สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2561

20อสังหาแปดริ้วดิ้น ตั้งสมาคมฯคุมที่ไม่ให้พุ่งแรงหวั่นพัฒนายาก

บิ๊กทุนดันที่พุ่ง 20 ดีเวลอปเปอร์แปดริ้ว ดิ้น ตั้งสมาคมอสังหาฯ คุมที่ดินกลุ่มสมาชิกไม่ให้พุ่งแรงจนพัฒนายาก เผยทำเลบ้านโพธิ์-แปลงยาว-ริมน้ำบางปะกงพีกสุด

มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องของการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐส่งผลให้เกิดทำเลใหม่ รองรับกลุ่มคนเข้าพื้นที่

นายวัชระ ปิ่นเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัชราดล จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในฉะเชิงเทรามีอุตสาหกรรมเข้าพื้นที่จำนวนมากทั้งโซนบ้านโพธิ์ โซนใกล้มอเตอร์เวย์ และโซนเกตเวย์ซิตี้ที่อำเภอแปลงยาว ประชากรเพิ่มขึ้นที่อยู่อาศัยจึงเพิ่มมากตามไปด้วย การรีเจ็กต์สินเชื่อยังมีน้อย ราคาที่ดินต้นทุนยังต่ำ แต่คงต้องจับตาในช่วงหลังจากนี้ว่าที่ดินจะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นมากแค่ไหนจะกระทบการพัฒนาโครงการระดับราคาต่ำอย่างไรบ้าง ปัจจุบันทาวน์เฮาส์ ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทหาได้ยากมากขึ้น

จากผลกระทบที่เกิดขึ้น บริษัทพัฒนาที่ดินในพื้นที่ จึงรวมกลุ่มกันจัดตั้ง “สมาคมอสังหาริมทรัพย์ฉะเชิงเทรา” โดยเสนอต่อนายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราอนุมัติก่อตั้ง  คาดว่าจะเรียบร้อยใน 1-2 สัปดาห์และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2561

การรวมตัวกันของผู้ประกอบการในพื้นที่ได้รับการสนับสนุนจากนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหา ริมทรัพย์ไทย และนายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี ในครั้งนี้ด้วย

สำหรับภารกิจหลักของสมาคม จะควบคุมราคาที่ดินในจังหวัดไม่ให้เปลี่ยนแปลงสูงจนเป็นปัญหากับดักต่อการพัฒนา นอกจากนี้ยังจะติดตามการกำหนดพื้นที่ด้านผังเมืองของ รัฐบาลเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาต่อไป ทั้งในเขตที่พักอาศัยและเขตอุตสาหกรรม เบื้องต้นมีสมาชิกจำนวน 20 รายเข้ามาร่วมผลักดันมีทั้งผู้ประกอบการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ขณะที่บริษัทวัชราดลฯ อยู่ระหว่างขึ้นโครงการพราวคอนโดมิเนียมโซนถนนเทพคุณากรทางเข้าวัดโสธรวรารามวรวิหารจำนวน 450 หน่วย ราคาระดับล้านบาทต้นๆ ล่าสุดขายได้แล้วกว่า 80% นับว่าเป็นคอนโดฯ รายแรกในพื้นที่ที่มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสครบวงจรทั้งให้เช่าและซื้อเป็นกรรมสิทธิ์เช่นเดียวกับ อีกทำเลเป็นที่นิยมของผู้ประกอบการ จะอยู่ตามเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 314 เส้นเข้าเมือง

นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ เจ้าของโครงการบ้านรุ่งอรุณ หนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริม ทรัพย์ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางแหลมฉบัง-นครราชสีมา ทำให้เกิดย่านเศรษฐกิจใหม่ล่าสุดอธิบดีกรมทางหลวงยืนยันว่าจะดำเนินการช่วงแหลมฉบัง-ปราจีนบุรีก่อนจากนั้นจะทยอยดำเนินการในช่วงต่อไป

สำหรับทำเลที่เปลี่ยนแปลงมากสุดยังคงเป็นโซนบ้านโพธิ์ แปลงยาว และโซนในเมือง เช่นเดียวกับโซน 2 ฝั่งแม่น้ำบางปะกงที่ไหลผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น โซนในเขตเมืองเดิม หรือฝั่งจวนผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้รับความสนใจ ยิ่งผังเมืองใหม่จะมีการตัดถนนลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำ จะทำให้การเดินทางเชื่อมถึงพื้นที่มากขึ้น ส่วนโซนอีกฝั่งแม่น้ำตรงข้ามนั้นยังจัดว่าเป็นทำลยังไม่เหมาะต่อการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยเนื่องจากได้รับผลกระทบจากแสงแดดส่องตลอดเวลา

ส่วนโซนมอเตอร์เวย์ยังไม่มีแผนพัฒนาสาธารณูปโภครองรับทั้งไฟฟ้า ประปา ดังนั้นต้องใช้เวลา คาดว่าน่าจะเหมาะเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมมากกว่า

“จากการเข้าพื้นที่ของทุนขนาดใหญ่ต่อเนื่อง  จึงต้องมีการคุมราคาที่ดินสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและเป็นกับดักด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของฉะเชิงเทรานั่นเอง”

ขอบคุณที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ


พัฒนาที่ดิน ทั้งที่โดนรุมท้วงเสี่ยงผิดกม.

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม.และอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็น ว่ารถไฟใจถึงเสี่ยงเซ็นสัญญาประมูลที่ดินปริศนา โดยระบุว่า

เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ครอบครองที่ดินสองข้างรถไฟเป็นจำนวนมาก หากมีการพัฒนาที่ดินเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ รฟท.ก็จะมีรายได้มาจุนเจือการเดินรถไฟที่ยังขาดทุนอยู่ได้ ด้วยเหตุนี้ รฟท.จึงได้เปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาพัฒนาที่ดินอยู่เป็นระยะๆ โดย รฟท.จะได้รับค่าตอบแทนจากเอกชนเป็นค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์และค่าเช่า แต่การประมูลบางครั้งมีข้อเคลือบแคลงหรือเป็นที่กังขา ดังเช่นการประมูลที่ดินแปลงหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟขอนแก่น ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าอยู่แล้วโดยใช้เป็นตลาดผลไม้ แต่มีปัญหาบางประการ รฟท.จึงได้ยกเลิกสัญญา

 

รฟท.ได้ประกาศเชิญชวนให้เอกชนผู้สนใจเข้าประมูลพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 โดยกำหนดให้เช่าที่ดินเป็นเวลา 34 ปี แบ่งเป็นการก่อสร้าง 4 ปี และการหาประโยชน์ 30 ปี ทั้งนี้ รฟท.กำหนดให้เอกชนก่อสร้างอาคารมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 11,860 ตารางเมตร และมีมูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 125 ล้านบาท พร้อมทั้งกำหนดให้เอกชนเสนอผลประโยชน์ขั้นต่ำแก่ รฟท. ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ไม่น้อยกว่า 83.7 ล้านบาท และค่าเช่ารายปีไม่น้อยกว่า 1.895 ล้านบาท โดยขึ้นราคาค่าเช่าปีละ 5% จนครบสัญญา

ปรากฎว่ามีเอกชนซื้อซองเอกสารประกวดราคาจำนวน 5 ราย โดย รฟท.ได้กำหนดให้เอกชนยื่นซองเอกสารประกวดราคาในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งมีเอกชนยื่นซองประกวดราคาเพียง 2 รายเท่านั้น ประกอบด้วย หจก.จงดีแทรคเตอร์ และบริษัท สาเกตุพานิชย์ จำกัด แต่บริษัท สาเกตุพานิขย์ จำกัด ถูกปรับตกไป เนื่องจากมีข้อเสนอทางเทคนิคต่ำกว่าเกณฑ์ รฟท.จึงตัดสินให้ หจก. จงดีแทรคเตอร์ เป็นผู้ชนะการประมูลเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559

หลังจากนั้น ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของ รฟท.ได้มีหนังสือเลขที่ บส./กจฉ./1201/2559 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ถึงรองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน มีใจความโดยสรุปว่า ฝ่ายบริหารทรัพย์สินได้ตรวจสอบมูลค่าโครงการตามข้อเสนอของ หจก.จงดีแทรคเตอร์แล้ว พบว่ามีมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งการประมูลจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 (พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556) แต่การประมูลโครงการนี้ รฟท.ไม่ได้ดำเนินการตาม พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556 ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จึงได้มีหนังสือเลขที่ กค 0820.2/4752 ลงวันที่ 26 กันยายน 2560 ตอบข้อหารือของ รฟท. โดยมีใจความสรุปได้ว่า หากผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการประเมินเสนอเงินลงทุนเกินกว่ามูลค่าโครงการที่กำหนด (ในกรณีนี้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท) รฟท.จะต้องเริ่มต้นดำเนินโครงการใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556

ต่อมา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์) ได้มีบันทึกข้อความเลขที่ รฟ 1/1926/2560 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ถึงประธานคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด รฟท.) มีใจความโดยสรุปว่า ให้บอร์ด รฟท.พิจารณายกเลิกการประมูลโครงการพัฒนาที่ดินย่านสถานีขอนแก่น แล้วดำเนินโครงการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556 ใหม่

เรื่องสำคัญเช่นนี้ ไม่สามารถรอดพ้นการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไปได้ ด้วยเหตุนี้ สตง.จึงได้มีหนังสือเลขที่ ตผ 0018/5224 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ถึง รฟท. ความว่า “เพื่อให้การดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ดินบริเวณย่านสถานีรถไฟขอนแก่นเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จึงขอให้ รฟท.พิจารณานำความเห็นของ สคร.ไปประกอบการพิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด” นั่นหมายความว่า รฟท.จะต้องยกเลิกการประมูล และเปิดประมูลใหม่ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556

ถึงแม้ว่าได้มีการทักท้วงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจากรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์) ให้ รฟท.ยกเลิกการประมูล แล้วดำเนินโครงการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556 แต่ทราบมาว่าขณะนี้ผู้เกี่ยวข้องใน รฟท.บางคนพยายามที่จะผลักดันให้ รฟท.ทำสัญญากับ หจก.จงดีแทรคเตอร์ให้ได้ โดยได้มีการปรับลดมูลค่าโครงการลงให้เหลือต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อไม่ต้องดำเนินโครงการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556 นั่นคือไม่ต้องเปิดประมูลใหม่

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ มูลค่าโครงการลดลงจากเดิมได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ เดิม รฟท.เคยประเมินไว้ว่ามูลค่าสูงกว่า 1,000 ล้านบาท เมื่อเวลาผ่านไปถึงประมาณ 2 ปีครึ่ง มูลค่าควรจะสูงขึ้น แต่กลับลดลง และที่สำคัญ ทำไม รฟท.จึงกล้าเสี่ยงที่จะทำสัญญากับ หจก.จงดีแทรคเตอร์ ทั้งๆ ที่ มีข้อทักท้วงจาก สคร. สตง. และรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์) ให้ รฟท.ดำเนินการประมูลใหม่ตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน พรบ.ร่วมทุนฯ ปี 2556

หาก รฟท.ยังคงเดินหน้าทำสัญญาโดยไม่เปิดประมูลใหม่ ก็ต้องบอกว่า ใจถึงจริงๆ

ขอบคุณที่มา : มติชนออนไลน์


หลัก 5 ประการ สู่การเป็น “ผู้นำที่น่าเชื่อถือ”

โลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาอย่างรวดเร็วล้วนเคยถูกจำกัดอยู่เพียงในองค์กรทางธุรกิจ แต่ในปัจจุบันเราทุกคนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงในความเร็วระดับดิจิตอลกันแล้ว ด้วยความแปลกใหม่มากมายนี้เอง ที่ทำให้ผู้นำองค์กรต้องปรับกระบวนการคิดให้สอดรับกับคนรุ่นใหม่และโลกที่โยงใยกันอย่างซับซ้อนใบนี้ โลกที่ข้อมูลข่าวสารกลายเป็นสินค้าชั้นดี รวมถึงต้นแบบการปฏิวัติอุตสาหกรรมภายใต้การสั่งงานและควบคุมโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้นำอีกต่อไป

ผู้นำที่ดีต้องยอมรับรูปแบบการเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือให้ได้ เพื่อให้องค์กรสามารถเติบโตได้ด้วยการส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เน้นการมีส่วนร่วม ความยืดหยุ่น และความคิดการสร้างสรรค์ให้ทันโลกปัจจุบัน โดยที่จะมีหลักของความเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถืออยู่ 5 ประการ ต่อไปนี้

1. การทำงานร่วมกัน

คุณไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ เพราะทุกสิ่งเคลื่อนไปเร็วเกินกว่าที่คนเก่งเพียงคนเดียวจะรับมือได้ทั้งหมด องค์กรจึงต้องมีความคล่องตัวในการทำงานและการสื่อสารระหว่างผู้ร่วมงานอยู่เสมอ

ความโปร่งใสสร้างความน่าเชื่อถือได้ ถ้าคุณรู้สึกเชื่อมโยงกับทีมของคุณและใส่ใจในสิ่งที่พวกเขาทำ รวมถึงสวัสดิการที่ได้รับอย่างแท้จริง พวกเขาย่อมเต็มใจร่วมทำภารกิจกับคุณด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าความรู้สึกผูกพันธ์และความรับผิดชอบต่อสิ่งหนึ่งที่มาจากการลงแรงช่วยกันสร้างขึ้นมานั่นเอง

เล่าจื๊อกล่าวไว้ว่า “ผู้นำที่ดีที่สุด คือคนที่ทุกคนแทบไม่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ เมื่องานสำเร็จลุล่วง ทุกคนก็จะคิดว่า พวกเขานี่แหละที่ช่วยกันทำงานนั้นจนสำเร็จ” นี่แหละคือตัวชี้วัดที่แท้จริงของการทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ

“ผู้นำที่ดีที่สุด คือคนที่ทุกคนแทบไม่รู้ว่าเขามีตัวตนอยู่ เมื่องานสำเร็จลุล่วง ทุกคนก็จะคิดว่า พวกเขานี่แหละที่ช่วยกันทำงานนั้นจนสำเร็จ” — เล่าจื๊อ (LAO TZU )

2. วิสัยทัศน์

นักปรัชญาชาวอเมริกัน Eric Hoffer กล่าวว่า “ผู้นำต้องคิดตามหลักความจริง แต่ต้องสื่อสารด้วยวิสัยทัศน์และอุดมคติ” และผู้นำที่น่าเชื่อถือก็สามารถช่วยทำให้สิ่งนามธรรมเหล่านั้นกลายเป็นจริงขึ้นมาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้นำจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะพาองค์กรไปในเส้นทางที่ประสบความสำเร็จในอนาคต ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยบริหารองค์กรอย่างมีเป้าหมายและเป็นไปได้จริงสอดคล้องกันไปด้วย

“ผู้นำต้องคิดตามหลักความจริง แต่ต้องสื่อสารออกมาด้วยวิสัยทัศน์และอุดมคติ” — อีริค ฮอฟเฟอร์ (ERIC HOFFER)

3. การเอาใจใส่

มนุษย์ทุกคนล้วนมีข้อบกพร่องและต้องเคยประสบวันที่เลวร้ายมาบ้าง ผู้นำที่ดีต้องตระหนักได้ว่าคนในทีมก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่หุ่นยนต์ อย่าเพียงแค่มุ่งหวังให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดเท่านั้น จงให้ใจกับพวกเขาด้วย นั่นแหละที่จะทำให้ทีมรู้สึกรักและร่วมทำงานเพื่อองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

การเอาใจใส่ผู้อื่นในแบบที่เราต้องการให้ผู้อื่นเอาใจใส่เราเป็นหลักสากลที่ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว หากคุณสามารถสร้างวัฒนธรรมการเคารพและการไว้วางใจกันได้ องค์กรของคุณจะสามารถก้าวไปได้ไกลอย่างแน่นอน เพราะเราทุกคนอาจมีบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน ดังนั้น จึงควรได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเช่นกัน

4. สร้างสมดุลในตนเอง

ผู้นำที่น่าเชื่อถือจะต้องมีความหนักแน่นและมีความสมดุลในตัวเอง พวกเขามักจะมีสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล พร้อมให้ความสำคัญกับบริษัทและพนักงานมาก่อนความต้องการของตัวเองเสมอ

เพื่อจะทำงานให้ผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงต้องพัฒนาตนเองให้มีประสิทธิภาพเสียก่อน เพราะนี่คือตัวชี้วัดการเป็นผู้นำที่จริงใจ ดังนั้นผู้นำทุกคนจะต้องมีพื้นฐานชีวิตที่ดีก่อน จึงจะสามารถบริหารการทำงานในโลกสมัยใหม่นี้ได้ เพราะการมีวินัยในทุกเรื่องถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เมื่อคุณต้องเป็นผู้นำคนอื่น

5. จริยธรรม

“หากปราศจากคุณธรรมแล้ว คุณก็เหมือนคนตัวเปล่า และมันไม่ใช่สิ่งที่ซื้อหาได้ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้าคุณไม่มีคุณธรรมและจริยธรรม” นี่คือคำกล่าวของนักธุรกิจชาวอเมริกัน Henry Cravis มันอาจจะดูรุนแรงและตรงไปนิด แต่เราทุกคนล้วนรู้ว่ามันคือความจริง

การมีจริยธรรมในธุรกิจอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะหัวโบราณ มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่เลือกเดินบนเส้นทางแห่งผลประโยชน์จนถลำถลึกไปเรื่อยๆ การหนักแน่นในจุดยืนของตัวเองตั้งแต่ต้นจะทำให้คุณและผู้อื่นไม่ต้องพบเจอกับความหายนะในอนาคตได้ แน่นอนว่าการมีคุณธรรมไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็เป็นเส้นทางที่สมบูรณ์และยั่งยืนกว่า ดังนั้น จงเริ่มต้นสร้างคุณธรรมกับตนเองด้วยเรื่องง่ายๆ ในการรักษาคำพูดนี่แหละ

ขอบคุณที่มา : www.sumrej.com


ระวัง!!! จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต จุดเริ่มต้นวงจรหนี้

วิธีหนึ่งที่เราอยากเสนอก็คือ การกำหนดงบประมาณที่จะใช้บัตรเครดิตในแต่ละเดือนว่าไม่ควรเกินเท่าไหร่ เช่น กำหนดว่าในเดือนนึงเราสามารถใช้บัตรเครดิตได้ไม่เกิน 10,000 บาท แบบนี้จะช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายของเราได้ดีขึ้นครับ”

       เวลาใช้บัตรเครดิตไปซื้อของอะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องมีวันที่เราไปชำระหนี้บัตรเครดิตใช่มั้ยครับ ซึ่งมันมีสองทางเลือกให้เราเลือกชำระ ก็คือเลือกจ่ายหนี้ทั้งหมดหรือเลือกจ่ายขั้นต่ำ 10% สิ่งนี้นี่แหละที่สำคัญ เพราะหลายคนเลือกการชำระหนี้บัตรเครดิตแบบจ่ายขั้นต่ำ แต่อาจจะยังมีความเข้าใจผิดอยู่ อาจจะต้องระวังกันนิดนึงนะครับ

ระวัง!!! จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต จุดเริ่มต้นวงจรหนี้

        หลายท่านอาจจะเข้าใจว่าการจ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำเป็นตัวเลือกที่ดีของผู้ที่ไม่มีเงินพอที่จะจ่ายเต็มจำนวน ซึ่งปัญหาก็อาจจะตามมา ถ้าเราไม่วางแผนจัดการหนี้บัตรเครดิตให้ดี เพราะว่า การจ่ายขั้นต่ำนี้มีการคิดดอกเบี้ยด้วย ซึ่งอาจจะถูกคิดดอกเบี้ยสูงสุด 20% ต่อปีทันทีในวันที่รูดบัตร ซึ่งอาจจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร

แล้วธนาคารเขาคิดดอกเบี้ยยังไง? ลองดูตัวอย่างกันครับ

ถ้าคุณมียอดบัตรเครดิตที่ต้องจ่าย 20,000 บาท ซึ่งบัตรเครดิตนี้มีวันสรุปยอด วันที่ 24 กรกฎาคม  และวันกำหนดชำระบัตรเครดิตคือวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งคุณได้เลือกจ่ายขั้นต่ำ 10% นั่นคือ 2,000 บาท และในเดือนสิงหาคม (วันที่ 10-24) คุณก็ไม่ได้ใช้บัตรเครดิตอีก

การคิดดอกเบี้ยจะคิดเป็นสองขั้นครับ 

       ขั้นแรกคือคิดดอกเบี้ยจากรายการที่เกิดขึ้นทั้งหมด

       ขั้นต่อมาคือคิดจากเงินคงเหลือหลังจากที่เราจ่ายขั้นต้นไปแล้ว

จากตัวอย่างก็จะได้ดังนี้ครับ

        ขั้นแรก: 20,000 บาท(เงินต้นทั้งหมดที่ค้างจ่าย) x 20% (อัตราภาษี)  x 17 วัน (จำนวนวัน วันที่ 24 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม) / 365 วัน = 186.30 บาท

        ขั้นที่สอง: 18,000 (เงินต้นค้างจ่าย จาก 20,000-2,000) x 20% x 15 วัน (วันที่ 10 – 24 สิงหาคม) / 365 วัน = 147.95 บาท

        เพราะฉะนั้นในงวดหลังจากจ่ายขั้นต่ำไป คุณจะไม่ชำระเพียงแค่เงินต้นค้างจ่าย 18,000 บาท แต่จะต้องรวมกับดอกเบี้ยทั้งสองขั้นไปด้วย ซึ่งจะต้องชำระทั้งหมด 18,000 + 186.30 + 147.95 = 18,334.25 บาท

       และถ้ายิ่งจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ ดอกเบี้ยก็จะยิ่งเพิ่มพูนไปอีกในลักษณะแบบเดียวกันกับตัวอย่างข้างบน กว่าจะจ่ายเงินต้นหมดดอกเบี้ยก็บานเป็นหนี้ก้อนใหญ่ เพราะฉะนั้นเราควรรู้จักการใช้บัตรเครดิตให้เป็น

อีกข้อเสียหนึ่งที่การจ่ายขั้นต่ำมีก็คือ บัตรเครดิตนี้หลังจากจ่ายขั้นต่ำ จะไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยอีก ก็คือถ้าคุณใช้บัตรเครดิตในครั้งต่อไป หมายความว่า คุณจะถูกคิดดอกเบี้ยทุกครั้งที่ใช้บัตรเครดิต จากบัตรเครดิต ก็จะกลายเป็นบัตรเครดอกในทันที

การจ่ายขั้นต่ำนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินก้อนในมือพอที่จะจ่ายเต็มได้ครับ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเรารู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีเงินก้อนในมือเราควรจะวางแผนชำระหนี้บัตรเครดิตให้ดีครับ อย่ารูดบัตรจนเพลินมือเกินไป

        วิธีหนึ่งที่เราอยากเสนอก็คือ การกำหนดงบประมาณที่จะใช้บัตรเครดิตในแต่ละเดือนว่าไม่ควรเกินเท่าไหร่ เช่น กำหนดว่าในเดือนนึงเราสามารถใช้บัตรเครดิตได้ไม่เกิน 10,000 บาท แบบนี้จะช่วยให้เราควบคุมการใช้จ่ายของเราได้ดีขึ้นครับ

ขอบคุณที่มา www.aomMONEY.com


ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้แล้วจะทำลายความน่าเชื่อถือของคุณ

ในการเรียนภาษาอังกฤษและการใช้ภาษาอักงกฤษเพื่อการสื่อสารในแต่ละวันนั้น เราอาจจะเคยได้รับการตักเตือนไม่ให้ใช้คำฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ที่จะทำให้ประโยคของเราดูไม่ลื่นไหล หรือว่าไม่สละสลวยเท่าที่ควร แต่เชื่อไหมว่าในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแแล้วนั้น ก็มีคำคำหนึ่งที่อาจทำให้ความน่าชื่อถือของเราหมดไปทันที หากว่าเรานึกจะใช้มันขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือคำว่า…

Actuallyอาจจะน่าสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่าจู่ ๆ ทำไมถึงเป็นคำนี้ ลองมาฟังคำอธิบายกันหน่อย จริง ๆ แล้วสำหรับผู้ฟังที่มีประสบการณ์ทั้งหลาย คำว่า actually เมื่อใช้ให้ถูกแล้วมันเป็นการเปรียบเทียบความคิดทั้งสองชุดที่แตกต่างกัน และยังเป็นการให้ความกระจ่างอีกด้วย ลองดูประโยคตัวอย่างนะคะQ. “Did you go to the store for milk?”
A. “Actually, I stopped at the gas station.”จากตัวอย่างด้านบนนี้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าผู้คนจะใช้คำนี้ด้วยสาเหตุใดกัน คำถามนั้นถามว่าผู้ถูกถามได้ไปที่ store มาหรือเปล่า แต่ผู้ตอบกลับไม่คิดว่า store ที่อยู่ใน gas station เป็น store ในหัวของผู้พูดจึงได้เปรียบเทียบและตัดสินแล้วว่าจะแวะ gas station แต่ไม่แวะ store นั่นเองทีนี้ลองกลับมาพิจารณาในบริบทการสนทนาทางธุรกิจกันบ้าง การใช้คำฟุ่มเฟือยประเภทนี้ไม่จำเป็นเลยสำหรับเหล่าตัวแทนขายหรือว่าผู้ที่มาทาบทามนักลงทุน เพราะมันจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกตะหงิด ๆ ว่ามันยังมีข้อมูลสำหรับประกอบการตัดสินใจที่ผู้พูดไม่ได้แจ้งอยู่อีกหรือเปล่า เพราะว่าบางทีคำว่า actually นี่ก็เป็นคำเชื่อมให้เราเว้นจังหวะได้คิดในหัวเกี่ยวกับคำถามที่ถูกถามแล้วก็ความเป็นจริงถ้ายังไม่เข้าใจงั้นลองมาดูตัวอย่างในบริบทการขายหรือการทาบทามดูQ. “How many customers are using the platform?”
A. “We actually have over 100 companies.”ในตัวอย่างนี้คำว่า actually ไม่จำเป็นต่อประโยคเลย แต่ว่าผู้ตอบนั้นใส่เพิ่มเข้าไปก็จะยิ่งทำให้ผู้ถามไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีคำว่า actually ด้วย และนั่นอาจจะตามมาด้วยการขอดูรายชื่อของลูกค้าหรือว่าขอให้มีการแนะนำลูกค้าเก่าให้ทราบก็ได้หรือแม้กระทั่งการแนะนำสิ่งของต่าง ๆ ให้ลูกค้า สมมติว่าได้รับคำถามว่าQ. “Do you use the product?”
A. “Actually, I did.”สำหรับผู้ที่ฟังคำตอบแล้ว มันอาจจะให้ความหมายโดยนัยได้ว่า “ไม่เคยใช้” หรือว่า “เคยใช้ครั้งหนึ่งแล้วไม่เคยหยิบมาใช้อีกเลย” อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันก็จะก่อเกิดความไม่แน่ใจให้แก่ลูกค้า แล้วลูกค้าก็อาจจะต้องการตัวอย่างการใช้งาน หรือว่ารายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับสินค้าอีกมากมายก่ายกองการสนทนาให้ได้สมบูรณ์แบบนั้นจึงควรจะเริ่มจากการตัดคำที่จะบ่งบอกความหมายโดยนัยซึ่งชี้ไปที่ความไม่แน่นอน/ไม่แน่ใจ/ไม่มีประสบการณ์ให้ได้ก่อน ซึ่งคำว่า actually นี่ก็เป็นอีกคำที่ควรจะเว้นไว้ ไม่ควรเอามาใช้ในบริบททางธุรกิจหรือที่เป็นการเป็นงาน เพราะจะทำให้คุณได้เปรียบในการสนทนามากขึ้นนั่นเองค่ะ

ขอบคุณที่มา Time.com


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,550.00 18,450.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,050.00 18,116.20 1,195.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 18,768.08 1,238.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,304.58 1,075.50
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,492.96 956.00
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,156.08 538.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,336.88 418.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.75 29.75 30.25 29.75 29.75 29.75 30.05 29.75 29.75 29.75
แก๊สโซฮอล์ 91 29.48 29.48 29.98 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48
แก๊สโซฮอล์ E20 26.84 26.84 27.14 26.84 26.84 27.14 26.84 26.84 26.84
แก๊สโซฮอล์ E85 21.19 21.19 21.19 21.19
เบนซิน 95 36.86 37.31 37.66 37.16 36.96 37.16
ดีเซล 29.19 29.19 29.49 29.19 29.19 29.19 29.49 29.19 29.19 29.19
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.19 33.06 33.36 33.06 33.06
แก๊ส NGV 14.29 14.29

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า