ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,550.00 | 19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,266.00 | 19,192.56 | 20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,139.40 | 17,273.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 570.00 | 8,641.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 443.00 | 6,715.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,312.00 | 19,889.92 | n/a |
สคบ. เผย “ธุรกิจอสังหาฯ” ครองแชมป์ร้องเรียนมากสุด
สคบ. เผยธุรกิจอสังหาฯ ครองแชมป์ร้องเรียนมากที่สุด โดยในปี 2561 พบมีเรื่องร้องเรียน 1,183 เรื่อง คาดว่าในอีก 6 เดือนที่เหลือ คงจะมีเรื่องร้องเรียนอีกมากกว่า 1,000 เรื่อง และเมื่อดูสถิติจะพบว่าเรื่องร้องเรียนมีแต่เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2557 เรื่อยมา ส่วนใหญ่มักเป็นการร้องเรียนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อทำสัญญาซื้อขาย เมื่อถึงกำหนดโอน ไม่สามารถส่งมอบได้ ส่วนกรณีบ้านพัง ทรุด รั่ว ร้าว ซึม เป็นเรื่องรองลงมา
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2522 เป็นหน่วยงานที่รับร้องเรียนถึงความไม่ได้รับความยุติธรรมจากผู้บริโภค ซี่งที่ผ่านมามีผู้บริโภคร้องเรียนมากมายจากหลากหลายธุรกิจ และธุรกิจอสังหาฯ ถือเป็นอันดับ1 ที่มีการร้องเรียนมากที่สุด ซึ่งสคบ.ก็ช่วยดำเนินการไกล่เกลี่ยและดำเนินคดีตามกระบวนการ แม้ว่าจะเป็นหนึ่งในหน่วยงานของภาครัฐ แต่ก็มีการปรับตัวในระบบการดำเนินงานให้ทันสมัยเข้ากับยุคไทยแลนด์ 4.0
ธุรกิจอสังหาฯ แชมป์ร้องเรียนมากสุด
นายพิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยถึงนโยบายของสคบ.ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ ว่า จากการที่รัฐบาลต้องการสร้างนวัตกรรมโดยเฉพาะด้านไอที ที่สามารถตอบสนองประชาชนให้ได้รับข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สคบ.เองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ เป็นสิ่งที่จับต้องได้ แต่ก็ยังมีการหลอกลวงให้เห็นบ้าง ซึ่งเป็นในลักษณะของการให้ข้อมูลที่คลุมเครือ ไม่ครบถ้วน เช่น นำเสนอสินค้าประเภทคอนโดฯ ว่าผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พอครบกำหนดจะโอนกรรมสิทธิ์ กลับดำเนินการไม่ได้ ซึ่งถือว่าผิดสัญญา ส่วนเรื่องการร้องเรียนสำหรับธุรกิจอสังหาฯ ส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อทำสัญญาซื้อขายแล้ว แต่เมื่อถึงกำหนดโอน ไม่สามารถส่งมอบได้ ส่วนกรณีบ้านพัง ทรุด รั่ว ร้าว ซึม เป็นเรื่องรองลงมา
เผยวิธีฟ้องร้องเอาผิดจากโครงการที่ซื้อ เมื่อเจอปัญหาบ้านทรุด
จากสถิติการร้องเรียนย้อนหลังไป 5 ปี นับจากปี 2557 มีเรื่องร้องเรียน 1,716 เรื่อง ปี 2558 มีร้องเรียน 2,044 เรื่องปี 2559 มีร้องเรียน 2,301 เรื่อง ปี 2560 มีร้องเรียน 2,316 เรื่อง และ ปี 2561 ในครึ่งปีงบประมาณแรก (ตุลาคม-เมษายน) มีร้องเรียน 1,183 เรื่อง คาดว่าในอีก 6 เดือนที่เหลือ คงจะมีเรื่องร้องเรียนอีกมากกว่า 1,000 เรื่อง หากดูสถิติจะพบว่าเรื่องร้องเรียนมีแต่เพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากช่องทางการร้องเรียนมีความหลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ผู้บริโภคเข้าไม่ถึง สคบ. แต่ที่ผ่านมา สคบ.ได้มอบหมายให้ทีมอาจารย์จาก มศว.ประสานมิตรทำการสำรวจ พบว่าผู้บริโภคที่เดือดร้อนเสียหาย และมาร้องเรียนสคบ. เพียง 5% จากทั้งหมด 100% เพราะจำนวนที่เหลืองมองว่า บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อย หากร้องเรียนไปก็จะเสียเวลาและไม่คุ้มค่า ซึ่งแต่ละปี สคบ. มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งหมดประมาณ 8,000 เรื่องในหลากหลายธุรกิจ โดยธุรกิจอสังหาฯถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการร้องเรียนมากเป็นอันดับ1 อันดับ2 จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์ และอันดับ3 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสินค้าเสริมความงาม ส่วนปี 2561 นั้นคงต้องรอดูในช่วงปลายปีงบประมาณว่าใน 3 ธุรกิจดังกล่าวข้างต้น ธุรกิจไหนจะมีการร้องเรียนมากที่สุด
เปิด 2 ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาเชิงป้องกัน
ส่วนประเด็นเรื่องที่จะเข้าไปแก้ปัญหาการร้องเรียนนั้น สคบ.ได้นำเรื่องเสนอบอร์ดคณะกรรมการสคบ. ที่มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานบอร์ด ที่ได้มีคำสั่งให้แก้ไขปัญหาในธุรกิจอสังหาฯ เพราะที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯมีปัญหาที่สูงมาโดยตลอด ซึ่งก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในการแก้ไขปัญหาในเชิงป้องกัน โดยจะไม่ไปนั่งแก้ไขในเรื่องที่มาร้องเรียน สุดท้ายก็ได้ยุทธศาสตร์มา 2 ประเด็นหลัก คือ
1. มีความจำเป็นต้องไปพัฒนากฎหมายบางฉบับ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ต้องแก้กฎกระทรวง ด้านการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นอาคารชุด บ้านจัดสรร จะต้องมาแก้กฎกระทรวงให้สอดคล้องว่า สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่ให้ลูกค้าดูต้องไม่คลุมเครือ
2. พ.ร.บ.อาคารชุด จะต้องมีมาตรการกำหนดโทษเพิ่มขึ้น เช่น เรื่องของมาตรฐานสัญญา ที่ปัจจุบันมีโทษที่ต่ำเกินไป หากจำไม่ผิดโทษปรับนั้นเพียงแค่ 3,000 บาท เท่านั้น ซึ่งหากเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ดีก็ไม่ต้องกังวล
โดยธุรกิจอสังหาฯทั้งหมด อาคารชุดจะประสบปัญหาการร้องเรียนมากที่สุด ส่วนใหญ่เน้นแต่การขาย เมื่อขายหมดปรากฏว่ายังไม่ผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จึงทำให้ไม่สามารถแสดงกรรมสิทธิ์และโอนห้องชุดได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาเป็นลูกโซ่
นอกจากนี้ยังจะมีการพิจารณาว่าจะนำกฎหมายเอสโครว์ แอคเคานท์ (Escrow Account) มาใช้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งกฎหมายเอสโครว์ฯนั้นมีมานานแล้ว แต่ไม่มีใครใช้ เพราะเป็นเรื่องของภาคสมัครใจ โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอให้คณะกรรมการสคบ.รับทราบแล้ว เพราะบางประเด็นจะต้องนำมาใช้ก่อน ซึ่งสามารถร่างและทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นและออกประกาศบังคับใช้ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าการออกกฎหมายแต่ละฉบับนั้นไม่ง่าย และใช้ระยะเวลานานมาก เพราะเป็นเรื่องของการออก เพื่อกำหนดกติกา ซึ่งจะมีทั้งผู้ได้และผู้เสีย นอกจากนี้ยังจะมีการแยกน้ำดี น้ำเสีย คือผู้ประกอบการที่ดีและไม่ดี ด้วยการมอบรางวัลให้ผู้ประกอบการที่ดี ส่วนผู้ประกอบการที่เป็นน้ำเสียก็ต้องมีการประจานผ่านเว็บไซต์ของสคบ.ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจอสังหาฯรายใดบ้างที่ถูกดำเนินคดี
“ธุรกิจอสังหาฯจะมีความชัดเจนในตัวเอง เช่น ก่อสร้างไม่เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ถือว่าไม่ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งก็มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ประกอบการที่ยอมรับ กับกลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่สนใจที่จะแก้ไขเลย ส่วนการแก้ไขโดยการไกล่เกลี่ย ที่ผ่านมาพบว่าประสบความสำเร็จในสัดส่วน 50:50 ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็เข้าสู่กระบวนการของคดี เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านกฎหมาย ทำให้เสียเปรียบบริษัทที่พัฒนาโครงการ”นายพิฆเนศ กล่าว
เปิดแอปพลิเคชั่นเพิ่มช่องทางร้องเรียนเข้าถึงสคบ.
นายพิฆเนศ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันการร้องเรียนมายัง สคบ.สามารถดำเนินการได้ 3 ช่องทางหลัก คือ 1.เข้ามาร้องเรียนที่สคบ. ซึ่งมีเข้ามาวันละประมาณ 30-40 ราย 2.ร้องเรียนมาทางจดหมาย ซึ่งมีตัวเลขที่สูงกว่าเข้ามาร้องเรียนด้วยตนเอง และ3. ร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมีตัวเลขประมาณ 300 ราย/เดือน ล่าสุดเมิ่อเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา ได้เปิดแอปพลิเคชั่นเพิ่มอีก 1 ช่องทาง ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถติดตามสถานการณ์ต่างๆได้ว่า แต่ละเรื่องอยู่ในกระบวนการไหน
สำหรับประเด็นที่ร้อนแรงในขณะนี้คือประกาศเรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา หลังมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมานั้น สคบ.ดำเนินการโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงแต่อย่างใด เป็นการทำเพื่อสังคม ซึ่งก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยผลของร่างประกาศได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ซึ่งแสดงว่าช่วงระยะเวลา 2 เดือนครึ่ง ไม่มีผู้ประกอบการร้องเรียนมาแต่อย่างใด และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ที่ได้รับการคุ้มครองมากขึ้น
ยันประกาศฯ บังคับใช้ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนกรณีที่มีข่าวการวิจารณ์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค นั้น ต้องขอบอกว่าโดยพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคนั้น ให้อำนาจคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ซึ่งในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค จะมี 3 คณะด้วยกัน คือ คณะกรรมการว่าด้วยโฆษณา,คณะกรรมการว่าด้วยฉลาก และคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา มีอำนาจในการออกกฎกติกาต่างๆ ซึ่งประเด็นของประกาศเรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา นั้น กฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เป็นผู้ออกข้อกำหนด ซึ่งในกฎหมายได้กำหนดให้ดำเนินการอยู่ใน 2 เรื่อง คือ 1.ควบคุมสัญญาซึ่ง อย่างน้อยต้องมี เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค 2. เป็นข้อสัญญาที่จะควบคุม บางข้อห้ามมี เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ
ซึ่งกรรมการเห็นว่าเรื่องที่ร้องเรียนมายัง สคบ.ยังมีประเด็นอะไรบ้าง ทั้งเรื่องคิดค่าเช่าล่วงหน้า เรื่องการเก็บค่าประกันมากเกินไป หรือเก็ฐแบบไม่มีเหตุผล หรือเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟที่เก็บแพงจนเกินไป ซึ่งไม่มีเรทอัตราที่แน่นอน รวมไปถึงสัญญาที่ไม่เป็นธรรมต่างๆ ดังนั้น สคบ.จึงได้มีการร่างข้อกำหนด คือ ข้อกำหนดที่ต้องมี และข้อที่ห้ามมี เช่นเดียวกัน ซึ่งก็ไปรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็นำร่างดังกล่าวผ่านความคิดเห็นทางเว็บไซต์ของสคบ. เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560-12 มกราคม 2561 ก็มีข้อมูลที่เข้ามาสู่คณะกรรมการ สรุปแล้วร่างดังกล่าวก็ลงนามเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา และส่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งก็ให้โอกาสผู้ประกอบธุรกิจในการปรับตัว ปรับข้อสัญญาต่างๆ โดยในกฎหมายมีการระบุอย่างชัดเจนว่า มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 และต้องขอเรียนว่าคณะกรรมการมีอำนาจในการดำเนินการอย่างชอบด้วยกฎหมาย
“ในกฎหมายก็ระบุแล้วว่าก่อนจะประกาศใช้จะต้องรับฟังความคิดเห็น ซึ่งก็จัดรับความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหลาย และต้องเรียนว่ากฎหมายทุกฉบับไม่สามารถที่จะทำเหมือนร่างรัฐธรรมนูญได้ ที่จะต้องทำประชามติ ซี่งที่ผ่านมากฎกติกาตามพระราชกฤษฎีกา เรื่องการรับฟังความคิดเห็นของ สคบ.ในเรื่องของการจะออกประกาศ ออกกฎควบคุมอะไร ก็ให้ดำเนินการเช่นนี้ ซึ่งเราก็ทำตามทุกขั้นตอน” นายพิฆเนศ กล่าว
ระบุกฎหมายสามารถปรับปรุง-เปลี่ยนแปลงได้
ส่วนการประกาศยกเลิกของสัญญานั้น ไม่ใช่ออกมาเป็นฉบับแรก ซึ่งฉบับนี้น่าจะเป็นฉบับที่ 16 ก็ดำเนินการในทำนองเดียวกันทั้งสิ้น ตนในฐานะฝ่ายเลขาธิการของคณะกรรมการทั้ง 3 ฝ่าย ก็มีหน้าที่รวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลผู้บริโภค นำเสนอให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง ที่มีอำนาจในการออกกฎกติกาทั้งหลาย ก็ยืนยันว่า สคบ.ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในกานำเสนอข้อมูล คณะกรรมการได้ปฏิบัติตามหน้าที่ กรอบที่กฎหมายให้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
“กติกาที่อกมาถ้ามีบุคคลหรือคณะบุคคลใดก็แล้วแต่ เห็นว่ามีข้อขัดข้อง หรือข้อบังคับอาจจะปฏิบัติได้ หรือไม่ได้ สคบ.ในฐานะเป็นฝ่ายเลขาฯก็น้อมรับข้อมูลทั้งหมด พร้อมกับที่จะนำเสนอคณะกรรมการถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น กฎหมายก็สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นได้ ตามความเหมาะสมตามบริบทของสังคม ที่อยู่ด้วยกัน เราไม่สามารถออกกฎกติกาใด กติกาหนึ่ง ที่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสิทธิทุกอย่างเด็ดขาด โดยให้อีกฝ่ายล้มหายตายจาก โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นห่วงโซ่ของการดำเนินธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจก็ต้องดูแลผู้บริโภค”นายพิฆเนศ กล่าว
นายพิฆเนศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่มีผู้ประกอบธุรกิจรายใดมีข้อสงสัย แต่พอมีผลบังคับใช้แล้ว กลับมีข้อสงสัยมากมาย เนื่องจากกลัวบทลงโทษ ซึ่งมองว่าทั้งผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภค ต่างก็ตื่นตัว พยายามปรับตัวให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดย ณ วันนี้แม้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับแล้ว แต่ สคบ.ได้ลงพื้นที่แนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้ผู้ประกอบธุรกิจ และก็มีทั้งในส่วนของผู้บริโภคที่ต้องการให้ไปตรวจสอบการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งสคบ.พร้อมที่จะรับฟังข้อมูลทั้งหมดมานำเสนอคณะกรรมการ ก็อาจจะต้องมีการปรับตัวบทกฎหมาย ข้อกฎหมายอย่างไรให้สอดคล้องได้ ซึ่งข้อดีของกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ได้ออกเป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งเป็นเพียงประกาศโดยคณะกรรมการที่มีสิทธิ 3 ท่าน แต่ก็เป็นประกาศที่มีผลบังคับใช้และมีบทลงโทษออกมา เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการบังคับใช้
https://www.ddproperty.com
‘ศุภาลัย’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก ปี 61 รายได้-กำไรพุ่ง
บมจ.ศุภาลัย เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 / 2561 สร้างยอดขายได้สูงถึง 8,837 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 17% โกยรายได้รวม 4,655 ล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการแนวราบ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,525 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ 4 โครงการ และในจังหวัดชลบุรีและสงขลา 2 โครงการ โดยมีผลงานด้านยอดขาย 8,837 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมาจากยอดขายในส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 4,142 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 4,695 ล้านบาท อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม 4,655 ล้านบาท เติบโต 22% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 62% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 38%
บริษัทสามารถทำผลงานด้านกำไรสุทธิ 870 ล้านบาท เติบโต 27% เมื่อเทียบกับปี 2560 ด้านสินทรัพย์เติบโตขึ้น 1% ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโต 4% โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 63% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.50% ต่อปี ณ 31 มี.ค. 2561 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 41,665 ล้านบาท ณ 31 มี.ค. 2561 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2561 จำนวน 12,180 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 29,485 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทฯ มีแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง จำนวน 4 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ จำนวน 3 โครงการ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองภูมิภาค อย่างเช่นจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชลบุรี และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ เพื่อผลักดันยอดขายสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้
http://www.bangkokbiznews.com
‘สมคิด’ ร่วมงานสัมมนาครบรอบ60ปี สัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้
“สมคิด” พร้อมด้วย รมว.อุตสาหกรรม ร่วมงานครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ หารือแนวทางการลงทุน
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 61 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมงานสัมมนา Korea-thailand 60th Anniversary Of Diplomatic Relations: MAEKYUNG THAILAND FORUM ในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ โดยมี นายเพค อุน-กยู (H.E. Mr.Paik Un-gyu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน สาธารณรัฐเกาหลี ผู้บริหารเครือ MK Groups และกลุ่มนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ กว่า 180 คน เข้าร่วมสัมมนา ณ โรงแรม สยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ รัฐมนตรีอุตตมฯ ได้กล่าวปาฐกถาว่า ขณะนี้ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่ยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 คือการปรับเปลี่ยน พัฒนาศักยภาพของประเทศไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าโครงสร้างเศรษฐกิจ เสริมสร้างความแข็งแรง ความยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) พร้อมทั้งเสริมสร้างฐานการลงทุนใหม่ ที่เน้นใช้เทคโนโลยีผ่านการลงทุนด้านการค้าและอุตสาหกรรม และการขยายกำลังการลงทุนออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านและออกสู่ตลาดโลก
กระทรวงอุตสาหกรรม มีกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมเดิม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคตด้วย ได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร โดยการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายนี้ มีการจัดทำ Road Map ในการขับเคลื่อนทั้งด้านการลงทุน การเสริมสร้างพัฒนาด้านการศึกษา การพัฒนาหุ้นส่วนระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
http://www.bangkokbiznews.com
ค่าบาท’แข็งค่า’หลังราคาน้ำมันขึ้นกดดันเงินเฟ้อ
บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า ”32.07 บาทต่อดอลลาร์” ขณะที่ราคาน้ำมันปรัวตัวขึ้นสูงกดดันเงินเฟ้อไทยเป็นความเสี่ยงระยะสั้นค่างชาติลดการลงทุนในไทยและบาทยังอ่อนต่อเนื่อง
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.07บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.09 บาทต่อดอลลาร์
ในคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรลเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.12% เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปี
ปัจจัยดังกล่าวแม้จะส่งผลลบต่อหุ้นทั้วโลก แต่ก็ส่งผลบวกกับกลุ่มพลังงาน ตลาดหุ้นสหรัฐจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากความกังวลเรื่องบอนด์ยิลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้นหรือความสับสนในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ในส่วนบอนด์ไทยจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในปัจจุบันคือบอนด์ยิลด์ระยะสั้น (2ปี) นักลงทุนในประเทศพยายามลดความเสี่ยงด้วยการกลับมาถือเงินสด ขณะที่ต่างชาติก็ลดการลงทุนลงหลังจากเงินบาทอ่อนค่าลงเร็ว
ขณะที่ ตราสารหนี้ระยะยาวยังคงเป็นจุดที่เรามีความกังวล เนื่องจากยีลด์ปรับตัวขึ้นน้อย เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากและกำลังจะกดดันเงินเฟ้อในไทย จึงทำให้มีความเสี่ยงในอนาคต นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อในระยะสั้น ก็จะกดดันให้นักลงทุนต่างชาติลดการลงทุนในไทยด้วย
สำหรับวันนี้มองว่าเงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวในกรอบกว้างตามสภาพคล่องในตลาดเงินที่อยู่ในระดับต่ำ
มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.00-32.15 บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
ชมพลุริมทะเล ในงานเทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่กับ Pattaya International Fireworks Festival 2018 หรือ เทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561 ที่จะจัดหนักจัดเต็มการแสดงพลุจากหลายประเทศทั่วโลก ณ บริเวณชายหาดพัทยากลาง ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายน 2561 ตั้งแต่เวลา 18.00 เป็นต้นไป งานนี้ชมฟรี !
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ททท.สำนักงานพัทยา
เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลใหญ่แห่งปีของเมืองพัทยาเลยทีเดียว สำหรับงาน Pattaya International Fireworks Festival 2018 หรือเทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561 ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาร่วมชมหลายหมื่นคน สำหรับปีนี้ก็มีการเตรียมการจัดงานยิ่งใหญ่อีกเช่นเคย พร้อมกับกิจกรรมและการแสดงพลุสุดอลังการมากมาย
พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ โฆษกเมืองพัทยา ได้ออกมากล่าวเกี่ยวกับการจัดงาน Pattaya International Fireworks Festival 2018 ว่า เมืองพัทยากำหนดจัดงานนี้ในวันที่ 8-9 มิถุนายน 2561 ณ บริเวณชายหาดพัทยากลาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างงานเทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยาให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับประเทศ เผยแพร่ชื่อเสียงและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ออกไปสู่สายตาชาวต่างชาติ เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับเมืองพัทยาและประเทศไทย
การจัดงานเทศกาลพลุนานาชาติ เมืองพัทยา 2561 จะมีการแสดงพลุจากหลายประเทศเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไปของทุกวัน ในวันแรกนั้นจะเป็นการแสดงโชว์พลุสั้น ๆ จากประเทศต่าง ๆ และวันที่สองจะเป็นการโชว์แบบเต็มรูปแบบ ตลอดระยะเวลา 45 นาที
การเข้าร่วมชมงาน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมศิลปะภาพยนตร์และการดนตรี สำนักส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองพัทยา หมายเลขโทรศัพท์ 0 3825 3100 ต่อ 4115
เป็นอีกหนึ่งงานท่องเที่ยวของเมืองพัทยาที่ไม่อยากให้พลาด ใครที่ตั้งตารอคอยงานนี้อยู่ ก็เตรียมวางแผนการท่องเที่ยวกันไว้ได้เลย ปีนี้ได้ดูการแสดงพลุที่สวยงามตระการไปแพ้ปีอื่น ๆ แน่นอน 🙂
https://travel.kapook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 18/05/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 18/05/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
29.65
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
– |
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.34 | 21.34 | – | – | – | – | – | 21.34 | 21.34 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 | 29.38 |
เบนซิน 95 | 36.76 | – | – | – | 37.21 | – | 37.26 | 36.76 | 36.76 | 36.76 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
29.39
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 32.39 | 32.39 | 32.39 | 32.39 | 32.39 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 | 17 May 05:00 |