เปิดพิมพ์เขียวพัฒนาสนามบินภูมิภาคลุย25โครงการ34,507ล้าน ดึงเอกชนร่วมPPP “บิ๊กตู่”เร่งโอน4แห่งให้ทอท.บริหาร
ทย.เปิดแผนพัฒนาสนามบิน 20 ปี ลุยเฟสแรก 10 ปี 25 โครงการทั่วทุกภาค เล็งดึง 4 โครงการลง PPP เพื่อประหยัดงบ ด้านบิ๊กตู่สั่งการเร่งโอน 4 สนามบินให้ ทอท.
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรมท่าอากาศยาน (ทช.) นำเสนอแผนการพัฒนาระยะ 20 ปี (2561-2580) ของท่าอากาศยานทั้ง 29 แห่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรม และอีก 1 แห่งที่กำลังก่อสร้างอยู่ คือท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา จากตามแผนนี้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารในปี 2580 จะอยู่ที่ 50 ล้านคน/ปี จากปี 2561 ที่มีจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 19.5 ล้านคน และคาดว่าในปี 2580 จะมีจำนวนเที่ยวบิน 55,000 เที่ยวบิน/วัน จากปี 2561 ที่มีเที่ยวบินอยู่ที่ 21,480 เที่ยวบิน/วัน
สำหรับแผนนี้แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วง 10 ปีแรก (2561-2570) และช่วง 10 ปีหลัง (2571-2580) ช่วง 10 ปีแรกนั้นได้จัดสรรงบประมาณลงทุนรวม 34,507 ล้านบาท ส่วนช่วง 10 ปีหลัง ทย.อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาพื้นที่ต่อไป
ช่วง 10 ปีแรกนั้นได้รับจัดสรรงบประมาณลงทุนรวม 34,507 ล้านบาท แบ่งเป็นพัฒนาในช่วงระยะที่ 1(2561-2565) จำนวน 27,248 ล้านบาท ปรับปรุงท่าอากาศยาน 17 โครงการ ได้เแก่ 1. ภาคเหนือ 2,529 ล้านบาท (ลำปาง, แพร่, แม่สอด จ.ตาก) 2. ภาคอีสาน 4,692 ล้านบาท (เลย, สกลนคร, อุดรธานี, อุบลราชธานี, ร้อยเอ็ด, ขอนแก่น, บุรีรัมย์) และ 3. ภาคใต้ 20,027 ล้านบาท (อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, กระบี่, ตรัง, นราธิวาส และเบตง จ.ยะลา)
และระยะที่ 2 (2566-2570) จำนวน 7,259 ล้านบาท ปรับปรุงท่าอากาศยาน 8 โครงการ ได้แก่ ภาคเหนือ 732 ล้านบาท (ปาย,แพร่) , ภาคอีสาน 5,158 ล้านบาท (สกลนคร, เลย, อุดรธานี, อุบลราชธานี,ร้อยเอ็ด) และภาคใต้ 1,369 ล้านบาท (สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช)
ส่วนแนวคิดที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการ (PPP) เบื้องต้น ทย.กำลังเลือก 3-4 สนามบิน เพื่อดำเนินการอยู่ ซึ่งเมื่อถูกเลือกแล้ว จะถูกแยกออกมาจาก 28 แห่งที่จะมีแผนลงทุนตามข้างต้นทันที เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ
ขณะที่ความคืบหน้าการโอนท่าอากาศยาน 4 แห่งของ ทย.ให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ไปดูแล ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี สกลนคร ตาก และชุมพรนั้น กระทรวงคมนาคมกำลังดำเนินการอยู่ และเมื่อการประชุม ครม.สัญจรจ.ระนอง-ชุมพร ระหว่างวันที่ 21-22 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้เร่งดำเนินการ โดยทางกระทรวงกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการถ่ายโอนทั้ง 4 สนามบินอยู่ ก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพราะจะมีเรื่องการถ่ายโอนสินทรัพย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังด้วย
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จริงๆ แล้วในวันประชุมครมสัญจรที่ จ.ระนอง-ชุมพร นั้น ที่ประชุมไม่ได้มีมติในประเด็นดังกล่าว เพียงแต่ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้เร่งดำเนินการเท่านั้น โดยให้เร่งตั้งคณะกรรมการถ่ายโอนตามขั้นตอน แต่วิธีดำเนินการมีอีกเยอะ แถมแผนพัฒนาที่ ทอท.ส่งมาประกอบก็ยังไม่ชัดเจนว่าต้องมีข้อผูกมัดอะไรกับรัฐบ้าง ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ชัดเจนตั้งแต่แรกว่า ทอท.จะต้องมีข้อผูกมัดกับรัฐ
ส่วนโครงการที่ ทย. สนใจจะนำมาลงทุนแบบ PPP มี 4 สนามบิน ได้แก่ เพชรบูรณ์, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และหัวหิน ขณะนี้ได้เสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว เมื่อกระทรวงพิจารณาแล้วมีนโยบายให้ ทย.ไปทำ ก็จะดำเนินการศึกษาในรายละเอียดของโครงการต่อไป
ขอบคุณที่มา www.prachachat.net
2กลุ่มลุ้นตัดเชือกไฮสปีด หวั่นติดหล่มเวนคืนที่ดิน
โจทย์หินไฮสปีด EEC หวั่นเพิ่มภาระลงทุนปัญหาที่ดินมักกะสัน/ศรีราชา คาดเหลือ 2 กลุ่มชิงดำ “ซี.พี.” เต็งจ๋าผนึกฝรั่งเศส-อิตาลี ควง 7 บริษัทจีนซุ่มเจรจา “ITD-ช.การช่าง-BEM” ฟาก BTS ผนึกซิโน-ไทยฯ-ราชบุรีฯแน่น ปตท.รอเคาะพันธมิตร
แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังพิจารณาร่างทีโออาร์ประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ที่รัฐจะให้เอกชนร่วมลงทุน PPP net cost ระยะเวลา 50 ปี วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท โดยเปิดให้ยื่นซองประมูลวันที่ 12 พ.ย.นี้ นอกจากเวลาการทำข้อเสนอจะสั้น รายละเอียดเนื้องานก็ยุ่งยาก และโครงการก็มีความเสี่ยงสูง กว่าจะคุ้มทุนต้องใช้เวลา 10-20 ปี
ปัญหาส่งมอบที่ดินมักกะสัน
สิ่งที่เป็นข้อกังวลมีหลายประเด็น เช่น การพัฒนาเชิงพาณิชย์สถานีมักกะสัน 150 ไร่ อาจจะเป็นภาระเอกชน เพราะต้องใช้เงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ยังเคลียร์พื้นที่บางส่วนไม่ได้ จะส่งมอบให้ส่วนแรก 100 ไร่ ในวันที่เซ็นสัญญา อีก 50 ไร่ ทยอยใน 5 ปี ส่วนสถานีศรีราชา 25 ไร่ ไม่น่าจะมีปัญหา
“ขณะที่เอกชนจะต้องจ่ายเงินก้อนแรกเป็นค่าเปิดหน้าดินให้การรถไฟฯทันทีเป็นเงินหลาย 1,000 ล้านบาท รวมถึงลงทุนพัฒนาและสร้างระบบสาธารณูปโภคทั้งมักกะสันและศรีราชา อีก 45,000 ล้านบาท ไม่รวมค่าเช่าตลอดอายุสัญญาอีก 51,000 ล้านบาท”
ทั้งยังมีความไม่ชัดเจนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา 6,500 ไร่ เช่น การพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ การประมูลก่อสร้างและแล้วเสร็จ รวมถึงยอดผู้โดยสารมาใช้บริการ หากการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาไม่เป็นตามแผนจะกระทบต่อโครงการเช่นกัน ในส่วนของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่ผู้ชนะจะได้สิทธิ์การเดินรถและบริหารโครงการด้วย ก็เป็นเรื่องยากเช่นกันที่จะบริหารจัดการให้ผลประกอบการดีขึ้น เพื่อแลกกับเงินที่เอกชนต้องจ่ายให้ 10,671 ล้านบาท ทันทีที่เซ็นสัญญา และยังต้องลงทุนซื้อรถขบวนใหม่เพิ่มเติมอีก
ปมพื้นที่ทับซ้อน-เวนคืนที่ดิน
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ มีพื้นที่ก่อสร้างที่ทับซ้อนกับรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง และบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก ที่เอกชนจะต้องออกค่าก่อสร้างอุโมงค์ช่วงจิตรลดาก่อน 7,200 ล้านบาท รวมถึงโครงสร้างที่ทับซ้อนกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น ช่วงบางซื่อ-ดอนเมืองอีก 10 กม. นอกจากนี้รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของโครงการที่ยังไม่ได้รับอนุมัติก็น่ากังวล รวมถึงการเวนคืนที่ดินตลอดเส้นทาง และจุดใหญ่ จ.ฉะเชิงเทรา 550 ไร่ ยังไม่รู้ว่าการรถไฟฯจะจัดการแล้วเสร็จตามกรอบเวลาหรือไม่
“งานระบบที่เอกชนต้องจัดหา ตามทีโออาร์ถึงจะไม่ปิดกั้นใช้ระบบของประเทศไหน แต่ก็กำหนดไว้ต้องเป็นระบบมาตรฐานของยุโรป เพราะมีข้อจำกัดขนาดรถต้องวิ่งเข้าสถานีมักกะสัน ต้องกว้างไม่เกิน 3 เมตร ซึ่งเข้าทางยุโรป ส่วนรถของเอเชียทั้งจีนและญี่ปุ่นจะมีขนาดกว้างเกิน 3 เมตรทำให้กลุ่ม ซี.พี.เจรจาบริษัทยุโรปเข้ามาร่วมด้วย เพราะจะได้ไม่ต้องลงทุนโมดิฟายสถานีใหม่” แหล่งข่าวกล่าว
คาดเหลือแค่ ซี.พี.-บีทีเอสชิงดำ
จากความยากของโครงการ คาดว่าจะมีเอกชนมายื่นประมูลจริง ๆ 2-3 ราย ได้แก่ 1.กลุ่มซี.พี.คาดว่าร่วมกับบริษัทรถไฟในประเทศยุโรปและเอเชีย ได้แก่ บริษัททางรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส (SNCF) และบริษัท ทรานส์เดฟ กรุ๊ป จากฝรั่งเศส บริษัททางรถไฟแห่งชาติอิตาลี (FS) ในส่วนของการจัดหาระบบ การเดินรถและบริหารจัดการโครงการ
ส่วนในเอเชียมี 7 บริษัทจากจีนจะร่วมกันออกแบบก่อสร้างและวางราง ประกอบด้วย บจ.ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชั่น (CRCC), บจ.ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป, บจ.ไชน่า คอมมูนิเคชั่น คอนสตรัคชั่น,
บจ.ไชน่า รีเสิร์ซ โฮลดิ้งส์, บจ.ซิติก กรุ๊ป, บจ.ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น และ บจ.ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ด้านบริษัทไทยจะเป็นงานก่อสร้าง มีกระแสว่ากลุ่ม ซี.พี.กำลังเจรจา บมจ.อิตาเลียนไทย และ บมจ.ช.การช่าง ซึ่งอาจรวมถึง บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ด้วย
สำหรับกลุ่มที่ 2.กลุ่ม BSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง และกำลังเจรจากับ ปตท. และ 3.กรณีกลุ่ม ปตท.ที่กำลังเจรจากับทั้งบีทีเอส และ ซี.พี. หากสุดท้ายไม่ลงตัวทาง ปตท.อาจจะยื่นประมูลเอง
ซี.พี.พาทัวร์ลงพื้นที่จริง
นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข หัวหน้าทีมประสานงานโครงการรถไฟความเร็วสูงเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) กล่าวว่า ความยากของโครงการนี้ ถ้ามองในแง่การก่อสร้าง ต้องตัดสินใจแต่ต้นว่าจะสร้างแบบไหน อย่างแรกดูข้อกำหนดของการรถไฟฯว่าทำได้หรือไม่ จากนั้นดูการบริหารจัดการที่ต้องก่อสร้างบางส่วนก่อนโครงการอื่นที่ยังไม่เกิด ต้องเตรียมการไว้ให้เพื่อเชื่อมต่อในอนาคต ทั้งโครงสร้างและเทคโนโลยี
“ยังไม่ขอพูดว่าเราจะร่วมกับใคร เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ เราโอเพ่นหมดทั้งไทยและต่างชาติ เพราะรถไฟความเร็วสูงเป็นระบบที่ประเทศไทยไม่เคยมีมาก่อน ซึ่ง ซี.พี.ก็ร่วมลงทุนเกือบทุกด้าน เช่น อสังหาฯ ตอนนี้จ้างผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์แต่ละด้าน ก่อนที่จะตกผลึกและยื่นซองประมูล” นายอติรุฒม์กล่าวและว่า
วันที่ 14 ก.ย.นี้ ซี.พี.จะลงดูสภาพพื้นที่จริง เริ่มตั้งแต่แอร์พอร์ตลิงก์สถานีมักกะสันที่จะเป็นจุดศูนย์กลางสำคัญเชื่อมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เช่น ดูระบบจุดเช็กอินและการบริการ รวมถึงตำแหน่งพื้นที่ 150 ไร่ ที่จะพัฒนาเชิงพาณิชย์ จากนั้นนั่งแอร์พอร์ตเรลลิงก์จากสถานีมักกะสัน-สุวรรณภูมิ ดูการเชื่อมต่อการเดินทาง แล้วนั่งรถไฟขบวนพิเศษจากลาดกระบังไปยังสถานีบ้านพลูตาหลวง สถานีฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา และพัทยา จากนั้นนั่งรถยนต์ไปสนามบินอู่ตะเภา เพื่อดูพื้นที่การพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การเปิดใช้อาคารผู้โดยสารที่ปรับปรุงใหม่
ปตท.จีบ 2 บิ๊กรถไฟฟ้าลงขัน
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ได้คัดเลือกพันธมิตรจาก 10 ราย เหลือ 2 ราย เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน เป็นสัญชาติไทย ร่วมลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แต่ยังไม่ตัดสินใจต้องรอสัญญาณบางอย่างก่อน หากได้ข้อสรุป ปตท.จะให้ บจ.เอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (EnCo) บริษัทลูกเข้าไปยื่นประมูลวันที่ 12 พ.ย.นี้
“การลงทุนนี้ต้องศึกษาความเหมาะสมโครงการว่าลงทุนแล้วคุ้มหรือไม่ เพราะเราต้องดูแลผู้ถือหุ้นด้วย ทำแล้วมีความเสี่ยงทางด้านนโยบายหรือไม่ การลงทุนนี้จะเป็น New S-curve การลงทุนจะเห็นก็หลัง 5-7 ปีที่โครงการก่อสร้างไปแล้ว นอกจากนี้ ปตท.ยังมีที่ดินบริเวณมักกะสันที่สามารถจะพัฒนาต่อไปได้อีก”
นายชาญศิลป์กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดบนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่ง ปตท.มีธุรกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ EEC มากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยบอร์ดมองถึงโอกาสที่จะขยายการลงทุนจากโลจิสติกส์ ไปสู่ธุรกิจค้าปลีกบนสถานีต่าง ๆ รวมถึงการให้บริการที่เรียกว่าเป็น new energy ทั้งระบบแอร์ ระบบน้ำร้อน-น้ำเย็น ระบบไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อรองรับการทำงานของสถานี
รถไฟลั่นปีหน้าเวนคืนเสร็จ
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า เอกชนมีข้อกังวลเรื่องเวนคืนที่ดิน โครงสร้างที่ทับซ้อนกับสายสีแดง รถไฟความเร็วไทย-จีน และไทย-ญี่ปุ่น ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ตามหลักการแล้วโครงการใดที่พร้อมสุด จะต้องลงทุนโครงสร้างรองรับไว้ก่อน ตอนนี้รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินพร้อมสุด ต้องก่อสร้างก่อน ส่วนระบบเดินรถและอาณัติสัญญาณ หากจะใช้รางร่วมกันเจ้าของเทคโนโลยีก็สามารถคุยกันทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่น
กรณีเวนคืนที่ดินจะให้เสร็จในปี 2562 ขณะนี้เตรียมออก พ.ร.ฎ.เวนคืนตลอดแนวเส้นทาง มี 850 ไร่ วงเงิน 3,570 ล้านบาท มี จ.ฉะเชิงเทรา 550 ไร่ วงเงิน 3,000 ล้านบาท สร้างศูนย์ซ่อมบำรุง (depot) 300 ไร่ แนวทางวิ่ง 100 ไร่ และสถานีรถไฟ 70 ไร่ ที่เหลือเป็นค่าสิ่งปลูกสร้างทดแทนผู้อยู่อาศัยเดิม 254 ครัวเรือน ต้องย้ายออกจากแนวเขตทาง นอกจากนี้มีเวนคืนที่สถานีลาดกระบังเพิ่ม ทำทางวิ่งไปสนามบินอู่ตะเภา และบางส่วนบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ และอู่ตะเภาอีก 300 ไร่
ส่วนการส่งมอบพื้นที่สถานีมักกะสันและศรีราชาคิดว่าไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับการขออนุมัติอีไอเอจะให้ได้รับอนุมัติภายในปีนี้ ล่าสุดกำลังส่งรายละเอียดให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาช่วงกรุงเทพฯ-อู่ตะเภาก่อน
ขอบคุณที่มา www.prachachat.net
ต้อนโรงแรมเถื่อนเข้าระบบอืด เอกชนมึนมหาดไทยต่อเวลา2ปี
สมาคมโรงแรมไทยมึน มหาดไทยรวมข้อมูลโรงแรมเถื่อนยื่นขอเข้าระบบตามมาตรการผ่อนปรนปีཷ ไม่คืบ แถมขยายเวลาต่ออีก 2 ปี “เชียงใหม่-ภูเก็ต-กระบี่” ไล่ตรวจเข้ม เผยมีผู้ประกอบการยื่นขอเปลี่ยนการใช้อาคารเพิ่มต่อเนื่อง
จากนโยบายผ่อนปรนให้โรงแรมขนาดเล็ก ๆ ที่นำตึกแถวมาทำเป็นโรงแรมและที่ผ่านมาติดขัดในเรื่องกฎหมายที่ควบคุมเข้มงวด ให้สามารถเข้าจดทะเบียนเป็นโรงแรมได้ ตามกฎกระทรวงกําหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 โดยให้เวลาดำเนินการ 2 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้โรงแรมที่ผิดกฎหมายทั่วประเทศมีโอกาสพัฒนาและปรับปรุงให้ถูกกฎหมาย
มหาดไทยต่ออายุคุมอีก 2 ปี
นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เดิมทีเดียวกระทรวงมหาดไทยให้เวลาผู้ประกอบการโรงแรมที่ผิดกฎหมายยื่นขอพัฒนาปรับปรุงและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย 2 ปี จากวันที่ออกกฎกระทรวงเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมได้เข้าไปพบเพื่อขอข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยว่ามีกลุ่มผู้ประกอบการที่ยื่นของปรับปรุงเข้ามาว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
“ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของมหาดไทยคาดว่าน่าจะมีราว 1,000 ราย ที่ได้ยื่นเรื่องเข้ามาขอพัฒนาและปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมาย และคงต้องใช้เวลาตรวจสอบอีกพักใหญ่กว่าจะได้ข้อมูลว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์มากน้อยแค่ไหน”
นางศุภวรรณกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมหาดไทยได้ขยายเวลาให้ผู้ประกอบการได้ดำเนินการให้ถูกกฎหมายอีก 2 ปี หรือถึงเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งสมาคมอยากเห็นการพัฒนาและปรับตัวเข้าสู่ระบบของกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม เพื่อให้ทุกรายได้แข่งขันบนมาตรฐานเดียวกัน และทำให้นักท่องเที่ยว ผู้เข้าพักปลอดภัย
เชียงใหม่-ภูเก็ต เร่งจัดระเบียบ
นายวีระพันธ์ ดีอ่อน นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังมีการติดตามและตรวจสอบเรื่องโรงแรมที่เปิดดำเนินการโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่มีใบอนุญาตอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ารายใดฝ่าฝืน จะมีการจับกุมและสั่งปิดทันที โดยช่วงระยะ 1 ปีที่ผ่านมาได้ตรวจจับและสั่งปิดกิจการไปแล้วหลายราย
ด้านนายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดอยู่ระหว่างเร่งจัดระเบียบธุรกิจโรงแรม โดยเปิดให้ผู้ประกอบการเข้ามายื่นเอกสาร ขออนุญาตการดัดแปลงอาคาร เมื่อขั้นตอนนี้ผ่านจึงมาขอยื่นอนุญาตโรงแรม ส่วนโรงแรมผิดกฎหมายที่เข้ามาติดต่อ หรือรายที่ทำผิดกฎหมายและถูกจับกุม ถ้าประสงค์ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ต้องทำตามขั้นตอน
พีพีโรงแรมเถื่อนยกเกาะ
นายศรัทธา ทองคำ นายอำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางการได้มีการเข้าตรวจโรงแรมในกระบี่ที่มีกว่า 340 แห่ง พบว่ามีถูกต้องทั้ง พ.ร.บ.โรงแรมและ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพียง 82 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 258 แห่ง ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบางแห่งที่เจ้าหน้าที่สั่งปิดไปแล้ว แต่ยังฝ่าฝืนเปิด และเตรียมจะเข้าตรวจสอบจับกุมอีกรอบ
“ที่เป็นปัญหามากตอนนี้ก็คือ กรณีของโรงแรมบนเกาะพีพี (ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่) ที่พบว่า ผู้ประกอบการโรงแรมไม่สามารถยื่นคำขออนุญาตได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ จึงต้องเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานในการพิจารณาเรื่องนี้”
แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2559 มีผลใช้บังคับเมื่อ 19 ส.ค. 2559 เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายปรับปรุงอาคารเพื่อยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.โรงแรม 2547 กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้หน่วยงานท้องถิ่นสำรวจโรงแรมที่มีลักษณะอาคารผิดกฎหมาย พร้อมแนะนำให้ผู้ประกอบการเร่งปรับปรุงอาคารก่อนนำมายื่นขอใบอนุญาตโรงแรมให้ถูกต้อง ล่าสุด ได้รับรายงานว่ามีอาคารปรับปรุงแล้วเสร็จและยื่นขอเปลี่ยนการใช้อาคารตามกฎกระทรวงดังกล่าวทยอยยื่นขอใบอนุญาตโรงแรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนที่ไม่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอาคารให้เป็นไปตามกฎกระทรวงได้ และปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายอยู่จำนวนมากเช่นเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ยังฝ่าฝืนโดยเฉียบขาด พร้อมให้รายงานผลการดำเนินการให้ทราบเป็นระยะ ๆ
ขอบคุณที่มา www.prachachat.net
“กรรมดี” กับ Karma แอปช่วยลดขยะอาหาร
คอลัมน์ สตาร์ตอัพ “ปัญหา” ทำ “เงิน”
โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
หาก “กรรม” คือการกระทำ การกินทิ้งกินขว้างโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมน่าจะจัดให้อยู่ในหมวดอกุศลกรรม ผลที่ตามมาก็หนีไม่พ้นขยะเต็มบ้านเต็มเมือง ก่อให้เกิดมลพิษต่าง ๆ ให้คนรุ่นหลัง
Karma (แปลว่า กรรม) สตาร์ตอัพจากสวีเดนจึงนำเสนอแอปพลิเคชั่นที่ทำให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถร่วมด้วยช่วยกันลดขยะอาหารแบบ “วิน-วิน”
เรียกได้ว่าเป็นการก่อกรรมดี ละกรรมชั่ว ออนเดอะโก ได้ทุกที่ ทุกเวลา
เพียงแค่โหลดแอปมาไว้บนมือถือ จากนั้นผูกบัญชีกับโลเกชั่น ระบบก็จะลิสต์ร้านอาหาร คาเฟ่ ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตละแวกใกล้เคียงที่กำลังนำสินค้าออกมาขายลดราคากันมาให้เลือก ถูกใจเมนูไหนก็แค่คลิก-กดปุ่มจ่ายเงิน เป็นอันเสร็จพิธี หลังเลิกงานก็แค่โฉบไปเอาอาหารที่สั่งไว้มาหม่ำต่อที่บ้าน
Karma ให้อิสระร้านค้าเป็นผู้กำหนดราคาของ แต่ต้องลดไม่น้อยกว่า 50%
ที่สำคัญคือ หน้าตาของอาหารที่นำมาเซลก็ต้องดูดีด้วย เพื่อแก้ไขทัศนคติด้านลบในใจผู้บริโภค Karma จึงมีพันธมิตรที่หลากหลาย ตั้งแต่โรงแรม ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ไปจนถึงร้านอาหารระดับมิชลิน
ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าสมัครใช้บริการของ Karma ได้ฟรี แต่บริษัทจะหักเงิน 25% จากรายได้ของร้านค้าทุกครั้งที่มีการซื้อขายผ่านแอป ตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2016 Karma มีลูกค้าใช้งานกว่า 3.5 แสนคน กระจายตัว 150 เมืองในสวีเดน และอังกฤษ (ลอนดอน)
ลูกค้ากลุ่มใหญ่สุดคือคนทำงานอายุ 20-45 ปี เด็กนักเรียนและผู้สูงอายุ
ปัจจุบันมีพันธมิตรกว่า 1,500 แห่ง ที่นอกจากไม่ต้องทิ้งอาหารให้กลายเป็นขยะแล้ว ยังนำมาขายลดราคา ทำให้มีรายได้เพิ่มกว่า 5 หมื่นยูโรต่อปี
ที่สำคัญคือ ทั้งลูกค้าและเจ้าของธุรกิจยังมีส่วนร่วมในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยช่วยลดปริมาณขยะอาหารได้ถึง 140 ตัน หรือเท่ากับลดปริมาณก๊าซเสียที่ปล่อยออกจากรถยนต์ประมาณ 17,000 คัน
ล่าสุด Karma ระดมทุนได้อีก12 ล้านเหรียญ เพิ่มจำนวนพนักงานจาก 35 เป็น 100 คน รองรับการให้บริการในตลาดใหม่ ๆ ในยุโรปในอนาคตด้วย
เราเขียนถึงสตาร์ตอัพที่ช่วยลดปัญหาขยะอาหารมาหลายครั้งแล้ว เหตุผลหนึ่งก็เพราะมันเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นมันให้ไอเดียการแก้ไขปัญหาแบบที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้
ปีหนึ่งโลกเราผลิตอาหารกว่า 1 หมื่นล้านตัน ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับไอเสียที่ปล่อยออกจากรถยนต์ถึง 3 ล้านคัน แต่ก็ยังกินทิ้งกินขว้างทำให้แต่ละปีมีอาหารเหลือทิ้งถึง 1 ใน 3 ตีเป็นเงินก็ปาเข้าไป 1 ล้านล้านเหรียญ
ขึ้นชื่อว่าขยะยังไง ๆ ก็ก่อให้เกิดมลพิษ ถึงมีคนเก็บขยะไปจากหน้าบ้านเรา ก็ถูกกองไว้ที่อื่นอยู่ดี กว่าจะผ่านกระบวนการกำจัดก็ใช้เวลา แถมสิ้นเปลืองทรัพยากร ถ้าจะให้ดีก็ช่วย ๆ กันลดปริมาณขยะอาหารกันตั้งแต่แรก จะสั่งอาหาร หรือทำกับข้าวแต่ละครั้ง กะปริมาณแบบพอดี ๆ จะได้ไม่เหลือทิ้ง
ถือเป็นการทำกรรมดีอย่างหนึ่งก็แล้วกันนะคะ
ขอบคุณที่มา www.prachachat.net
15 คำศัพท์ภาษาอังกฤษเอ่ยชมแบบคนคิดบวก
แม้ว่าหลายคนจะรู้จักคำศัพท์ในการเอ่ยชื่นชมความสวยความงาม ความน่าหลงใหล ความเก่งกาจ ความปราดเปรื่อง และอีกมากมายหลายคำชมในภาษาอังกฤษที่เราร่ำเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เช่น Beautiful, Clever, Good, Happy เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคำศัพท์พื้นฐาน บางทีก็เอามาใช้บ่อย พูดบ่อยจนเริ่มหมดความมั่นใจ เจอใครกี่คน ก็ได้แต่เอ่ยปากชมได้แค่คำเดิมๆ
เอาเป็นว่า ถ้าใครเบื่อคำชมเบสิกพวกนี้แล้ว มาทางนี้ดีกว่าค่ะ มาลองดูคำเอ่ยชมแบบใหม่ๆ กัน จะได้รู้ว่า ยังมีคำชมอีกตั้งเยอะตั้งแยะที่สามารถเอ่ยชมออกไปได้และไม่ซ้ำซากจำเจ และแถมยังเป็นคำที่ชมออกไปแล้ว คนรับก็ดีใจ คนพูดก็ดูดี ดูมีทัศนคติดี ดูคิดบวก เรียกว่าชมทีเดียว ปลื้มทั้งคนพูดคนฟังเลยค่า
A bubbly personality
หมายถึง บุคคลที่มีความสุข สนุกสนาน สดใสร่าเริงตลอดเวลา และมีทัศนคติที่ดี ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขตาม
A ray of sunshine
หมายถึง บุคคลที่มีจิตใจดี มีเมตตา ใครอยู่ใกล้ก็อบอุ่นใจ รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ส่องไปทุกทิศ ส่องไปทางไหนก็ทำให้คนเบิกบานใจ
A Type A personality
หมายถึง บุคคลที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน มีเป้าหมายในชีวิต และใช้ชีวิตแบบเดินไปข้างหน้าเพื่อความสำเร็จ เก่งและปราดเปรื่องในการบริหารจัดการ สมกับเป็นคนเกรด A
Affectionate
หมายถึง บุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น
An old soul
หมายถึง บุคคลที่มีความฉลาดปราดเปรื่องและมีความรอบคอบ มีลักษณะดูเหมือนจะเป็นคนที่โตกว่าอายุจริงและเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา
Artistic
หมายถึง บุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านศิลปะและมีความสามารถการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ
Charismatic
หมายถึง บุคคลที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ มีความสามารถในการดึงดูดใจหรือโน้มน้าวใจผู้อื่นให้รู้สึกชื่นชอบ ชื่นชมได้
Classy
หมายถึง บุคคลที่มีความสง่างาม มีสไตล์ ตลอดจนมีทักษะและความสามารถที่โดดเด่น หรืออาจจะเป็นที่นิสัยและภาพลักษณ์ภายนอกที่เปล่งประกายความเด่น ทำให้ดูแพง ดูสง่า
Down-to-earth
หมายถึง บุคคลที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน มีวิจารณญาณ
Easygoing
หมายถึง บุคคลที่ง่ายๆ (ไม่ใช่ใจง่ายนะคะ) เป็นกันเอง สบายๆ ไม่เรื่องมาก
Industrious
หมายถึง บุคคลที่ขยัน ทำงานหนัก
Larger-than-life
หมายถึง บุคคลที่มีจิตใจเข้มแข็ง มีพลัง และเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นประทับใจได้
Natural-born ______
หมายถึง บุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านใดด้านหนึ่งมาโดยกำเนิดหรือตั้งแต่เล็กๆ เช่น a natural-born artist (มีพรสวรรค์ด้านศิลปินโดยธรรมชาติ) เป็นต้น
Social butterfly
หมายถึง บุคคลที่มีมิติ มีความหลากหลาย มีเสน่ห์ดึงดูด เข้าสังคมเก่ง
Sympathetic
หมายถึง บุคคลที่เป็นผู้ฟังที่ดี รับฟังปัญหาของผู้อื่น มีจิตใจดี มีเมตตา
เรียนรู้คำชมใหม่ๆ ไปแล้ว ก็อย่าลืมไปเอ่ยปากชมผู้คนที่เราพบเจอด้วยนะคะ เพราะการชมเชยผู้อื่น แสดงให้เห็นถึงความมีทัศนคติที่ดีของคนพูด มีจิตใจดี คิดบวก และเวลาที่เราชมใครจากใจจริง พลังบวกของคนพูดนั้น ก็จะส่งผ่านไปยังผู้รับได้ เปรียบเหมือนแสงสว่างที่ส่องไปทุกทิศ (A ray of sunshine) เผื่อแผ่ความสุขให้ทุกคนยังไงล่ะค่ะ ?
ข้อมูลอ้างอิงจาก: Speak Confident English
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17 กันยายน 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 18,550.00 | 18,450.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,050.00 | 18,116.20 | 1,195.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 18,768.08 | 1,238.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,304.58 | 1,075.50 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,492.96 | 956.00 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,156.08 | 538.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,336.88 | 418.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 17 กันยายน 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 | 30.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 | 30.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | – | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.79 | 21.79 | – | – | – | – | – | 21.79 | 21.79 | – |
เบนซิน 95 | 38.06 | – | – | – | 38.51 | – | 38.56 | 38.36 | 38.16 | 38.36 |
ดีเซล | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.89 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.58 | 14.58 | – | – | – | – | – | – | – | – |