สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2562

วิภาวดีรังสิต : ประตูเชื่อมการค้าภูมิภาค ลงทุนคอนโด-ออฟฟิศ อนาคตสดใส

โครงการลุมพินี พาร์ค วิภาวดี จตุจักร

ศูนย์กลางเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานครกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นผลจากการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ และโครงข่ายคมนาคมที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า พื้นที่ไข่แดงที่เรียกกันว่า CBD (Central Business District) จะยังคงเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองซึ่งประกอบด้วย สีลม สาทร วิทยุ เพลินจิต สุขุมวิทตอนต้น และจะขยายไปที่พระราม 4 เมื่อการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่หลายโครงการมูลค่ารวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น One Bangkok, ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค, สามย่านมิตรทาวน์ และเดอะ ปาร์ค เริ่มทยอยสร้างเสร็จและเปิดให้บริการ

แต่ด้วยโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น และได้ขยายออกสู่พื้นที่เมืองชั้นกลางและชานเมือง ได้เปิดพื้นที่รอยต่อให้มีศักยภาพในการเป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรมมากยิ่งขึ้น เราจึงได้เห็น ว่าที่ CBD แห่งใหม่ในย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 ที่ขยายตัวมาจากการเชื่อมโยงด้วยรถไฟฟ้า MRT กลายเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ และที่พักอาศัยที่หนาแน่นขึ้น รวมไปถึงการ refresh พื้นที่ย่านถนนวิภาวดีด้วยอานิสงส์ของศูนย์คมนาคมพหลโยธิน หรือที่เรียกกันว่าสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางในการเดินทางรถ-รางแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้พื้นที่ในย่านหมอชิต ห้าแยกลาดพร้าว และวิภาวดีรังสิต จะกลับมาดูดีมีราคามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ทำธุรกิจทำไมต้องเลือก ‘วิภาวดีรังสิต’

ถนนวิภาวดีรังสิตถือเป็น superhighway เส้นทางหลักและเป็น gateway สู่หัวเมืองทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านการค้าขายกับประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ด้วยเส้นทางรถยนต์ รถไฟทางคู่ รวมไปถึงรถไฟความเร็วสูงในอนาคต ทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับทุกภูมิภาคทั้งในประเทศ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการเดินทางโดยเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ที่สำคัญยังสามารถเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญในอนาคต อย่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ด้วยรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา)

ทำเลวิภาวดีรังสิต จึงเป็นจุดเชื่อมต่อด้านการค้าการลงทุนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร หรืออาจจะกล่าวได้ว่าถนนวิภาวดีรังสิต กำลังยกระดับเป็นถนนธุรกิจแห่งใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ด้านของราคาที่ดินบริเวณ 2 ฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นอีกหลายระดับในอนาคต หากการก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมเสร็จสมบูรณ์ พร้อมเปิดให้บริการของศูนย์คมนาคมพหลโยธิน โดยราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์รอบปี 2559-2562 ถนนวิภาวดีรังสิตที่อยู่ในพื้นที่เขตห้วยขวาง พญาไท ดินแดง มีราคาอยู่ที่ 2.2 แสนบาท/ตร.ว. ถนนวิภาวดีรังสิต ในเขตจตุจักร ราคาอยู่ที่ 1.5-2.6 แสนบาท/ตร.ว. และถนนวิภาวดีรังสิต ในเขตดอนเมือง ราคาอยู่ที่ 1.2 แสนบาท/ตร.ว.

ความต้องการออฟฟิศ-คอนโดเพิ่ม

ด้วยศักยภาพของทำเลที่จะถูกยกระดับเป็น gateway ด้านการค้าการลงทุนในอนาคต จะทำให้ความต้องการพื้นที่อาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียมพักอาศัยมีเพิ่มขึ้นด้วย จากข้อมูลของบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (เจแอลแอล) ระบุว่า ในกรุงเทพฯ มีพื้นที่อาคารสำนักงานรวม 8.9 ล้าน ตร.ม. โดยมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ไม่ถึง 9% และมีราคาค่าเช่าปรับขึ้นต่อเนื่องตลอด 7 ปีที่ผ่านมา

ส่วนในย่านวิภาวดีมีสำนักงานให้เช่าอยู่ประมาณ 24 อาคาร รวมพื้นที่ 580,000 ตร.ม. อัตราการเช่าอยู่ที่กว่า 90% มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 750 บาท/ตร.ม./เดือน ซึ่งตลาดยังมีความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานอยู่มาก ขณะที่คู่แข่งในตลาดมีอยู่น้อยมาก

ขณะที่ข้อมูลจากการสำรวจของสำนักวิจัย LPN (LPN Wisdom) ระบุว่า จากความต้องการพื้นที่สำนักงานที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีโครงการพัฒนาอาคารสำนักงานมากขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ต่อชั้นประมาณ 1,000 ตร.ม. ขึ้นไป

อย่างไรก็ดี รูปแบบพื้นที่สำนักงานที่เติบโตเร็วที่สุดประเภทหนึ่งตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันคือ พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Space) และออฟฟิศสำเร็จรูป (Serviced Office) ขนาดเล็ก ซึ่งเพิ่มจาก 20 แห่ง จนมีมากกว่า 100 แห่ง สอดคล้องกับแนวโน้มการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น และการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อย โดยเฉพาะธุรกิจ E-commerce และ Trading รวมถึงธุรกิจการให้บริการทางวิชาชีพ (Professional Service)

ดังนั้น อาคารสำนักงานที่มีพื้นที่ต่อหน่วยไม่ใหญ่มาก (ไม่เกิน 300 ตารางเมตร) ตั้งอยู่บนเส้นทางคมนาคมที่สะดวก ใกล้กับย่านพักอาศัย รวมถึงใกล้กับศูนย์กลางธุรกิจ ในอัตราค่าเช่าที่ไม่สูงเกินไป จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการสำนักงานที่ยังเป็นช่องว่างทางการตลาดได้

ออฟฟิศคอนโด ทางเลือกการลงทุน 

ที่ผ่านมาเรามักจะคุ้นเคยกับอาคารสำนักงานหรือออฟฟิศที่ให้เช่าเป็นรายเดือน คิดอัตราค่าเช่าเป็นตารางเมตร/เดือน ซึ่งในปัจจุบันราคาค่าเช่าออฟฟิศเกรดเอในย่านกลางเมืองสูงถึงกว่า 1,000 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน ขณะที่อาคารสำนักงานที่อยู่นอกเขต CBD จะมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ 500-700 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน

แต่ยังมีออฟฟิศอีกประเภทหนึ่งเป็นออฟฟิศที่พัฒนามาเพื่อขายในรูปแบบคอนโดมิเนียมออฟฟิศ พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นออฟฟิศขายขาดที่มีนิติบุคคลบริหารโครงการแบบคอนโด ข้อดีของออฟฟิศแนวนี้ก็คือ ผู้ซื้อได้ออฟฟิศที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง มีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารจัดการโครงการในฐานะเจ้าของร่วม โดยมีอัตราการผ่อนที่ใกล้เคียงกับการเช่ารายเดือนยกตัวอย่าง ถ้าจะเช่าออฟฟิศขนาด 50 ตร.ม. ในอัตราค่าเช่า 750 บาท/ตร.ม./เดือน จะต้องเสียค่าเช่าเดือนละ 37,500 บาท แต่ถ้าซื้อออฟฟิศคอนโด 50 ตร.ม. ราคา ตร.ม. ละ 100,000 บาท เท่ากับได้กรรมสิทธิ์ออฟฟิศในราคา 5 ล้านบาท ผ่อนธนาคาร 20 ปี ในอัตราดอกเบี้ย 7% จะผ่อนต่อเดือน 42,000 บาท ต่างกันไม่กี่พันแต่ได้กรรมสิทธิ์เป็นทรัพย์สินของตัวเอง ถือว่าคุ้มค่ากว่าในระยะยาว

นอกจากนี้ ออฟฟิศคอนโดยังมีราคาถูกกว่าโฮมออฟฟิศที่วันนี้ขายกันในหลัก 10 ล้านบาทอัพ หรือถ้าถูกลงมาหน่อยก็ไม่ได้อยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการทำธุรกิจ และถ้าจะลงทุนสร้างเองยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงินลงทุน 5-10 ล้านบาท อาจจะยังไม่พอออฟฟิศคอนโด จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจให้กับเจ้าของธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการมีออฟฟิศเป็นของตัวเอง หรือนักลงทุนที่ซื้อไว้ปล่อยเช่า ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นผลตอบแทนจากค่าเช่าจะอยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี

ตอบโจทย์ทั้งธุรกิจและการอยู่อาศัย

เมื่อกลางปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) ได้เปิดตัวโครงการลุมพินี พาร์ค วิภาวดี จตุจักร อาคารชุดพักอาศัย สูง 21 ชั้น 1 อาคาร รวมห้องชุดจำนวน 736 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยราคาเปิดขายเฉลี่ยที่ 110,000 บาทต่อ ตร.ม. ขนาดเริ่มต้นที่ 24 ตร.ม. ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขายแล้วกว่า 90%

และในบริเวณเดียวกัน บริษัทได้เตรียมพัฒนาโครงการลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร (A และ B) โดยมุ่งเน้นจับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่า ทำให้พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ขณะที่อาคารสำนักงานจะเปิดให้เช่าพื้นที่และขายในเร็วๆ นี้ โดยจะแบ่งเป็น อาคาร A สูง 21 ชั้น มีพื้นที่ประมาณ 16,000 ตร.ม. โดยราคาเปิดขายเฉลี่ยที่ 125,000 บาทต่อ ตร.ม. เบื้องต้นจะมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 800-850 บาทต่อ ตร.ม. ส่วนอาคาร B สูง 18 ชั้น เป็นอาคารสำนักงานในรูปแบบออฟฟิศคอนโด ขนาดพื้นที่ 60 ตร.ม. ขึ้นไป เป็นขายกรรมสิทธิ์ขาดในราคาเฉลี่ย 100,000 บาทต่อ ตร.ม.

นอกจากโครงการจะตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงแล้ว การออกแบบโครงการยังเป็นไปออกแบบตามมาตรฐานอาคารเขียว ที่คำนึงถึงการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มีการส่งเสริมประสิทธิภาพและสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้งานอาคาร ผ่านการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุที่มีมลพิษต่ำ และการก่อสร้างที่มีมาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความสบายในการทำงาน และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เป็นการประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com


คอนโดมิเนียมล้นตลาดแบกสต๊อกหลังแอ่น

นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย หรือทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี คาดปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีสต๊อกคอนโดมิเนียมสะสมเพิ่มขึ้นอีก 25% จากเดิมประมาณ 10% หลังถูกกระทบจากมาตรการควบคุมเข้มสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ซบเซา จนมีการคาดการณ์ว่าจะปรับลดเป้าหมายการเติบโตจากต้นปี เช่นเดียวกับจีนซึ่งเป็นผู้ลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมก็มีปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ต้องระบายสต๊อกบางพื้นที่ เน้นเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

“หลังจากรัฐได้ออกมาตรการเฉพาะหน้า ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.-31 ธ.ค.62 เพื่อกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อลดการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก และผลจากการควบคุมสินเชื่อเก็งกำไร คาดว่าในระยะสั้นๆจะปรับตัวดีขึ้นในส่วนของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยประเมินว่าทั้งปี 2562 มูลค่าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ลดลงประมาณ 48,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการดูดซับ หรือโอนกรรมสิทธิ์ลดเหลือเพียง 75% จากปกติอยู่ที่ 90% โดยตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ถึงเป็นแหล่งอสังหาริมทรัพย์สำคัญของไทย ในปี 2561 ที่ผ่านมามีมูลค่า 320,000 ล้านบาท คิดเป็น สัดส่วน 2.4% ของจีดีพี”

นอกจากนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีได้ประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งแยกออกเป็น 3 กลุ่ม ตามลักษณะของผู้ซื้อ คือ กลุ่มที่ 1 ผู้อยู่อาศัยเอง คิดเป็นสัดส่วน 60% ของการซื้อรวม ถูกกระทบจากปัจจัยกำลังซื้อภาวะเศรษฐกิจ ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น และราคาคอนโดมิเนียมที่อยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราการดูดซับลดเหลือเพียง 85% ส่วนกลุ่มที่ 2 ผู้ซื้อคนไทยที่ต้องการเก็งกำไร คิดเป็นสัดส่วน 10% ของการซื้อรวม ในกลุ่มนี้จะหมายถึงผู้ซื้อคนไทยที่ซื้อคอนโดมิเนียมเป็นยูนิตที่ 2 และ 3 เป็นต้นไป รวมถึงกลุ่มที่ 3 คือ ผู้ซื้อเพื่อปล่อยเช่าในระยะยาว สัดส่วน 30% ของการซื้อรวม จะได้รับผลกระทบทั้งจากภาวะเศรษฐกิจของผู้ซื้อทั้งของไทยและต่างชาติ และมาตรการแอลทีวี ทำให้ขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ได้ยากขึ้น ทำให้อัตราการดูดซับลดลงจาก 90% เป็น 70%.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ไพบูลย์ แนะรัฐบาลใหม่ เร่งสร้างความมั่นใจนักลงทุน

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัดเปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดทุน มีความคาดหวังเชิงบวกต่อรัฐบาลชุดใหม่ไม่มากนัก เนื่องจากมีแนวโน้มจะเป็นรัฐบาลที่รวมเสียงจากพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กถึง 20 พรรคไว้ด้วยกัน และมีเสียงเกินครึ่งเพียงเล็กน้อย จึงมองว่า รัฐบาลชุดใหม่อาจประสบปัญหาด้านเสถียรภาพ และเอกภาพในการบริหารงาน รวมทั้งอาจมีวาระในการบริหารประเทศไม่นานนัก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับภาพการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น ราคาหุ้นจึงไม่ได้ตอบรับในเชิงบวก และยังไม่เห็นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาประมาณ 1 แสนล้านบาทตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้  

               อย่างไรก็ตาม โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดใหม่คือ ต้องสร้างความมั่นใจว่า จะสามารถดำรงวาระจนครบ 4 ปี และดำเนินโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การคัดเลือกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควรต้องคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญและเข้าใจถึงการบริหารงานด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เพราะรัฐบาลชุดใหม่นี้จะมีเวลาพิสูจน์ผลงานไม่นานนัก

“การทำงานของรัฐบาลที่มาจากหลากพรรคร่วมเช่นนี้ คาดว่าจะใช้วิธีแบบไซโล(Silo) คล้ายกับเมื่อ 20 ปีก่อน คือ แต่ละพรรคจะได้รับมอบหมายให้ดูแลเป็นรายกระทรวง จึงเป็นห่วงเรื่องการทำงานที่สอดประสานกันของแต่ละกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งการทำงานในลักษณะเช่นนี้จะไม่มีรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพราะแต่ละพรรคที่รับผิดชอบกระทรวงเศรษฐกิจจะรายงานตรงไปที่นายกรัฐมนตรีเลย ดังนั้น นายกรัฐมนตรีท่านใหม่จะต้องพร้อมสำหรับการเป็นหัวหน้าทีมดูแลด้านเศรษฐกิจในทุกด้าน ต้องมีทักษะในการบริหารจัดการ และสามารถเคาะมาตรการเศรษฐกิจได้เด็ดขาด หากพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นไม่ตรงกัน”นายไพบูลย์กล่าว

สำหรับมุมมองด้านการลงทุน ประเมินว่า เศรษฐกิจปี 2563 จะเริ่มฟื้นตัว สงครามการค้าที่กดเศรษฐกิจอยู่ในช่วงนี้จะได้รับการปลดล็อก เพราะทั้งสหรัฐฯและจีนต่างไม่ได้ประโยชน์จากการขึ้นภาษีครั้งนี้ ประกอบกับสภาพคล่องทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยยังต่ำ ซึ่งปี 2563 จะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งในอดีตในช่วงการเลือกตั้งสหรัฐฯ กว่า 20 ครั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับขึ้น มีเพียง 4 ครั้งเท่านั้นที่ตลาดหุ้นลดลง เนื่องจากมีวิกฤติเศรษฐกิจ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จงคิดเชิงบวก

 

  ครั้งหนึ่งมีกบตัวเล็กๆ ฝูงหนึ่งได้มาร่วมกันจัดการแข่งขันเพื่อปีนขึ้นไปบนยอดเสาไฟฟ้า กลุ่มชนชาวกบมากมายมารอชมและเชียร์การแข่งขันครั้งนี้ การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่มีกบตัวใดจะเชื่อว่า เจ้ากบตัวเล็กๆ เหล่านั้นจะปีนขึ้นไปจนถึงยอดเสาได้หรอก มีเสียงพูดลอยๆมาให้ได้ยินเป็นต้นว่า

” เขาไม่มีทางจะขึ้นไปถึงยอดได้หรอกมันยากลำบากขนาดนั้น” หรือ “เขาไม่มีโอกาสจะประสบความสำเร็จหรอกเสามันสูงขนาดนั้น”เจ้ากบตัวน้อยๆเหล่านั้นก็ริ่มร่วงหล่นลงมาทีละตัว

กบบางตัวส่งเสียงร้องตะโกนว่า “มันยากเกินไป ไม่มีใครทำได้หรอก” กบน้อยส่วนใหญ่จึงเริ่มเหนื่อยและยอมแพ้

แต่มีกบตัวหนึ่งซึ่งยังคงปีนอย่างมุ่งมั่น สูงขึ้นและสูงขึ้น เจ้าตัวนี้ไม่มีทางยอมแพ้ และ เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน กบตัวอื่นๆ ต่างยอมแพ้หมด ยกเว้นกบตัวน้อยๆตัวนั้น ด้วยความพยายามสุดกำลัง มันสามารถปีนขึ้นสู่ยอดเสาได้

กบทุกๆตัวอยากรู้จังว่า เจ้ากบตัวเล็กๆตัวนี้มีพลังในการปีนขึ้นไปสู่ยอดเสาอันเป็นเป้าหมายจนประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

เรื่องกลับกลายเป็นว่า….แท้จริงแล้ว เจ้ากบตัวผู้ชนะนั้นหูหนวก???

ดังนั้น เพื่อเวลาจะทำงานใดๆ ให้ประสบความสำเร็จ บ่อยครั้งเราอาจต้องเป็นเหมือนกบตัวนั้น นั่นคือ ต้องทำตัวเป็นคนหูหนวกเสียบ้าง จงพยายามคิดเชิงบวก ความฝันทั้งหลายที่เรามีเราสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังและด้วยการ ให้กำลังใจตนเองอยู่เสมอ อย่าคิดมากเวลาที่มีคนคอยบั่นทอนกำลังใจจงบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า “ฉันทำได้” “ฉันจะทำให้สำเร็จ”เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก pattanakit.net


กรม สบส.เตือนคลินิกทุกแห่ง ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน

กรม สบส.เตือนคลินิกทุกแห่ง ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน thaihealth

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนหรือคลินิกทุกแห่ง ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดห้ามให้ผู้รับบริการพักฟื้นเกินระยะเวลาที่ขออนุญาต หรือปล่อยให้ค้างคืนที่คลินิก ชี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ-ชีวิตของผู้ป่วย และผิดกฎหมายสถานพยาบาล 

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน สถานพยาบาลประเภทไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนหรือคลินิกที่ให้บริการเสริมความงาม ส่วนใหญ่มักจะมีการศัลยกรรมเสริมความงามในรูปแบบต่างๆ  อาทิ การเสริมจมูก เสริมหน้าอก หรือปรับหน้าให้เรียว (V Shape) ฯลฯ ซึ่งบริการเสริมความงามดังกล่าวนั้นล้วนจะต้องกระทำในห้องผ่าตัด โดยการให้บริการห้องผ่าตัดประจำคลินิกนั้น ไม่ว่าจะเป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก หรือใหญ่จะต้องขออนุญาตกับกรม สบส.หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เสียก่อน  และจะต้องจัดให้มีเตียงพักฟื้น 1.5 เตียง ต่อ 1 ห้องผ่าตัด ดังนั้น หากคลินิกมีห้องผ่าตัด 1 ห้อง จะต้องมีเตียงพักฟื้น 2 เตียง และหากมีห้องผ่าตัด 2 ห้อง จะต้องมีเตียงพักฟื้น 3 เตียง เพื่อดูอาการผู้ป่วยหลังผ่าตัดให้มีความปลอดภัย  โดยให้ผู้ป่วยพักฟื้นที่คลินิกในช่วงระยะเวลาที่คลินิกขออนุญาตดำเนินการ

ทันตแพทย์อาคม กล่าวต่อว่า ด้วยการที่ประชาชนมีแนวโน้มที่จะเข้ารับบริการศัลยกรรมเสริมความงามจากคลินิกมากขึ้นในทุกๆปี  สิ่งที่น่าเป็นกังวล คือ การที่คลินิกให้ผู้ป่วยพักฟื้นเกินระยะเวลาที่ขออนุญาต หรือค้างคืนที่คลินิก อาจจะด้วยผู้รับบริการเสียเลือดมาก หรือเลือดไม่หยุดไหลจากแผลผ่าตัด หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ  ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ถือว่าเป็นการสร้างความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตของผู้ป่วย เพราะการให้ผู้ป่วยพักฟื้นนอกเวลาทำการ หรือค้างคืนเพื่อดูอาการนั้น สถานพยาบาลจะต้องจัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพคอยดูแลและเฝ้าระวังอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ซึ่งสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนหรือคลินิก อาจจะมิได้เตรียมความพร้อมในด้านบุคลากร และอุปกรณ์ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เฉกเช่นสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนหรือโรงพยาบาล ทำให้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที  อีกทั้ง พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541  ได้กำหนดให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะต้องตระหนักถึงสุขภาพ และชีวิตผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นหรือมีโอกาสที่จะทรุดตัวลงจะต้องรีบส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่มีศักยภาพในการดูแลทันที การปล่อยให้ผู้ป่วยพักฟื้นเกินระยะเวลาที่ขออนุญาต หรือปล่อยให้ค้างคืนที่คลินิก จึงเป็นการกระทำผิดกฎหมายสถานพยาบาล ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลผิดประเภทหรือผิดลักษณะการให้บริการตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการ จะมีโทษตามกฎหมาย

ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิดของสถานพยาบาล ในเขตกรุงเทพฯ สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 หรือทางเฟซบุ๊ก : ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส. กระทรวงสาธารณสุข ในวันและเวลาราชการ แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อร่วมคุ้มครองประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย 

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,350.00 19,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,253.00 18,995.48 19,950.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,127.70 17,095.93 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,002.40 15,196.38 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 564.00 8,550.24 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 439.00 6,655.24 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,298.00 19,677.68 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/05/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15 29.15
แก๊สโซฮอล์ 91 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88
แก๊สโซฮอล์ E20 26.14 26.14 26.54 26.54 26.54 26.14 26.14 26.54 26.14
แก๊สโซฮอล์ E85 20.79 20.79 20.79
เบนซิน 95 36.56 37.01 37.06 36.86 36.86
ดีเซล 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79 27.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.39 31.66 31.85 31.85 31.85
แก๊ส NGV 16.01 27.79
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า