กระอัก!ค่าเดินทางพุ่ง “โทลล์เวย์/วงแหวนใต้” ขึ้นอีก 15 บาท
คนกรุงกระอักค่าเดินทางพุ่งกระฉูด ดีเดย์ 22 ธ.ค. โทลล์เวย์ขึ้นอีก 15 บาท ตลอดสาย 115 บาท กรมทางฯเลิกใช้ฟรี สายกาญจนาภิเษก “พระประแดง-บางขุนเทียน” 14.5 กม. ประกาศ 20 พ.ค.เก็บ 15 บาท ฟาก BEM ตรึงค่าทางด่วนในเมือง 50 บาทอีก 10 ปี แลกต่อสัมปทาน กทม.อั้นไม่ไหวเขย่าค่าตั๋วรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายใหม่ คิดตามระยะทาง 15-21 บาท เริ่ม 16 เม.ย.ขานรับเปิด “แบริ่ง-สมุทรปราการ” กระทบบีทีเอสทั้งระบบจ่ายเต็ม 65 บาท
นายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง หรือโทลล์เวย์ เปิดเผยว่า วันที่ 22 ธ.ค.2562 จะปรับค่าผ่านทางโทลล์เวย์อีก 15 บาทช่วงดินแดง-ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน ที่บริษัทรับสัมปทานจากกรมทางหลวง (ทล.) ตามสัญญาให้ปรับทุก 5 ปี จนหมดอายุสัญญา 12 ก.ย. 2577
22 ธ.ค.จ่ายโทลล์เวย์ 115 บาท
ส่งผลให้อัตราใหม่ที่จะประกาศใช้ 22 ธ.ค. 2562-22 ธ.ค. 2567 ช่วงดินแดง-ดอนเมือง รถ 4 ล้อ เป็น 80 บาทรถมากกว่า 4 ล้อ เป็น 110 บาท ช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน จาก 30 บาทเป็น 35 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 40 บาท เป็น 45 บาทตลอดทั้งเส้นทาง รถ 4 ล้อ จาก 100 บาทเป็น 115 บาทรถมากกว่า 4 ล้อ จาก 140 บาท เป็น 155 บาท
“การปรับราคาเป็นไปตามสัญญา ก่อนปรับจะแจ้งให้กรมทางหลวงทราบล่วงหน้า ถ้าไม่ทำตามจะมีข้อพิพาทเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ สัมปทานที่เหลือ 15 ปี จะปรับได้อีก 2 ครั้งๆ ละ 15 บาท เป็นการปรับแบบอัตราคงที่ ไม่ได้คิดตามดัชนีผู้บริโภค หรือ CPI เหมือนทางด่วน” นายสมบัติกล่าวและว่า
สัญญาเปิดช่องขยับอีก 2 ครั้ง
ซึ่งครั้งต่อไปจะครบกำหนดวันที่ 22 ธ.ค.2567 ช่วงดินแดง-ดอนเมือง รถ 4 ล้อปรับจาก 80 บาท เป็น 90 บาท มากกว่า4 ล้อ จาก 110 บาท เป็น 120 บาทดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน 4 ล้อ ปรับจาก35 บาท เป็น 40 บาท มากกว่า 4 ล้อจาก 45 บาท เป็น 50 บาท
และครั้งสุดท้าย จะปรับขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.2572 จนสิ้นสุดอายุสัมปทาน ช่วงดินแดง-ดอนเมือง รถ 4 ล้อ จาก 90 บาทเป็น 100 บาทมากกว่า 4 ล้อ จาก120 บาท เป็น 130 บาท ช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน รถ 4 ล้อ จาก 40 บาท เป็น 45 บาท มากกว่า 4 ล้อ ปรับจาก 50 บาท เป็น 55 บาท
“ช่วงแรกที่ขึ้นราคา อาจทำให้ผู้ใช้บริการลดน้อยลง แต่เป็นช่วงระยะสั้น ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประมาณ 8 หมื่นเที่ยวคันต่อวัน มีรายได้ค่าผ่านทางวันละ 9 ล้านบาท เติบโตปีละ 2-3% ตอนนี้บริษัทมีรายได้รวมปีละ 4,000 ล้านบาท”
พ.ค.ใช้วงแหวนใต้เก็บ 15 บาท
แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงกล่าวเพิ่มเติมว่า เร็ว ๆ นี้กรมจะรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับสัมปทานโครงการ มีนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นประธาน รับทราบถึงการปรับค่าผ่านทางโทลล์เวย์ที่จะครบกำหนด 22 ธ.ค.นี้ เพื่อเตรียมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ทางรับทราบต่อไป
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดเก็บค่าผ่านทางถนนกาญจนาภิเษกตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ระยะทาง 14.5 กม. ที่ปัจจุบันเปิดใช้ฟรีโดยรถ 4 ล้อ เก็บ 15 บาท รถ 6 ล้อ 25 บาทรถมากกว่า 6 ล้อ 35 บาท คาดเริ่มเก็บได้วันที่ 20 พ.ค.นี้ โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จะเป็นผู้จัดเก็บให้ เนื่องจากต่อเชื่อมกับทางด่วนสายบางพลี-สุขสวัสดิ์
ตรึงราคาด่วนขั้นที่ 1-2 ถึงปี”71
นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า ทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ตามสัญญาที่ทำร่วมกับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) จะต้องปรับขึ้นทุก 5 ปี ซึ่งครบกำหนดขึ้นครั้งสุดท้าย 1 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา ก่อนสัมปทานจะสิ้นสุด 28 ก.พ. 2563 แต่เมื่อคำนวณซึ่งอ้างอิงดัชนีผู้บริโภคแล้วไม่ถึงจึงไม่ปรับขึ้น ค่าผ่านทางคงเดิม 50 บาท
“กทพ.กำลังเจรจากับ BEM ยุติข้อพิพาทต่าง ๆ ที่คิดมูลค่า 137,517 ล้านบาท โดยนำเรื่องต่ออายุสัมปทานทางด่วนทุกโครงข่ายที่ BEM รับสัมปทานทั้งทางด่วนขั้นที่ 2 รวมส่วน D ช่วงพระราม 9-ศรีนครินทร์ และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด ให้สิ้นสุดพร้อมกันในปี 2600 พิจารณาด้วย ซึ่งได้ปรับสูตรการขึ้นค่าผ่านทางใหม่ เป็นอัตราคงที่ 10 บาท ปรับทุก 10 ปี จากเดิมปรับตามดัชนีผู้บริโภคและปรับทุก 5 ปี ถ้าได้รับอนุมัติเท่ากับว่าค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1-2จะเก็บ 50 บาท ไปถึงปี 2571”
ขึ้น 5 บาทด่วนบางนา-บางปะกง
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 1 ก.ย. 2561 มีทางด่วน 2 สายที่ กทพ.ปรับขึ้น 5 บาท คือทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ เฉพาะรถมากกว่า 6 ล้อ ใน 3 ด่าน ได้แก่ 1.ด่านบางครุ-บางเมือง 2.ด่านบางครุ-เทพารักษ์ 3.ด่านบางครุ-บางแก้ว และทางด่วนบางนา-ชลบุรี ปรับขึ้นรถทุกประเภท 11 ด่าน ได้แก่ 1.ด่านบางนา กม.6-บางเสาธง 2.ด่านบางนา กม.6-บางสมัคร 3.ด่านบางนา กม.6-บางปะกง 1
4.ด่านบางนา กม.6-ชลบุรี 5.ด่านวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว)-บางสมัคร 6.ด่านวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว)-บางปะกง 1 7.ด่านวงแหวนรอบนอก (บางแก้ว)-ชลบุรี 8.ด่านบางพลี 2-บางพลีน้อย 9.ด่านบางพลี 2-บางปะกง 1 10.ด่านสุวรรณภูมิ 2-บางสมัค และ 11.ด่านสุวรรณภูมิ 2-ชลบุรี สายบางพลี-สุขสวัสดิ์ และบางนา-ชลบุรี เก็บตามระยะทาง สายบางพลี-สุขสวัสดิ์ รถ 4 ล้อ เก็บค่าแรกเข้า 20 บาท
จากนั้นคิดเพิ่ม 1 บาท/กม. รถ 6-10 ล้อค่าแรกเข้า 40 บาท เก็บเพิ่ม 2 บาท/กม. รถมากกว่า 10 ล้อ ค่าแรกเข้า 60 บาท เก็บเพิ่ม 3 บาท/กม. ส่วนสายบางนา-ชลบุรี สำหรับ 20 กม.แรก รถ 4 ล้อ เก็บ 20 บาท จากนั้นคิดเพิ่ม 1.20 บาท/กม. รถ 6-10 ล้อ เก็บ 45 บาท เพิ่ม กม.ละ 2.40 บาท รถมากกว่า 10 ล้อ เก็บ 70 บาท เพิ่ม กม.ละ 3.60 บาท
“ปัจจุบันมีปริมาณรถบนทางด่วนวันละกว่า 1.9 ล้านคัน แยกเป็น ทางด่วนขั้นที่ 1 จำนวน 372,163 คัน ด่วนขั้นที่ 2จำนวน 717,595 คัน รามอินทรา-อาจณรงค์ 239,256 คัน บางนา-ชลบุรี 160,269 คัน บางปะอิน-ปากเกร็ด 94,207 คันบางพลี-สุขสวัสดิ์ 266,717 คันศรีรัช-วงแหวนตะวันตก 59,218 คัน” นายสุชาติกล่าว
นั่ง BTS จ่ายสูงสุด 65 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนของรถไฟฟ้า กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยาย อ่อนนุช-แบริ่ง และวงเวียนใหญ่-บางหว้าใหม่ จาก 15 บาทตลอดสาย เป็นเก็บตามระยะทาง เริ่มที่ 15-21 บาท หรือปรับขึ้น 6 บาท วันที่ 16 เม.ย.นี้ พร้อมเปิดส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการเต็มรูปแบบ ปัจจุบันใช้ฟรี
เมื่อเชื่อมเส้นทาง 23.5 กม.หมอชิต-อ่อนนุช (สายสุขุมวิท) และสนามกีฬา-สะพานตากสิน (สายสีลม) ที่เป็นสัมปทานของ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ BTSC ซึ่งเก็บค่าโดยสาร 16-44 บาททำให้ผู้ใช้บีทีเอสเสียค่าโดยสารสูงสุด 65 บาท
ใช้บัตรแรบบิทลด 1 บาท
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTSC กล่าวว่า ปัจจุบันบีทีเอสจัดโปรโมชั่นให้ผู้ถือบัตรแรบบิท เมื่อเติมเงินจะลดให้ 1 บาท/เที่ยว จาก 16-44 บาทเป็น 15-43 บาท สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.นี้ และร่วมกับแรบบิทไลน์เพย์ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทยพัฒนาระบบชำระบัตรโดยสารด้วยคิวอาร์โค้ดเพย์เมนต์ เมื่อชำระผ่านแรบบิทไลน์เพย์และแอปโมบายแบงกิ้งธนาคารกรุงเทพ ได้เงินคืน 5 บาทถึง31 มี.ค. ผ่านแอปโมบายแบงกิ้งธนาคารกสิกรไทย รับเงินคืน 5 บาทถึง 30 เม.ย.นี้ อยู่ระหว่างพิจารณาอาจจะขยายโปรโมชั่นออกไปอีก เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ ปัจจุบันอยู่ที่ 8-9 แสนเที่ยวคน/วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับรถไฟฟ้าใต้ดินช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ มี BEM รับสัมปทานจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามสัญญาปรับขึ้นทุก 2 ปี ตามค่าดัชนีผู้บริโภคทุกวันที่ 3 ก.ค.ของปี แต่ครั้งล่าสุดมีการเลื่อนเป็นวันที่ 1 ธ.ค. 2561 เมื่อคำนวณแล้ว ค่าโดยสารโดยรวมยังคงเดิม 16-42 บาท แต่มี 3 สถานีที่ปรับขึ้น 1 บาท สถานีที่ 5, 8, 11 นับจากสถานีที่เริ่มเดินทาง จะครบกำหนดปรับอีกครั้งในปี 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก bkkcitismart.com
อสังหาหวั่นพิษ “ภาษีที่ดิน” ปี63 ท้องถิ่นโกย 3.9 หมื่นล้าน
คลอด พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ รัฐเข้มท้องถิ่น 7,800 แห่ง เก็บภาษี 3.9 หมื่นล้านต้นปีหน้า อสังหาภูธรโอดเจอสองเด้ง LTV-ภาษีใหม่ ต้นทุนพุ่ง ส.อสังหาฯเมืองชล ขอเว้นภาษีบ้านเหลือขายเกิน 3 ปี เศรษฐีภูเก็ตพลิกแลนด์แบงก์ปลูกปาล์ม-ยาง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แม้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 12 มีนาคม 2562 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 13 มีนาคม 2562 จะกำหนดให้เริ่มจัดเก็บภาษีวันที่ 1 มกราคม 2563 แต่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะหน่วยงานปฏิบัติได้เตรียมความพร้อมให้องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) สามารถจัดเก็บภาษีได้ต้นปีหน้าทันที
ติวเข้มท้องถิ่น 7.8 พันแห่ง
1.ได้เสนอของบกลางไปยังรัฐบาล ตามคำแนะนำของนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เพื่อนำมาใช้ฝึกอบรมและซักซ้อมข้าราชการและพนักงานท้องถิ่น ทั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเมืองพัทยา รวมทั้งหมด 7,852 หน่วยงาน หน่วยงานละอย่างน้อย 2 คน ให้มีความรู้ความเข้าใจและดำเนินการได้อย่างถูกต้อง โดยเสนอของบไปกว่า 70 ล้านบาท ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเห็นชอบและลงนามแล้ว อยู่ระหว่างเสนอและรอการพิจารณาตามขั้นตอน
2.ประสานขอความร่วมมือกับกรมที่ดิน ขอข้อมูลที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งเจ้าของและผู้ถือครอง และแผนที่รูปแปลงที่ดิน เช่น ระวางที่ดิน โฉนด เป็นต้น และขอความร่วมมือกรมธนารักษ์ให้จัดส่งบัญชีราคาประเมินทรัพย์สิน สำหรับใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 3.ให้ข้าราชการ พนักงานท้องถิ่น ฯลฯ ที่ผ่านการอบรมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบรายละเอียดกฎหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ ขอย้ำว่าประชาชนไม่ต้องตกใจ เพราะเมื่อท้องถิ่นมีการประเมินแล้ว หากเห็นว่าต้องเสียภาษีสูงเกินไป สามารถอุทธรณ์หรือแย้งกลับมาได้
รายได้เข้า อปท. 3.9 หมื่น ล.
ในส่วนของรายได้ที่คาดว่าจะได้จากการจัดเก็บภาษี หลัง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯบังคับใช้อยู่ที่ 39,770.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับภาษีบำรุงท้องที่ แยกเป็นที่ดินเกษตรกรรม 6.85 ล้านแปลง ได้รับการยกเว้น 6.84 ล้านแปลง เสียภาษี 800 แปลง ซึ่งคาดว่าจะจัดเก็บภาษีได้ 0.8 ล้านบาท ที่อยู่อาศัย 24 ล้านหลัง ได้รับการยกเว้น 22.39 ล้านหลัง ที่ต้องจัดเก็บภาษี 1.6 ล้านหลัง คาดว่าจะเก็บภาษีได้ 2,770 ล้านบาท ที่ดินอื่น ๆ และที่ดินรกร้างคาดว่าจะจัดเก็บภาษีได้ 37,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปี 2560 ที่ผ่านมา อปท.สามารถจัดเก็บรายได้ 32,965.16 ล้านบาท จากภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ ทั้งนี้แยกเป็นเทศบาล 12,625.77 ล้านบาท อบต. 5,997.82 ล้านบาท เมืองพัทยา 433.77 ล้านบาท และ กทม. 13,907.8 ล้านบาท ซึ่งหลังมี พ.ร.บ.จะเพิ่มขึ้นอีก 6,805 ล้านบาท
ขอเว้นบ้านเหลือขาย 3 ปี
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า มองว่าหลัง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯมีผลบังคับใช้ ที่น่าเป็นห่วงคือโครงการอสังหาฯที่เหลือขาย ซึ่งเป็นปัจจัยต้นทุนที่สูง นอกจากนี้ในสภาพปัจจุบันมีโครงการที่ขายไม่ออกหรือคั่งค้างมานาน ภาษีใหม่จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้โครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้จำเป็นต้องปิดโครงการ จะเกิดความเสียหายรุนแรง โดยสมาคมอสังหาฯ จ.ชลบุรีจะจัดการประชุมเตรียมเสนอให้รัฐพิจารณางดเว้นจัดเก็บภาษีบางส่วนในช่วงแรก โดยเฉพาะโครงการที่เหลือขายเกิน 3 ปีขึ้นไป
ส่วนของแลนแบงก์ก็เป็นประเด็น เพราะการจัดทำโครงการต้องซื้อที่ดินเตรียมไว้ล่วงหน้า และจะนำที่ดินไปทำการเกษตรก็เป็นไปได้ยาก เพราะทำเลบางจุด เช่น ในเมืองหรือถมที่ไปแล้ว แต่นโยบายภาครัฐพยายามจะให้มีการพัฒนาที่ดินในทุกแปลง ทั้งที่บางช่วงเวลายังไม่ถึงเวลาหรือยังไม่เหมาะสมจะนำมาพัฒนา หากทำก่อนอาจจะเกิดปัญหาได้ เพราะปัจจุบันได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้เกณฑ์ LTV (สัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อมูลค่าหลักประกัน) ของแบงก์ชาติ ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอยู่แล้ว เห็นได้จากยอดขายยอดจองบ้านหายไปอย่างน้อย 30%
นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยในทำนองเดียวกันว่า ผลกระทบจากภาษีที่ดินจะทำให้ต้นทุนการถือครองที่ดินสูงขึ้น ต้นทุนการขายในอนาคตเพิ่มขึ้น และมีผลต่อกระแสเงินสด เพราะต้องจ่ายภาษีทุกปี การทำธุรกิจจะยากขึ้น จะกระทบลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ซื้อบ้านเก็บเป็นทรัพย์สิน จะซื้อน้อยลง แต่ลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่จริงจะไม่กระทบ
ภูเก็ตนำที่รกร้างปลูกพืชโตเร็ว
ด้านนายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการ บจ.โบ๊ทพัฒนา และ บจ. โบ๊ท แอสเซท แมนเนจเมนท์ ในเครือภูเก็ต โบ๊ท ลากูน ผู้ประกอบการธุรกิจมารีน่า โรงแรม และอสังหาฯรายใหญ่ใน จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าของที่ดินในจังหวัดภูเก็ตที่ถือครองที่ดินจำนวนมากได้วางแผนภาษีกันแล้ว จากเดิมปล่อยที่ดินรกร้างก็เข้าไปเคลียร์พื้นที่ ปักแนวเขตลงทุนทำเกษตรกรรม เช่น ปลูกปาล์ม ยางพารา พืชเศรษฐกิจโตเร็ว ส่วนจะมีการเปลี่ยนมือมากน้อยเพียงใดนั้น ยังเห็นภาพไม่ชัด
“คนที่มีแลนด์แบงก์ขนาดใหญ่ในภูเก็ต ส่วนมากธุรกิจดั้งเดิมทำเหมืองแร่มาก่อน แต่ละครอบครัวจึงวางแผนด้านภาษี อย่างในตระกูลยงสกุลปลูกต้นสน โดยมีบริษัทลูกดำเนินการอยู่แล้ว”
ส่วนการเก็บภาษีบ้านราคาหลังละ 50 ล้านบาทขึ้นไป ในภูเก็ตบ้านเฉลี่ยหลังละ 20-50 ล้านบาท รวมถึงพูลวิลล่าระดับ 100 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนใหญ่ผู้ซื้อเป็นคนต่างชาติ เรื่องการจ่ายภาษีจึงไม่กระทบ และลูกค้าบางคนยื่นชำระภาษีที่ต่างประเทศด้วย
อสังหารุ่นใหม่ไม่หวั่นภาษี
ขณะที่นายปราชญ์ วงศ์วรรณ กรรมการผู้จัดการ บจ.ไวซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของโครงการ “ไวซ์ ซิกเนเจอร์” ย่าน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มองว่านักพัฒนาอสังหาฯรุ่นเก่า ๆ ที่ซื้อที่ดินเก็บไว้เป็น 10 ปี เพื่อรอพัฒนาโครงการจะได้รับผลกระทบจากภาษีที่ดิน แต่ปัจจุบันนักพัฒนาอสังหาฯส่วนใหญ่ซื้อที่ดินแล้วจะพัฒนาโครงการทันที จึงได้รับผลกระทบไม่มาก แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นแต่จะเพิ่มไม่มากนัก เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ดินที่ซื้อ ซึ่งมีราคาแพงและปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตนนั้นส่วนใหญ่นำที่ดินเปล่าเป็นที่ดินเก่าเก็บของครอบครัวมาพัฒนา
ขอบคุณข้อมูลจาก bkkcitismart.com
แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ยอดปฏิเสธกู้บ้านพุ่ง!
ทีกรุ๊ป ระบุแอลทีวีกระทบอสังหาฯ แบงก์เข้มกู้คอนโดแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีเขียวส่วนต่อขยาย ยอดปฏิเสธกว่า 50%
นายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีกรุ๊ป แอซเซ็ท เปิดเผยว่า จากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ที่จะบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย.นี้ ทำให้หลายสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ พบว่าในช่วง 2 เดือนแรก มีการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์กว่า 50% คาดการณ์ว่าในไตรมาสแรกปีนี้จะมีการปล่อยกู้เพียงแค่ 40-50% เท่านั้น โดยในส่วนของบริษัทคาดว่าจะสามารถโอนโครงการได้ไม่ถึง 100 ยูนิต จากเป้าหมายที่วางไว้คือ 200 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาสแรกปีนี้บรรดาดีเวลอปเปอร์ทั้งในตลาดและนอกตลาดหลักทรัพย์จะมียอดขายและรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเกิดจากการเร่งระบายสต๊อกสินค้าแต่ทว่าหลังวันที่ 1 เม.ย.นี้ รายได้จะลดลงราว 50% โดยเฉพาะผู้ประกอบการระดับกลางลงมาที่จะได้รับผลกระทบมาก
สำหรับทำเลที่น่าเป็นห่วงคือ คอนโดแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ปัจจุบันมีซัพพลายกว่า 4 หมื่นหน่วย โดยเฉพาะช่วงสถานีเตาปูน-แคราย สายสีเขียวช่วงต่อขยายไปคูคตมีซัพพลาย 4-5 หมื่นหน่วย สายสีเขียวที่ไปบางปูซัพพลายเหลืออยู่มากเช่นกัน
นายธาตรี กล่าวว่า คาดว่าอสังหาฯ ครึ่งปีแรกอาจทรงตัวจากการเข้มงวดปล่อยกู้ รายได้ที่เกิดจากการขายก็จะลดลง จะเกิดการชะลอเปิดโครงการใหม่ ขณะที่การแข่งขันสูง สิ่งที่จะเห็นในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไปคือสงครามราคา โดยเฉพาะอาคารที่สร้างเสร็จมาแล้ว 4 ปี จะมีการดัมพ์ราคาลงไม่น้อยกว่า 10%
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
แนะพ่อแม่เลือก-จัดเตียงนอนปลอดภัย ป้องกันทารกตกเตียง
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะ พ่อแม่ ผู้ปกครอง เลือกและจัดเตียงนอนที่ปลอดภัย และท่านอนที่เหมาะสมสำหรับเด็กแรกเกิด–4 เดือน ป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุเด็กตกเตียง แม่นอนเบียดหรือทับโดยไม่รู้ตัวแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวลูกสาววัย 3 เดือนพลัดตกเตียงติดซองผนังข้างที่นอนเสียชีวิตนั้น เด็กทารกในวัยแรกเกิด–4 เดือน ถือเป็นวัยบอบบางที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลไม่ให้คลาดสายตา เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อเด็กได้ รวมถึงการนอนของเด็กด้วย หากเด็กนอนด้วยท่านอนที่ไม่เหมาะสม และที่นอนที่ไม่ปลอดภัยอาจเป็นสาเหตุให้เด็กอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน จึงแนะนำให้เด็กแรกเกิด–4 เดือนพ่อแม่ควรจัดท่านอนที่เหมาะสม ที่นอนที่ปลอดภัย คือแยกที่นอนมาอยู่ด้านข้างผู้ใหญ่ด้วยระยะห่างประมาณเอื้อมมือถึง ไม่นอนระหว่างผู้ใหญ่หรือติดชิดกับผู้ใหญ่เพราะอาจเผลอนอนเบียดหรือทับเด็กจนหายใจไม่ออก หรือโดนผ้าห่ม หมอนของพ่อแม่ทับเด็กโดยไม่รู้ตัว ที่นอนเด็กควรสูงประมาณ 2 ฟุต หากจำเป็นต้องนอนด้วยเตียงนอน ควรมีที่กันตก รั้วขอบของเตียงต้องมีระยะห่างของซี่รั้วน้อยกว่า 15 เซนติเมตร และมีที่นอนที่พอดีกับเตียง ไม่มีช่องห่างระหว่างที่นอนกับขอบเพราะอาจเกิดการติดค้างของศีรษะที่ลอดผ่านซี่ราวหรือลอดผ่านรูช่องบนผนังรั้วรอบเตียง และการกดทับใบหน้า จมูก ในช่องห่างระหว่างเบาะที่นอนกับราวกันตก ที่นอนต้องไม่นิ่มเกินไป รวมถึงต้องระวังผ้าห่ม หมอน มุ้ง เพราะอาจปิดทับจมูกทำให้หายใจไม่สะดวกหรืออุดกลั้น ไม่ควรนั่งอุ้มจนหลับเพราะผู้ปกครองอาจจะเผลอปล่อยเด็กออกจากมือทำให้ตกลงมาได้ “ทั้งนี้ ท่านอนที่เหมาะสมสำหรับเด็กคือนอนด้วยท่านอนหงาย ไม่ใช่นอนคว่ำ เพราะอาจอุดกลั้นทางเดินหายใจ หากต้องการให้เด็กหัวทุย ก็จัดท่านอนตะแคงซ้ายและขวาสลับกันกันไป โดยให้เด็กนอนกอดหมอนข้างเพื่อป้องกันการคว่ำหน้า การจัดท่านอนของเด็กนั้นต้องดูช่วงอายุ และลองเปลี่ยนท่านอนให้เรื่อย ๆ เพื่อหาท่านอนที่เด็กนอนหลับสบายที่สุด โดยเด็กแรกเกิด–4 เดือน ควรนอนตะแคงหรือนอนหงาย เป็นท่าที่เหมาะกับพัฒนาการของกล้ามเนื้อคอที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง ทำได้เพียงหันซ้ายและขวา สามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวและฝึกการมองได้ วัย 5–6 เดือน สามารถนอนคว่ำได้ และเด็กยกคอได้แล้วเพราะกระดูกคอเริ่มแข็ง แต่ยังต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพราะอาจเกิดการอุดกลั้นการหายใจได้ และวัย 7-12 เดือน สามารถนอนได้ทุกท่าเพราะเด็กพลิกตัวด้วยตนเองได้แล้ว ที่สำคัญพ่อแม่ผู้ปกครองต้องสังเกตตัวเด็กและสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กอยู่เสมอ เช่น บนที่นอนของเด็กจะต้องไม่มีอะไรที่จะมาปิดหน้าได้ระหว่างที่นอนหลับอยู่ โดยเฉพาะเด็กที่มีนิสัยชอบคว้าสิ่งของรอบตัว” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวทางด้าน แพทย์หญิงนนธนวนัณท์ สุนทรา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าเด็กอายุเกิน 1 ปี ที่เริ่มยืนได้ ควรจัดให้นอนเตียงเด็กอย่างถูกวิธีคือ 1) เตียงเด็กต้องมีราวกันตกที่มีซี่ราวแนวตั้งตรง ไม่ใช่แนวนอน และห่างกันไม่เกิน 15 เซนติเมตร 2) ราวกันตกจะต้องมีตัวยึดแน่น เด็กไม่สามารถเหนี่ยวให้เคลื่อนไหวได้เอง ไม่อ้า ไม่เผยอ จนเกิดช่องห่างจากเตียงจนลำตัวเด็กลอดตกได้ 3) เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียงและไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตก 4) มุมเสาทั้ง 4 มุมต้องเรียบ มีส่วนนูนได้ไม่เกิน 1.5 มิลลิเมตร 5) ผนังเตียงด้านศีรษะและเท้าต้องไม่มีการตัดตกแต่งให้เกิดร่องและรู 6) จากขอบบนของเบาะที่นอนถึงราวกันตกด้านบนต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า 65 เซนติเมตร และ 7) เด็กที่มีความสูงเกินกว่า 89 เซนติเมตร มีความเสี่ยงต่อการปีนราวกันตกและตกจากที่สูงได้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ต้องระวังหากพบว่าเด็กแน่นิ่ง ตัวซีดหรือเขียวคล้ำ ให้จับเด็กนอนหงาย พยายามปลุก เรียก สังเกตการหายใจโดยดูการเคลื่อนไหวของหน้าอก หน้าท้อง ถ้าเรียกไม่รู้ตัวลักษณะเหมือนไม่หายใจ ให้กดทรวงอกบริเวณ สันอกทันที สลับกับการเป่าปากหรือเป่าจมูก-ปากเด็กในเวลาเดียวกันและรีบตามหน่วยฉุกเฉิน 1669 เพื่อนำส่งโรงพยาบาลให้ทันเวลาต่อไป
ศัพท์ภาษาอังกฤษโดนๆ เอาไว้คอมเม้นท์ใต้ภาพแทนกด Like
เวลาเข้า Facebook หรือ Instagram แล้วเลื่อนเจอภาพที่ถูกใจหรือคนรู้จัก เราก็มักจะกด Like รัวๆ ให้ไป เจออันนั้นก็กดถูกใจ อันนี้ก็กดถูกใจบ่อยๆ เบื่อไหมคะ? ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะคอมเม้นท์อะไรแทนการกดถูกใจ โดยเฉพาะถ้าเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยแล้ว จะคอมเม้นท์ว่าอะไรดีอยู่ละก็ วันนี้เรามีตัวอย่างมาฝากกัน
ศัพท์ภาษาอังกฤษ
เอาไว้คอมเม้นท์ใต้ภาพ
1. Awesome!
หมายถึง เจ๋งสุดๆ ไปเลย เราสามารถใช้ได้กับหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมเม้นท์ใต้ภาพ คอมเม้นท์ชมวิดิโอหรือคลิปร้องเพลงที่เราฟังแล้วชอบ
2. That looks good!
คำนี้น่าจะเคยเห็นกันบ่อยๆ มีความหมายว่า “นั่นดูดีจัง” โดยคำว่า Look เป็น Linking Verb หรือว่า Verb ที่สามารถต่อด้วย Adj. ได้ทันทีคล้ายๆ กับพวก Verb to be3. Stunning!
คำนี้มีความหมายว่า “สวยงาม” ชนิดที่ว่าสวยจนอึ้ง ดูดีแบบละสายตาไม่ได้ หนุ่มๆ ก็เอาไว้ชมสาวๆ สวยๆ ได้นะคะ
4. This photo is flawless.
อันนี้ขอจัดมาเป็นประโยค แปลว่า “ภาพนี้มันช่างไรที่ติจริงๆ” สามารถใช้ชมได้ทั้งภาพคน ภาพเซลฟี่ หรือว่าภาพถ่ายวิวก็ยังได้ หรือจะใช้แทนคำว่า Beautiful ที่เราใช้บ่อยๆ นั้นเอง
5. I adore this look!
แปลว่าฉันรู้สึกชอบลุคนี้ของคุณ หรือจะใช้ว่า You are so adorable! ซึ่งแปลว่า คุณน่ารัก น่าทะนุถนอมมาก
6. Such a gorgeous picture!
คำว่า Gorgeous นี้จะแปลได้ทั้ง สวยงาม หรูหรา หรือ โอ่อ่า ดังนั้น Such a gorgeous picture! ก็จะแปลว่า เธอช่างดูดีมากๆ เลย แต่ในประโยคนี้แฝง Grammar อยู่นิดนึงค่ะซึ่งก็คือคำว่า Such นั่นเอง คำนี้นั้นเราจะใช้ในโครงสร้าง Such+a/an/the/+(Adj)+N เท่านั้นนะคะ จะต้องมีคำนามอยู่ด้วยเสมอเราจะไม่ใช้คำว่า Such gorgeous เด็ดขาด แต่เราจะใช้คำว่า Such a gorgeous+คำนาม เช่น Girl, room, photo หรืออื่นๆ ที่เราอยากจะขยาย
7. You are amazing. / You look amazing.
คำว่า amazing. อะเมซิ่ง คำนี้เมีความหมายว่า ดูดีมาก สุดยอด หรือ มหัศจรรย์ ซึ่งเชื่อว่าถ้านำคำนี้ไปคอมเม้นท์ คนรับต้องดีใจสุดๆ
8. You are my inspiration.
คำนี้มีความหมายว่าคุณเป็นแรงบันดาลใจของฉัน บอกให้เขาได้รู้เลยนะคะว่าเรานั้นปลาบปลื้มและยึดเขาเป็น Idol ของเรา
9. Such a hottie!
คำว่า Hottie แปลว่าสาวฮอตหรือหนุ่มฮอต เราสามารถใช้คำนี้คู่กับคำว่า Such ได้ทันที ดังนั้นเห็นหนุ่มสาวคนไหนดูฮอต ดูแซ่บ ก็ชมคำนี้ไปเลย
10. Exquisite!
ความหมายยังอยู่ในกลุ่มคำว่า “สวยงาม” เราสามารถนำไปใช้ควบกับคำนามอื่นๆ ได้ด้วย อย่างเช่น Exquisite jewelry! หรือ This paint is so exquisite. ซึ่งคำนี้นั้นไม่ได้แปลว่าสวยแบบธรรมดานะคะ แต่เป็นการสวยแบบสง่างาม เลอค่า เหมือนกับเจ้าหญิง
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,400.00 | 19,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,257.00 | 19,056.12 | 20,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,131.30 | 17,150.51 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,005.60 | 15,244.90 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 566.00 | 8,580.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 440.00 | 6,670.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,303.00 | 19,753.48 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 18/03/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.84 | 25.84 | 26.24 | 25.84 | 25.84 | – | 25.84 | 25.84 | 25.84 | 25.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.64 | 20.64 | – | – | – | – | – | 20.64 | – | – |
เบนซิน 95 | 36.26 | – | – | – | 36.71 | – | 36.76 | 36.56 | – | 36.56 |
ดีเซล | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 30.89 | 31.16 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.44 | 27.29 | – | – | – | – | – | – | – | – |