สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2561

ในยุคที่ตลาดอสังหาฯ ต่างแข่งขัน “ทางเลือก” จึงตกอยู่ในมือของผู้บริโภค

ในยุคที่ตลาดอสังหาฯ ต่างแข่งขัน

ในปัจจุบันนี้เราจะได้เห็นว่าโลกของเราได้เข้าสู่ของยุคเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการต่างผลิตสินค้าที่อัดแน่นด้วยองค์ประกอบและคุณสมบัติที่มากมาย มีการใช้งานที่หลากหลายออกมาสู่ท้องตลาดเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่พร้อมจะจ่ายเงินให้ได้มาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นตลาดมือถือที่เปลี่ยนไปยุคจากเดิมอย่างไม่เห็นฝุ่น หรือจะเป็นตลาดรถยนต์ที่ต่างก็นำเทคโนโลยีเข้าไปผสมผสานกับการเดินทางเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค หรือตลาดของใช้ไฟฟ้า ที่มีฟังค์ชั่นต่างๆ เพิ่มเข้ามาแบบที่เราอาจไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้ใช้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นไปด้วย ซึ่งอาจตอบโจทย์เฉพาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อเท่านั้น แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งโดยเฉพาะประเทศไทย กลุ่มผู้บริโภคที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมหาศาลกลับกลายเป็นกลุ่มรายได้ปานกลาง ซึ่งในตลาดนี้ ราคาและคุณภาพ เป็น 2 ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้า ส่งผลให้ตลาดแม้จะแข่งขันด้านราคาแต่ก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพและการใช้งานอีกด้วย ทำให้ผู้บริโภคที่อาจมีกำลังซื้อไม่เท่ากลุ่มตลาดบน ได้มีโอกาสเลือกซื้อของที่มีราคาเอื้อมถึง กับคุณภาพที่ดีและตอบโจทย์ได้จริง รวมถึงตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากๆ อย่างตลาดอสังหาฯ ก็เช่นกัน

จากผลสำรวจตลาดอสังหาฯ ใน 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตลาดอสังหาฯ ทั้งบ้าน และคอนโด ในประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทั้งด้านราคา และจำนวนโครงการที่ผุดขึ้นทุกวัน ซึ่งเป็นผลโดยตรงมากจากแผนงานพัฒนาระบบคมนาคมพื้นฐานอย่างรถไฟฟ้าที่ทางภาครัฐได้อัดเม็ดเงินลงทุน ทำให้คำจำกัดความของ “ทำเลที่ดี” ถูกตัดสินด้วยระยะห่างจากรถไฟฟ้า ผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดฯ ในเมืองจึงพยายามชูจุดขายว่าเป็นโครงการคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้ากันแทบจะทุกราย ไม่ว่าจะเป็นแนวรถไฟฟ้าที่เปิดให้ใช้งานแล้ว หรือรถไฟฟ้าที่จะเปิดในอนาคต ทำให้จุดขาย “คอนโดใกล้รถไฟฟ้า” กลายเป็นจุดขายพื้นฐานของโครงการคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ไปแล้ว แต่สิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อในยุคปัจจุบันได้จริงนั้น แค่ทำเลรถไฟฟ้าอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีองค์ประกอบด้านอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งเราจึงได้เห็นผู้ประกอบการนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในโครงการ (Proptech) รวมถึงการใส่ใจในรายละเอียดเรื่องของการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งาน การเลือก facilities ต่างๆ ในโครงการ ซึ่งทำให้โครงการมีจุดเด่นที่แตกต่างกับโครงการอื่นๆ รวมถึงการตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้บริโภคที่มีความต้องการที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น

tauron-inteligentne-liczniki-smart-city-smart-home-e1484067423940

สำหรับปีนี้ เราจะเห็นโครงการมากมายที่เริ่มเปลี่ยนแปลง หนึ่งนั้นคือ “ASPIRE” จากแบรนด์ AP ซึ่งแน่นอนว่าหากพูดถึงคอนโด ASPIRE หลายคนคงคิดถึงคอนโดที่อาจไม่มีอะไรหวือหวาเพราะด้วยราคาทีไม่ได้สูงและมีกลุ่มตลาดที่ค่อนข้างกว้าง แต่ด้วยการแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ในยุคปัจจุบัน ASPIRE จึงเป็นอีกตัวอย่างที่ดีสำหรับคอนโดที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ ที่เปลี่ยนรูปแบบโครงเพื่อเจาะกลุ่มตลาดที่มีความต้องการหลากหลาย โดยทาง ASPIRE ได้เปิดตัวโครงการนำร่องสำหรับปีนี้คือ “ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์” ซึ่งมีจุดเด่นด้วยกันหลักๆ 3 ข้อ

  1. ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า

ปัจจัยพื้นฐานของคอนโดในสมัยนี้ เรื่องรถไฟฟ้าคงขาดได้ แม้ทางโครงการ ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ จะพูดไม่ได้ว่าติดรถไฟฟ้าซะทีเดียว แต่ทางโครงการได้สร้าง Skywalk หน้าโครงการที่เชื่อมต่อโดยตรงกับ BTS และ MRT สถานีบางหว้า ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างจุดขายเรื่องทำเลที่ดีและตอบโจทย์การเดินทางของผู้บริโภค รวมถึงศักยภาพทำเลโซนราชพฤกษ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนสำคัญได้หลายเส้นทาง มีสถานที่สำคัญทั้งสถานศึกษา (มหาวิทยาลัยสยาม), ห้างสรรพสินค้า (The Mall ท่าพระ, The Mall บางแค, Seacon บางแค) และ สถานพยาบาล (โรงพยาบาลพญาไท 3)

  1. Facility ที่เพิ่มขึ้น

หากพูดถึงคอนโดทั่วไปแล้ว เรื่อง Facility ประเภทฟิตเนส สระว่ายน้ำ คงเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ ได้ปรับ Facility ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น โดยแบ่งพื้นที่ส่วนกลางเป็น 3 ชั้น โดยชั้นล่างสุดได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็น Co-Working Space ที่มีหลากหลายรูปแบบรวมถึงติดตั้ง wifi ให้สามารถใช้งาน internet ได้ครอบคลุมทั้งโครงการ รวมถึงตู้ล๊อคเกอร์แบบ QR Code ส่วนชั้น 8 ซึ่งเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำและฟิตเนส ได้ออกแบบตามการใช้งานของผู้บริโภคทั้ง การว่าย และการแช่น้ำ ส่วนฟิตเนส ได้เพิ่มเครื่องเล่นชนิดใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การเล่นฟิตเนสที่หลากหลาย และ สุดท้ายคือชั้นด่านฟ้า ที่ออกแบบให้เปิดกว้าง 360 องศา และแบ่งพื้นที่สำหรับใช้เป็นลานกิจกรรม ลานพักผ่อน และพื้นที่สวน ให้ลูกบ้านแต่ละได้พักผ่อนตามรูปแบบของตัวเอง

  1. ดีไซน์และจัด Layout ห้องแบบใหม่

สำหรับคอนโดแล้ว พื้นที่ที่จำกัดอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งที่แบรนด์ ASPIRE ได้ปรับเปลี่ยนก็คือการออกแบบห้องให้มีพื้นที่ใช้งานได้มากขึ้นแม้ในพื้นที่ที่จำกัด พร้อมทั้งเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยทาง ASPIRE มีรูปแบบห้องที่มากขึ้นตั้งแต่ 26 ตร.ม. ถึง 48 ตร.ม. สามารถแบ่งพื้นที่ให้หลากหลายทั้ง 1 และ 2 ห้องนอน โดยแต่ละห้องมีการแยกส่วนครัว และพื้นที่เอนกประสงค์อย่างชัดเจน

*หากคุณสนใจคอนโด ASPIRE สาทร-ราชพฤกษ์ 21-22 ก.ค. นี้ ทางคอนโดจะเปิดให้จอง ในราคาเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นฟรีเฟอร์นิเจอร์ครบและเครื่องใช้ฟ้า สามารถดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่ Apthai.com หรือสอบถามโทร. 1623

 

แม้ในช่วงหลังๆ ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะมีโครงการใหญ่ๆ ซึ่งโฟกัสโครงการระดับบนเพราะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนที่สูงมากขึ้น  แต่ใช่ว่าตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราจะไม่มีการเคลื่อนไหว ในทางตรงกันข้าม การแข่งขันของผู้ประกอบการในการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดใจผู้ซื้อ รวมถึงการสร้างความแตกต่างในจุดเล็กๆ น้อยๆ ภายในโครงการ ทำให้ผู้ซื้อในยุคปัจจุบันมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นทั้งเรื่องของทำเลและไลฟ์ไสต์ หากผู้บริโภคศึกษาหาข้อมูลอย่างตั้งใจ ก็ไม่ยากที่จะได้เลือกบ้านที่ ใช่ ที่มีคุณภาพเหมาะกับผู้บริโภคทั้งเรื่องของรายได้และความเป็นอยู่

https://www.ddproperty.com


วัสดุก่อสร้างมีลุ้น! ดันพรบ.แร่เข้าครม.

“บิ๊กป้อม” รับลูกกระทรวงทรัพยากรฯ ชงแผนแม่บทและยุทธศาสตร์วัสดุก่อสร้างประเภทแร่ 20 ปีเข้าครม. ภาคเอกชนรอความหวังประกาศใช้เพื่อปลดล็อกพ.ร.บ.แร่หลังธุรกรรมหยุดชะงักมานาน

แหล่งข่าวจากสมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แจ้งผลการพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี (2560-2579) และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ พ.ศ.2560-2564 กลับไปยังกระ ทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2561 แล้ว ล่าสุดพล.อ.ประวิตร วงษ์-สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้มีบัญชาให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งคาดว่าจะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างประเภทแร่ที่ได้รับผลกระทบต่อธุรกิจก่อสร้างทั้งระบบ

โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสภาการเหมืองแร่ สมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และชมรมสินแร่อุตสาหกรรมและวัสดุก่อ สร้าง ได้พยายามเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่อรัฐบาลถึงผลกระทบหลังการประกาศใช้พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 ที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2560 แล้วมีผลในการต่ออายุประทานบัตร และขอประทานบัตรใหม่ไม่ได้  เพราะความล่าช้าในการกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ 5 ปีดังกล่าว

“หากไม่เร่งแก้ไขอาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาลที่ต้องใช้วัสดุก่อสร้างต่างๆ จำนวนมากอาทิ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ ท่าเรือนํ้าลึก การขยายและปรับปรุงสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ฯลฯ นอกจากนี้นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ให้พิจารณาทบทวนถึงการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการทำเหมืองแร่ในที่ดิน ส.ป.ก.อีกด้วย”

http://www.thansettakij.com


เศรษฐกิจโลกเสี่ยงสูง! ‘สหรัฐฯ’ ฟัดจีน ธุรกิจต้นทุนพุ่ง

‘ทรัมป์’ ยัน! หลังเที่ยงคืนสู่เช้าวันศุกร์ที่ 6 ก.ค. (เวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 25% รวมมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งฝ่ายจีนก็เตรียมพร้อมจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่าเท่าเทียมกันตามที่ได้เคยประกาศไว้ทันทีที่สหรัฐฯ เริ่มก่อน           นับเป็นการยกระดับสงครามการค้าครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ทั้ง 2 ฝ่าย ขู่โต้กันไปมา และหลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมอีกระลอก มูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์           สินค้าจีนที่อยู่ในกลุ่มจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นรอบแรก 25% ครอบคลุม 818 ประเภทสินค้า มีตั้งแต่อุปกรณ์ไถนา เซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงชิ้นส่วนอากาศยาน นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีเจาะจงโดยตรงที่สินค้าจีน หลังจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้กล่าวหาจีนมีพฤติกรรมการค้าไม่เป็นธรรม ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าอย่างหนักถึง 335,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังกล่าวหาจีน ‘ปล้น’ ทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ทางการจีนโต้กลับว่า เตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่าไม่น้อยไปกว่ากัน ครอบคลุมสินค้าที่มีความสำคัญต่อกลุ่มฐานเสียงของรัฐบาลสหรัฐฯ อาทิ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง เนื้อสุกร เนื้อโค เนื้อไก่ ปลา นม รวมทั้งรถยนต์ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการยั่วยุให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ขณะเดียวกัน จีนได้หาแหล่งจัดซื้อใหม่เป็นการทดแทน เช่น ถั่วเหลืองจากบราซิล ที่จีนสั่งซื้อถึง 19 ตู้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์ เตือนว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าที่ส่อแววลุกลาม จะมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและอันตรายยิ่งขึ้น ก็เมื่อมาตรการเหล่านี้ส่งผลโดยตรงที่ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนและผู้บริโภคทั่วโลกมีต้นทุนใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น นายโรเบิร์ท ฮอลลีย์แมน อดีตรองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ให้ความเห็นว่า ถ้าหากไม่มองหาทางออกของเรื่องนี้ให้ไว ความขัดแย้งก็จะยิ่งบานปลายและเพิ่มแรงกระทบมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่าง การเปิดศึกการค้าจากกรณีการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ทำให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ อย่าง สหภาพยุโรป (อียู) แคนาดา และเม็กซิโก พากันงัดมาตรการทางภาษีมาตอบโต้สหรัฐฯ และกำลังลุกลามไปสู่การขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ที่จะสร้างผลกระทบเสียหายแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ เอง อย่าง ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์หรู เมื่อถูกอียูเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ก็จำเป็นต้องโยกย้ายการผลิตออกไปสู่โรงงานที่อยู่นอกสหรัฐฯ มากขึ้น นับเป็นผลลัพท์ที่สวนทางกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการดึงทุนอเมริกันกลับประเทศ ส่วนบริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในจีน อย่าง แอปเปิล วอลมาร์ต และเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ต่างก็หวาดหวั่นอาจเจอข้อจำกัดในการขยายธุรกิจในจีน หากความขัดแย้งทวีความรุนแรง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตกอยู่ในทิศทางปรับดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า และไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลจีนในการแก้ไขปัญหาหนี้ท่วมและการรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่ ดัชนีหลักทรัพย์ฯ ของสหรัฐฯ ปีนี้ มีการขยายตัวมากกว่า 2% เล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวค่อนข้างแข็งแกร่งชดเชยความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า แต่ถ้ามองในแง่การเมือง ความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้น จะมีผลต่อกลุ่มเกษตรกรที่เป็นฐานเสียงสำคัญในมลรัฐที่เป็นแหล่งผลิต และถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถกปกป้องพวกเขาจากผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้า เชื่อว่าที่นั่งของพรรครีพับลิกันในสภาก็คงจะลดลงอย่างแน่นอน หลังการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้

การเปิดศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะทำให้การค้าขายระหว่างบริษัทของทั้ง 2 ฝ่าย มีต้นทุนสูงขึ้น เมื่อราคาสูงขึ้น ความต้องการซื้อระหว่างกันก็จะลดน้อยลง … กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงเตือนว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายหาการเผชิญหน้าที่ยืดเยื้อจะส่งผลเชิงลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ขณะนี้ถือได้ว่ามีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีนจะตอบโต้กันไปถึงจุดไหน หากขึ้นภาษีรอบแรกกันไปแล้วทั้ง 2 ฝ่าย ผ่อนคลายท่าทีลง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจก็จะมีเพียงเล็กน้อย แต่ถ้ามีการตอบโต้กันเต็มอัตราศึก โดยขยายไปถึงการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า 10% สินค้าจากทุกประเทศจะมีการขึ้นภาษีตอบกลับจากประเทศคู่ค้าเหล่านั้น ก็จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในอัตรา 0.8% ภายในปี 2563

นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค. ให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงมากที่สุดจะมาจากผลกระทบทางอ้อมของการที่ภาคธุรกิจมีความมั่นใจน้อยลง การปล่อยสินเชื่อมีเงื่อนไขข้อจำกัดมากขึ้น ทำให้มีการลงทุนและการจ้างงานน้อยลง ปัจจัยเหล่านี้มีผลลดทอนความคึกคักในตลาดการเงินด้วย

https://www.terrabkk.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว 33.27 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดยังไม่มีทิศทางชัดเจน คาดตลาดหุ้นน่าจะโดนแรงกดดัน จากราคาน้ำมันปรับตัวลง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.27บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อน ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินยังไม่มีทิศทางชัดเจน ราคาน้ำมันปรับตัวลง 4% ไปแตะระดับต่ำที่สุดในรอบสี่เดือน ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญของสหรัฐอย่าง S&P500 ปรับตัวลง 0.1% แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มค้าปลีกในสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นตามรายได้

ฝั่งตลาดตราสารหนี้ก็ยังคงผันผวน บอนยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 0.3% ไปที่ระดับ 2.86% บนความคาดหวังว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร แต่ยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนและปอนด์สเตอร์ลิง

ฝั่งเศรษฐกิจกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ยังคงประมาณการว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ระดับ 3.9% ในปีนี้และปีหน้า แต่ฉายภาพความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าว่าจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลงแน่นอน ขณะที่ไอเอ็มเอฟมองว่า มีเพียงตลาดเกิดใหม่บางกลุ่มในยุโรปและตะวันออกกลางเท่านั้นที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น

ทางด้านตลาดการเงินไทย เชื่อว่าวันนี้ตลาดหุ้นน่าจะโดนแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทอาจไม่อ่อนค่าลงมากนัก เนื่องจากดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าลง ปัจจัยหลักที่ยังต้องติดตามในวันนี้คือการให้ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐต่อรัฐสภา เรามองว่าเฟดไม่สามารถเร่งการขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่านี้แล้ว ดังนั้นปัจจัยนี้อาจเป็นมุมลบกับดอลลาร์ระยะสั้นได้ถ้าการเมืองของสหรัฐเข้าแทรกแซงจนส่งผลให้การขึ้นดอกเบี้ยชะลอลง มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.20-33.30 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


อย.ลั่นม.ค. 62 ประเทศไทยไม่มี ‘ไขมันทรานส์’ ในอาหารอีก

อย.ลั่นม.ค. 62 ประเทศไทยไม่มี “ไขมันทรานส์” ในอาหารทั้งที่ผลิตเอง และนำเข้า หลังออกประกาศห้ามชัดเจน เชื่อช่วยคนไทยห่างไกลโรคหัวใจมากขึ้น แนะระหว่างนี้ให้เลี่ยงอาหารหวานมันเค็ม โดนัท พัฟฟ์ พายที่ใช้ไขมันทรานส์ในการผลิต

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.61 นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอารและยา (อย.) กล่าวถึงการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือไขมันทรานส์ และอาหารที่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยมีผลบังคับใช้ใน 180 วัน ว่า ไขมันทรานส์เป็นไขมันประเภทอิ่มตัว มักใช้กับอาหารกลุ่มของทอด เช่น โดนัท พัฟฟ์ พาย เป็นต้น โดยมีการเอามาใช้ในทางอุตสาหกรรม เพราะทำให้กลิ่นหืนหายไป และเก็บอาหารได้นานขึ้น แต่ภายหลังมีข้อมูลว่า เมื่อรับประทานไปนานๆ จะเกิดการสะสมและเพิ่มความเสี่ยงเรื่องโรคหัวใจ ซึ่งในสหรัฐอเมริกามีการยกเลิกไม่ใช้ใช้ไขมันทรานส์ไปแล้ว

640_c95kdjb7iakjhg6b7d55e

นพ.วันชัย กล่าวว่า ส่วนในประเทศไทย ที่ผ่านมา อย.ได้หารือร่วมกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากไขมันทรานส์ เพื่อวางแผนยกเลิกการใช้ไขมันทรานส์ในกระบวนการผลิตอาหารมา 2-3 ปีแล้ว หลังจากที่มีการหารือกับผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจนลงตัว โดยทางผู้ผลิตขอเวลาประมาณ 6 เดือนในการปรับตัวเพื่อยกเลิกการผลิตที่มีการใช้ไขมันทรานส์นั้น จึงได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วันที่ประกาศ ซึ่งก็คือ 6 เดือน โดยจะเริ่มได้ในช่วงปีหน้าคือ ม.ค. 2562 ประเทศไทยจะไม่มีการการใช้ไขมันทรานส์ในการผลิตอาหารอีก เพื่อเป็นการคุ้มครองสุขภาพประชาชน และน่าจะลดเรื่องโรคหัวใจในคนไทยลงไปได้จำนวนมาก

“เชื่อว่าผู้ประกอบการบางส่วนมีการเตรียมตัวมานานแล้ว บางรายอาจใช้เวลา 3-4 เดือน ก็สามารถเปลี่ยนการผลิตโดยไม่ใช้ไขมนัทรานส์ได้ ส่วนระหว่างนี้ก็ขอให้ประชาชนเลี่ยงอาหาร เช่น พวกโดนัท พัฟฟ์ พาย ต่างๆ หรืออาหารหวานมาก มันมาก เค็มมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการรับไขมันทรานส์ ส่วนตั้งแต่ ม.ค. 2562 เป็นต้นไป ก็ไม่จำเป็นต้องมาดูฉลากว่ามีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบหรือไม่ เพราะเราห้ามทั้งหมดทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้า ต้องไม่มีการใช้ไขมันทราส์เป็นส่วนประกอบอีกต่อไป” นพ.วันชัย กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 17/07/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,500.00 19,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,263.00 19,147.08 20,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,136.70 17,232.37 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 568.00 8,610.88 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 442.00 6,700.72 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,309.00 19,844.44 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  17/07/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
แก๊สโซฮอล E-20
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
26.24
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88
เบนซิน 95 36.26
36.71
36.76 36.26 36.26 36.26
ดีเซลหมุนเร็ว
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.59 32.46 32.96 32.46 32.46
มีผลตั้งแต่ 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00 17 Jul 05:00

 

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า