ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,550.00 | 19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,266.00 | 19,192.56 | 20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,139.40 | 17,273.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 570.00 | 8,641.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 443.00 | 6,715.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,312.00 | 19,889.92 | n/a |
ที่ดิน ‘สุวรรณภูมิ’ พุ่ง! รับรื้อผัง กทม. เอื้อพัฒนาพลิกฟลัดเวย์ผุดบ้านเดี่ยว
ปลดล็อกการพัฒนาที่ดินรอบสนามบินสุวรรณภูมิ! กทม. รื้อผังอัพเกรด ‘ฟลัดเวย์’ พัฒนาบ้านเดี่ยว 100 ตารางวาได้ จากเดิม 2.5 ไร่ เผย ไล่จากแนวคลองสองปทุมธานีลงอ่าวไทย บีบพื้นที่เขียวลายเหลือข้างละ 300 เมตร … นักวิเคราะห์ยัน! ดันราคาที่พุ่งกว่า 10%
จากรอยต่อระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และพื้นที่โซนตะวันออกของกรุงเทพมหานครกว่า 2 แสนไร่ ยังพัฒนาไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นทุ่งรับน้ำจากทางตอนเหนือ เพื่อระบายลงสู่อ่าวไทย ล่าสุด ผังเมืองรวม กทม. เตรียมปรับจากพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม สามารถพัฒนาบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวาได้
นายศักดิ์ชัย บุญมา ผู้อำนวยการ สำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) บริเวณโซนตะวันออกรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ให้สามารถพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวา ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) จากเดิมเป็นพื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียวลาย) เพื่อเป็นพื้นที่ฟลัดเวย์ ป้องกันน้ำท่วม หากพัฒนาบ้านจัดสรรขายต้องมีพื้นที่ขนาด 2.5 ไร่ขึ้นไป หรือ 1,000 ตารางวา
สำหรับพื้นที่เขียวลายจะบีบให้เกาะไปตามแนวคลองข้างละ 300 เมตร ตั้งแต่รอยต่อบริเวณคลองสอง จ.ปทุมธานี ไล่ลงมาจนถึงคลองระบายน้ำลงอ่าวไทย ส่วนพื้นที่ที่เหลือเปิดให้พัฒนาได้
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังติดใจว่า หากปลดล็อกให้แล้ว จะทำให้เกิดน้ำท่วมหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยตลาด ไรท์แลนด์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากมีการปรับผังเมืองรวม กทม. โซนพื้นที่รับน้ำ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นที่ดินประเภทเขียวลาย ราคาที่ดินจะขยับขึ้นอีก 10% ขึ้นไป ซึ่งราคาที่ดินจะขยับได้มากแค่ไหน ต้องดูค่าเอฟเออาร์ หรือ สัดส่วนพื้นที่ก่อสร้างต่อพื้นที่ดิน หากสร้างได้มาก ราคาก็ปรับมาก ซึ่งปัจจุบันราคาที่ดินในโซนตะวันออก มีนบุรี ลาดกระบัง ร่มเกล้า ฯลฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาทต่อตารางวา ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันยังมีพื้นที่ที่พัฒนาได้ เช่น คลองสามวา ซึ่งบางทำเลสามารถพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ได้ แต่ราคาที่ดินจะค่อนข้างสูง
ด้าน นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนส์ จำกัด สะท้อนว่า บริเวณฟลัดเวย์ หรือ พื้นที่ระบายน้ำตะวันออกรอบสนามบินสุวรรณภูมิ มองว่า ไม่ควรเข้าไปปรับแก้ให้พัฒนาได้ ทั้งนี้ มองว่า จะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ เนื่องจากกรุงเทพฯ ชั้นใน มีการก่อสร้างอาคารจำนวนมาก แต่หากปรับให้พัฒนาบ้านเดี่ยว 100 ตารางวา ราคาประมาณ 4-5 ล้านบาท ต้องดูตลาดว่า ผู้บริโภคสนใจหรือไม่
ส่วนพื้นที่ที่สามารถพัฒนาได้ และเป็นพื้นที่สีเหลืองประเภทอยู่อาศัยพัฒนาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ได้ จะเป็นบริเวณรอบชุมชนตลาดลาดกระบัง รอบนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บริเวณถนนหทัยราษฎร์ ทำเลบริเวณถนนกรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า ฝั่งตะวันตก เป็นพื้นที่สีเหลือง ซึ่งมีที่ดินของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ส่วนร่มเกล้าฝั่งตะวันออกเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่ราคาขายจะเท่ากับฝั่งตะวันตกทั้ง ๆ ที่พัฒนาไม่ได้ ส่วนหนองจอก ราคาที่ดินต่ำที่สุด พื้นที่ส่วนใหญ่ยังมีการทำนา ราคาตารางวาละ 2,500 บาทต่อตารางวา บางนา บริเวณห้างเมกา ราคา 20-30 ล้านบาท ที่ดินไม่เกินถนนวงแหวนตะวันออก ราคา 10-20 ล้านบาท นอกจากนี้ บริเวณที่พัฒนาได้ คือ บริเวณวัดศรีวารีน้อย ฝั่งตะวันออก ถนนกิ่งแก้วฝั่งตะวันตกค่อนมาทางเขตสวนหลวงและคลองสามวา สามารถพัฒนาทาวน์เฮาส์ได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเหลือง
http://www.thansettakij.com
คาดกนง. ยังคงดอกเบี้ย 1.50%
จับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% เพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของการขยายตัวเศรษฐกิจไทย หลังอัตราเงินเฟ้อเริ่มฟื้นตัว
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงานถึงความน่าจะเป็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวันนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มฟื้นตัว แต่การเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังกระจุกตัว ขณะที่ตลาดให้ความสนใจกับการประเมินภาวะเศรษฐกิจการเงิน รวมถึงรายละเอียดการตัดสินใจของผู้ดำเนินนโยบาย หลังการประชุมรอบล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม กนง. ลงมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ด้วยเสียง 6-1 โดยมีกรรมการหนึ่งรายเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การสื่อสารกับตลาดในครั้งนี้จึงเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การประชุม กนง. รอบที่ 3 ของปี 2561 กนง. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยฯ ที่ 1.50% เพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของการขยายตัวเศรษฐกิจไทย โดยการใช้จ่ายในประเทศยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แรงหนุนจากนโยบายการคลังที่จำกัด และแรงกดดันเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับต่ำบ่งชี้ถึงความเหมาะสมของการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอยู่ สำหรับประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยที่เริ่มมีสัญญาณทยอยปรับขึ้นในทุกช่วงอายุ จากแรงกดดันของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการและประชาชน อาจจะต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการเงินที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ขณะที่ทิศทางของการดำเนินนโยบายการเงินของไทยน่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นในช่วงหลังของปี
อัพเดทอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อบ้าน ได้ที่นี่
ทั้งนี้การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ครั้งนี้ จะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 24 หลังจากที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโนบายลง 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ติดต่อกันในการประชุม กนง. เดือนมีนาคม และเมษายน ปี 2558
https://www.ddproperty.com
เงินบาทแนวโน้ม ‘ผันผวน’ หลังกนง.คงดอกเบี้ย
บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า “32 บาทต่อดอลลาร์” เงินบาทยังมีทิศทางไม่แน่นอนหลังกนง. คงดอกเบี้ยที่1.5%วานนี้
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.00บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.12 บาทต่อดอลลาร์
ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินเริ่มสงบตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ปรับตัวบวกกลับมาได้เล็กน้อย 0.4% ขณะที่บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปียังอยู่ที่ระดับ 3.10% ปรับตัวขึ้น 3bps ขณะที่ค่าเงินเยนและราคาทองคำไม่เปลี่ยนแปลง
นักลงทุนในฝั่งเอเชียกลับมาระวังตัว เนื่องจากปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีกดดันตลาด ขณะที่ผลการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลีก็สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในฝั่งยุโรปเช่นกัน
สำหรับวันนี้ธนาคารกลางอินโดนีเซียอาจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไปที่ระดับ 4.5% ขณะที่จีดีพีมาเลเซียไตรมาสที่ 1 ก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงมาเติบโตแค่ระดับ 5.6% ชี้ว่าภาพการเติบโตของตลาดเอเชียไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น
สำหรับค่าเงินบาทก็ยังคงมีทิศทางไม่แน่นอน ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน กลับลำด้วยความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% ทำให้ตลาดเกิดความสับสนและไม่มั่นใจว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นหรือไม่ จากผลดังกล่าวเรามองว่าโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขึ้นดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้น้อยมาก และอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในช่วงปีหน้าเท่านั้น มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.95- 32.10 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
เฟซบุ๊คเดินหน้าลงทุนตลาดไทย
วางตลาดโฟกัส มุ่งพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี องค์กรขนาดใหญ่ เสริมแกร่งคอมมูนิตี้ หนุนประเทศไทยพลิกโฉมสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ
นายจอห์น แวกเนอร์ กรรมการผู้จัดการ เฟซบุ๊ค ประเทศไทย กล่าวว่า มีแผนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายสำคัญมุ่งพลิกโฉมธุรกิจและสังคมไทยให้ก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
“เฟซบุ๊คได้เข้ามาลงทุนทั้งในส่วนของการขยายสำนักงานใหม่ มีแผนรับบุคลากรคนไทยเข้ามาเสริมทีมต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเข้าไปมีส่วนร่วมในหลายๆ โครงการเพื่อร่วมสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สร้างคอมมูนิตี้ รวมไปถึงความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในระดับท้องถิ่น”
เขากล่าวว่า ไทยเป็นตลาดโฟกัสของเฟซบุ๊ค จากนี้ยังคงให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนงานใน 3 แกนหลักประกอบด้วย 1.การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบเอสเอ็มอี รวมไปถึงโซเชียลคอมเมิร์ซ หรือ เครือข่ายสังคมค้าขายออนไลน์ 2.สนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ เอาชนะความท้าทายการนำกลยุทธ์ดิจิทัลมาใช้งานจริง และ 3.สนับสนุนการพัฒนาด้านคอมมูนิตี้ ผลักดันธุรกิจไทยในการพัฒนาวิธีการร่วมมือในระดับองค์กร มากกว่านั้นพร้อมเข้ามาสนับสนุนทรัพยากรและพัฒนานวัตกรรมให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง
เฟซบุ๊คระบุว่า ปัจจุบันไทยก้าวสู่สังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ขณะนี้เป็นประเทศที่ใช้เวลาบนโมบายอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก หากแยกตามอุปกรณ์ปีที่ผ่านมาคนไทยเข้าใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโมบายสัดส่วน 94% พีซี 56% และแทบเล็ต 25%
ทั้งนี้ เฉพาะบนเฟซบุ๊คมีการเข้าใช้ทุกเดือนกว่า 51 ล้านคน เติบโต 11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนที่เข้าใช้ทุกวันมีอยู่มากกว่า 34 ล้านคน ที่น่าสนใจไทยยังเป็นประเทศอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิกและอันดับท็อป 5 ของโลกที่ผู้คนนิยมติดต่อสื่อสารการทำธุรกิจผ่านการส่งข้อความ เป็นประเทศที่ชุมชนออนไลน์มีความแข็งแรงโดยขณะนี้มีการสร้างกลุ่มบนเฟซบุ๊คมากกว่าหนึ่งล้านกรุ๊ป
ปัจจุบัน มีธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกว่า 2.5 ล้านรายดำเนินธุรกิจบนเฟซบุ๊ค คนไทยกว่า 40 ล้านคนที่อาศัยในประเทศไทยเชื่อมต่อกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยบนเฟซบุ๊ค ทั้งมีผู้คนที่อาศัยนอกประเทศไทยจำนวนมากกว่า 100 ล้านคนเชื่อมต่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยผ่านเฟซบุ๊ค โดยประเทศที่นิยมเข้ามาติดต่อมากที่สุดได้แก่พม่า กัมพูชา มาเลเซีย ลาว และฟิลิปปินส์ ทั้งพบว่า 51% ของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเกิดขึ้นผ่านช่องทางโซเชียล
สำหรับในภาพรวมโอกาสทางธุรกิจจากการมาของดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3.2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นที่ผ่านมาเป็นประเทศแรกๆ ที่บริษัทเข้ามาเปิดตัวนวัตกรรมเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น ฟีเจอร์ ช็อป, มาร์เก็ตเพลส, การชำระเงินผ่านคู่ค้าภายในประเทศ
ผลวิจัยระบุว่า 89% ของผู้นำองค์กรธุรกิจไทยเชื่อว่าการเติบโตสู่อนาคตขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่การทำธุรกิจเชิงดิจิทัล แต่ทั้งนี้มีเพียง 29% เท่านั้นที่มีกลยุทธ์เชิงดิจิทัลเต็มรูปแบบ
นายแวกเนอร์มีประสบการณ์ในประเทศไทยมากว่า 20 ปี หน้าที่หลักคือนำทีมเฟซบุ๊คไทยช่วยผลักดันการเติบโตธุรกิจนานาชาติและไทย รวมไปถึงสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมทั้งด้านอีคอมเมิร์ซ อุปโภคบริโภค การบริการทางการเงิน เทคโนโลยี และโทรคมนาคม ก่อนร่วมงานกับเฟซบุ๊คได้ร่วมงานกับหลากหลายบริษัทชั้นนำ รวมไปถึงซิตี้แบงค์ ประเทศไทย และมอนิเตอร์กรุ๊ป
http://www.bangkokbiznews.com
มหัศจรรย์ งาดำ ! ผลวิจัยพบ สารเซซามินรักษามะเร็ง ครั้งแรกของโลก
ภาพ : ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Shutterstock
มหัศจรรย์สารเซซามิน…สารสกัดจากงาดำ…รักษาโรคมะเร็งได้ ครั้งแรกของโลก แถมวิจัยโดยนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งผลวิจัยก็ได้รับการยอมรับในระดับโลก และได้จดสิทธิบัตรทั่วโลกโดยคนไทย
นอกจากนี้ สารเซซามินในงายังมีฤทธิ์ต้าน การอักเสบ ลดการลุกลามของโรคร้าย ข้อเสื่อม สมองเสื่อม ปวดข้ออักเสบ กระดูกพรุน ตับอักเสบ ปอดอักเสบ มะเร็ง โรคติดเชื้อ H1N1 และอื่น ๆ มากมาย
มารู้จักงา และสารเซซามิน
งา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum L มีสารสำคัญที่เป็นที่รู้จักกันดี คือเซซามิน (sesamin)
จากการผลการวิจัยพบว่า สารเซซามินมีฤทธิ์ในการเพิ่มการกำจัดสารพิษ ต้านแบคทีเรียและยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการดูดซึมของ คอลเลสเตอรอล ในตับ อีกทั้งไม่เกิดการสะสมในร่างกาย
เมื่อเทียบงากับนมในปริมาณที่เท่ากัน งาจะมี แคลเซียม สูงกว่านมถึง 3 เท่าเลยทีเดียว และยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์อีกมากมาย
คุณค่าทางโภชนาการของงาดำ
งาดำมีประโยชน์และมีคุณค่าทางด้านโภชนาการสูงอย่างมาก เมล็ดงามีน้ำมัน ที่เรียกว่า น้ำมันงา ประมาณ 45 – 55 % เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเรามาก คือ มี กรดไขมันโอเมก้า – 6 และ โอเมก้า – 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องรับประทานเข้าไป กรดไขมันดังกล่าวนี้ปกติจะมีมากในปลาโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก
น้ำมันงาเป็นไขมันชนิดดี คือเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากถึง 85 % ชนิดของกรดไขมัน คือ กรดลิโนเลอิก และ โอเลอิก ซึ่งมีประโยชน์ ต่อร่างกาย
ในน้ำมันงายังมี วิตามิน อี ซึ่งในทางการแพทย์กล่าวว่า วิตามิน อี เป็น สารแอนติออกซิแดนต์ ที่มีความสำคัญที่สุดในการป้องกันไม่ให้ไขมันในเซลล์และในผิวหนัง ทำปฏิกิริยากับ สารอนุมูลอิสระ (Free radicals) ซึ่งนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ หรือเรียกได้ว่าเป็นสารต้านมะเร็ง และยังทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ
งาถือเป็นธัญพืชที่ใช้กันมากว่า 4,000 ปี คนจีนเชื่อว่า ใครได้ทานงาเปรียบประดุจดั่งการได้ครอบครองหยก เพราะงามีสรรพคุณหลายประการ และมีคุณค่าสูงมาก หากเลือกใช้งาในรูปของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สกัดมาแล้วอย่างถูกต้อง น่าจะช่วยดูแลสุขภาพในองค์รวมได้ ทั้งเรื่องไขมัน ความดันโลหิตสูง อาการทางสมอง ซึ่งสารสกัดจากงาจะช่วยให้ร่างกายที่เสื่อมสภาพฟื้นฟูกลับมาได้
ภาพ : ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Shutterstock
คุณประโยชน์ของงาดำ
สารสกัดงาดำที่เรียกว่า เซซามิน (Sesamin) ซึ่งเป็นสารที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น
1. ช่วยในการเผาผลาญ สลายไขมัน ลดความอ้วนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
2. ลดการดูดซึมและการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
3. ทำให้ระดับไขมันอยู่ในสัดส่วนปกติ
4. ช่วยการทำงานของ วิตามิน อี
5. ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในระบบประสาท
6. ลดปฏิกิริยาความเครียด
7. ต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารแอนติออกซิแดนต์
8. ต้านการอักเสบ
ภาพ : ลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Shutterstock
การค้นพบว่า งาดำสามารถรักษามะเร็งได้ครั้งแรกในโลก
ถือเป็นข่าวดีในวงการวิจัยและวงการแพทย์ของไทย และเป็นอีกหนึ่งความหวังของผู้ป่วย เมื่อนักวิจัยของภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้วิจัยและค้นพบว่าใน “งาดำ” มีสารเซซามิน ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง และช่วยฟื้นฟูเซลล์สมองที่เสื่อมจากการเจ็บป่วย หรือ ได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุได้เป็นครั้งแรกของโลก
รศ. ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 กระทั่งล่าสุด การวิจัยค้นพบว่าในเมล็ดงาดำ มีสารเซซามิน อยู่ภายใน ซึ่งสารดังกล่าว สามารถที่จะช่วยในการยับยั้ง การพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูก ที่ให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน ได้ โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นมา แล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งจากนั้นก็จะแพร่กระจายไป แต่สารเซซามิน จะเข้าไปปกป้องเซลล์ พร้อมกับตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็ง พร้อมกับค่อย ๆ ฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้กลับคืนมา
รศ. ดร.ปรัชญา กล่าวว่า
งานวิจัยชิ้นนี้ถือประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะสามารถนำผลงานวิจัยที่เคยอยู่บนหิ้งมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ มีการนำเม็ดงามาสกัดผลิตเป็นอาหารเสริมได้โดยไม่มีผลข้างเคียง และยังดีต่อสุขภาพ
โดยเฉพาะการค้นสารเซซามินที่อยู่ในเมล็ดงาดำ ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้เป็นครั้งแรกของโลก ขณะนี้ได้มีการจดสิทธิบัตรไปแล้วทั้งหมด 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และอเมริกา และมีการตีพิมพ์วารสารในอเมริกาถึงเรื่องนี้ด้วย
ซึ่งสารสกัดจากงาดำ ไม่ใช่ตัวยาที่ทานเข้าไปแล้วจะรักษาให้หายทันทีเหมือนยารักษาโรค แต่เป็นอาหารเสริมที่เข้าไปฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาเหมือนกับปกติได้ อีกทั้งงาดำ ก็ยังถือเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่าย เป็นผลผลิตของไทย และเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับงาดำของไทยได้ในอนาคตอีกด้วย
ข้อพึงระวังในการทานงาดำ
แต่งาไม่ใช่ยาวิเศษ จึงไม่ควรรับประทานมากเกินไป เช่นการทานงามากกว่าวันละ 4 ช้อนโต๊ะ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
http://www.trueplookpanya.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 17/05/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 17/05/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
– |
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.34 | 21.34 | – | – | – | – | – | 21.34 | 21.34 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 |
เบนซิน 95 | 36.76 | – | – | – | 37.21 | – | 37.26 | 36.76 | 36.76 | 36.76 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 32.39 | 32.39 | 32.39 | 32.39 | 32.39 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 |