ขยายเป็น 432 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2561 ที่มี 431 สาขา
– ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ขยายเป็น 23 สาขา ในเดือนมิถุนายน จากเดือนมกราคม 2551 ที่มี 22 สาขา

คงต้องจับตามองกันต่อไปสำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจธนาคารในอนาคต ว่าแต่ละแห่งจะมีวิธีปรับตัวกันอย่างไร เมื่อกระแสดิจิทัลเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมไปถึงหลักเกณฑ์แบงกิ้งเอเย่นต์ ที่เปิดโอกาสให้ร้านค้าต่าง ๆ ขอใบอนุญาตเปิดบริการรับฝาก-โอน-ถอนเงินได้ ซึ่งจะกระทบต่อการขยายสาขาของธนาคารพาณิชย์อย่างแน่นอน

 https://money.kapook.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัวที่ 33.22 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดเงินเอเชียสงบลงบ้าง หลังดอลลาร์ไม่แข็งค่ามาก

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.22บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อน

ในคืนที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐลดลงมาที่ระดับ 2.14 แสนคน ขณะที่เงินเฟ้อ (US CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน คิดเป็น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้

ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อลง ขณะที่ภาพรวมสงครามการค้าก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ฝั่งจีนยัง ไม่ได้ตอบโต้คำขู่ของโดนัลด์ ทรัมป์ล่าสุด ส่งผลให้โดยรวมตลาดหุ้น S&P500 ของสหรัฐปรับตัวขึ้นราว 0.9% ทางด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย และบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีทรงตัวที่ระดับ 2.85%

ในฝั่งตลาดเงินเริ่มเห็นความสงบบ้าง หลังจากที่เงินดอลลาร์ไม่แข็งค่ามาก ค่าเงินหยวนก็ทรงตัวได้ที่ระดับ 6.67 หยวนต่อดอลลาร์ ยูโรแข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 1.16 ดอลล่าร์ต่อยูโร และเยนอ่อนค่าลงเล็กน้อยไปที่ 112 เยนต่อดอลลาร์ ภาพดังกล่าวจะส่งผลบวกกับแนวโน้มการลงทุนในฝั่งเอเชียในวันนี้ และเราเชื่อว่านักลงทุนจะเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ในฝั่งเอเชียเมื่อปัญหาค่าเงินเอเชียอ่อนสงบ

ขณะที่เงินบาทเรายังเห็นแรงซื้อจากผู้นำเข้าเป็นตัวหนุนดอลลาร์ เพราะราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาในช่วงนี้ ขณะที่แรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกมีไม่มากพอที่จะกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ใกล้เคียงกับสกุลเงินหลักอื่นๆในระยะสั้น มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.17-33.27 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com

ประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพที่มีมากมายอย่างไม่คาดคิด

ประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพที่มีมากมายอย่างไม่คาดคิด

สาเกเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเป็นอย่างดี การดื่มสาเกในปริมาณที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานได้แล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย มารู้จักสาเกและประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพกันเถอะ

สาเกคืออะไร

koji

สาเกเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำชาติของชาวญี่ปุ่นซึ่งมีรสหวานและอุดมไปด้วยกรดอะมิโน โดยการผลิตสาเกนั้นเริ่มจากการหมักข้าวญี่ปุ่นนึ่งสุกด้วยโคจิจากหัวเชื้อราแอสเปอร์จิลลัส ออไรเซ่ (Aspergillus oryzae) เพื่อผลิตเอนไซม์สำคัญ ได้แก่ อะไมเลสและโปรติเอส ที่สามารถย่อยสลายโมเลกุลแป้งและโปรตีนในข้าวให้เป็นน้ำตาล กลูโคส และกรดอะมิโนและเปปไทด์สายสั้นๆ ตามลำดับก่อน แล้วจึงเติมหัวเชื้อยีสต์หรือโมโตะลงไปในส่วนผสมข้าวและโคจิเพื่อหมักน้ำตาลกลูโคสให้เป็นแอลกอฮอล์ สาเกที่ได้จากการหมักจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณร้อยละ 17-20 โดยปริมาตรต่อปริมาตร

ประโยชน์ของสาเกต่อสุขภาพ

ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง

การศึกษาโดยสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติญี่ปุ่นจากตัวอย่างนักดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะทุกวันจำนวน 265,000 คน พบว่าคนเหล่านี้มีความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มสาเก โดยพบว่ากรดอะมิโนในสาเกมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก และปากมดลูก เป็นต้น อีกทั้งในสาเกยังมีสารกลูโคซามีน (Glucosamine) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่มีหน้าที่ในการทำลายเซลล์มะเร็ง (Anti-tumor Natural Killer cells) ด้วย

ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

sake2

กรดอะมิโนในสาเก ได้แก่ วาลีน ลิวซีน และไอโซลิวซีน จะช่วยในการช่วยฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อโครงร่างซึ่งป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ อีกทั้งในโคจิยังมีสารที่ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ซึ่งไปย่อยสลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลในการป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ดี

ป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ

การดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบตันในสมองได้ เนื่องจากการดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยเพิ่มปริมาณเอนไซม์ ชื่อ ยูโรไคเนส (Urokinase) ที่มีคุณสมบัติในการสลายลิ่มเลือดซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะเลือดอุดตันได้ นอกจากนี้ในกากสาเกก็ยังมีสารที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ด้วย

ป้องกันโรคเบาหวาน

sake

โรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่ผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกินไป การดื่มสาเกสดและเครื่องดื่มจากกากสาเกอาจจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ เนื่องจากมีสารที่ไปกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน

นอกจากช่วยป้องกันโรคดังกล่าวข้างต้นแล้ว สาเกยังมีประโยชน์ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย แต่ทั้งนี้การดื่มสาเกให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพนี้ต้องเป็นการดื่มทุกวันในปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงไม่มากเกินไป เพราะหากดื่มในปริมาณที่มากเกินไปก็ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน

https://www.sanook.com

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 13/07/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  13/07/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.65
29.65
29.85
29.65
29.65
29.25
29.65
29.65
30.30
29.65
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
27.34
26.74
26.74
26.74
26.74
27.79
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 29.38 29.38 29.58 29.38 29.38 28.98 29.38 29.38 30.30 29.38
เบนซิน 95 36.76
37.21
37.26 36.76 36.76
ดีเซลหมุนเร็ว
29.09
29.09
29.09
29.09
29.09
29.09
29.09
29.09
29.09
29.09
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 32.09 32.96 32.96 32.96 32.96
มีผลตั้งแต่ 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00 10 July 05:00

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า