“อภิมหกรรมบ้าน – คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018” งานดี 4 วันรวด 16 – 19 สิงหาคมนี้ ที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โอกาสที่คนเล็งบ้าน-คอนโดฯ ไม่ควรพลาด!!
สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ร่วมกับ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด จัดงาน “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018″ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 16 – วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระดมบ้านจัดสรร-คอนโดฯ มาลดสูงสุด พร้อมด้วยสินเชื่อบ้าน สุดร้อนแรงจากธนาคารชั้นนำ พลิกโฉมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในยุคดิจิทัลด้วยระบบ “Home event” สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวได้ครบทั้งงาน พบนวัตกรรม Home VR ให้เลือกชมบ้านตัวอย่างเสมือนจริง 360 องศา พร้อมลุ้นรับรางวัลทองคำหนัก 4 บาท เมื่อจองและทำสัญญาภายในงาน โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน ณ เวทีกลาง โซนเอเทรียม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Mr.Kitti Patpongpibul Chairman, Housing Finance Association, Thailand) กล่าวว่า อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี เป็นโอกาสดีๆ ของคนที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโดฯ ในทำเลที่ดี ที่มาพร้อมสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่ บ้านมือสอง หรือบ้าน NPA พร้อมขายจากสถาบันการเงินชั้นนำในราคาสุดพิเศษ ซึ่งในส่วนของงาน NPA Grand Sale มี 8 สถาบัน ที่เข้าร่วม ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM), บมจ.กรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน), บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM), ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมนำสินทรัพย์ดีบนทำเลเด่นมาให้เลือกซื้ออย่างมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือ งาน Home Loan บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 6 สถาบันการเงินชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน),ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย)จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมข้อเสนอด้านดอกเบี้ย และโปรโมชั่นดีๆ มาให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาทรัพย์สินทั้งที่เพื่ออยู่อาศัย และเพื่อการลงทุนอีกด้วย
“ภายในงานยังมีโซนพิเศษ Aging Society บริเวณโซนซี ชั้น 2 ซึ่งโครงการนี้ได้เดินตามแนวทางคณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีและเป็นการให้ความร่วมมือกับภาครัฐบาลในการเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์โครงการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุอีกด้วย”
นายบริสุทธิ์ กาสินพิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด ( Mr. Borisud Kasinpila Chief Executive Officer Home Buyers Guide Co., Ltd.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “งาน Home Buyers Expo 2018 ในปีนี้ คอนเซ็ปต์การจัดงาน “พลิกโฉมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย” ด้วยสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ได้ครบทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น ลงทะเบียน เก็บโบรชัวร์ โดยในปีนี้ได้รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเล อาทิ ซีเอ็มซี กรุ๊ป, บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เป็นต้น สำหรับผู้ที่จองพร้อมทำสัญญาภายในงานยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทองคำหนัก 1 บาททุกวัน พบกับ Digital Exhibition อัพเดทโครงข่ายรถไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร, เทคโนโลยีดูบ้าน-คอนโดฯ เสมือนจริงผ่าน VR 360 ซึ่งทั้งหมดได้รวบรวมมาไว้ในงาน ทั้งยังมีสัมมนาดีอีกมากมายในแต่วัน อาทิ คลีนิคแก้หนี้, เลือกซื้อบ้านยังไงให้ได้อยู่ยันแก่ เป็นต้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้เข้าชมงานและเพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอย่างดีที่สุด
ตลอดระยะเวลาของการจัดงานทั้ง 4 วัน นอกจากจะมีกิจกรรมและโปรโมชั่นมากมายแล้ว ปีนี้ยังมีโซนพิเศษ Hot Deal สำหรับเสนอขายสินค้าราคาพิเศษที่มีเฉพาะภายในงานเท่านั้น! และโซน IoT Smart Home การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นจากกลุ่มสตาร์ทอัพ อาทิ Fixzy แอพหาช่างล้างแอร์, Somjai แอพกู้ซื้อบ้าน, Iconแอพตรวจรับบ้าน เป็นต้น ซึ่งรับรองว่ามาเดินงานนี้งานเดียวจะได้ครบทุกอย่างอย่างแน่นอน”
สำหรับโปรโมชั่น บ้าน คอนโดฯ และสินเชื่อพิเศษจากธนาคาร ที่เข้าร่วมงาน อาทิ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) พบกับ บัวหลวง ทรัพย์สินพร้อมขายทำเลดี เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน ทั้งในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดกว่า 120 รายการ มูลค่า 600 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, ห้องชุดพักอาศัย, อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่าลดราคาพิเศษ
บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) โปรโมชั่นต่อที่ 1 Sam Smile Home ฟรีค่าโอน 1% สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ตามที่ บสส. กำหนด และต่อที่ 2 Sam จัดให้รับGift Voucher จากร้านค้าชั้นนำ มูลค่าสูงสุด 50,000 บาท
ธนาคารออมสิน จัดเต็มแคมเปญ นำทรัพย์เด่น (NPA) ลดราคาพิเศษสูงสุด 20% ทุกที่ ทุกทำเล ทั่วประเทศจำนวนกว่า 400 โครงการ มูลค่าเกือบ 450 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขการจองง่ายๆ พร้อมรับของ Premium พิเศษจาก บูธธนาคารออมสินเมื่อวางเงินจองซื้อทรัพย์สิน
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) พบอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสินเชื่อบ้านกสิกรไทย
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
– สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, บ้านใหม่, บ้านมือสอง, ปลูกสร้างบ้าน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0% นาน 3 เดือน + ฟรีค่า จดจำนอง ทั้งแบบทำประกันและไม่ทำประกัน
– สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.99% คงที่ 1 ปี + ฟรีค่าทำประเมิน, ฟรีค่าจดจำนอง
– สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป รับฟรีบัตรกำนัล Home Pro มูลค่า 4,000 บาท และของสมนาคุณจากธนาคารอีกมากมาย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% (ออกรายละเอียดใกล้ๆ ช่วงงาน)
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดโปรโมชั่นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยปีแรก 0% และหลังปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ย MLR-2% – จัดโปรโมชั่น NPA ลดสูงสุด 30% ตั้งแต่วันที่ 14ส.ค. – 14 ต.ค.2561
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดโปรโมชั่นให้คนรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท/ เดือน ผ่อนดาวน์ 0% ยาว 60 เดือน
บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) จอง 1 บาท* ทำสัญญา 9,999 บาท โอนภายใน 31 สิงหาคม 2561 รับแพ็กเกจทัวร์พาแม่เที่ยว (2 ที่นั่ง ประเทศฮ่องกง ท่องเที่ยวในเดือนกันยายน 2561) All Free *ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน (ฟรีค่าส่วนกลาง 10 ปี, แต่งครบพร้อมเข้าอยู่)*
บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด คัดทรัพย์สวยทำเลดี มีอัตราดอกเบี้ยพร้อมขาย เริ่มผ่อนขั้นต่ำ 3,000 บาท พร้อมโปรโมชั่น Home Loan โดนใจ รับของที่ระลึกมากมาย
ที่มา : https://www.ryt9.com
‘เอพี ไทยแลนด์’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก รายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท
เอพีสร้างนิวไฮครั้งใหม่ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2561 สร้างรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 17,910 ล้านบาท ผลจากสินค้าแนวราบและคอนโดร่วมทุนที่โตอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิโตขึ้น 72% หรือกว่า 1,980 ล้านบาท ยิ้มรับยอดขาย 7 เดือนแรกกว่า 2,500 ล้านบาท มั่นใจตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงไฮเอนด์ดีมานด์ให้การตอบรับดี เตรียมเปิดตัวโครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว THE ADDRESS สยาม – ราชเทวี และ THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เผยทัศนะต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า “ตลาดมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่มากโดยเฉพาะตลาดระดับกลางบนถึงไฮเอนด์ ซึ่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสินค้าแนวราบและคอนโดมิเนียม ถือเป็นตัวชี้วัดให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่ของสินค้าระดับกลางบนได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เอพีมีอัตราการเติบโตที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ โดยสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ และกลุ่มคอนโด (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 17,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,125 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิ (Net Profit) สูงถึง 1,988 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่มีกำไรเท่ากับ 1,157 ล้านบาท
“ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงต้นทุนในการสรรหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่ถือเป็นตัวกรองสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดเหลือน้อยลง ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียมของเอพีถือว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมในครึ่งปีแรกมาจากสินค้าแนวราบมากถึง 8,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53% และจากสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมจำนวน 8,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า”
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 7 เดือนแรก ณ วันที่ 5 สิงหาคมนี้ บริษัทฯ สร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 25,030 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 12,855 ล้านบาท แนวราบมูลค่า 12,175 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้วราว 75% ของเป้ายอดขายปี 2561ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย 33,500 ล้านบาท) หากบริษัทฯยังคงรักษาระดับการขายในปัจจุบันเชื่อว่าจะสามารถ ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้
หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง ทั้งในเรื่องของโมเดลสินค้าและจำนวนโครงการในทุกทำเลรอบกรุงเทพ โดยในครึ่งปีหลังนี้เอพีเตรียมเปิดตัว 2 โครงการไฮไลต์ระดับ Super Luxury ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว ด้วยแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคนั่นคือ THE ADDRESS ในทำเลใจกลางเมืองอย่างราชเทวี ภายใต้ชื่อโครงการ THE ADDRESS สยาม-ราชเทวี มูลค่า8,300 ล้านบาท และคฤหาสน์หรู THE PALAZZO ศรีนครินทร์ มูลค่า 1,750 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4
“บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการนำพาเอพีก้าวขึ้นสู่การเป็น 1 ใน 3 ของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ภายใต้พันธกิจสำคัญ คือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริมและยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น” นายอนุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ สรุปปี 2561 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 38 โครงการมูลค่า 59,580 ล้านบาท โดยเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 30 โครงการ มูลค่า 49,210 ล้านบาท แบ่งเป็นเปิดตัวในไตรมาส 3 จำนวน 12 โครงการ มูลค่า 17,980 ล้านบาท และในไตรมาส 4 จำนวน 18 โครงการ มูลค่า 31,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ประกอบกับการปรับแผนธุรกิจรุกตลาดแนวราบมากยิ่งขึ้น และคอนโดมิเนียมไฮไลต์ จะสามารถสร้างยอดขายและยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
ณ 5 สิงหาคม 2561 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,580 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 6,595 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมมูลค่า 42,985 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) โดยจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
“เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง ผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับคนเมือง”
ที่มา : https://www.ryt9.com
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศคาดว่าจะส่งผลกระทบไม่มากนักต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมไม่มากนัก ซึ่งภาครัฐก็มีประสบการณ์การบริหารจัดการน้ำจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจะต้องติดว่าว่าจะมีพายุหรือมรสุมเข้ามาเพิ่มจนทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ประเมินเบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายทั้งหมดจะอยู่ในหลักพันล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจประเทศ(จีดีพี) อาจจะไม่ได้มีผลกระทบต่อจีดีพี อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ยังเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านด้วยซึ่งมีผลกระทบมากกว่าไทย อาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตการเกษตรในตลาดโลกได้ ซึ่งในส่วนของไทยยังไม่เห็นผลกระทบส่วนนี้อาจจะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้นในกลุ่มสินค้าเกษตรที่ใกล้เคียงกัน เช่น ข้าว มันสำปะหลัง เป็นต้น
“ปัจจัยที่จะต้องติดตามผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ กรณีสงครามการค้าว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ ซึ่งล่าสุด คือ กรณีของตุรกีที่ส่งผลให้ค่าเงินของตรุกีผันผวนอย่างมาก แต่ขณะนี้สถานการร์คลี่คลาย ทั้งนี้ ต้องติดตามการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐที่จะเกิดขึ้นว่าจะมีผลการเจรจาอย่างไร หากผลการเจรจาออกมาอาจจะทำให้ปัญหาสงครามการค้าคลี่คลาย อีกประเด็นคือ ราคาน้ำมันที่ราคาอาจจะมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นได้ซึ่งจะกระทบไทยที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมัน” นายธนวรรธน์ กล่าว
ที่มา : https://www.matichon.co.th
9 จุดในบ้านที่มักพบภัยอันตราย สารปนเปื้อนและแหล่งสะสมโรค
จากข่าวคราวที่ใครหลายคนน่าจะเคยเห็นเกี่ยวกับสารปนเปื้อนที่อยู่รอบตัวไม่เว้นแม้กระทั่งถุงพลาสติกสีดำที่ใช้ใส่อาหารและของทั่วไปที่คนนิยมใช้และการสะสมของเชื้อโรคในที่พักอาศัยซึ่งส่งผลเสียต่อตัวเจ้าของรวมถึงคนรอบข้าง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำความสะอาดบ้านในจุดใหญ่ๆ สามารถช่วยให้บ้านของเราดูสะอาด เรียบร้อย ดูน่ามอง แต่ความจริงยังมีจุดสกปรกเล็กๆ ที่ถูกมองข้ามจนเกิดเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคในที่สุด โดยเฉพาะฝุ่น ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้นเพื่อให้เราสามารถอยู่ในบ้านได้อย่างมีความสุข จึงไม่ควรลืมทำความสะอาดจุดต่างๆ เหล่านี้
1.สวิตช์ไฟ
การที่เราสัมผัสกับสวิตช์ไฟหลายๆ ครั้งโดยไม่เคยทำความสะอาด ทำให้กลายเป็นจุดที่มีเชื้อโรคสะสมอยู่เพียบ เพียงแต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจากการศึกษาในประเทศอังกฤษพบว่า บนสวิตช์ไฟมีเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคท้องร่วงมากถึง 217 ตัวต่อตารางนิ้ว โดยเฉพาะสวิตช์ไฟห้องน้ำนั้นมีเชื้อโรคอาศัยอยู่มากกว่าหลายเท่าตัว ทำให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคไปสู่บุคคลอื่นๆ จากการสัมผัสอีกด้วย ซึ่งเราสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้โดยฉีดแอลกอฮอล์ลงบนผ้า แล้วนำไปเช็ดสวิตช์ไฟให้ทั่ว ก่อนจะนำผ้าแห้งมาเช็ดซ้ำอีกรอบ เท่านี้ก็ช่วยให้สวิตช์ไฟปราศจากเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
2.ก๊อกน้ำ
ก๊อกน้ำเป็นอีกหนึ่งจุดสกปรกในบ้าน ที่หลายคนมักลืมทำความสะอาด ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย เราสามารถทำความสะอาดได้ง่าย เพียงแค่เช็ดด้วยน้ำร้อนหรือน้ำสบู่แล้วล้างออก หรือถ้าอยากเพิ่มความเงางาม ให้ขัดด้วยเบกกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาว ก็ทำให้ก๊อกน้ำกลับมาสะอาดเงางามได้เหมือนกัน
3.ม่านห้องน้ำ
ม่านในห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นพลาสติกหรือผ้าก็มีโอกาสเกิดเชื้อราได้ง่าย เนื่องจาก อากาศอบอ้าวและมีความชื้นสูง ซึ่งนอกจากจะไม่น่าใช้งานแล้ว เชื้อรายังเป็นพิษต่อร่างกาย หากมีการปนเปื้อนไปในอาหาร ซึ่งพิษจากเชื้อรามักจะเป็นอันตรายต่อระบบต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลดี
หากผ้าม่านที่เป็นผ้า สามารถถอดซักรวมกับผ้าอื่นได้เลย จากนั้นให้ตากแดดจัด เพื่อกำจัดเชื้อรา แต่หากเป็นม่านพลาสติกให้ใช้เบกกิ้งโซดาถูบริเวณที่เป็นเชื้อราออกก่อน แล้วจึงนำไปปั่นในเครื่องซักผ้าร่วมกับผ้าขนหนูเก่า ๆ สักผืน โดยไม่ต้องใส่ผงซักฟอก แต่ให้ใส่น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยลงไปแทน เมื่อเครื่องซักเสร็จให้รีบนำออกมาตากแดดให้แห้ง โดยที่ไม่ต้องปั่นแห้ง เท่านี้คราบเชื้อราต่างๆ ก็จะหายไป
4.ลูกบิดประตู
มือจับประตูและลูกบิดคือจุดอันตรายจากเชื้อโรคอีกจุดหนึ่งที่ถูกมองข้าม โดยเชื่อว่ามากกว่าร้อยละ 90 ของเชื้อโรคอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมือจับประตูและลูกบิดประตูบ้าน ซึ่งการหมั่นล้างมือและเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 -3 ครั้ง เป็นการช่วยทำให้มือจับประตูและลูกบิดปราศจากเชื้อโรคได้
5.ราวจับบันได
เช่นเดียวกับลูกบิดประตู เนื่องจากผู้อยู่อาศัยต้องสัมผัสกับราวจับบันไดทุกวัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องใช้เพื่อช่วยพยุงตัว การเช็ดราวจับบันไดให้สะอาด นอกจากจะสวยงามน่ามองยังป้องกันเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ส่วนการทำความสะอาดสามารถทำได้โดยผสมน้ำร้อนและน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน จากนั้นนำผ้าจุ่มแล้วบิดออกให้ผ้าเปียกหมาดๆ นำไปเช็ดราวบันได แล้วใช้ผ้าแห้งมาเช็ดซ้ำอีกครั้ง
6.ต้นไม้ในบ้าน
ไม่ว่าจะต้นไม้จริงหรือต้นไม้ปลอม ใบไม้ก็เป็นแหล่งสะสมฝุ่นและสิ่งสกปรก โดยเฉพาะต้นไม้ที่อยู่ในห้องนอน เพราะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เรียกกว่า สารก่อภูมิแพ้ (allergens) หรือ สิ่งกระตุ้น ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ การรับประทานอาหาร การสัมผัสทางผิวหนัง โดยโรคภูมิแพ้ชนิดใดที่พบบ่อยมากที่สุดในประเทศไทย คือ โรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ (โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ ร้อยละ 23-50 และโรคหลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคหืด ร้อยละ 10-15) เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดที่พบบ่อยมากที่สุดในประเทศไทยและเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ซึ่งภายในระยะเวลา 20 ปี ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้เพิ่มมากถึง 3-4 เท่า
สำหรับการทำความสะอาดต้นไม้จริงให้ยกไปฉีดน้ำล้างสิ่งสกปรกออกได้เลย แต่ถ้าเกิดว่าต้นไม้มีขนาดใหญ่เกินไป ก็ให้นำผ้าไมโครไฟเบอร์มาเช็ดทำความสะอาดทีละใบแทน ส่วนต้นไม้ปลอมก็สามารถทำความสะอาดได้ง่ายๆ โดยการใช้ไดร์เป่าผมเป่าฝุ่นออก ที่สำคัญอย่าลืมคาดผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันฝุ่นละออง
7.ถังขยะ
ต่อให้กำจัดขยะออกจากถังขยะแทบทุกวัน แต่แบคทีเรียและกลิ่นเหม็นก็ยังคงตกค้างและสะสมอยู่ในถังขยะได้ ฉะนั้นทางที่ดีอย่าลืมล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อพร้อมกับขัดสิ่งสกปรกออก รับรองว่าเชื้อโรคและกลิ่นในถังขยะหายเกลี้ยงแน่นอน
8.มุ้งลวด มู่ลี่
เป็นแหล่งสะสมฝุ่นเพราะทำความสะอาดยาก อีกทั้งโดยมากมักจะถูกมองข้ามเพราะไม่จำเป็น สำหรับมุ้งลวดทำความสะอาดได้โดยราดด้วยน้ำสบู่แล้วใช้แปรงขัดออก ก่อนนำไปผึ่งให้แห้ง ในระหว่างนี้ก็ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรางมุ้งลวดให้สะอาด ส่วนฝุ่นบนมูลี่ก็กำจัดได้โดยใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำแล้วเช็ดที่ละซี่ จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกรอบ เผื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำ
9.เฟอร์นิเจอร์
มักพบสารเคมีอันตรายประเภทฟอร์มัลดีไฮด์ เนื่องจากสารชนิดนี้นิยมใช้ในอุตสาหกรรมสี กาว และสารเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม้อัด และไม้แปรรูปอื่นๆ ไอระเหยของสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่แฝงอยู่สิ่งเหล่าเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย หากได้รับสารระเหยในจำนวนน้อย อาจเกิดอาการระคายเคืองได้ เช่น แสบตาหรือแสบจมูก แต่ในระยะยาวจะทำให้เกิดผลเสียกับระบบร่างกายต่างๆ หรือก่อให้เกิดมะเร็งได้ ผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมากับบ้านว่า มีคำเตือนถึงการใช้สารฟอร์มัลดีไฮด์ และได้รับการรับรองมาตรฐานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมหรือไม่ เพื่อสุขภาวะที่ดีในการพักอาศัย
ที่มา : https://www.ddproperty.com
โรคไบโพลาร์ Bipolar คนอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย
สำหรับโรคไบโพลาร์ (Bipolar) นี้ เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านเรื่องอารมณ์ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า แต่โรคซึมเศร้านั้นคือ โรคอารมณ์ที่ชัดเจน ที่มีอารมณ์เบื่อเศร้า แต่โรคไบโพลาร์ จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งจะมีลักษณะครื้นเครง รื่นเริง สนุกสนานสลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง
โรคไบโพลาร์นี้มีหลายชื่อ เช่น โรคอารมณ์แปรปรวน, manic-depressive disorder, bipolar affective disorder, bipolar disorder ในปัจจุบันชื่อเป็นทางการคือ โรคไบโพลาร์ (bipolar disorder) ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ อาการผิดปกติของอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจเป็นแบบซึมเศร้า (depression) หรือตรงข้ามกับซึมเศร้าคืออารมณ์ดีผิดปกติ (mania) ก็ได้
สาเหตุของโรคไบโพลาร์
ถ้าถามว่า คนกลุ่มไหนเป็นโรคไบโพลาร์มากกว่ากัน จากสถิติจะพบว่า ผู้ป่วยโรคนี้มักเริ่มเป็นก่อนวัยกลางคน บางรายเริ่มเป็นตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ช่วงวัยรุ่น แต่อาการไม่ปรากฏชัด ทำให้คนไม่สังเกต แต่ก็มีบางรายที่มาเริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปีได้
ส่วนสาเหตุนั้น เชื่อว่าเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมองโดยมีสารสื่อนำประสาทที่ไม่สมดุล คือมีสารซีโรโทนิน (serotonin) น้อยเกินไป และสารนอร์เอพิเนฟริน (epinephrine) มากเกินไป นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมค่อนข้างมาก หากแพทย์ลองซักผู้ป่วยดี ๆ จะพบว่าผู้ป่วยจะมีญาติบางคนป่วยเป็นโรคนี้ด้วย ทำให้อาจบอกได้ว่า ลูกหลานของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
อาการของโรคไบโพลาร์
คนที่มีอาการไบโพลาร์นั้น จะอารมณ์ดีในลักษณะที่ผิดปกติ เรียกว่า mania หมายถึงอารมณ์ดีมากเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น และมักจะไม่มีเหตุผลหรือไม่สมเหตุสมผล ช่วงที่มีอารมณ์ดีจะช่างพูดช่างคุย คุยได้ไม่หยุด และไม่ชอบให้ใครมาขัดจะเกิดอารมณ์หงุดหงิด บางคนอารมณ์ดีจนกระทั่งตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
แต่ถ้าอารมณ์ร้ายขึ้นมาเมื่อไร ก็ถึงขั้นใช้อารมณ์ก้าวร้าวได้ เรียกว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ซึ่งอาจทำให้มีปัญหากระทบกระเทือนต่อหน้าที่การงาน และการใช้ชีวิตประจำวันได้เลย ผู้ป่วยบางคนจะมีปัญหาไม่ยอมหลับยอมนอน ตอนกลางคืน อยากเที่ยวกลางคืน ใช้จ่ายเงินมาก มีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น สำส่อนทางเพศ
ถ้าอาการนี้เริ่มเป็นมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น อาจทำให้ผู้ป่วยไม่มีสมาธิในการเรียน ผลการเรียนตกลง มีปัญหาทางพฤติกรรม ทะเลาะกับเพื่อนฝูง ครูอาจารย์ รู้สึกอยากไปเที่ยวกลางคืน ออกไปเตร็ดเตร่ ซึ่งถ้าพ่อแม่ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างใกล้ชิดก็จะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลย
อย่างไรก็ตาม อาการของโรคไบโพลาร์ไม่จำเป็นต้องสลับกับช่วงซึมเศร้า บางคนเป็นโรคนี้อยู่ช่วงหนึ่ง อาจจะประมาณ 4-6 เดือนก็สามารถกลับคืนเป็นปกติได้เองโดยไม่ต้องรักษา ทำให้คนรอบข้างไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาถ้าไม่สังเกตอย่างใกล้ชิด เมื่อเป็นปกติแล้วเขาจะดำเนินชีวิตได้ปกติ พอถึงช่วงหนึ่งจะรื่นเริงอีก หรืออาจจะสลับไปขั้วตรงข้าม เป็นแบบซึมเศร้า อาการก็จะเริ่มตั้งแต่แยกตัว เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เบื่อ ๆ เข้าก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ที่สำคัญที่สุดคือการฆ่าตัวตาย
โรคนี้ ช่วงซึมเศร้าจะเหมือนกับโรคซึมเศร้า อัตราการฆ่าตัวตายคือ 15-20% เพราะฉะนั้น เท่ากับว่าผู้ป่วยหนึ่งในห้ามีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเบื่อเศร้าและฆ่าตัวตาย แต่ช่วงที่รื่นเริงมาก ๆ ก็จะมีประเด็นการฆ่าตัวตายได้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตอนซึมเศร้า
แนวทางในการรักษาโรคไบโพลาร์
โรคไบโพลาร์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา ได้แก่ ยาในกลุ่มยาควบคุมอารมณ์ (mood stabilizers), ยาแก้โรคจิต (antipsychotics) และยาแก้โรคซึมเศร้า (antidepressants) ดังนี้
1. ใช้ยาไปช่วยในการปรับสารสื่อนำประสาทตรงให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ mood stabilizer ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัวที่จะใช้ในการรักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้
ช่วงระยะการรักษาช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมาเป็นปกติที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นการรักษาต่อเนื่อง อาจต้องใช้ยาคุมอาการ ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสำคัญ ในคนไข้บางราย 1 ปี อาจมาพบหมอแค่ 2-4 ครั้งเท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด
2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี คือ lithium ควบคุมอาการ mania ได้ดีมาก แต่ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็น ๆ หาย ๆ ได้ ตัวยายังสามารถป้องกันได้ทั้งอาการ mania และอาการซึมเศร้า ยาอื่น ๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่ valproate, carbamazepine, lamotrigine, gabapentin และ topiramate
3. สำหรับอาการซึมเศร้าตอบสนองดีต่อยา clozapine, olanzapine, risperidone, quetiapine และ ziprasidone
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ตัวผู้ป่วยเองก็ต้องดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
ถ้ามีผู้ป่วยในครอบครัว คนรอบตัวต้องเข้าใจและช่วยกันป้องกันผู้ป่วยในช่วงก่อนโรคกำเริบรุนแรง เพราะว่ามีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำอีก ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนมากที่สุด คือ 15-25 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยอาการขยันผิดปกติ หรือที่เรียกว่า “ไฮเปอร์แอ็คทีฟ” ต่อมา บางช่วงของการเจ็บป่วยก็จะเปลี่ยนเป็นซึมเศร้า เป็นมาก ๆ อาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย
สรุปแล้วโรคนี้รักษาได้ หากคนรอบตัวมีอาการผิดปกติทางอารมณ์อย่างที่บอกมา ควรพาไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัย เพื่อจะได้รีบรักษาให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป จะช่วยลดความสูญเสียทางด้านหน้าที่การงาน และเงินทอง เวลาผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรุนแรง เป็นปัญหาสังคมได้
ที่มา : https://health.kapook.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17 สิงหาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคาขาย/บาท |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% |
18,600.00 |
18,500.00 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
19,100.00 |
18,161.68 |
1,198.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
n/a |
18,813.56 |
1,241.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
n/a |
16,345.51 |
1,078.20 |
ทองรูปพรรณ 80% |
n/a |
14,529.34 |
958.40 |
ทองรูปพรรณ 50% |
n/a |
8,171.24 |
539.00 |
ทองรูปพรรณ 40% |
n/a |
6,352.04 |
419.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 17 สิงหาคม 2561
|
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
แก๊สโซฮอล์ 95 |
29.45 |
29.45 |
29.85 |
29.45 |
29.45 |
29.45 |
29.45 |
29.45 |
29.45 |
29.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 |
29.18 |
29.18 |
29.58 |
29.18 |
29.18 |
29.18 |
29.18 |
29.18 |
29.18 |
29.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 |
26.54 |
26.54 |
26.74 |
26.54 |
26.54 |
– |
26.54 |
26.54 |
26.54 |
26.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 |
21.04 |
21.04 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.04 |
21.04 |
– |
เบนซิน 95 |
36.56 |
– |
– |
– |
37.01 |
– |
37.06 |
36.86 |
36.66 |
36.86 |
ดีเซล |
28.89 |
28.89 |
29.09 |
28.89 |
28.89 |
28.89 |
28.89 |
28.89 |
28.89 |
28.89 |
ดีเซลพรีเมี่ยม |
31.89 |
32.76 |
32.96 |
32.76 |
32.76 |
– |
– |
– |
– |
– |
แก๊ส NGV |
14.58 |
14.58 |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |