ตลาดอาคารสำนักงานไทยเนื้อหอม โตต่อเนื่องถึงปี 63
อาคารสำนักงานถือเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่ในปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นสินค้าขาดแคลนโดยเฉพาะในทำเลใจกลางเมือง ส่วนหนึ่งมาจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นมาก ทำให้คำตอบของการพัฒนาโครงการให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าจึงไปตกอยู่ที่โครงการคอนโดมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ดีมานด์ของอาคารสำนักงานยังคงมีอย่างต่อเนื่องสวนทางกับจำนวนซัพพลายที่มีอยู่อย่างจำกัด เป็นที่หมายปองทั้งบริษัทไทย และบริษัทข้ามชาติ
ตลาดอาคาร สนง. ไทย โตยาวถึงปี 63
แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี คาดการณ์ภาพรวมตลาดอาคารสำนักงาน ระดับเกรด A-C ยังมีทิศทางขยายตัวได้ดีจนถึงปี 2563 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากตลาดยังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับซัพพลายของอาคารสำนักงานโครงการใหม่ๆ ที่ยังเติบโตไม่หวือหวา ซึ่งความต้องการอาคารสำนักงานมาจากทั้งบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติที่เข้าตั้งสำนักงานในไทย
พื้นที่สำนักงานใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นมีเพียง 2.25 แสนตารางเมตร ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2560 และอีก 1.67 แสนตารางเมตร ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2561 โดยมีอัตราพื้นที่ว่างของสำนักงานในกรุงเทพฯ ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2530 ไปจนแตะที่ระดับต่ำกว่า 10% ในปี 2556 โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารสำนักงานชั้นดีที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ (CBD) และมีทางเชื่อมตรงสู่ระบบขนส่งมวลชน
สถานการณ์ที่ปริมาณพื้นที่สำนักงานมีจำกัดจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561-2562 แต่สถานการณ์หลังจากปี 2563 เป็นต้นไป จะขึ้นอยู่กับว่ามีผู้พัฒนาโครงการกี่รายที่จะเริ่มการก่อสร้างโครงการสำนักงานใหม่ในปีนี้ นอกจากนี้หากภาพรวมเศรษฐกิจประเทศเติบโตดี ก็มีโอกาสจะทำให้ความต้องการสำนักงานดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก แต่หากภาพรวมเศรษฐกิจไม่เติบโต ตลาดอาคารสำนักงานก็มีโอกาสเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายได้ในปี 2564
ค่าเช่าอาคาร สนง. ไทย ถูกกว่าเพื่อนบ้าน
แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี เผยว่า อัตราค่าเช่าสำนักงานในไทย ระดับอาคารเกรด A ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 900-1,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน และบางแห่งสูงถึง 1,300 บาท/ตารางเมตร/เดือน แต่เมื่อเทียบกับสิงคโปร์แล้วยังถือว่าอัตราค่าเช่าต่ำกว่ามาก ส่วนอัตราค่าเช่าในเมียนมาและเวียดนามยังคงอยู่ในระดับที่สูง เนื่องจากซัพพลายในตลาดยังมีจำนวนน้อย
สอดคล้องกับผลสำรวจของฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่พบว่า อัตราค่าเช่าสำนักงานเกรด A ย่าน CBD อาทิ โซนเพลินจิต อยู่ที่ 1,200 บาท/ตารางเมตร/เดือน และโซนอโศก อยู่ที่ 1,100 บาท/ตารางเมตร/เดือน ในอนาคตเชื่อว่าหากมีโครงการสำนักงานใหม่ ๆ เกิดขึ้น อัตราค่าเช่ามีโอกาสปรับขึ้นไปได้สูงถึง 2,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน จากศักยภาพของการขยายตัวของไทยที่จะมีทุนไทยและต่างชาติดำเนินธุรกิจมากขึ้น
อาคาร สนง. กรุงเทพฯ ราคาเติบโตสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก
จากผลสำรวจของไนท์แฟรงค์ พบว่า อัตราค่าเช่าสำนักงานระดับไพร์มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำไตรมาส 1 ปี 2560 จำนวน 20 แห่ง มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน โดยกรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเติบโตจากไตรมาสก่อน 3.1% และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 9.6% ถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมามากกว่า 2 ปีแล้ว และคาดว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อไป เนื่องจากดีมานด์ยังคงมีมากสวนทางกับซัพพลายที่มีอยู่อย่างจำกัด
อันดับที่ 2 คือ โซล ประเทศเกาหลีใต้ มีอัตราเติบโตในย่าน CBD, Gangnam Business District (GBD) และ Yeouido Business District (YBD) 2.9% จากไตรมาสก่อน
อันดับที่ 3 คือ ฮ่องกง เติบโตจากไตรมาสก่อน 2.5% ลูกค้าหลักยังคงเป็นบริษัทในจีนที่ครอบครองพื้นที่ช่วงกลางของเกาะฮ่องกง เนื่องจากผู้ให้เช่ามีความมั่นใจด้านปริมาณอุปทานที่มีจำกัด
สำหรับกรุงโตเกียวและกรุงมะนิลามีอัตราค่าเช่าเติบโตต่ำที่สุด ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 1.1% โดยในกรุงโตเกียว อัตราว่างของสำนักงานระดับไพร์มยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากตลาดได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ส่วนในกรุงมะนิลาแม้จะมีอัตราเติบโตลดลง แต่การครอบครองพื้นที่สำนักงานให้เช่าในกรุงมะนิลายังคงแข็งแรงท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้น 15 ไตรมาสติดต่อกัน
โดยคาดการณ์ว่าช่วง 12 เดือนข้างหน้า อัตราค่าเช่าในตลาด 10 แห่ง จาก 20 แห่ง จะเพิ่มขึ้นจากเดิม อาทิ กรุงเทพฯ โซล ฮ่องกง กว่างโจว ซิดนีย์ และเมลเบิร์น เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางบวกกับอัตราความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดสำนักงานระดับไพร์มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงที่เหลือของปีนี้
โครงการมิกซ์ยูส ป่วนตลาด ดันราคาขึ้น 10%
ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2560-2568 จะมีโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่หลายโครงการทยอยสร้างแล้วเสร็จ ส่งผลให้มีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ย่าน CBD จะเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 600,000 ตารางเมตร ดังนั้นในช่วง 6-7 ปีต่อจากนี้ กรุงเทพฯ จะมีอาคารสำนักงานเปิดให้บริการมากที่สุดในรอบหลายปี
ทั้งนี้ อาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจจะเข้ามาดึงดูดลูกค้าจากอาคารสำนักงานในปัจจุบัน เนื่องจากอาคารสำนักงานในโครงการมิกซ์ยูสต่างๆ แม้จะไม่แตกต่างจากอาคารสำนักงานที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่รูปแบบโครงการโดดเด่นกว่า เพราะนอกจากอาคารสำนักงาน ยังมีโครงการรูปแบบอื่นๆ อยู่ภายในโครงการเดียวกัน
นอกจากนี้ บริษัทที่คำนึงถึงภาพลักษณ์องค์กรหรือต้องการพื้นที่สำนักงานที่อยู่ในโครงการระดับโลกก็อาจจะมีการย้ายเข้าสู่โครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งยังอาจจะมีผลต่ออัตราค่าเช่าเฉลี่ยในทำเลนั้นๆ ในอนาคต โดยคาดว่าค่าเช่าอาคารสำนักงานใหม่ในโครงการรูปแบบนี้จะสูงกว่าอาคารสำนักงานระดับเดียวกันในทำเลนั้นๆ ไม่น้อยกว่า 10%
ถือเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มที่น่าสนใจสำหรับอสังหาริมทรัพย์ไทยอย่างอาคารสำนักงานที่ยังคงเนื้อหอม ต่อจากนี้คงต้องมาเฝ้าดูกันว่าจะมีผู้ประกอบการแห่ลงทุนทางด้านนี้มากขึ้นแค่ไหน เพื่อตอบรับความต้องการทั้งจากคนไทยและต่างชาติ
ที่มา ddproperty.com
เปิดแผน เอสอีซี สงขลา-สตูล ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษใต้
เมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สงขลา โดยมีโอกาสไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งกลุ่มคณะทำงานเดินหน้าสงขลา 4.0 ได้เสนอโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor:SEC)
นายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับโครงการ ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทและเสนอแผนในระดับกลุ่มจังหวัด จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปศึกษารายละเอียด เพิ่มเติม และเตรียมผลักดันให้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่านายกฯให้ความสนใจมากและต้องการเห็นโครงการการพัฒนาที่เสนอจากพื้นที่ และกลุ่มจังหวัด สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ในอนาคตที่ท้องถิ่นต้องเข้ามามีบทบาท ในการพัฒนามากขึ้น
“เอสอีซี” ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สงขลาและ จ.สตูล ซึ่งเป็น 2 จังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง โดยใช้แนวคิดพื้นที่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ เกษตร ท่องเที่ยว ฮาลาล การค้า โลจิสติกส์ เชื่อมโยง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นประตูเศรษฐกิจภาคใต้สู่อาเซียน
วัตถุประสงค์ของเอสอีซี คือการ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ของภาคใต้ให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ เร่งรัด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงกฎระเบียบ พัฒนาบุคลากร และส่งเสริมการลงทุนที่มี ความจำเป็น นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาใช้ประโยชน์ในการยกระดับผู้ประกอบการ คุณภาพชีวิตและรายได้ของประชาชนใน ภาคใต้ รวมทั้งนำเสนอแนวทางในการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
สำหรับ กรอบระยะเวลาในการขับเคลื่อน โครงการ เอสอีซี ในระหว่างปี 2560 – 2565 และตั้งเป้าหมายว่าเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมในปี 2565 จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 2% ต่อปี เพิ่มการจ้างงาน 4 หมื่นคนต่อปี และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนต่อปี รวมทั้งช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศและภาคใต้ ช่วยแก้ปัญหาการ พัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้และ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงให้ดีขึ้น
ข้อเสนอของคณะทำงานฯคือให้ รัฐบาลจัดทำร่างพ.ร.บ.การพัฒนาพื้นที่ เขตเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ… เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในปี 2560 โดยเสนอให้และจัดทำร่างแผนพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ 2561 – 2655 เพื่อเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาโครงการ
แผนงานหลักประกอบไปด้วย การพัฒนา อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากร และท่าเรือสงขลา พัฒนาการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่าง สงขลา – สตูล พัฒนาเมืองระบบสาธารณูปโภค ท่องเที่ยวและระบบสาธารณสุข รวมทั้งเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และให้มีคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ ร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่จะเข้ามานั่งเป็นกรรมการอีก 8 กระทรวง และดึงเอาเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ ตัวแทน ภาคเอกชนภาคการศึกษา และภาคประชาสังคม มาร่วมกันเป็นกรรมการ แนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้แบ่ง ออกเป็น 4 ด้าน
1.อุตสาหกรรมศักยภาพ โดยเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเป้าหมายใช้เทคโนโลยีสูง การพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ และวางแผนการจัดการอุตสาหกรรม การเร่งรัดการสัมปทานท่าเรือสงขลา และการสร้างมาตรฐานสินค้าบริการฮาลาลของจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้สามารถส่งออกไปทั่วโลก
- โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและ โลจิสติกส์ แบ่งเป็นโครงการทางถนน เร่งรัด การสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหาดใหญ่ – สะเดา การปรับปรุงถนนหาดใหญ่ – สตูล ให้สะดวกและปลอดภัย โครงการทางราง เสนอให้มีการสร้างศูนย์ขนถ่ายสินค้า (ICD) บริเวณสถานีรถไฟบางกล่ำ สร้างรถไฟทางคู่รถไฟฟ้าหาดใหญ่ – ปาดงเบซาร์ รวมทั้งเจรจาเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนใหม่ ระหว่างด่านสะเดาและด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย
3.การพัฒนาในด้านสาธารณูปโภคและการพัฒนาเมือง โดยเสนอให้มีการสร้างศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตภาคใต้ เพื่อความมั่นคงในการสื่อสาร การพัฒนาสภาพแวดล้อมเมืองสำคัญของจังหวัดในพื้นที่ เช่น การพัฒนาเมืองหาดใหญ่ให้เป็นสมาร์ทซิตี้ การยกระดับ 4 อำเภอจตุรพัฒน์ใน จ.สงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย ให้เป็นเมืองความมั่นคงสูงเพื่อยกระดับการท่องเที่ยว
- การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนเพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยให้สิทธิประโยชน์ในรูปแบบเดียวกับ”อีอีซี” ขณะที่แผนในระยะถัดไปให้ความสำคัญ กับการผลักดันให้ “เอสอีซี” เป็นประตูเศรษฐกิจ ของอาเซียน และศูนย์กลางเศรษฐกิจ ของสามเหลี่ยมเศรษฐกิจอินโดนีเซียมาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) โดยใช้จุดเด่นจาก การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ที่มีอยู่
ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Tip เลือกบัตรเครดิต ไว้ใช้จ่ายได้แบบสมาร์ทที่สุด !
หากคุณคิดจะมีบัตรเครดิตไว้ติดกระเป๋าตังค์เพื่อช่วยให้การจ่ายนั้นสะดวกและง่ายขึ้น บัตรเครดิตเป็นบัตรจ่ายเงินที่ช่วยให้คุณจ่ายได้ครบวงจร เป็นบัตรแทนเงินสด ช่วยให้คุณไม่ต้องพกเงินสดติดตัวคราวละมาก ๆ หรือจะพกหลายใบให้อุ่นใจและครอบคลุมกับสิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ สิ่งที่ต้องศึกษาอย่างละเอียดคือข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบของบัตรเครดิตแต่ละค่ายให้ดีก่อนเลือกสมัครบัตร
แม้เราจะได้ยินกันมาว่าคนส่วนใหญ่มักเป็นหนี้จากการใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ประมาณตัว ซึ่งจากสถิติประเทศไทยมีผู้ถือบัตรเครดิตอยู่มากกว่า 16 ล้านใบและมียอดสินเชื่อคงค้างสูงถึง 2.2 แสนล้านบาท (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย) แต่หลายคนคงจะเคยเห็นป้ายโฆษณาในห้างร้านต่าง ๆ ที่มักจับมือร่วมกับกับสถาบันทางการเงินเพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่ถือบัตรเครดิตในการจับจ่ายซื้อของ ในร้านอาหาร ฯลฯ หากไม่ถือบัตรเครดิตเสียเลยก็อาจทำให้คุณเสียโอกาสได้ส่วนลดไปเช่นกัน
การให้บริการบัตรเครดิตในบ้านเรามีการแข่งขันสูงมาก สถาบันการเงินหลายแห่งให้สิทธิประโยชน์แบบลดแลกแจกแถมกันไม่อั้น เพื่อให้ลูกค้าเลือกถือบัตรเครดิตของสถาบันตนเอง สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบัตรเครดิตควรเป็นสิ่งแรกที่เรานึกถึงก่อนจะหยิบบัตรออกมาใช้ ซึ่งแต่ละบัตรจะมอบสิทธิประโยชน์แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนการเลือกสมัครบัตรเครดิตติดตัวสักใบ ขอแนะนำให้คุณพิจารณาถึงประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
คุณมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบไหน?
ตั้งคำถามก่อนว่าตัวคุณชอบทำกิจกรรมสถานที่ใดบ่อย ๆ เช่น ชอบกิน ชอบดื่ม ชอบช้อปปิ้งหรือชอบเดินทางท่องเที่ยว ยกตัวอย่างถ้าคุณชอบช้อปปิ้ง ควรเลือกบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นมอบสิทธิประโยชน์ร่วมกับกับห้างสรรพสินค้าที่คุณไปเป็นประจำ โดยปกติเราทุกคนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำในทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ไฟ โทรศัพท์) ,ค่าใช้จ่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น ค่าอาหารและของจิปาถะทั่วไป ค่าเดินทาง เช่น ค่าน้ำมันรถ ลองคิดดูว่า หากคุณวางแผนการใช้จ่ายเหล่านี้ร่วมกับสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตแต่ละให้ถูกต้อง คุณจะได้รับผลประโยชน์ในด้านต่าง ๆ จากการจ่ายประจำของคุณได้ เช่น หากคุณมีรถส่วนตัวและต้องเติมน้ำมันเป็นประจำ ควรเลือกบัตรเครดิตที่ช่วยสะสมแต้มทุกครั้งที่ทำการเติมน้ำมันร่วมกับปั๊มต่าง ๆ เป็นต้น จะเห็นว่าคุณจะได้รับผลประโยชน์จากการเติมน้ำมัน ซึ่งหากคุณไม่มีบัตรเครดิตไว้ครอบครอง คุณเองก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใด ๆ จากการจ่ายปกติของคุณ
คุณต้องการสิทธิประโยชน์แบบใด?
บางคนอาจจะมีการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์เล็ก ๆ คือยังคงติดกลิ่นอายการใช้ชีวิตแบบคนเมืองอยู่พอสมควร ชีวิตแบบนี้ยังคงต้องพึ่งพาการซื้อของจากห้างสรรพสินค้าอยู่ จึงควรเลือกบัตรเครดิตที่มีการให้คะแนนสะสมจากการเลือกซื้อสิ่งของ หรือบางคนมีไลฟ์สไตล์ที่ยังต้องเดินทางตามหน้าที่การงานหรือรักการท่องเที่ยว ควรเลือกสมัครบัตรเครดิตที่สะสมแต้มทุกครั้งที่บิน อาจจะมีข้อเสนอด้านการให้ส่วนลดในตั๋วเครื่องบินหรือเก็บแต้มสะสมเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินฟรี ได้รับสิทธิพิเศษในการใช้ Lounge สนามบินฟรีหรืออาจจะได้รับประกันภัยในกรณีเดินทางไปกับสายการบินที่เข้าร่วมแคมเปญกับบัตรเครดิตนั้น ๆ เป็นต้น
ความคุ้มค่าเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
- เลือกบัตรเครดิตที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายปีหรือบางบัตรฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ
- เลือกบัตรเครดิตที่กำหนดเงื่อนไขยอดใช้จ่ายขั้นต่ำน้อยที่สุด
- เลือกบัตรเครดิตที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด
- เลือกบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- ไม่ควรเลือกบัตรเครดิตเพื่อรองรับการกดเงินสดเพราะอัตราดอกเบี้ยสูงและมีค่าธรรมเนียมในการถอน
Tip เล็ก ๆ ศึกษาสักนิดชีวิตมีแต่ได้
- วงเงินที่บัตรเครดิตอนุมัติให้ ต้องเพียงพอกับที่คุณจะใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ควรมีวงเงินมากเกินไป เพราะจะทำให้คุณใช้จ่ายโดยที่ขีดจำกัดกว้างขึ้นซึ่งอาจทำให้เกิดการช้อปเพลินเกินวงเงินที่คุณจำกัดไว้ให้ตนเองในการช้อปแต่ละครั้ง
- กรณีที่บัตรเครดิตสูญหายโดยที่ไม่รู้และไม่ได้แจ้งให้อายัดบัตร อาจทำให้เกิดความวุ่นวายแก่คุณได้ เนื่องจากคุณต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ดังนั้นหากคุณทำบัตรเครดิตสูญหายให้รีบทำการแจ้งอายัดบัตตรทันที
- ควรเลือกใช้บัตรที่บริการ SMS Alert ซึ่งเป็นบัตรที่ทำให้เราทราบถึงการใช้จ่ายในบัตร ทั้งช่วยเตือนความจำตัวเอง มีการแจ้งเตือนข้อมูลการใช้จ่ายในกรณีที่คุณให้บัตรคนอื่นไปใช้ นอกจากนี้ บัตรยังทำการแจ้งเตือนทันทีเมื่อทำบัตรหายและมีคนนำบัตรไปใช้คุณสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งบางธนาคารมีบริการ SMS Alert ได้ฟรี
- บัตรเครดิตสามารถชำระเงินได้หลายช่องทาง เช่น Counter service หรือ Internet Banking หากเป็นการชำระกับสถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกบัตรเครดิตนั้นคุณจะไม่เสียค่าธรรมเนียม ความสะดวกสบายในการชำระเงินเป็นเรื่องสำคัญที่ควรคำนึงถึงเช่นกัน ควรเลือกบัตรเครดิตของสถาบันการเงินที่ติดต่อได้สะดวก
- หากคุณไม่มี Life style ที่ชัดเจน แนะนำให้เลือกบัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่นหลากหลาย ให้ผลตอบแทนคืนจากทุกยอดการใช้จ่าย เช่น ไม่จำกัดว่าจะได้ประโยชน์เฉพาะบางบางร้านเท่านั้น พยายามเลือกบัตรเครดิตที่ครอบคลุมกับหลายด้าน นั่นจะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง
บัตรเครดิตเป็นตัวช่วยในการสร้างประโยชน์จากการจ่ายเงินให้กับคุณได้มากหากคุณ เลือกบัตรเครดิต ที่เหมาะกับ Life style ของตัวคุณ เมื่อได้ศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ของบัตรนั้น อย่างถี่ถ้วนดีแล้ว หัวใจสำคัญที่ผู้ใช้บัตรเครดิตต้องตระหนักอยู่เสมอคือ อย่าใช้จ่ายเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ของคุณเอง และอย่าชำระหนี้ช้าเกินกว่ากำหนดโดยเด็ดขาด เพราะคุณจะถูกคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราสูงมากรวมไปถึงทำให้เสียประวัติทางการเงินอีกด้วย
ที่มา moneyhub.in.th
ปักหมุด! แหล่งรวมเมนูทุเรียนตะมุตะมิสุดฟิน ย่านลาดพร้าว
ฤดูกาลนี้ เมนูสุดฮอตฮิตติดลมบนคงหนีไม่พ้น “ทุเรียน” แต่จะให้ขับรถไปถึงจันทบุรีหรือในเมืองเพื่อหาเมนูแปลกๆ กิน คงจะไม่คุ้มแน่นอน เหตุนี้เองจึงขอเอาใจกลุ่มคนอยู่ย่านลาดพร้าว หรือบริเวณโดยรอบ ด้วยหลากหลายร้านที่คิดค้นเมนูทุเรียนสุดฟินระดับ 10 และเจ้ากรรมยังปักหมุดอยู่ในย่านดังกล่าว เรียกว่ามีตั้งแต่ทุเรียนเผา ไปจนถึงขนมปังปิ้งสังขยาทุเรียนเลยทีเดียว ใครที่เป็นทุเรียนเลิฟเวอร์ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ แนะนำจะเลือกเดินหรือขับรถตามสะดวก ออกไปลิ้มลองกันได้ แล้วจะมีร้านอะไรบ้างนั้น รีบไปเช็ครายชื่อพร้อมเช็คอินกันเลย
1. เค้กทุเรียนละมุนลิ้น อร่อยทะลุโลก
ช่วงนี้กระแสทุเรียนฟีเวอร์มากเป็นพิเศษ หลายคนอาจเห็นภาพเค้กทุเรียนแชร์ในโลกโซเชียลอยู่บ่อยๆ จนน้ำลายไหลอยากจะลองชิมดูบ้าง ว่าฟินขนาดไหน และแล้วก็เหมือนเทวดามาโปรด เมื่อร้านขนมหญ้าหวาน ได้เกิดความคิดสร้างสรรค์ปรุงแต่งเค้กทุเรียนเนื้อแน่นขึ้น เรียกว่าเป็นเจ้าแรกที่คิดค้นขนมสูตรนี้ขึ้นมาเลย ส่วนเรื่องรสชาติรับรองว่าอร่อยทะลุโลกกันไปเลย เพราะแต่ละคำที่ตักเค้กเข้าปาก จะได้รสสัมผัสของทุเรียนแท้ๆ ทุกคำ ยิ่งไปกว่านั้นครีมชีสรสทุเรียนยังเข้ากันดีจนเหลือเชื่อ เรียกว่าทั้งบรรดาทุเรียนเลิฟเวอร์ หรือคนไม่ชอบทุเรียน หากได้ลองแล้วติดใจทุกราย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าอยากกินต้องโทรสั่งจองล่วงหน้า เวลานี้แม่ค้าทำไม่ทันจริงๆ
พิกัดร้านขนมหญ้าหวาน มีหลายสาขาให้เลือก แต่หากใครที่ปักหมุดอยู่ย่านลาดพร้าว ลองแวะเวียนไปได้ที่ The Crystal Park ริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม น่าจะสะดวกสุด หรือโทรไปสั่งจองกันได้ที่เบอร์ 089-939-6666
2. ทุเรียนเผา หอม อร่อยในลูกเดียว
มาถึงอีกหนึ่งความเด็ดของเมนูทุเรียน เรียกว่าชาตินี้ต้องลองกิน กับความแปลกในกรรมวิธีแปรรูปทุเรียนด้วยการเผา งานนี้รับรองไม่มีใครได้ลองชิมรสชาติแน่นอน แถมเจ้าของร้านทุเรียนคุณแซมชอยังการันตีเลยว่า เป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่คิดค้นขึ้น ซึ่งความพิเศษขอการนำทุเรียนไปเผาให้สุกนั้น แน่นอนว่าสิ่งที่ได้ จะทำให้ได้เนื้อทุเรียนเป็นสีเหลืองทองอร่าม น่ากินสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอจะเพิ่มความหอม มัน หวานได้อย่างเหลือเชื่อ จะว่าไปอารมณ์เหมือนกินกล้วยปิ้ง แต่จะแตกต่างที่กลิ่นและความนิ่ม และอีกเช่นเคย หากใครอยากสัมผัสความอร่อยแบบไม่ต้องรอ อาจจะต้องจองล่วงหน้าเหมือนกัน
พิกัดร้านคุณแซมชอ ตั้งอยู่ซอยลาดพร้าว 71 แหล่งพลุกพล่านด้วยของกิน ความเจริญ รวมถึงที่อยู่อาศัยสุดคูลอย่างคอนโดมิเนียมที่ตั้งกันเรียงราย ใครอยากกินทุเรียนเผาโทรจองกันได้ที่เบอร์ 098-545-0923
3. เย็น ชื่นใจ บิงซูทุเรียนเนื้อแน่น
วินาทีนี้หากใครชอบกินของหวานรูปแบบน้ำแข็งใส คงไม่พลาดได้ลิ้มลองบิงซู อันส่งตรงจากเกาหลีแน่นอน ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ แต่ช่วงเวลานี้ต้องเพิ่มระดับความฟินด้วยรสทุเรียน พร้อมท็อปด้วยไอศกรีมทุเรียน เท่านั้นยังไม่พอโปะเนื้อทุเรียนแบบมาเป็นพูเข้าไปอีก เรียกว่าเย็น ชื่นใจ แบบวางช้อนไม่ลงกันเลยทีเดียว งานนี้ถูกใจนักชิมแน่นอน หากใครอยากสัมผัสรสชาติแบบคำต่อคำ สามารถไปลองกันได้ที่ร้าน Snow Ice Plaza
พิกัดร้าน Snow Ice Plaza สาขาลาดพร้าว ตั้งอยู่ซอยลาดพร้าว 101 ซอยเดียวกับโครงการ พลัม คอนโด ลาดพร้าว
4. ขนมปังปิ้งสัขยาทุรียน + เฟรปเป้ ฟินระดับ 10
หน้าฝนแบบนี้ได้นั่งกินขนมปังปิ้งร้อนๆ จิ้มสังขยาสุดฟิน ควบคู่กับนมร้อนๆ อร่อยเหาะแน่นอน แต่เพิ่มระดับความฟินให้ตรงกับฤดูกาลอีกนิดด้วยเนื้อทุเรียนที่สอดแทรกอยู่ในสังขยา และเฟรปเป้เนื้อละมุน ใครอยากินสามารถไปลองลิ้มชิมรสได้ที่สถานีนมอย่างร้าน Nom-Nua สุดขึ้นชื่อในย่านลาดพร้าว โดยสังขยาทุเรียนถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบราดหน้าขนมปังปิ้งกรอบๆ ชนิดกัดเข้าไปละลายในปาก แถมความหวานของทุเรียนยังคลุกกรุน จนอยากจะกินอยู่เรื่อยๆ
พิกัดร้าน Nom-Nua สาขาลาดพร้าว ตั้งอยู่ซอยโชคชัย 4 ปีกหมุดในโลเคชันเดียวกับโครงการ วิน คอนโด ลาดพร้าว-โชคชัย 4
5. ที่สุดของข้าวเหนียวทุเรียน หลากหลายสีสัน
ใครที่ปักหลักอยู่ในซอยโชคชัย 4 เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักร้านข้าวเหนียว 9 สีแห่งร้าน ช.ศรแก้ว เพราะนอกจากหน้าตา สีสัน ชวนกินแล้ว รสชาตินี้เรียกว่าอร่อยสุดๆ กันไปเลย โดยเขาเลือกใช้ข้าวเหนียวอันส่งตรงมาจากจังหวัดเชียงราย ส่วนกะทิเรียกว่าส่งมาจากประจวบคีรีขันธ์กันเลย จึงทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงอร่อยชนิดใครผ่านมาแถวนี้ต้องแวะ และช่วงเดือนนี้ยังมีเมนูพิเศษเอาใจคนชอบกินทุเรียน กับข้าวเหนียวทุเรียน ที่คัดมาจากสวนจันทบุรี แต่ถ้าอยากกินตลอดทั้งปีนี้ ที่ร้านเขามีตลอด แต่จะเป็นสายพันธุ์ทางใต้ งานนี้ถูกอกถูกใจคนรักทุเรียนแน่นอน
พิกัดร้าน ช.ศรแก้ว ตั้งอยู่ซอยโชคชัย 4 หรือซอยลาดพร้าว 54
รู้แหล่งเมนูทุเรียนตะมุตะมิ อันปักหมุดอยู่ในย่านสุดพลุกพล่านทั้งสำนักงานเก๋ไก๋ หรือคอนโดสุดหรู อย่างย่านลาดพร้าวแล้ว แน่นอนว่ากลุ่มคนรักทุเรียน นอกจากอยากจะกินทุกวันแล้ว ยังอยากฝังรากปักหลักซื้อบ้านอยู่ย่านลาดพร้าวกันเลยทีเดียว งานนี้แนะนำให้ไปส่องดูโครงการใหม่ๆ ย่านนี้ดูก็ไม่เสียหายนะ
ที่มา ddproperty.com
สบายดี ภาษาอังกฤษพูดว่ายังไงได้บ้าง?
Good morning teacher.
Good morning. How are you?
I’m fine. Thank you, and you?
I’m fine. Thank you. Sit down.
บทสนทนาข้างต้นคงเป็นที่คุ้นเคยของใครหลายคน แล้วเคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมเราต้องตอบว่า I’m fine เมื่อเราจะบอกว่าสบายดี เราสามารถบอกอย่างอื่นได้อีกรึเปล่า?
แน่นอนครับอย่างที่ผมเคยบอกว่าภาษาเป็นเรื่องที่ไม่ตายตัว ดังนั้นการที่เราจะบอกคนอื่นว่า ‘สบายดี’ เราจึงสามารถบอกด้วยประโยคอื่นได้อีก
สารพัดวิธีพูดว่า สบายดี ภาษาอังกฤษ
Fine = ดี
เป็นคำที่เราต่างรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะยังใช้ผิดอยู่บ้าง ดังนั้นเราอาจต้องมาทำความเข้าใจกันอีกสักนิด เนื่องจาก fine เป็น Adjective ดังนั้น หากเราจะบอกว่าเราสบายดี เราต้องบอกว่า I am fine หรือแค่ fine เท่านั้น จะไม่มี I fine เด็ดขาดนะครับ!
Very well = ดี
Well เป็น Adjective เช่นเดียวกับ fine ดังนั้นเวลาใช้ ก็ต้องบอกว่า I am very well หรือ very well ไปเลย ห้ามบอกว่า I very well เด็ดขาดเช่นกันครับ
Good = ดี
Good ยังคงทำหน้าที่เป็น Adjective เหมือนคำอื่นๆ ดังนั้นเมื่อนำไปใช้เราต้องใช้ตาม Verb to be จึงต้องบอกว่า I’m good หรือ good ครับผม
Okay = โอเค
เมื่อเราจะบอกว่าเราสบายดี ไม่ต้องห่วง เราจะบอกเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆได้ว่า I’m okay (ฉันโอเค) ซึ่งหากมาใช้ในการตอบคำถามที่ถามว่าสบายดีไหม? แล้วเราตอบด้วยประโยคนี้ ก็อาจจะแปลได้ว่า ฉันยังโอเคนะ หรือ ฉันสบายดีนั่นเองครับ
Wonderful! = เยี่ยมมาก
เป็นคำที่เราสามารถใช้ตอบว่าสบายดีได้เช่นกันครับ หากเราอยากจะพูดเป็นประโยคเต็มๆเราก็แค่บอกว่า I am wonderful
Getting by = มีชีวิตอยู่ต่อไป
การใช้ getting by ในการตอบเพื่อที่จะบอกว่าเรา สบายดีนั้น สามารถทำได้เช่นเดียวกันครับ แต่การบอกด้วย getting by นี้อาจจะต้องใช้กับคนที่เราค่อนข้างจะสนิทนิดหนึ่งนะครับ (คืออารมณ์เหมือนกับว่ามีคนถาม คุณสบายดีไหม? แล้วเราตอบว่า ก็ยังมีชีวิตอยู่แหละ … ฟังดูกวนๆไหมละครับ)
Couldn’t be better = ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว
เป็นสำนวนที่ฟังดูเก๋ และใกล้เคียงกับฝรั่งมากๆครับ เนื่องจากสำนวนนี้ฝรั่งเค้าค่อนข้างจะใช้กันบ่อย หมายถึงสบายดีมากๆนั่นเอง ยังไงถ้าอยากมีสำนวนเก๋ๆไว้ไปใช้ก็อย่าลืมสำนวนนี้แล้วกันนะครับ
Not too bad = ก็ไม่เลวนะ
เป็นอีกสำนวนหนึ่งที่ฝรั่งเขาใช้กัน แต่ความหมายของมันอาจจะแปลได้แค่ว่าดีเท่านั้นนะครับ ถ้าเราต้องการจะบอกว่าดีมาก สำนวนนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์สักเท่าไรครับ
I am over the moon = ฉันอยู่เหนือพระจันทร์
เป็นการเปรียบเปรยว่าเรามีความสุขมากๆ เหมือนกับลอยได้ อะไรประมาณนั้น สำนวนนี้สามารถนำไปใช้ได้นะครับ แต่อาจจะฟังดูเกินจริงไปนิด อาจนำไปใช้เวลาที่เรากำลังมีความรักก็ได้เหมือนกันนะครับ
เป็นไงบ้างครับ จากนี้ต่อไปอาจจะต้องคิดมากกันอีกนิดหนึ่งแล้วแหละครับ ว่าเราจะตอบคนอื่นว่าเราสบายดีด้วยประโยคหรือสำนวนไหนดี ยังไงซะก็ลองเลือกแล้วเอาไปใช้ดูนะครับ แต่ไม่ว่าจะใช้อันไหนก็อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องของความเหมาะสมด้วยนะครับ
ที่มา dailyenglish.in.th
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 13/06/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,350.00 |
20,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,318.00 |
19,980.88 |
20,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,186.20 |
17,982.79 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
593.00 |
8,989.88 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
461.00 |
6,988.76 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,366.00 |
20,708.56 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 13/06/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
25.95 |
25.95 |
– |
25.95 |
25.95 |
25.95 |
25.95 |
25.95 |
25.95 |
25.95 |
แก๊สโซฮอล E-20 |
23.44 |
23.44 |
23.44 |
23.44 |
23.44 |
– |
23.44 |
23.44 |
23.44 |
23.44 |
แก๊สโซฮอล E-85 |
19.44 |
19.44 |
– |
– |
– |
– |
– |
19.44 |
19.44 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
25.68 |
เบนซิน 95 |
33.06 |
– |
– |
33.51 |
33.51 |
– |
33.56 |
33.06 |
33.06 |
33.06 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
24.29 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
27.29 |
27.97 |
27.97 |
27.97 |
27.97 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |
10 Jun 05:00 |