ฮ่องกงแลนด์ ยึดถนนวิทยุ จับมือโนเบิลรุกคอนโดหรู
“ถนนวิทยุ”ทำเลทองอสังหาฯเกรด A ทุนใหญ่ปักหมุดขึ้นโครงการเพียบ โนเบิลผนึกทุนข้ามชาติ ฮ่องกงแลนด์ ผุดคอนโดฯแบรนด์ใหม่ บนที่ดินตรงข้ามสถานทูตอังกฤษ มูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ย่านถนนวิทยุในวันนี้พลิกโฉมเป็นทำเลทองที่มีผู้ประกอบการชั้นนำหลายรายให้ความสนใจ ภายหลังจากปี 2549 สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรขายที่ดิน 9 ไร่ ส่วนที่ติดกับถนนเพลินจิตให้กับกลุ่มเซ็นทรัล พัฒนาโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ต่อมาในปี 2560 สถานทูตอังกฤษขายที่ดินเนื้อที่ 25 ไร่ด้วยวิธีการประมูล ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัล กรุ๊ป ที่ร่วมทุนกับบริษัทฮ่องกง แลนด์ คว้ามาในราคา 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา คิดเป็นมูลค่า 1.86 หมื่นล้านบาท สร้างสถิติใหม่ราคาซื้อขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เตรียมพัฒนาเป็นพื้นที่ค้าปลีกเกรด A และ อาคารสำนักงานพรีเมี่ยมให้เช่า
นอกจากนี้ยังมี บมจ.ไรมอนด์แลนด์ ได้พัฒนาโครงการอาคารสำนักงานเกรด A ขนาดใหญ่ ใกล้แยกเพลินจิต-วิทยุ ตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ชื่อโครงการ ONE CITY CENTER มูลค่าโครงการประมาณ 9,000 ล้านบาท เป็นโครงการ Mixed-Use โดยมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 65,000 ตร.ม.ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 และในทำเลเดียวกันนี้ยังแวดล้อมไปด้วยพื้นที่ค้าปลีกพื้นที่ค้าปลีกเกรด A อีกกว่า 110,000 ตร.ม.
ล่าสุด บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ร่วมทุนกับ ฮ่องกงแลนด์ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงสำหรับตลาดซุปเปอร์ลักชัวรี่ ภายใต้แบรนด์เนมใหม่ บนที่ดินของโนเบิลฯ ขนาด 3 ไร่ อยู่บนถนนวิทยุ และอยู่ตรงข้ามกับบริเวณสถานทูตอังกฤษเดิม ที่ทางฮ่องกงแลนด์กำลังจะร่วมพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างโครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ระหว่างพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมี่ยมบนพื้นที่กว่า 20 ไร่
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์นี้ ทางบริษัทร่วมทุนจะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาที่ดินบนถนนวิทยุ บนพื้นที่ 3 ไร่ดังกล่าว โดยคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่ระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่โดยจะมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 60,000 ตารางเมตรหรือคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยที่เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มเติมส่วนที่พักอาศัยที่เป็นลักษณะการขายขาด (Freehold) ซึ่งจะเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโครงการมิกซ์ยูสบริเวณสถานทูตอังกฤษ บนถนนวิทยุที่จะถูกพัฒนาขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีนับจากนี้
ด้านนายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย วิเคราะห์ทำเลถนนวิทยุ-เพลินจิตว่า ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างทายาทรุ่น 4 ของกลุ่ม ปาร์คนายเลิศ เตรียมวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่เหลือประมาณ 20 ไร่ เป็นโรงแรม “นายเลิศ ปาร์ค โฮเทลแอนด์เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ” ลงทุนราว 1,500 ล้านบาทไม่รวมที่ดิน สร้างเป็นอาคารสูง 30 ชั้น บนที่ดินส่วนที่เหลืออยู่ราว 20 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “บ้านปาร์คนายเลิศ” เป็น ลักชัวรี บูติก โฮเตล ขนาด 60 ห้อง เน้นความหรูหราแต่เรียบง่าย นอกจากนี้ยังมีแผนจะพัฒนาเป็น คอนโดมิเนียมจำนวนอีกประมาณ 100 ห้อง ที่จะเปิดขายในแบบ Lease Hold ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งห้องเล็กที่สุดจะมีพื้นที่ราว 100 ตารางเมตร ด้วยทำเลที่ตั้งของพื้นที่คาดว่าจะขายห้องพักในราคาสูงสุด ในกลุ่มของคอนโดมิเนียมแบบ Lease Hold ซึ่งในพื้นที่ย่าน CBD ไม่ตํ่ากว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร
ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่พัฒนาโดย บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จับมือกับ บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด ร่วมทุนพัฒนาคอนโด Tonson One Residence (ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์)เป็นคอนโดมิเนียม 29 ชั้น บนพื้นที่ขนาดประมาณ 1 ไร่ ประกอบด้วยห้องพักจำนวนทั้งหมด 80 ห้อง บนทำเลที่ดีที่สุดในย่านเพลินจิต-ชิดลม โดยมีราคาเปิดขายเริ่มต้นที่ 20 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการรวม 2,900 ล้านบาท
“จากปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เพลินจิตและวิทยุยิ่งเป็นทำเลที่มีราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นตารางวาละ 1 ล้านบาท ส่งผลให้เป็นน่าจับตามองและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้ เป็นทำเลศักยภาพที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ความสนใจเข้ามาพัฒนาโครงการในพื้นที่เพื่อเพิ่มศักยภาพในบริเวณย่านนี้อีกเป็นจำนวนมากในอนาคต”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผู้ประกอบการจีน ขอคุมเบ็ดเสร็จลงทุนอสังหาไทย
ผู้ประกอบการสัญชาติจีนไม่ว่าจะมาจากประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซียแต่ใช้ภาษาจีนกลางเป็นตัวกลางในการสื่อสารก็นับว่าเป็นผู้ประกอบการสัญชาติจีนทั้งหมด ผู้ประกอบการสัญชาติจีนเป็นอีกกลุ่มที่เริ่มเข้ามาในประเทศไทย เพียงแต่รูปแบบของการเข้ามานั้นค่อนข้างเงียบหรือว่าไม่มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยแบบผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ข่าวการร่วมมือของผู้ประกอบการญี่ปุ่นกับผู้ประกอบการไทยนั้นมีค่อนข้างมากและมีจำนวนโครงการร่วมกันมากกว่า
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ยํ้าว่า หากผู้ประกอบการสัญชาติจีนเปลี่ยนรูปแบบการร่วมมือได้ในอนาคต พวกเขาน่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการไทยมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการไทยต้องการกำลังซื้อจากประเทศจีนที่กลายเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกไม่เฉพาะในประเทศไทย อีกทั้งผู้ประกอบการสัญชาติจีนบางรายมีขนาดใหญ่มากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบในหลายประเทศทั่วโลก แต่เปิดขายโครงการขนาดไม่ใหญ่ในประเทศไทยหรือเปิดขายแบบเงียบๆ ไปก่อนหน้านี้ในชื่ออื่น เพราะรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนห้ามการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศ พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ชื่ออื่นในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์นอกประเทศจีน อีกทั้งขนาดของตลาดและกำลังซื้อที่มีจำกัดจึงมีผลให้กลุ่มผู้ประกอบการจีนไม่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยแบบเต็มรูปแบบเหมือนที่พวกเขาเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียที่มีขนาดของตลาดที่ใหญ่กว่าและเศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ขยายตัวมากกว่าประเทศไทย
ผู้ประกอบการสัญชาติจีนอาจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น หรือรายที่อยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วก็คงมีการขยายการลงทุนแบบต่อเนื่อง แต่ก็คงต้องพิจารณาจากกำลังซื้อของคนไทยมากกว่าจะหวังพึ่งพากำลังซื้อจากคนในประเทศของตนเอง เพราะสัดส่วนของคอนโดมิเนียมอีกกว่า 51% นั้นต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของคนไทย นอกจากนี้รูปแบบของโครงการและการออกแบบต่างๆ ก็ควรเป็นไปตามความชอบหรือรสนิยมของผู้ซื้อชาวไทยไม่ใช่จะยกเอาตามที่พวกเขาคุ้นเคยมาพัฒนาในประเทศไทย เนื่องจากผู้ประกอบการไทยเองก็มีความแข็งแกร่งและเข้าใจตลาดมากกว่าอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีขนาดของบริษัทที่ใหญ่กว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ามาเบียดแย่งส่วนแบ่งจากผู้ประกอบการไทยไปได้ในเวลาอันสั้นต้องดูกันไปนานๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กสิกรไทยได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกดัชนี DJSIติดต่อกัน4ปีซ้อน
ธนาคารกสิกรไทยเป็นแบงก์แรกของไทยได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ทั้งในระดับโลกและกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) 2019 ซึ่งเป็นดัชนีวัดมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก ทั้งในกลุ่มดัชนีระดับโลก DJSI World และกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่ DJSI Emerging Markets โดยปีนี้มีธนาคารชั้นนำทั่วโลกได้รับการเทียบเชิญและเข้าร่วมการประเมินจำนวน 202 แห่ง ธนาคารที่มีคะแนนประเมินสูงที่สุดในโลกประมาณ 12% แรก เท่านั้น ที่ได้รับการคัดเลือก
ในปีนี้ ธนาคารกสิกรไทยเป็น 1 ใน 25 ธนาคารชั้นนำที่ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ดีที่สุดระดับโลก (DJSI World) และเป็น 1 ใน 14 ธนาคารในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets) เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกการดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2559-2562
นับเป็นความสำเร็จที่เกิดจากทุกภาคส่วนขององค์กรมีเป้าหมายชัดเจนร่วมกันในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน และมุ่งดำเนินงานให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยในรอบปี 2561 ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยมีการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง อาทิ
มิติเศรษฐกิจ การสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาบริการดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นนวัตกรรมบริการและโครงการต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและขยายฐานผู้ใช้งาน จนสามารถรักษาความเป็นผู้นำในโลกดิจิทัลแบงกิ้งของไทย จากผลการสำรวจแบรนด์อันดับ 1 ในใจลูกค้า (Nielsen)
มิติสังคม การส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วม สร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน ด้วยการเปิดให้บริการ KBank Service ผ่านแบงกิ้งเอเย่นต์ ช่วยให้ลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลทำธุรกรรมเงินสดได้สะดวกมากขึ้น บริการ QR KBank แอปพลิเคชันชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนครั้งแรกในสปป.ลาว การให้ความรู้ทางการเงินผ่าน AFTERKLASS แพลตฟอร์ม ให้ความรู้ทางการเงินและทักษะชีวิตแก่เยาวชน และโครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ที่ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากการทำโครงงานฐานวิจัย เป็นต้น
นายบัณฑูร กล่าวว่า ธนาคารจะดำเนินนโยบายด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยการสร้าง “กรีน ดีเอ็นเอ” พัฒนากระบวนการทำงานในทุกมิติให้ได้มาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง ส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน นำไปสู่การพัฒนาประเทศในภาพรวม และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล
ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ DJSI เป็นดัชนีหลักทรัพย์ที่ประเมินประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจระดับโลก รวมทั้งเป็นดัชนีที่กองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการพิจารณาการลงทุนโดยมั่นใจว่าบริษัทที่ได้รับการรับรอง DJSI จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน ด้วยเหตุนี้บริษัทในตลาดทุนหลายแห่งทั่วโลกจึงต่างมุ่งหวังที่จะได้รับคัดเลือกให้ติดอันดับ DJSI ในแต่ละปี สำหรับการคัดเลือกดัชนี DJSI World มีบริษัทในตลาดทุนทั่วโลกที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับเทียบเชิญเข้าสู่การคัดเลือกกว่า 2,500 บริษัท ส่วน DJSI Emerging Markets มีบริษัทที่ได้รับเทียบเชิญประมาณ 800 บริษัท การประเมินผลงานผู้สมัครในแต่ละกลุ่มเป็นแบบปีต่อปี ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกไม่ได้กำหนดคะแนนขั้นต่ำ แต่จะพิจารณาจากมาตรฐานการจัดการเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งจะมีการพัฒนาขึ้นทุกปี เพราะฉะนั้นทุกบริษัทต้องมีผลงานการจัดการด้านองค์กรแห่งความยั่งยืนที่ดีที่สุดเหนือว่าบริษัทแห่งอื่น อุตสาหกรรมละ 10-15% เท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก โดยจะประกาศผลการคัดเลือกในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
7 ประโยชน์ของเฮเซลนัท ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านเบาหวาน!!
เฮเซลนัท (Hazelnut) เป็นถั่วที่มีประโยชน์มากที่สุดชนิดหนึ่ง เช่น ช่วยควบคุมความดันโลหิต เสริมหัวใจให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เราดูมาประโยชน์ของเฮเซลนัทกันเลย
- สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
เฮเซลนัทมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงบนผิวของถั่วเฮเซลนัทอีกด้วย - ป้องกันโรคหัวใจ
เฮเซลนัทมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบและโรคหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย - ต้านมะเร็ง
สารสกัดจากเปลือกเฮเซลนัทช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุและวิตามินต่างๆในเฮเซลนัทยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินอีที่จะป้องกันและรักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆได้ - ลดการอักเสบ
เฮเซลนัทสามารถช่วยในการลดการอักเสบเนื่องจากมีไขมันดีสูง ซึ่งได้มีการวิจัยพบว่าเฮเซลนัทมีสรรพคุณเป็นยาแก้อักเสบอย่างดี - ลดระดับน้ำตาลในเลือด
ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่าเฮเซลนัทและถั่วชนิดอื่นๆ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นจึงเหมาะเป็นอาหารว่างสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน อีกทั้งยังมีกรดโอเลอิคซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญในเฮเซลนัท เมื่อรับประทานเฮเซลนัทเป็นประจำจะช่วยลดปริมาณไขมันชนิดเลว (LDL) และเพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ในเลือดได้ - ช่วยบำรุงผิว เส้นผม และเล็บ
เฮเซลนัทเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม เนื่องจากมีวิตามินอีสูง ซึ่งวิตามินอีทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยปกป้องผิวจากโรคมะเร็งผิวหนังและช่วยในการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีอีกด้วย - บำรุงคนท้อง
เฮเซลนัทปริมาณ 100 กรัม มีโฟเลตสูงถึง 113 มิลลิกรัม ซึ่งโฟเลตเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
คุณค่าทางโภชนาการของ เฮเซลนัท 100 กรัม
ให้พลังงาน 628 กิโลแคลอรี
ไฟเบอร์ 9.7 กรัม
วิตามินบี1 0.643 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.113 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 1.8 มิลลิกรัม
วิตามินบี5 0.918 มิลลิกรัม
วิตามินบี6 0.563 มิลลิกรัม
วิตามินเอ 20 IU
วิตามินซี 6.3 มิลลิกรัม
วิตามินอี 15 มิลลิกรัม
วิตามินเค 14.2 ไมโครกรัม
โพแทสเซียม 680 มิลลิกรัม
แคลเซียม 114 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 4.7 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 163 มิลลิกรัม
แมงกานีส 6.17 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 290 มิลลิกรัม
สังกะสี 2.45 มิลลิกรัม
ทองแดง 0.5 มิลลิกรัม
โฟเลต 113 ไมโครกรัม
Law Vocabulary คำศัพท์เฉพาะภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับกฎหมาย
เริ่มกันเล้ย..
- A legal binding = ข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
- Unilateral contract = สัญญาฝ่ายเดียว
- Bilateral/Mutual/Reciprocal contract = สัญญาต่างตอบแทน
- Multilateral = สัญญาที่มีคู่สัญญาหลายฝ่าย
- Non-reciprocal contract = สัญญาที่ไม่ต่างตอบแทน Void(able)
- Offeree = ผู้ทำคำสนอง
- An offer and an acceptance are met consensually = ให้ความยินยอม
- A minor (infant) person = ผู้เยาว์
- Empowered = มีสิทธิ
- Make an avoidance = ขอกลับ
- Ratification = การให้สัตยาบัน
- Inoperable from its inception = ไม่มีผลย้อนหลังโดยใช้หลักลาภมิควรได้
- Major/sui juris personperson = ผู้บรรลุนิติภาวะ
- Principal = ตัวการ
- Undue enrichment = ตามหลักลาภมิควรได้
- Upon the request of the interested person = ตามคำเรียกร้องของบุคคลผู้มีส่วนได้เสีย
- Ascendant = บุพการี
- Public prosecutor = พนักงานอัยการ
- Is called = ตกเป็น….
- Custody = อยู่ในความดูแล
- Contrary = ขัดต่อกฎหมาย
- Embezzlement = การยักยอกทรัพย์
- Civilly as libel/written defamation = ความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการเขียน
- Infringement of copyright/patent/trademark = การละเมิดลิขสิทธิ์
- Call for damages/ indemnity = เรียกร้องสินไหมทดแทน
- Usurious = การห้ามเรียกร้องดอกเบี้ยเกินอัตรา
- Stipulate = กำหนด บัญญัติ ระบุเอาไว้
- Earnest = มัดจำ
- Default = ผิดสัญญา
- Initiate/commence/establish = มีผลบังคับ
- Death penalty = โทษประหารชีวิต
- Obligation = หนี้
- Acquired a right to forfeit or call for the penalty = คู่สัญญาบังคับกันได้เองตามที่ได้ตกลงกันไว้ Misappropriation/defalcation/misapplication = ไม่สามารถคืนเงินให้แก่เจ้าของได้เมื่อถึงเวลากำหนด
- Same kind/fungible thing = ใช้แทนกันได้
- Delict/tortious actions = ละเมิด
- Several liability = รับผิดร่วมกัน
- Personally liable = รับผิดส่วนตัว
- Engages = ว่าจ้าง
- Implied authority = ปริยาย
- Power of attorney = หนังสือมอบอำนาจ
- Disclosed principal = ตัวการเปิดเผยชื่อ
- Undisclosed principal = ตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
- Apparent/ostensible agent = ตัวแทนเชิด
- Estopped for liability = ถูกปิดปากในกฎหมายให้รับผิด
- Bona fide buyer = บุคคลที่ 3 ที่ทำการโดยสุจริต
- Is vested with lien = มีสิทธิยึดหน่วง
- vendee = ผู้ซื้อ
- A sale with the right of redemption = การขายฝาก
- A titleholder = ผู้ถือกรรมสิทธิ์
- The pecuniary clause/monetary clause = ต้องมีข้อความระบุจำนวนเงินที่ซื้อขายกัน
- Realty = ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์
- Personalty = สังหาริมทรัพย์
- The passage of title = การโอนกรรมสิทธิ์
- Bear the loss = รับผิดในความเสียหาย
- To deliver the conformable property = ส่งมอบทรัพย์สินตามที่ได้กำหนดไว้
- Rescind the sales contract = บอกยกเลิกสัญญาขาย
- Exercise the right of retention/lien = ใช้สิทธิยึดหน่วง
- Tenders = ประมูล
- Derive = ได้รับ
- Donee = ผู้รับการให้โดยเสน่าหา
- Surety = ผู้ค้ำประกัน
- Suretyship = การค้ำประกัน
- Principal debtor = ลูกหนี้ประธาน Co-sureties/joint sureties = ผู้ค้ำประกันร่วม
- Acquired a right of subrogation = มีสิทธิเข้ารับช่วงสิทธิ
- Recover = เรียก
- Principal = เงินต้น
- Defense of a prescription = ข้อต่อสู้เรื่องอายุความ
- Extends the time for performance = ขยายระยะเวลาชำระหนี้
- Without the assent = โดยปราศจากคำยินยอม
- Mortgage = การจำนอง
- Due payment = ผิดนัดชำระหนี้
- Mortgaged property/collateral = หลักทรัพย์ประกัน
- Foreclosure = เอาทรัพย์จำนองหลุด
- Discharged = ระงับ
- Pledgor = ผู้จำนำ
- Dissolved/wind up = เลิก
- Lapse/Intentionally/negligently = จงใจ
- Liquidation = การสะสางบัญชีทรัพย์สินของห้าง
- Liquidator = ผู้ชำระบัญชี
- Undertaking/entity = หน่วยงานเอกชน
- At the first stage = ไม่เสมอไป
- Amalgamation = การควบห้าง
- Statutory meeting = ประชุมตั้งบริษัท
- Ratify the promoter’s contract = การให้สัตยานบันของผู้เริ่มก่อการ
- Court decree = คำสั่งศาล
- Defunct company = บริษัทร้าง
- Quorum = องค์ประชุม
- Decree = คำสั่งทีไม่มีข้อพิพาท
- Guaranteed by an aval = การรับรองโดยอาวัล
- Lease at will/open end lease = การเช่าไม่มีกำหนดระยะเวลา
- Commencing = มีผลเป็น
- Contemplate = ใคร่ครวญ
- Contempt = หมิ่นประมาท
- Accused = จำเลยคดีอาญา
- Double jeopardy = ฟ้องซ้ำ
- Prosecute/charge litigate/indict = ฟ้อง
- Body corporate/juristic person = นิติบุคคล
- Extradict = ส่งผู้รายข้ามแดน
- Dispensable = ทิ้ง
- Counter charge/ (make a) counter claim = ฟ้องแย้ง
- File a motion to = ยื่นญัตติ
- Appelate court = ศาลอุทธรณ์
- Solicitor = หัวหน้าทนาย
- Barrister = ตั๋วทนายที่มีใบอนุญาต
- Verdict = คำพิพากษาของคณะลูกขุน
- Aforesaid = ดังกล่าวมาก่อนหน้านี้
- Adulteration = ปลอมเป็น
- Confine = หน่วงเหนี่ยว
- Detain = กักขัง
- Perjury = ความผิดฐานแจ้งความเท็จ
- Falsi/crimen = ความผิดฐานหลอกลวง
- Misdemeanor/petty offence/offense = ลหุโทษ
ขอบคุณข้อมูลของ ว่าที่ร้อยตรี ณัฐพล พัวประเสริฐ เจ้าหน้าที่ล่าม
หากใครกำลังมีความสนใจอยากเรียนกฎหมายที่ต่างประเทศ แต่กลัวว่าจะยาก และไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ลองมองสถาบันสอนภาษาที่จะช่วยให้น้องๆ ได้รับพื้นฐานเกี่ยวกับวิชากฎหมายมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก hands-on.co.th
‘Facebook’ ยันไม่มีการแอบฟังผู้ใช้ ไขปม ‘ทำไมจึงเห็นโฆษณานี้’
จากจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยที่มีมากถึง 55 ล้านคนต่อเดือน และ 38 ล้านคนต่อวัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Facebook คือ แพลตฟอร์มที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของหลายๆ คน แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมเวลาที่เล่นเฟซบุ๊กและสไลด์ไปที่หน้านิวส์ ฟีด (News Feed) กลับพบโฆษณาต่างๆ มากมาย ทั้งที่อยู่ในความสนใจและไม่อยู่ในความสนใจของเราก็ตาม
นายเจมส์ ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หลักการในการทำงานของโฆษณาบนเฟซบุ๊กนั้น คือ การสร้างสรรค์โฆษณาที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นอันดับแรก , ไม่มีการขายข้อมูลของผู้ใช้ให้กับผู้อื่น , สามารถควบคุมเองได้ว่าอยากให้โฆษณาประเภทไหนปรากฏบนแพลตฟอร์ม รวมถึงสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นเจ้าของโฆษณาที่ปรากฏอยู่และยังสามารถเรียกดูโฆษณาอื่นๆ จากแบรนด์เดียวกันได้ นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของความโปร่งใสที่ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบได้
สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าเหตุใดผู้ใช้งานเฟซบุ๊กจึงเห็นโฆษณานั้นๆ โดยที่บางโฆษณาอาจไม่เกี่ยวข้องกับความสนใจของตนเองเลย เมื่อเห็นโฆษณาในหน้านิวส์ ฟีด ให้คลิกจุด 3 จุดบริเวณมุมบนขวา แล้วเลือกตัวเลือก “ทำไมฉันจึงเห็นโฆษณานี้” จากนั้นจะมีคำอธิบายถึงเหตุผลที่ผู้ใช้งานมองเห็นโฆษณาดังกล่าว ตัวอย่างเช่น แบรนด์สินค้า ที่ลงโฆษณาต้องการเข้าถึงผู้ที่มีลักษณะคล้ายกับลูกค้าของตน หรืออาจมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เห็นโฆษณานี้โดยรวม เช่น แบรนด์หรือเจ้าของสินค้านั้นมีการกำหนดการเข้าถึงของผู้ใช้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศ หรือจังหวัดที่ผู้ลงโฆษณาเลือกระบุไว้ ซึ่งหากโฆษณานั้นไม่ตรงกับความสนใจ ก็สามารถที่จะกดซ่อนโฆษณานั้นๆ เพื่อไม่ให้มีการแสดงบนหน้านิวส์ ฟีดอีก
“กรณีที่มีการพูดถึงเฟซบุ๊กว่ามีการแอบฟังการสนทนาของผู้ใช้งานนั้น ทางเฟซบุ๊กยืนยันว่าไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน หากเกินเหตุการณ์ที่รู้สึกสงสัย ให้ผู้ใช้งานเข้าไปตรวจสอบดูได้เลยว่าทำไมจึงเห็นโพสหรือโฆษณาดังกล่าว และเฟซบุ๊กไม่มีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่เป็นอัตลักษณ์ของผู้ใช้งานให้กับผู้ลงโฆษณา” นายเจมส์ กล่าว
ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอกทีฟบนเฟซบุ๊กกว่า 2,300 ล้านคนทั่วโลก ,ผู้ใช้งานแอกทีฟบนอินสตาแกรมกว่า 1,000 ล้านคน และเครือข่ายการลงโฆษณาที่เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชันต่างๆ (Audience Network) กว่า 1,000 ล้านคน ซึ่งผู้ลงโฆษณากว่า 7 ล้านราย ทั่วโลกพยายามที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานเหล่านี้ในทุกๆ วัน ทั้งนี้ผู้ใช้จะสามารถควบคุมได้ว่าต้องการที่จะเห็นโฆษณาเหล่านั้นบนหน้า นิวส์ ฟีดหรือไม่ อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถควบคุมกิจกรรมที่อยู่นอกเหนือแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กหรือการเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรเฟซบุ๊ก ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถตรวจสอบได้ว่าเว็บไซต์ใดที่มีการเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะไม่ให้เฟซบุ๊กมีการเก็บข้อมูล (Off Facebook Activity Control) ในส่วนนี้ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,600.00 | 21,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,399.00 | 21,208.84 | 22,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,259.10 | 19,087.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,119.20 | 16,967.07 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 630.00 | 9,550.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 490.00 | 7,428.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,450.00 | 21,982.00 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/09/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.64 | 24.64 | 24.64 | 24.64 | 24.64 | – | 24.64 | 24.64 | 24.64 | 24.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.04 | 20.04 | – | – | – | – | – | 20.04 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.06 | – | – | – | 35.51 | – | 35.56 | 35.36 | – | 35.36 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 25.09 | 25.09 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.49 | 15.49 | – | – | – | – | – | – | – | – |