ที่อยู่อาศัยเหลือขายพุ่ง 11.8 % กว่า 1.5 แสนหน่วยรอระบาย
ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ครึ่งแรกมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือเพิ่มขึ้น ทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดฯ จากกำลังซื้อลดลง มีโครงการเหลือขายเพิ่มขึ้น 11.8% มากถึง 152,149 หน่วย มูลค่า 669,670 ล้านบาท
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึง ภาพรวมอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ช่วงครึ่งแรกปี 2562 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด เนื่องจากอัตราการดูดซับหรือการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงทุกประเภท โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์อัตราดูดซับต่อเดือนลดลงมากที่สุด 1.0 % ส่งผลให้ครึ่งแรกปี 2562 มีโครงการที่อยู่อาศัยรอการขายรวม 1,670 โครงการ เพิ่มขึ้นคิดเป็น 11.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา มีหน่วยเหลือขาย 152,149 หน่วย มูลค่าเหลือขาย 669,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 15.4 % และ28.2 % ตามลำดับ จากที่ช่วงครึ่งแรกปี 2561 โครงการอยู่ระหว่างขาย 1,494 โครงการ มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 131,819 หน่วย มีมูลค่าเหลือขาย 522,436 ล้านบาท
วิชัย วิรัตกพันธ์
ทั้งนี้ แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 1,137 โครงการ เหลือขาย 87,180 หน่วย คิดเป็นมูลค่าเหลือขาย 404,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 สัดส่วน 9.2 % , 16.3% และ 22.3 % ตามลำดับ เทียบกับครึ่งแรกปี 2561 มี 1,041 โครงการ เหลือขาย 74,976 หน่วย มีมูลค่าเหลือขาย 330,752 ล้านบาท อาคารชุด 533 โครงการ เหลือขาย 64,969 หน่วย คิดเป็นมูลค่าเหลือขาย 265,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 17.7 % , 14.3% และ 38.4 % ตามลำดับ เทียบกับช่วงครึ่งแรกปี 2561 มี 453 โครงการ เหลือขาย 56,843 หน่วย มีมูลค่าเหลือขาย 191,683 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แม็กซิมัสผุด Maxxi Prime รัชดาโปรราคา1.99ล้านเจาะนักลงทุน
แม็กซิมัสชิมลางคอนโดในเมือง ผุด Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสารค่า 600 ล้าน เจาะนักลงทุน เปิด Pre-sale 20 ต.ค. ขย่มราคาห้องโปรสุดคุ้ม 1.99ล้าน
นายวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด เผยว่า จากที่ประสบความสำเร็จกับโครงการแรก Maxxi Condo รัชโยธิน-พหลฯ34 ทั้งเรื่องของรูปแบบและทำเล ทำให้พัฒนาต่อยอดเพิ่มขึ้นด้วยการขยับเข้าสู่กลางเมือง โดยยังคงเน้นโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อคนรุ่นใหม่ ทำเลเมือง จึงพัฒนาโครงการ Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร ในแนวคิด “นิยามของความสุด สู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ : Live Your Life Prime” ที่โดยโครงการใหม่นี้ตั้งอยู่ใกล้กับ MRT สุทธิสารเพียง 400 เมตรเท่านั้น รวมถึงรถไฟฟ้าที่กำลังจะมาใหม่อีก 2 สาย ในอนาคตอันใกล้ คือรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (รัชดา-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-สุวินทวงศ์) โดยโครงการ Maxxi Prime เตรียมเปิดให้จองห้องสวยและวิวดีที่สุด ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะในงาน Pre-Sale วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 นี้เท่านั้น
“โครงการนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนเพราะโครงการมีบริการจัดหาคนเช่าระยะยาวให้ หรือกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่กำลังมองหาคอนโด ใจกลางเมืองย่านรัชดา สะดวก และได้สเป็คที่ดีมาก จึงขอเชิญร่วมเป็นเจ้าของห้องโปรสุดพิเศษโอกาสเดียวเท่านั้น สำหรับราคา 1.99 ล้านบาท และห้องที่คัดสรรในราคาพิเศษอีกกว่า 10 ยูนิต ในงาน Pre-sale โครงการ Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร พร้อมร่วมลุ้น lucky draw รางวัลพิเศษมากมายในงานสำหรับผู้ที่ทำสัญญาซื้อ 50 ท่านแรก ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 นี้ กับคอนโดที่คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว และอยู่ใกล้แหล่งชุมชน อาคารสำนักงาน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในการเลือกใช้แต่วัสดุอย่างดี เพื่อรองรับการอยู่อาศัยจริงด้วยสัดส่วนที่ลงตัว และคุ้มค่ากว่าคอนโดในทำเลเดียวกัน จึงมั่นใจว่าโครงการ Maxxi Prime สามารถตอบโจทย์ได้ในทุกด้าน”
นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับ MAXXI PRIME รัชดา-สุทธิสาร เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 1 อาคาร มีทั้งหมด 218 หน่วย โดยมีขนาดพื้นที่ 27.9-30 ตร.ม. กับ 1 Bedroom Plus ขนาด 40.95 ตร.ม. ตั้งอยู่บนทำเล Prime area ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT สุทธิสาร หลังอาคารเมืองไทยภัทรรัชดา ใกล้ตลาดภัทร รวมทั้งยังมีห้างสรรพสินค้าศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ และสำนักงานมากมาย ซึ่งถือเป็นทำเลทองของการพักอาศัยสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่(New CBD) ในราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ยเพียง 95,000 บาท มีมูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ธนาคารไทยพาณิชย์กำไรไตรมาส3พุ่ง14,798ล้านบาท
ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศผลกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 14,798 ล้านบาท ภายหลังจากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้นบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต
ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิของไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 14,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจปกติจำนวน 10,484 ล้านบาทและกำไรพิเศษจากการขายหุ้นในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตจำนวน 11,644 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มเติมอีก 9,100 ล้านบาทจากสำรองปกติที่จำนวน 6,173 ล้านบาท รวมเป็นเงินสำรองทั้งสิ้น 15,273 ล้านบาท
สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2562 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 34,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562 สินเชื่อโดยรวมมีการขยายตัวในระดับปานกลางที่ 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2562 เพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 26,191 ล้านบาท จากกลยุทธ์ของธนาคารในการบริหารความเสี่ยงและการปรับพอร์ตสินเชื่อด้วยการเพิ่มสัดส่วนของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ปี 2562 (ที่ไม่รวมรายการพิเศษ) ค่อนข้างทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้หลักจากค่าธรรมเนียมสุทธิ (recurring fee) ยังคงเติบโต โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมจากการให้สินเชื่อและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความมั่งคั่ง (wealth products)
รายได้จากการดำเนินงาน (ซึ่งรวมกำไรพิเศษ) เพิ่มขึ้น 74.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นจำนวน 60,452 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงเป็น 29.1% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2562
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้นเป็น 3.01% จาก 2.77% ณ เดือนมิถุนายน 2562 การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพเป็นผลมาจากความผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ 144% สำหรับเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.0%
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3 นี้ ธนาคารมีการบันทึกกำไรที่เกิดจากการขายบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต แต่เนื่องจากธนาคารเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความแข็งแกร่งเพื่อรองรับกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ธนาคารจึงได้เพิ่มระดับการตั้งสำรองเพื่อรองรับหนี้ด้อยคุณภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในขณะเดียวกัน ธนาคารเล็งเห็นศักยภาพในการขยายธุรกิจเพื่อที่จะเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะจากธุรกิจความมั่งคั่ง และธุรกิจประกันชีวิตที่ธนาคารจะเริ่มต้นการทำงานร่วมกับพันธมิตร FWD Group ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 นี้เป็นต้นไป รวมถึงธนาคารยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้แก่ธนาคาร
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
5 ผลไม้ทําให้ง่วงนอน ช่วยให้นอนหลับสบาย ฝันดีจนถึงเช้า!!
โรคนอนไม่หลับ เป็นปัญหาสำหรับหลายๆคนแม้จะพยายามจะนอนนับแกะแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งอาการนอนไม่หลับสามารถแก้ได้โดยการรับประทานผลไม้บางชนิดซึ่งจะมีสารที่ช่วยให้คุณง่วงนอน รู้สึกผ่อนคลายจนนอนหลับฝันดีไปเลยล่ะ และนี่คือ ผลไม้ทําให้ง่วงนอน ที่คุณต้องลอง!!
เสาวรส
หรือ กะทกรกฝรั่ง หากคุณดื่มน้ำเสาวรสเป็นประจำก็จะช่วยทำให้นอนหลับสบายขึ้น เพราะเสาวรสมีสารเซโรโทนินซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่ควบคุมการนอนหลับ ช่วยลดความเครียดและอาการซึมเศร้า เมื่อกินเสาวรสแล้วจึงทำให้ร่างกายหลับง่ายขึ้น โดยมีผลการทดลองว่าเพียงแค่ดื่มชาเสาวรสก็ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นแล้ว
องุ่น
ได้มีการศึกพบว่าองุ่นมีเมลาโทนินในระดับสูง ทำให้คุณนอนหลับสบายตลอดทั้งคืน แต่ทั้งนี้การทดสอบหมายถึงการรับประทานองุ่นสดๆไม่ใช่ไวน์ เพราะฉะนั้นอย่าใช้เป็นข้ออ้างในการดื่มไวน์ก่อนนอนเพราะแอลกอฮอล์อาจจะยิ่งทำให้คุณนอนหลับยากขึ้น
กล้วย
กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีแมกนีเซียมสูงมาก จึงสามารถช่วยแก้อาการนอนไม่หลับเพราะมีกรดอะมิโนและทริปโตเฟนที่จะทำให้เกิดอาการง่วงนอน ช่วยคลายเครียดและรู้สึกผ่อนคลายขึ้นจึงทำให้นอนหลับสบายตลอดคืน การทานกล้วยเป็นประจำจะช่วยทำให้การนอนหลับเป็นเรื่องง่ายขึ้น
กีวี
การรับประทานกีวีจะช่วยทำให้นอนหลับง่ายขึ้น เพราะมีการศึกษาพบว่ากีวีมีสารเซโรโทนินที่ช่วยให้นอนหลับสบาย เพราะจะไปช่วยคลายความเครียด ลดความวิตกกังวลต่างๆได้ เพียงทานกีวี 1-2 ผล ก่อนนอนก็จะช่วยคนที่ปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับได้
เชอร์รี่
เชอร์รี่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย อีกทั้งยังมีสารเมลาโทนินจึงช่วยให้นอนหลับสบายตลอดทั้งคืน เพราะจะไปช่วยคลายความเครียด ลดความวิตกกังวลต่างๆได้ อีกทั้งยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดีอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
ที่มาของชื่อทั้ง 12 เดือน ภาษาอังกฤษ
เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่า เดือนทั้ง 12 เดือนที่เราเรียกกันเนี่ย มันมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง? ตั้งชื่อเดือนตามอะไร ใครตั้ง วันนี้เรามาหาคำตอบเรื่องนี้กันดีกว่าคะ
ที่มาของชื่อทั้ง 12 เดือน
เท่าที่มีหลักฐานปรากฏ มนุษย์รู้จักการทำและการดูปฏิทินมาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษรโดยการสังเกตจากการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว จากนั้นก็นำก้อนหินมาวางเรียงกันไว้เป็นสัญลักษณ์บอกช่วงเวลา อย่างเช่น Stonehenge ที่อังกฤษ หรืออย่างชาวสุเมเรียนผู้ครองดินแดนเมโสโปเตเมียเมื่อกว่า 3,700 ปีก่อน ค.ศ. ได้แบ่งช่วงเวลา 1 ปี ออกเป็น 12 เดือน และกำหนดให้วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Vernal Equinox) เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่งระยะเวลากลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน ซึ่งต่อมาชาวไอยคุปต์นำความรู้นี้ไปพัฒนาต่อยอดอีกมากมาย
ส่วนทางฟากฝั่งยุโรป เมื่อราว 2,700 ปีก่อน กษัตริย์ผู้สร้างกรุงโรมได้กำหนดปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นโดยกำหนดให้ 1 ปีมี 10 เดือน หรือ 304 วัน (แต่ละเดือนมีจำนวนวันแตกต่างไปจากปฏิทินในยุคนี้)
นับจากมีนาคมเป็นเดือนเริ่มต้นปีใหม่ไปจนถึงธันวาคม คือ Martius, Aprilis, Maius, Junius, Quintilis, Sextilis, September, October, November และ December 4 เดือนแรกมาจากชื่อเทพเจ้าและชื่ออื่นๆ ส่วน 6 เดือนหลังมาจากคำเรียกเลขตามลำดับ Quintus = 5, Sextus = 6, Septem = 7, Octo = 8, Novem = 9, Decem = 10 ปฏิทินนี้เป็นที่รู้จักและใช้ต่อกันเรื่อยมาจนถึงประมาณ 738 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นเดือน January และ February ได้ถูกเพิ่มขึ้นโดยกษัตริย์โรมันนามว่า “Numa Pompilius” ทำให้เดือน October เลื่อนไปอยู่เดือนที่สิบ (อันที่จริงแล้ว Octo แปลว่าแปด)
เดือนมกราคม (January)
ตั้งตามชื่อเทพเจ้า “Janus” (ชื่อเดิมคือ Ianuarius) ตามตำนานเทพปกรณัมของชาวโรมัน Janus เป็นเทพผู้ควบคุมจักรวาล เทพผู้รักษาประตูสวรรค์ เป็นผู้เปิดและผู้ปิดสรรพสิ่ง รวมทั้งประตูสวรรค์ ประตูรั้ว กระทั่งประตูบ้านคน เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนผ่านของชีวิต จากเก่าไปใหม่ จากอดีตสู่อนาคต จากสิ่งที่ผ่านไปแล้วกับสิ่งที่กำลังจะเกิด ชาวโรมันจินตนาการภาพของเจนัสว่าเป็นเทพที่มีสองพักตร์ พักตร์หนึ่งหันมาด้านหน้า ส่วนอีกพักตร์หนึ่งอยู่ทางด้านหลัง ด้วยเหตุที่ทรงรู้ทั้งอดีตและอนาคต ถือเป็นคติของการเริ่มต้นใหม่ วันใหม่ เดือนใหม่ ปีใหม่
เดือนกุมภาพันธ์ (February)
ตั้งตามชื่อเทพเจ้าองค์หนึ่งของเทพปกรณัมโรมันที่มีนามว่า “Februus” (มีชื่อเรียกที่เก่าแก่กว่าคือ “Februa” และ Februalia) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความตายและความบริสุทธิ์ เทพองค์นี้เป็นเทพที่ชาวอิทรัสกันบูชา
เป็นชื่อเดือนแรกของปีในปฏิทินรูปแบบเดิมของชาวโรมัน ชื่อในภาษาอังกฤษ March มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Martius” หมายถึงเทพเจ้า “Mars” เทพแห่งสงครามซึ่งมีนัยยะว่า เป็นปีที่ดีในการเริ่มต้นทำสงครามเพื่อขยายอาณาจักรสำหรับชาวโรมัน
เดือนเมษายน (April)
ชื่อในภาษาอังกฤษ April มาจากคำว่า “Aprilis” มาจากรากศัพท์ภาษาละตินว่า “Aperire” แปลว่า “เปิด” หรือ “ผลิดอกออกผล” ซึ่งอาจหมายถึงการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ และอาจมาจาก “Apru” ชื่อเทพีแห่งความรักในภาษาของชาวอิทรูเรีย
เดือนพฤษภาคม (May)
ชื่อเดือนนี้ตั้งตามชื่อเทพธิดาของกรีกที่มีชื่อว่า “Maia” ซึ่งในสมัยโรมันเทพองค์นี้หมายถึงเทพธิดาแห่งการเจริญเติบโตและความอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามมีกวีชาวโรมันได้บันทึกถึงที่มาของคำนี้ว่ามีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Maiores” ซึ่งมีความหมายว่า “Elder” หรือสูงวัยกว่า
เดือนมิถุนายน (June)
ชื่อในภาษาอังกฤษ June มีที่มาจากเทพเจ้าโรมันนามว่า “Juno” หรือ “Hera” เป็นเทพธิดาแห่งการแต่งงานและเป็นเทพธิดาของคู่บ่าวสาว จึงมีความเชื่อว่าหากแต่งงานในเดือนนี้จะโชคดี อีกความเชื่อหนึ่งเชื่อว่าเดือนนี้มาจากคำว่า “Juveins” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “Iuniore” แปลว่า “หนุ่ม” หรือ “วัยรุ่น”
เดือนกรกฎาคม (July)
ชื่อเดิมของเดือนนี้คือ “Quintilis” หมายถึงเดือนลำดับที่ 5 ของปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเดือนเป็น July เป็นอนุสรณ์แด่ “Julius Caesar” แห่งอาณาจักรโรมัน
เดือนสิงหาคม (August)
ชื่อเดิมของเดือนนี้ “Sextilis” หมายถึงเดือนลำดับที่ 6 ของปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม คือ ตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ “Augustus Caesar” จักรพรรดิของชาวโรมัน
เดือนกันยายน (September)
เป็นเดือนลำดับที่ 7 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Septem” แปลว่า “เจ็ด”
เดือนตุลาคม (October)
เป็นเดือนลำดับที่ 8 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Octo” แปลว่า “แปด”
เดือนพฤศจิกายน (November)
เป็นเดือนลำดับที่ 9 ในปฏิทินโรมันแบบดั้งเดิม ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Novem” แปลว่า “เก้า”
เดือนธันวาคม (December)
เป็นเดือนลำดับที่ 10 ในปฏฺทินโรมันแบบดั้งเดิม ตั้งมาจากภาษาละตินว่า “Decem” แปลว่า “สิบ”
…
ด้านที่มาของชื่อเดือนของไทย
สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงคิดตั้งชื่อเดือนมกราคม ถึง ธันวาคม ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงใช้ตำราจักรราศี หรือการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ในหนึ่งปี ประกอบด้วย 12 ราศี ตามวิชาโหราศาสตร์มาใช้กำหนดชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน แบ่งเดือนที่มี 30 วัน และเดือนที่มี 31 วัน ให้ชัดเจน ด้วยการลงท้ายเดือนต่างกัน คือ คำว่า “ยน” และ “คม”
ส่วนคำนำหน้านั้นมาจากชื่อราศีที่ปรากฏในช่วงเวลานั้นๆ เป็นวิธีนำคำ 2 คำมา “สมาส” กัน คำต้นเป็นชื่อราศี คำหลังคือคำว่า “อาคม” และ “อายน” แปลว่า “การมาถึง” เริ่มตั้งแต่…
มกราคม คือ มกร (มังกร) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมังกร
กุมภาพันธ์ คือ กุมภ์ (หม้อ) + อาพนธ แปลว่า การมาถึงของราศีกุมภ์
มีนาคม คือ มีน (ปลา) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมีน
เมษายน คือ เมษ (แกะ) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีเมษ
พฤษภาคม คือ พฤษภ (วัว,โค) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีพฤษภ
มิถุนายน คือ มิถุน (ชายหญิงคู่) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีมิถุน
กรกฎาคม คือ กรกฎ (ปู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีกรกฎ
สิงหาคม คือ สิงห (สิงห์) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีสิงห์
กันยายน คือ กันย (สาวพรหมจารี) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีกันย์
ตุลาคม คือ ตุล (ตาชั่ง ตราชู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีตุล
พฤศจิกายน คือ พิจิก, พฤศจิก (แมงป่อง) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีพิจิก
ธันวาคม คือ ธนู (ธนู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีธนู
อีกทั้งกำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ของไทย คือเดือนเมษายน เดือน 4 ทางสุริยคติ แต่เป็นเดือน 5 ทางจันทรคติ ใช้มาจนถึง พ.ศ. 2483 จากนั้นวันที่ 1 มกราคม 2484 จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่แบบสากลนิยมปีแรกของไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 และทรงใช้คำว่า “ปฏิทิน” แทน “ประติทิน” มาโดยตลอด ลงไว้ในประกาศวิธีนับวัน เดือน ปี ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2455
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
TMA ผนึกมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์ฯ จัดงาน STI Forum 2019
TMA ผนึกกำลังมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ ประกาศรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น พร้อมจัดสัมมนา STI Forum 2019 “แปลงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ธุรกิจ”
นายสัตวแพทย์ รุจเวทย์ ทหารแกล้ว ประธานกรรมการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ จับมือร่วมกันจัดงานประกาศผลรางวัลพระราชทานนักเทคโนโลยีดีเด่น และงานสัมมนาเชิงวิชาการ Outstanding Technologist Awards and STI Forum 2019 ภายใต้หัวข้อ Turning Science & Technology into Business เพื่อเชิดชูเกียรติและแสดงความยินดีต่อนักเทคโนโลยีไทยที่สร้างผลงานด้านการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผลักดันให้ผลงานวิจัยได้เชื่อมโยงไปสู่ตลาดธุรกิจได้อย่างแท้จริง
“ขณะที่ในปี 2562 นี้มีโครงการของนักเทคโนโลยีรวมทั้งสิ้น 62 โครงการ แบ่งเป็น โครงการนักเทคโนโลยีดีเด่น 41 โครงการ และโครงการนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่จำนวน 21 โครงการ โดยคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยี ที่สามารถนำไปใช้ในทางปฏิบัติหรือเชิงพาณิชย์ที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้โครงการรางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น และนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ใช้ “เรือใบซุปเปอร์มด” ซึ่งเป็นผลงานของพระองค์ท่านที่แสดงถึงการพัฒนาการให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานที่เป็นเลิศ เป็นแบบฉบับกระบวนการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างครบวงจร โดยนักเทคโนโลยีดีเด่น จะได้รับประติมากรรมเรือใบซุปเปอร์มด และนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่จะได้รับเหรียญเรือใบซุปเปอร์มดอีกด้วย”
ทั้งนี้งานสัมมนา “Outstanding Technologist Awards and STI Forum 2019” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นเวทีคุณภาพด้านนวัตกรรมระดับโลก เนื่องจากวิทยากรล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศที่ประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ใหม่ๆ
ด้านนางสาววรรณวีรา รัชฎาวงศ์ กรรมการบริหาร สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวว่า นอกจากการร่วมแสดงความยินดีและเชิดชูเกียรติของนักเทคโนโลยีดีเด่น และนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่แล้ว เรายังเป็นอีกหนึ่งองค์กรหลักที่ช่วยผลักดันให้นักเทคโนโลยีลุกขึ้นมานำเสนอไอเดียและต่อยอดงานวิจัยให้สามารถวางสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ได้ เพราะเรามุ่งเน้นให้ความสำคัญและสร้างประโยชน์อันเกิดจากความร่วมมือและการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Tech Transfer) จากหน่วยงานวิจัยไปสู่ภาคธุรกิจ อีกทั้งเป็นพื้นที่เชื่อมโยง (Network Platform) ระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคการศึกษาอีกด้วย”
นอกจากนี้ภายในงาน สมาคมฯ โดยกลุ่มบริหารเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology Innovation Management Group: TMA-TIMG) เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำระดับโลก มาร่วมแบ่งปันแนวคิด ประสบการณ์การพัฒนาและต่อยอดงานวิจัยทางด้าน STI ให้สามารถตอบสนองความต้องการของโลกธุรกิจ ถ่ายทอดกรณีศึกษาการทำงานอย่างเชื่อมโยงจากหลายภาคส่วน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ค้นหางานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการแข่งขันทางธุรกิจ
“กลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้าร่วมงาน ได้แก่ ผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคการศึกษา ที่เห็นความสำคัญของการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในองค์กร รวมทั้งบุคลากรที่สนใจด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตลอดจนกลุ่มสตาร์ทอัพ (Startups) รวมถึงผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งจะสามารถช่วยต่อยอดไอเดียจากห้องทดลองสู่ความสำเร็จเชิงพาณิชย์ได้อย่างแท้จริง” นางสาววรรณวีรากล่าวสรุปทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,300.00 | 21,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,380.00 | 20,920.80 | 21,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,242.00 | 18,828.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,104.00 | 16,736.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 621.00 | 9,414.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 483.00 | 7,322.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,430.00 | 21,678.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/10/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.24 | 24.24 | 24.24 | 24.24 | 24.24 | – | 24.24 | 24.24 | 24.24 | 24.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.84 | 19.84 | – | – | – | – | – | 19.84 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.66 | – | – | – | 35.11 | – | 35.16 | 34.96 | – | 34.96 |
ดีเซล | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 23.69 | 23.69 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.49 | 15.49 | – | – | – | – | – | – | – | – |