สมาคมบริหารทรัพย์สินฯ ประกาศมาตรการแนวทางบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด -19 ในอาคารชุด พร้อมสร้างความมั่นใจในการอยู่อาศัยร่วมกัน
คุณสามภพ บุนนาค นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้ สมาคมฯ ตระหนึกถึงความสำคัญของแนวทางการบริหารดูแลอาคารที่พักอาศัย คอนโด อพาร์ทเมนต์ หรือหอพัก รวมถึงผู้อยู่อาศัยร่วมที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด และลดความเสี่ยงการติดเชื้อ การมีข้อปฏิบัติที่ชัดเจนของผู้ดูแลจัดการสถานที่ และการได้รับความร่วมมือจากผู้พักอาศัยอย่างเคร่งครัดจึงเป็นหัวใจสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ด้วยเหตุนี้ สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทยจึงสรุปแนวทางบริหารและข้อปฏิบัติสำหรับอาคารที่พักอาศัย หอพัก อพาร์ทเมนต์เพื่อให้ทุกคนในชุมชนมีแนวทางร่วมกันในการป้องกันโควิด-19
คณะทำงานของสมาคมบริหารทรัพย์สินได้ทำงานร่วมกันเพื่อทำสรุปแนวทางปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในอาคารชุด ตั้งแต่การจัดทำมาตรการ การจัดทำประชาพิเคราะห์เพื่อฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การกำหนดวิธีและหลักการปฏิบัติต่างๆ เพื่อกรอบการสื่อสารไปในทิศทางเดียวกันทั้งระบบต่อไป
โดยแนวทางปฏิบัติในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้แบ่งตามความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้องดังนี้
สำหรับผู้จัดการนิติบุคคล/ผู้จัดการอาคาร และเจ้าหน้าที่ในอาคาร มีหน้าที่ดูแลในด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านการประชาสัมพันธ์ในอาคารเพื่อสื่อสารกับกรรมการ และเจ้าของร่วม ด้านการจัดเตรียม และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันด้านการคัดกรองผู้เข้า-ออกอาคาร ด้านการเตรียมความพร้อมพื้นที่ส่วนกลาง ด้านการกำจัดสิ่งปฏิกูล ด้านการรับส่งพัสดุของนิติบุคคล ด้านการกำหนดพื้นที่รับ-ส่ง สิ่งของ/อาหารเดลิเวอรี่ ด้านการกำหนดพื้นที่ทางเดินในโครงการ และด้านการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันทีสำหรับกรรมการ มีบทบาทและหน้าที่ดูแลด้านการสื่อสารกับเจ้าของร่วม ด้านการสนับสนุนการออกระเบียบการอยู่อาศัย และด้านการจัดการการเงินหากต้องอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อสถานการณ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติสำหรับเจ้าของร่วม สิ่งสำคัญคือทำความเข้าใจและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและส่วนรวม โดยให้ข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริงต่อผู้จัดการนิติบุคคลให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของต่างๆในส่วนกลาง ให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยให้กักตัว 14 วันเพื่อสังเกตอาการ ให้ติดต่อสื่อสารกับผู้จัดการหรือเจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลผ่านช่องทางที่กำหนดไว้ สำหรับกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ป่วยที่ต้องพักอาศัยในโครงการ รวมถึงผู้ป่วยที่ออกจากโครงการไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และประสานงานกับนิติบุคคลเรื่องการรับส่งสิ่งของหรืออาหารหากเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ป่วย พร้อมร่วมสร้างบรรยากาศที่คอยดูแลกันในบ้านใหญ่เดียวกันทั้งก่อนหน้าและหลังจากที่อาจจะมีผู้ป่วยกลับมาพักอาศัยเหมือนเดิม
ซีอีโออสังหาฯพึ่ง‘โซเชียลมีเดีย’ ฝ่าโควิด..!กระตุ้นยอดขาย
แม้ว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ล็อคดาวน์ แต่สถานการณ์ บรรยากาศเหมือนถูกล็อคดาวน์ไปโดยปริยาย ส่วนหนึ่งเข้าสู่โหมดการทำงานจากที่บ้านจึงเป็นเหตุผลที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกือบทุกค่ายต่างออกมา“กระตุ้นยอดขาย”ผ่านทางออนไลน์เต็มรูปแบบ
เมื่อใครๆก็ทำอะไรที่จะสามารถดึงดูดความสนใจให้คนหันมาสนใจกับการนำเสนอ สินค้าหรือบริการนั้นๆได้ถ้า‘ไม่ใช่ ’ดารา นักร้อง เซเลบ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังก็ต้องมีวิธีการนำเสนอแปลกแหวกแนวหรือตามกระแสในช่วงเวลานั้นๆออกมา ที่คนๆนั้นจะนำเสนอให้กับคนที่เข้ามาดูแต่ต้องยอมรับว่า ในแง่ของ‘ต้นทุน’ ทางสังคมสำหรับผู้บริหารที่รั้งตำแหน่ง ‘ซีอีโอ’ สามารถเรียกกระแสความสนใจ ดึงดูดให้คนเข้ามาดูได้ไม่ยาก มีดีกรีไม่แพ้ ดารา นักร้อง เซเลบ หรือ อินฟลูเอนเซอร์กันเลยทีเดียว
หนึ่งในนั้นก็คือ “ชานนท์ เรืองกฤตยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซีอีโอคนรุ่นใหม่ของวงการอสังหาฯ ที่มีไอเดียความสามารถในการ“พลิกสถานการณ์” ให้ธุรกิจไปรอดได้เสมอ ล่าสุด ได้ไลฟ์สด CEO GOLIVE #โก้มาเอง Ideo Q Victory เพื่อนำเสนอโครงการคอนโดมิเนียม ในย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ !! โดยมี MR. SPACE MAN มาสร้างสีสันในการนำเสนอโครงการ
เช่นเดียวกับ “ธนากร ธนวริทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ใช้แอพพลิเคชั่นวิดิโอสั้นยอดฮิตของ TikTok ในการนำเสนอโปรโมชั่นออกมา
ห้วงเวลานี้ ต้องยอมรับว่า โซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางสำคัญที่ ซีอีโอ จะใช้เป็น ‘เครื่องมือ’ เข้าถึงลูกค้าและพนักงานในองค์กร เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า รวมถึงผู้ถือหุ้น ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้ ทำดีกว่าไม่ทำอะไร
ศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล มองว่า การใช้สื่อโซเชียลเหมาะกับสถานการณ์ เนื่องจากผู้บริโภคใช้เวลาในการอยู่บ้านมากขึ้นกว่าปกติ เพราะตัวเลือกในการใช้สื่อหลัก ‘ลดลง’ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ ต้องเลือกใช้สื่อที่สามารถเข้าถึงคนอยู่บ้านได้มากขึ้นผ่านสื่อที่คนนิยมเล่นเป็นประจำ จึงไม่แปลกที่ซีอีโอ จะลงมาใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับลูกค้าด้วยตนเอง ถือเป็นการ “ปรับตัว” ให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่วนจะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากน้อยแค่ไหนนั้น เป็นเรื่องยากในการประเมินต้องรอดูผลตอบรับหลังจากสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย
“สถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นแรงผลักให้ผู้ประกอบการต่างหันมาใช้ โซเชียลมีเดียเพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเป็นไฟท์บังคับที่ต้องทำ ส่วนการได้ผลมากน้อยแค่ไหนต้องรอดูผลการตอบรับอีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์พิเศษ ต่อให้ได้ผลมากหรือน้อย ยังยากที่จะวัดว่าเป็นผลจากสื่อหรือความต้องการของผู้บริโภค”
ศิวัตร ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ ซีอีโอ หรือนักการตลาดจะมองว่าอะไรที่สามารถทำได้ต้องลงมือทำ แต่ไม่มีใครตอบได้ว่า ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างไร อยู่ตรงไหน วิธีที่ดีที่สุด ในเวลานี้ การลงมือทำเอง จะได้ผลมากได้ผลน้อยไม่ต้องคิดมากดีกว่าไม่ทำอะไร เพราะไม่มีอะไรต้องเสีย
“จากปกติรูปแบบการทำโฆษณาจะต้องมีขั้นตอนการคิด ประมวลผล โปรดักท์ชั่นมากมายแต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ทำแบบนั้นไม่ทันเวลา ไหนจะมีเรื่องค่าใช้จ่าย ต้องใช้เวลา และปัจจัยอื่นๆมากมาย แต่สิ่งที่ดีที่สุดในเวลานี้อะไรที่ทำเองได้ลงมือทำเลย ”
ศิวัตร กล่าวว่า การลงมือทำเองก็ไม่ใช่ว่า จะทำอะไรก็ได้ ต้องคิดนิดหนึ่งว่า จะทำอย่างไร ซึ่งเป็นรายละเอียดที่แต่ละแบรนด์จะต้องไปศึกษาหาวิธีการที่เหมาะสมในรูปแบบไหนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ คนหันมาเสพสื่อผ่านโซเซียลมีเดีย และท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปราะบางในอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน หลักการพื้นฐานคือไม่ควรลงประเด็นลบ และอารมณ์ความรู้สึกในการซื้อของผู้บริโภคไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับก่อนที่เกิดโควิด -19 ฉะนั้นต้องพยายามที่ดึงให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) ดังนั้นใครที่มีความคิดสร้างสรรค์ (Creative)ดีจะได้เปรียบคู่แข่ง เพระต่อให้ขายสินค้าไม่ได้แต่คนสามารถจดจำแบรนด์ได้
“ช่วงเวลานี้ ซีอีโอ นักการตลาดส่วนใหญ่ต้องติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาและต้องคิดตัดสินใจเร็ว จะมัวแต่รอไปรอมาคงไม่ได้ ถ้าหยุด (โฆษณา / ทำตลาด)ก็หยุดไปเลย ถ้าไม่หยุดก็เดินหน้าต่อไป เพราะสถานการณ์โควิดส่งผลกระทบไปทุกส่วน ไม่เฉพาะเรื่องโฆษณา แต่ยังมีผลต่อช่องทางการจัดจำหน่าย ฯลฯ อีกหลายมิติที่ผู้บริหารต้องคิดไปพร้อมๆกัน ”
ศิวัตร กล่าวว่า ถ้าจะรอเวลาให้ทุกอย่างคลี่คลายไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไร เพราะสถานการณ์ยากต่อการคาดเดาสถานการณ์ ฉะนั้นต้องตัดสินใจบนสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนก็ต้องมาปรับกันใหม่ ‘ไม่มี’อะไรผิดระวังถูก สิ่งที่ต้องระมัด ขณะนี้คงหนี้ไม่พ้นเรื่องงบประมาณ และการที่ซีอีโอออกมาสื่อสารด้วยตนเองอาจจะช่วยในการสร้างความเชื่อมั่นขึ้น เพราะเวลานี้ผู้บริหารต้องลงมือทำ ‘ไม่มี’ สูตรสำเร็จตายตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ตลท.พร้อมออกเกณฑ์รับความผันผวน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผิดไปจากสภาพปกติและมีความผันผวนสูง ตลาดหลักทรัพย์ฯตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการดำเนินการ สำหรับใช้กรณีที่มีเหตุที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อลดผลกระทบ รวมทั้งปรับปรุงเกณฑ์ Circuit Breaker เพิ่มโอกาสแก่ผู้ลงทุนให้มีเวลาวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น ดังนี้
1.กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรการดำเนินการเมื่อมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ (Market Disruption) โดยให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯตัดสินใจดำเนินมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างเป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น และกำหนดระยะเวลาบังคับใช้มาตรการชั่วคราวนั้น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
หน้าต่างโลก : โควิด 3 สายพันธุ์
กรมสรรพากร ตอบข้อสงสัย มาตรการภาษี ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ “โควิด-19”
คิง เพาเวอร์ รวมพลังฝ่าวิกฤติ สร้างเครือข่ายขายออนไลน์
2. การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ (Circuit Breaker) จาก 2 ระดับ เป็น 3 ระดับเป็นการถาวร โดยพบว่า ผลจากการใช้หลักเกณฑ์ชั่วคราวตั้งแต่ 18 มี.ค.63 ที่ผ่านมา เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมีเวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ดังนี้ เกณฑ์เดิมระดับที่ 1 เมื่อดัชนีลดลง 10% ให้หยุดการซื้อขาย 30 นาที และระดับที่ 2 หากดัชนีลงต่อจนถึง 20% ต้องหยุดการซื้อขายอีกครั้งเป็นเวลา 60 นาที ส่วนเกณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่เป็นดังนี้ ระดับที่ 1 หากดัชนีลดลง 8% ให้หยุดการซื้อขาย 30 นาที และระดับที่ 2 หากลงต่อจนติดลบ 15% ให้หยุดการซื้อขายอีกครั้งเป็นเวลา 30 นาที และระดับที่ 3 เมื่อกลับมาเปิดการซื้อแล้วดัชนียังลงจนลดลงถึง 20% ให้หยุดการซื้อขายอีก 60 นาที ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ทั้งสองเรื่องได้ผ่านการรับฟังความเห็นและความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เม.ย.63 เป็นต้นไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ฟุตซอลไทยลีกแจง ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดสนาม
ฝ่ายจัดฟุตซอลไทยลีก แจงโปรแกรมนัดเปิดสนาม จะรอว่าจะมีการขยายเวลา พรก.ฉุกเฉินอีกหรือไม่ แต่ยืนยันจะแจ้งให้สโมสรทราบก่อนนัดเปิดสนาม 4-6 สัปดาห์ รวมถึงโปรแกรมชิงแชมป์เอเชียและฟุตซอลโลกที่อาจจะมีการปรับเลื่อน
กระนั้นเบื้องต้นได้ขยายเวลาในการลงทะเบียนนักกีฬาไปเป็นวันที่ 30 เม.ย. ขณะเดียวกัน เพื่อบรรเทาภาระของสโมสรในช่วงวิกฤตนี้ สามารถปรับสัญญา หรือลดค่าตอบแทนนักกีฬา ตามความเหมาะสม ตามที่ฟีฟ่าแนะนำบริษัท ฟุตซอลไทยลีก จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังสโมสรสมาชิกถึงโปรแกรมนัดเปิดสนาม รวมถึงระยะเวลาในการขึ้นทะเบียนนักกีฬา และเรื่องอื่นๆ โดยมีข้อความดังนี้
เรื่อง แจ้งเพื่อทราบเงื่อนไขและกำหนดการการเปิดฤดูการแข่งขันเรียน ประธานสโมสรฟุตซอลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID – 19) ในประเทศไทยมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และสร้างผลกระทบกับทุกภาคส่วน ทำให้ภาครัฐประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินทั่วประเทศ ซึ่งทำให้การดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตซอลไทยลีก ประจำปี 2563 (Futsal Thaileague 2020) ไม่สามารถดำเนินการตามกำหนดที่วางไว้ได้ จึงใคร่ขอชี้แจงให้สโมสรสมาชิกทราบ ดังต่อไปนี้
1. ตามสถานการณ์ พรก.ฉุกเฉิน โรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID – 19) ที่ประกาศใช้ถึง 30 เมษายน 2563 นั้น ถ้าหากไม่มีการขยายเวลา พรก.ฉุกเฉินออกไป ฝ่ายจัดการแข่งขันจะแจ้งกำหนดการเปิดฤดูแข่งขันให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้สโมสรได้มีการเตรียมความพร้อมก่อนการแข่งขัน แต่ถ้ามีการขยายเวลา พรก.ฉุกเฉินเพิ่มเติม ฝ่ายจัดการแข่งขันจะแจ้งกำหนดการใหม่ให้ทราบล่วงหน้าตามสถานการณ์
นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขัน จะพิจารณาถึงกำหนดการแข่งขัน ฟุตซอลรายการ AFC Futsal Championship 2020 ของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) และ FIFA Futsal World Cup 2020 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ที่อาจมีการปรับเลื่อน เมื่อได้รับแจ้งภายในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยจะมีการแจ้งโปรแกรมการแข่งขันที่สอดคล้องโดยรวมให้ทราบต่อไป
2. ขยายเวลาการลงทะเบียนรายชื่อนักกีฬา เจ้าหน้าที่ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นวันที่ 30 เมษายน 2563
3. สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ (FAT) ได้เสนอแนะแนวทางในการหาทางออกร่วมกัน เพื่อบรรเทาภาระของสโมสรสมาชิกในสถานการณ์เช่นนี้ นักกีฬา เจ้าหน้าที่ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในการปรับสัญญาโดย
การพิจารณาปรับลดค่าตอบแทนตามความเหมาะสมหรือตามความจำเป็นของแต่ละสโมสร
หากมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อื่นใด ฝ่ายจัดการแข่งขันจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
IDC เผยยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในไทย ลดลง 5.5% เทียบกับปี 2561
เผยตัวเลขผลสำรวจล่าสุดของ ไอดีซี (IDC) พบยอดขายสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยอดลงลงกว่า 5.5% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดย ซัมซุง และ หัวเว่ย มียอดตก ขณะ รีโว่ โตมากสุด…
IDC เผย Samsung และ Huawei ยอดจำหน่ายลด ขณะ Vivo โตมากสุด
ในปี 2020 นี้ การแข่งขันของตลาดมือถือแม้จะดูดุเดือด เพราะหลายแบรนด์ต่างแข่งขันกันด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของกล้องที่นัวันจะแทนกล้องดิจิทัลแบบโปรฯได้มากขึ้น โดยมีแบรนด์จีนต่างๆ เป็นตัวแปร่ในการลักดันตลาด เพราะจัดหนักทั้ง สเปค+ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก
และคาดการณ์กันว่าสถาการณ์การแข่งขันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น…แต่ล่าสุดจากการเปิดเผยจากทาง “ไอดีซี” (IDC) บริษัทที่ปรึกษา และวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก กับชี้ว่าแบรนด์ที่เคยเป็นเจ้าตลาดในประเทศไทย อย่าง ซัมซุง (Samsung) และหัวเว่ย (Huawei) กำลังมียอดจำนหน่ายลดลง ขณะที่แบรนด์จีนอื่น ๆ กลับเติบโต
โดยทาง ไอดีซี เผยว่า ภาพรวมของตลาดมือถือในประเทศไทยนั้นมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 18.2 ล้านเครื่อง ในปี 2562 ที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งทางการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยแม้ว่าทาง ซัมซุง (Samsung) จะยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 24%
แต่กลับมีอัตราจำหน่ายลดลงกว่า 5% (เทียบปีต่อปี) ซึ่งคาดว่าเนื่องจาก ซัมซุง ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการจำหน่ายสมาร์ทโฟนในซีรี่ย์ “J” ซึ่งเป็นรุ่นขายดีในปี 2561 แต่ให้น้ำหนักเน้นในรุ่นซี่รี่ย์ “A” ที่เป็นรุ่นที่มีสเปค และราคา ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในตลาด โดยมี Samsung A10 และ A10s เป็นเรือธงที่ขายดีที่สุดในปี 2562 ที่ผ่านมา
ขณะที่แบรนด์จีนที่เคยตามจี้ซัมซุง อย่าง หัวเว่ย (Huawei) เอง ก็มียอดขายลดลงถึง 28% (เทียบ ปีต่อปี) โดยสาเหตุหลัก ๆน่าจะมาจากการที่ยังไม่สามารถปล่อย Huawei AppGallery ที่มีแอปพลิเคชั่น ที่จะมาทดแทนแอปพลิเคชั่นจาก กูเกิล (Google Services) อาทิ YouTube, Maps, Gmail, Drive
หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่นอื่น ๆ จาก Google Play ได้นั่นเอง แม้ว่าทาง หัวเว่ยจะออกมายื่นยันแล้วก็ตามว่าในรุ่นก่อนหน้าที่จะเกิดประเด็นข้อพิพาทกับทางสหรัฐฯ จะยังสามารถใช้บริการจาก Google Services ได้อยู่เช่นเดิม แต่ก็สร้างความไม่เชื่อมั่นในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยไม่น้อย
เพราะรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกมา แม้จะมีฟีเจอร์ และสเปคเทพ มากแค่ไหนก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในตลาดไทยกับมาใช้ได้มากเท่าที่ควร อย่างไรก็ดีรุ่นที่มียอดขายดีของหัวเว่ย ในช่วงปี 2562 นั้น คือ Huawei Y7 Pro และ Huawei nova 4
ด้าน แอปปิ้ล (Apple) ที่ปล่อย “ไอโฟน” (iphone) ซีรี่ย์ 11 ที่มาพร้อมกล้อง และสเปคเทพ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max บวกกับ ค่าเงินบาท ที่แข็งขึนทำให้ราคาของ ไอโฟน อยู่ในระดับที่น่าสนใจ จนทำให้สามารถสร้างยอดขายโตขึ้นถึง 22% (เทียบปีต่อปี)
ขณะทีแบรนด์จีนอย่าง ออปโป้ (OPPO) ในปีที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นมากถึง 14% (เทียบปีต่อปี) เนื่องจากสามารถพัฒนาความร่วมมือกับค่ายโทรคมนาคมของไทย ทำให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจากรุ่น OPPO A5 และ OPPO A5s ที่ขายในราคาย่อมเยา และขายดีที่สุดมากที่สุดของปี 2562
โดยจากผลสำรวจยังพบว่าแบรนด์สมาร์ทโฟนที่สามารถสร้างยอดขายเพิ่มมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา คือ วีโว่ (Vivo) โดยสามารถสร้งยอดจำนหน่ายได้มากถึง 23% (เทียบปีต่อปี) โดยหลังจากที่ได้ขยายความร่วมมือเพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายร่วมกับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม และการทำตลาดในราคาที่ย่อมเยาในซีรี่ย์ “Y” ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ Vivo Y91 และVivo Y11
ขณะที่ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลบวกกับยอดขายนั้น ได้แก่ ผู้ให้บริการโทนคมนาคมในประเทศไทย อย่าง เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เปลี่ยนกลยุทธ์จากเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องเอง ไปเป็นในรูปแบบของความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลก รวมไปถึงแบรนด์จีนแทน และสามารถทำราคาเครื่องให้มีราคาถูกลง
รวมไปถึงการเปลี่ยนไปในอยู่รูปแบบของการขายเครื่องพร้อพ่วงสัญญารายเดือนแทน ทำให้ยอดขายของสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นจากช่องทางของผู้ให้บริการทางดด้านโทรคมนาคมอีกทาง อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากยอดขายรวมทั้งหมดจากทุกแบรนด์ (Samsung, Huawei, Apple iphone, OPPO และVivo)
ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย กลับมียอดจำหน่ายรวมลดลงถึง 5.5% ด้วยกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะการแข่งขัน สเปคเครื่องที่ยังรองรับเทคโนโลยีที่อยู่ได้ และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยจึงชะลอในการเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่ลง
ขอบคุณข้อมูลจาก itday.in.th
10 วิธีเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้เก่งเร็วๆ
การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก เป็นภาษาที่เข้าถึงและเรียนรู้ได้ง่าย ด้วยความที่มีคำถึง 750,000 คำ และวิธีการสะกดแบบปราบเซียน การเรียนภาษาอังกฤษให้เร็วทันใจอาจดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ขอบอกเลยว่าไม่จริง – เพียงแค่ต้องมีกลวิธีที่ถูกต้องเท่านั้นแหละ
ลองดู 10 วิธีให้เรียนภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นเป็นการเริ่มต้น รับรองเอาอยู่แน่นอน
- อ่านทุกอย่างที่จะอ่านได้
นิยายคลาสสิก, พอกเก็ตบุ้ค, หนังสือพิมพ์, เว็บไซต์, อีเมลล์, โซเชียลมีเดีย, กล่องซีเรียล: ถ้ามีภาษาอังกฤษ ทำไมไม่ลองอ่านดูล่ะ ในเนื้อหาพวกนี้มีทั้งคำใหม่และคำที่รู้อยู่แล้ว จะช่วยให้เลเวลอัพได้เร็วขึ้น การเห็นคำพวกนี้ผ่านตาบ่อยๆทำให้ได้ตัวอย่างการใช้ในบริบทต่างๆ จะช่วยเน้นย้ำคำศัพท์พวกนี้ให้ขึ้นใจ แถมการเรียนรู้คำและสำนวนใหม่ๆนั้นเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างคลังแสงคำศัพท์ของคุณ โดยเฉพาะในภาษาอย่างภาษาอังกฤษที่มีคำเยอะแยะไปหมด! แต่ไม่ใช่แค่อ่านแล้วก็จบเลย ขั้นต่อไปต้อง…
- จดโน้ตคำศัพท์ใหม่ๆอยู่เสมอ
มันก็น่าอยู่ว่าทำไมวิธีนี้ถึงเป็นวิธีคลาสสิค: เพราะมันได้ผลไงล่ะ! เมื่อกำลังเรียนภาษาเรามักจะเรียนคำหรือสำนวนใหม่ๆจนเพลินแล้วนึกว่าคงไม่ลืมหรอก แต่เชื่อเถอะว่าของยังงี้ไม่ใช่จะจำได้หมดในครั้งเดียว เพื่อการนี้ลองพกสมุดโน้ตเก๋ๆให้เป็นนิสัย หรือลองใช้แอป Evernote เมื่อไหร่ที่ได้ยินหรืออ่านคำหรือคำนวนใหม่ก็จดลงไปพร้อมกับบริบทของคำนั้นด้วย: คือจดทั้งประโยคและความหมาย เวลาทบทวนจะได้ไม่ต้องคอยถามตัวเองว่า “ตกลงคำ/สำนวนนี้มันแปลว่าอะไรนะ”
- คุยกับคนตัวเป็นๆ
ภาษาจะมีไว้ทำไมถ้าไม่ได้ใช้สื่อสาร จริงอยู่ว่าคนเรานั้นช่างเม้าถึงขั้นไม่ต้องเปิดปากก็เม้าได้ – ต้องขอบคุณไลน์ – แต่เมื่อเอาเข้าจริง การพูดคุยจริงๆทำให้ช่วยจำได้ดีกว่าการพิมพ์มาก ลองนึกดูว่ามีคนซักกี่คนที่บอกว่าตัวเอง “เข้าใจภาษาอังกฤษแต่พูดไม่ได้” หลายๆคนที่มีแววจะพูดอังกฤษได้ทำให้การพูดกลายเป็นกำแพงกั้นที่ไม่อาจข้ามได้ อย่าเป็นแบบนั้น ลองหาเจ้าของภาษาเพื่อแลกเปลี่ยนแบบเล่นๆ สมัครเรียน หรือเรียนออนไลน์ดู
- ติดตามพอดแคสหรือยูทูปแชเนล
ไม่ว่าจะชอบเรื่องขำขัน การเมือง บลอก การทำอาหาร มีพอดแคสหรือแชเนลยูทูปภาษาอังกฤษสำหรับคุณแน่นอนด้วยหัวข้อที่ครอบคลุมอย่างไม่น่าเชื่อ ลองติดตามสักสองสามอันแล้วฟังระหว่างขับรถหรือดูระหว่างทางไปโรงเรียนหรือไปทำงาน แรกๆอาจจะรู้สึกว่าสำเนียงเจ้าของภาษาฟังยาก แต่พยายามต่อไปจะเริ่มฟังออกเอง (แถมยังได้เรียนคำใหม่ๆจากเจ้าของภาษาด้วย)
ถ้ามีวิธีการไหนดีไปกว่าการเรียนภาษาอังกฤษด้วยการฝังตัวเองในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเราก็อยากจะรู้เหมือนกัน! ไม่ใช่ความลับว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาที่มีคนใช้มากที่สุดในโลก จึงมีประเทศให้เลือกมากมาย คุณสามารถเลือกบรรยากาศการเรียนในฝันได้ทั้งจาก สถานที่, อากาศ หรือเมืองที่ชอบ อย่าง ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา และแอฟริกาใต้
- เรียนผ่านเพื่อน
มีเพื่อนที่โพสเป็นภาษาอังกฤษออนไลน์บ้างมั้ย อย่าได้ปล่อยผ่าน: ลองดูว่าพวกเขาแชร์อะไร และพยายามอ่านดูวันละโพสสองโพส อาจจะเป็นข่าว, บทความจากนิตยสาร, วิดีโอ, บทสนทนา, บลอก, เพลง หรืออะไรก็แล้วแต่: ถ้ามันเป็นภาษาอังกฤษ และมันน่าสนใจ มันจะช่วยได้!
- ถามเยอะๆเข้าไว้
ปลาหมออาจตายเพราะปาก แต่สำหรับคนกำลังเรียนภาษานั้นยิ่งถามเยอะยิ่งเก่งเร็ว! เมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษคุณจะมีคำถามมากมายก่ายกอง อย่ามัวแต่นั่งมึน – ทำตัวอยากรู้อยากเห็นแล้วหาทางตอบคำถามเหล่านั้น! ถ้าคุณอยู่ในชั้นเรียนภาษาลองถามครูดู (มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาอยู่แล้ว) แต่ถ้าคุณเรียนด้วยตนเองก็อย่ากังวล: หาคำตอบจากบลอกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับภาษา ถามผู้เรียนคนอื่นๆ หรืออ่านจากเว็บฟอรัม รับรองไม่เสียแรงเปล่า!
- เดินตามรอยดารา
ลองเปลี่ยนวิธีการเรียนด้วยการเลือกดารานักร้องที่พูดภาษาอังกฤษที่ชื่นชอบ แล้วค้นออนไลน์ หาบทสัมภาษณ์ที่พวกเขาให้ไว้ – แล้วลองดู! ดูครั้งแรกให้พอรู้เรื่อง แล้วดูอีกครั้ง คราวนี้จดคำหรือสำนวนที่น่าสนใจที่คุณได้ยิน คำสแลง, เรื่องเล่า, มุกตลก หรือเกล็ดความรู้ที่ได้จากการให้สัมภาษณ์เหล่านี้จะเป็นบทเรียนที่ดีเยี่ยม
- เริ่มจากเรื่องที่จำเป็น
การเรียนภาษาอังกฤษจะไปได้เร็วกว่ามากถ้าคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร ถ้าคุณกำลังจะไปแลกเปลี่ยนก็เน้นคำศัพท์เกี่ยวกับการเรียน ถ้ากำลังจะไปงานสมนาต่างประเทศก็เน้นเรื่องการสนทนาไว้คุยกับเพื่อนร่วมงาน ไปในช่วงพักระหว่างม.ปลายกับมหาลัยก็เน้นคำคัพท์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ถ้าคุณเริ่มเรียนภาษาอังกฤษโดยหวังจะเรียนรู้ได้ทุกอย่างราวกับมีเวทมนตร์ มีแต่จะหมดกำลังใจและสับสนเสียเปล่า ซึ่งนำไปสู่…
- อย่าโมโหตัวเองถ้าทำพลาด
เมื่อรู้สึกว่าเรียนแล้วไม่ได้อะไร – ซึ่งเป็นกันได้ทุกคน – อย่าพูดว่า “ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ได้” หรือ “ฉันคงไม่มีวันเข้าใจ” ที่จริงแบนคำพวกนี้จากสารระบบไปเลย! มันมีแต่จะทำให้มองไม่เห็นว่าตัวเองพัฒนาไปแค่ไหนแล้ว แถมยังทำให้เชื่อว่าความฝันที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ไม่มีวันเป็นจริง ลองแทนด้วย “ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษและพัฒนาไปทุกๆวัน” “มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันคุ้มค่า” “ฉันดีขึ้นมากเทียบกับ 6 เดือนก่อน” และประโยคอื่นๆเพื่อเตือนตัวเองให้มองเห็นภาพรวม
ขอบคุณข้อมูลจาก ef.co.th
แนะสงกรานต์ควรงดรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ
งดกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในช่วงวันสงกรานต์ แนะแสดงกตัญญูทางไกลดีที่สุด ป้องกันโควิด-19
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ข้อมูลทั้งในและต่างประเทศตรงกันว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ยิ่งเป็นผู้สูงอายุอัตราการเสียชีวิตยิ่งสูง โดยข้อมูลของประเทศไทย พบว่า ช่วงอายุ 60-69 ปี มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 149 ราย เสียชีวิต 1 ราย คิดเป็นอัตรา 0.7% ช่วงอายุ 70-79 ปี มีผู้ป่วย 57 ราย เสียชีวิต 6 ราย คิดเป็นอัตรา 10.5% ช่วงอายุ 80 ปีขึ้นไป มีผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 2 ราย คิดเป็นอัตรา 16.7% และผู้เสียชีวิตจำนวน 20 ราย เป็นผู้สูงอายุ 9 ราย เรียกว่าเสียชีวิตเกือบครึ่งหนึ่ง คือ 45% ขณะที่กลุ่มที่ติดเชื้อรายใหญ่ของประเทศ 70% มาจากกลุ่มอายุ 20-39 ปี ซึ่งยังเป็นวัยทำงาน กลุ่มลูกหลานที่มีโอกาสนำเชื้อไปติดผู้สูงอายุในบ้านได้ จึงอยากสื่อสารทำความเข้าใจเรื่องนี้
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ทั้งนี้ ตัวผู้สูงอายุเองควรงดออกจากบ้าน ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานและหลังเข้าห้องน้ำ ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก กินร้อน ใช้ช้อนกลางส่วนตัว แยกสำรับอาหาร แยกของใช้จำเป็น ควรเว้นระยะห่างจากบุตรหลานและผู้อื่น 1-2 เมตร ใช้ช่องทางอื่น ในการติดต่อสื่อสารกับบุตรหลาน เช่น โทรศัพท์ ไลน์ และช่วงนี้ที่ไม่สามารถออกไปร่วมกิจกรรมผู้สูงอายุแบบเดิม ในครอบครัวก็ต้องหาสิ่งที่ทำให้มีความเพลิดเพลิน เช่น อ่านหนังสือ อ่านข่าวติดตามสถานการณ์ ฟังรายการหรือชมรายการที่ชอบ มีการพูดคุยในครอบครัวเพื่อให้ไม่ตึงเครียด เช่น อะไรที่ยังเป็นข่าวลือ เป็นต้น
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า ช่วง เม.ย.นี้จะมีเทศกาลสงกรานต์ จึงขอแนะนำว่า บุตรหลานที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ควรเดินทางข้ามไปหาพ่อแม่ช่วงเทศกาลนี้ จะดีกว่าถ้าพวกเราต่างอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง และหาวิธีการสื่อสารกับพ่อแม่ในประเพณีนี้ ส่วนคนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน แต่ยังทำงานนอกบ้าน ต้องทำตามข้อแนะนำอย่างเข้มงวด ต้องระวังให้มาก เพราะท่านจะกลับมาบ้านที่มีผู้สูงอายุ ควรถอดรองเท้าล้างมือให้สะอาด เดินเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ค่อยออกมามีปฏิสัมพันธ์ หากในบ้านมีผู้สูงอายุเจ็บป่วยอาจต้องสวมหน้ากากผ้าเพิ่ม และเลี่ยงการออกไปนอกบ้านเท่าที่ทำได้
“คนที่บ้านต้องเอาใจใส่อย่างยิ่ง ไม่นำไปสู่ความเสี่ยง เพราะทุกครั้งที่กลับเข้าบ้านถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่นำเชื้อไปสู่ผู้สูงอายุ ซึ่งหากผู้สูงอายุป่วยก็จะมีความเสี่ยงอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ขอคนที่จะกลับมาจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง ขอร้องให้ไปอยู่ในที่ควบคุมเฝ้าระวังอาการ 14 วัน จนมั่นใจแล้วค่อยกลับบ้าน เพื่อจะได้ปลอดภัยทั้งคนเดินทางกลับและคนในบ้าน” พญ.พรรณพิมลกล่าว
พญ.พรรณพิมลกล่าวว่า สำหรับการรดน้ำดำหัวนั้นไม่แนะนำ เพราะมีความเสี่ยงที่จะอยู่ใกล้ชิด และผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะนำน้ำนั้นมาลูบใบหน้า ลูบตัว รวมถึงลูบ หรือพรมให้กับลูกหลาน ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงได้ ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันผู้สูงอายุ แนะนำให้สวมหน้ากากกันทุกคนและกราบขอพร รับพรกันอยู่ห่างๆ ก็พอ ทั้งนี้ หากเราอดทนที่จะไม่อยู่ใกล้ชิดกันในระยะนี้เชื่อว่าเราจะสามารถผ่านสถานการณ์โรคระบาดไปในเวลาไม่นาน แต่ถ้ายังแสดงความรัก ความใกล้ชิดกันแบบนี้สถานการณ์จะลากยาวออกไป เพราะมีการพบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ในกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะในบ้าน ส่วนคนที่อยู่ไกลให้โทร.อวยพร แสดงความกตัญญูทางไกลแทน และอย่าลืมอธิบายให้ผู้สูงอายุเข้าใจด้วยว่า ทำไมรูปแบบการแสดงความใกล้ชิดถึงเปลี่ยนไปในช่วงนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
2 เมนูอร่อยจากผักริมรั้ว ทำง่ายกินได้ทุกวัน
สำหรับเมนูผักๆ เมื่อนำมาผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ แล้วช่วยสร้างความอร่อยได้เยอะเลย แม้แต่ผักริมรั้วก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้ สำหรับบ้านไหนที่ชอบปลูกผักไว้ ลองปลูกผักริมรั้วไว้กินก็ดีไม่น้อยเป็นการประหยัดและไม่ต้องออกจากบ้านไปเสี่ยงโรคอีกด้วย และวันนี้เราก็มี 3 เมนูผักริมรั้วมาฝากกันรับรองว่าทำง่ายมาก
1.เมนูดอกโสนผัดแหนม
ดอกโสนไม่จำเป็นว่าต้องเอาไปต้มๆ หรือใส่ในแกงส้มเท่านั้นแต่สามารถนำมาผัดได้ อย่างเมนูดอกโสนผัดแหนมเป็นอีกเมนูอรอ่ยที่กินเข้ากันกับข้าวสวย
ส่วนผสมดอกโสนผัดแหนม
-แหนมหั่นชิ้น 100 กรัม
-ดอกโสน 100 กรัม
-พริกขี้หนู 7เม็ด
-กระเทียม 5 กลีบ
-ซอสเห็ดหอม 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
-ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
-ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
-น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำดอกโสนผัดแหนม
1. โขลกพริกขี้หนู กระเทียม พอแหลกตักขึ้นพักไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดพอหอม ใส่แหนมลงผัดพอสุก
3. ใส่ดอกโสนลงผัดพอสุก ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว เติมน้ำเปล่าผัดพอเข้ากัน ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ
—
2.เมนูไข่เจียวผัก 3 อย่าง
ไข่เจียวเป็นเมนูที่กินง่ายและทำง่ายสุด เปลี่ยนไข่เจียวเดิมๆ ด้วยการเพิ่มผักลงไปก็เป็นการเติมคุณค่าของสารอาหารและเพิ่มรสชาติของไข่เจียวให้อร่อยมากยิ่งขึ้น
ส่วนผสมไข่เจียวผัก 3 อย่าง
-ไข่ไก่ 2 ฟอง
-ดอกโสน 20 กรัม
-ชะอม 15 กรัม
-เห็ดนางฟ้า 20 กรัม
-ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
-น้ำปลา 1 ช้อนชา
-พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
-ซอสพริก
-น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำไข่เจียวผัก 3 อย่าง
1. ล้างดอกโสนและชะอมให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ ฉีกเห็ดนางฟ้าให้เป็นเส้น
3. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ตีให้แตก ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม น้ำปลา และพริกไทยป่น ใส่ดอกโสน ชะอม และเห็ดนางฟ้า ผสมให้พอเข้ากัน
4. ใส่น้ำมันพืชในกระทะตั้งไฟพอร้อน ใส่ไข่ลงทอดให้สุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน ปิดไฟยกลง ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟพร้อมซอสพริก
ขอบคุณข้อมูลจาก numberssd.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,000.00 | 26,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,684.00 | 25,529.44 | 26,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,515.60 | 22,976.50 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,347.20 | 20,423.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 758.00 | 11,491.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 589.00 | 8,929.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,745.00 | 26,454.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/04/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 | 17.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 | 17.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 15.24 | 15.24 | 15.24 | 15.24 | 15.24 | – | 15.24 | 15.24 | 15.24 | 15.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 14.84 | 14.84 | – | – | – | – | – | 14.84 | – | – |
เบนซิน 95 | 25.06 | – | – | – | 25.51 | – | 25.56 | 25.06 | – | 25.06 |
ดีเซล | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 | 20.19 |
ดีเซล B10 | 17.19 | 17.19 | 17.19 | 17.19 | 17.19 | 17.19 | 17.19 | 17.19 | – | 17.19 |
ดีเซล B20 | 16.94 | 16.94 | 16.94 | 16.94 | 16.94 | – | 16.94 | 16.94 | – | 16.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 24.04 | 24.06 | 26.04 | 25.74 | 26.04 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |