เทรนด์มิกซ์ยูสไซส์เล็ก รับที่ดินจิ๋วติดรถไฟฟ้า
ในช่วงหลายปีมานี้ ผู้ประกอบการโครงการเชิงพาณิชย์หลายรายประกาศพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ใหม่ๆ ในรูปแบบ “มิกซ์ยูส” ที่ผสมผสานหลายอสังหาริมทรัพย์เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงาน พื้นที่รีเทล โรงแรม หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งโครงการมิกซ์ยูสส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโครงการบนพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่า 10 ไร่ขึ้นไป เพื่อให้การจัดองค์ประกอบส่วนผสมของอสังหาริมทรัพย์มีความลงตัว
ทำไมต้อง “มิกซ์ยูส”
หากกล่าวเฉพาะการพัฒนาบนพื้นที่ขนาดใหญ่ การสร้างองค์ประกอบการที่มีความหลากหลายจะช่วยส่งเสริมกันและกันได้ดี ให้คนที่อยู่ในพื้นที่นี้ใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงานก็มีบริษัทที่มาเช่า มีคนทำงาน ซึ่งถ้ามีอาคารสำนักงานอย่างเดียว จะขาดสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้กับคนทำงาน แต่ถ้ามีพื้นที่รีเทลเข้ามาเสริมด้วย คนที่ทำงานในอาคารสำนักงาน ก็สามารถใช้ชีวิตอีกส่วนหนึ่งที่นอกเหนือจากการทำงานได้ บริษัทที่จะมาเช่า ก็จะประเมินแล้วว่า อาคารสำนักงานเหล่านี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ พร้อมรองรับความต้องการให้กับกลุ่มพนักงาน ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดให้คนอยากมาเช่า ในทางกลับกัน ผู้ที่ทำพื้นที่รีเทล ก็จะได้ลูกค้าที่แน่นอนจากทางอาคารสำนักงาน
เทรนด์ใหม่ “มิกซ์ยูสขนาดเล็ก”
นอกจากการพัฒนาโครงการในแบบมิกซ์ยูสบนพื้นที่ขนาดใหญ่แล้ว ปัจจุบันพื้นที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ราวๆ 5 ไร่บนทำเลใจกลางเมือง หากจะนำมาพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์ก็เริ่มเห็นการพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูสด้วยเช่นกัน แต่อาจจะเป็น “มิกซ์ยูสขนาดเล็ก” มีส่วนผสมที่สเกลเล็กลงมา เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันหลักๆ เพราะที่ดินใจกลางเมืองมีน้อย ผู้ที่มีที่ดินที่มีศักยภาพ และไม่ได้อยากพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อขาย ก็อาจจะมองการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์แบบที่มีมากกว่าพื้นที่รีเทล
เนื่องจากพื้นที่จำกัด ถ้าพัฒนารีเทลอย่างเดียว อาจจะพัฒนาได้เฉพาะคอมมูนิตี้มอลล์เท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลวิจัยของหลายหน่วยงาน พบว่า คอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่งในกรุงเทพฯ ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยเพราะพื้นที่ขนาดเล็ก จึงไม่สามารถจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการได้ครบ ทำให้ผู้พัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีแผนจะทำคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ๆ ต้องหาแม่เหล็กมาดึงคนให้เข้ามาเป็นจำนวนมากให้ได้
ในมุมผู้บริโภค การแข่งขันที่เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจรีเทลทั้งแบบศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ จะส่งผลบวกกับผู้บริโภคที่จะได้สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนามิกซ์ยูสขนาดเล็ก ที่ผู้พัฒนาได้นำส่วนผสมใหม่ๆ เข้ามา เช่น พื้นที่โค-เวิร์คกิ้ง สเปซสำหรับคนทำงาน พื้นที่รีเทลที่มีบริการครบในพื้นที่จำกัด
ปัจจุบันจะเห็นโครงการลักษณะนี้เริ่มเกิดขึ้นอย่างเช่น โครงการซัมเมอร์ฮิลล์ (Summer Hill) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท บูทิค พระโขนง วัน จำกัด ในเครือบริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มิกซ์ยูสแห่งใหม่ที่มีทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ และในอนาคตจะมีส่วนของอาคารสำนักงานด้วย ตั้งอยู่บริเวณ ซ.สุขุมวิท 46 ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง จากการจัดองค์ประกอบที่ลงตัว ทำให้โครงการซัมเมอร์ฮิล (Summer Hill) ได้รับรางวัล Special Recognition for Community Retail จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2561
อย่างไรก็ตาม เมื่อโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ ที่ดินใกล้รถไฟฟ้าก็มีทางเลือกในการพัฒนามากขึ้น ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นคอนโดมิเนียมอย่างเดียว โรงแรมอย่างเดียว หรือคอมมูนิตี้มอลล์อย่างเดียว แต่ทุกอย่างสามารถผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนที่หลากหลายได้มากขึ้น คนที่ต้องการหาที่กิน ที่พักผ่อน แฮงเอาท์ดีๆ ก็มีทางเลือกมากขึ้นเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
กรมทางหลวงอัดแสนล.ลุยโครงข่ายใหม่ พ.ย.ประมูลมอเตอร์เวย์มหาชัยแก้รถติดโซนใต้
กรมทางหลวงเร่ง 156 โครงการ ทะลวงเบิกจ่ายงบประมาณปี”61 หลุดเป้ากว่า 20% ลุยโครงข่ายใหม่ปี”62 กว่า 1 แสนล้าน เชื่อมอีอีซี เขตเศรษฐกิจพิเศษ ขยาย 4 เลน ได้ผู้รับเหมาภายใน ธ.ค.นี้ จับตาประมูลโปรเจ็กต์มอเตอร์เวย์ 1.05 หมื่นล้าน “วงแหวนตะวันตก-มหาชัย” ระยะทาง 10.8 กม. แบ่ง 3 สัญญา ปีหน้าตอกเข็ม เปิดใช้ฟรีปี”64 ดึงเอกชนร่วม PPP อีก 3 โปรเจ็กต์ยักษ์ มูลค่ากว่า 1.45 แสนล้าน
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2561 กรมได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 105,620 ล้านบาท แยกเป็น รายจ่ายประจำ 6,033 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 99,586 ล้านบาท ปัจจุบันเบิกจ่ายแล้ว 79,830 ล้านบาท หรือ 75.58% รอเบิกจ่าย 24,174 ล้านบาท หรือ 22.89% ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าของรัฐบาลที่ตั้งไว้ 20.42%
“เบิกจ่ายล่าช้า ติดการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-นครราชสีมา ที่ล่าช้าจากแผน”
ปี”61 ผลักดัน 156 โครงการ
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2561 ผลักดันโครงการก่อสร้าง 156 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์ 3 สายทาง คือ บางปะอิน-นครราชสีมา, บางใหญ่-กาญจนบุรี และพัทยา-มาบตาพุด, โครงการพัฒนาทางหลวงรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ได้รับงบฯปี 2557-2561 จำนวน 12 โครงการ ระยะทาง 242 กม. วงเงิน 11,062 ล้านบาท
โครงการพัฒนาทางหลวงรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ได้รับงบฯปี 2557-2561 จำนวน 27 โครงการ ระยะทาง 334 กม. วงเงิน 26,893 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จ 12 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 14 โครงการ
โครงการก่อสร้างสะพานข้ามจุดตัดทางรถไฟ ได้รับงบฯปี 2559-2561 จำนวน 19 โครงการ วงเงิน 3,726 ล้านบาท สร้างเสร็จแล้ว 5 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 14 โครงการ
และโครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง 95 โครงการ ระยะทาง 1,270 กม. สะพาน 20 แห่ง วงเงิน 66,120 ล้านบาท ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้ว 37 โครงการ ระยะทาง 485 กม. สะพาน 3 แห่ง วงเงิน 17,150 ล้านบาท
ปี”62 ได้งบฯอู้ฟู่ 1.1 แสนล้าน
นายอานนท์กล่าวว่า ปี 2562 กรมได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 117,138.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 11,518 ล้านบาท โดยประมาณ 80% เป็นงบฯลงทุนโครงการใหม่ ประกอบด้วย โครงการแผนบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ 69,816 ล้านบาท หรือ 60% แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 24,793 ล้านบาท หรือ 21%
แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษอีอีซี 9,802 ล้านบาท หรือ 8% และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 4,647 ล้านบาท หรือ 4% แผนงานพัฒนาบุคลากรภาครัฐ 4,961 ล้านบาท หรือ 4% แผนบูรณาการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค 2,000 ล้านบาท หรือ 2% และแผนงานยุทธศาสตร์การเสริมสร้างให้คนมีสุขภาวะที่ดี 1,100 ล้านบาท หรือ 1%
เท 2.4 หมื่น ล.เร่งมอเตอร์เวย์
มีโครงการสำคัญ เช่น งบฯผูกพันการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน 24,006 ล้านบาท บูรณะโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างภาค 4 โครงการ ระยะทาง 82 กม. วงเงิน 1,960 ล้านบาท สร้างสะพานข้ามจุดตัดทางรถไฟ 4 แห่ง วงเงิน 1,170 ล้านบาท ก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน 38 โครงการ ระยะทาง 472 กม. วงเงิน 32,200 ล้านบาท
ก่อสร้างทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ 4 โครงการ ระยะทาง 71 กม. วงเงิน 5,130 ล้านบาท โครงการพัฒนาทางหลวงเพื่อสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ 4 พื้นที่ 6 โครงการ ระยะทาง 104 กม. วงเงิน 5,800 ล้านบาท ทางหลวงรองรับอีอีซี 13 โครงการ ระยะทาง 176 กม. วงเงิน 13,570 ล้านบาท
“ปัจจุบันกรมกำลังเร่งประมูลโครงการใหม่ในปีงบประมาณปี 2562 มีโครงการขนาดใหญ่ประมาณ 80-90 โครงการ ตอนนี้ประมูลไปได้ 80% แล้ว คาดว่าถึง ธ.ค.นี้จะประมูลและเซ็นสัญญาได้ เพื่อเร่งรัดเบิกจ่ายไตรมาสแรก”
พ.ย.เปิดประมูลยกระดับมหาชัย
นายอานนท์กล่าวอีกว่า ภายในเดือน พ.ย.นี้ คาดว่าจะออกประกาศประมูลก่อสร้างทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สายธนบุรี-ปากท่อ ช่วงแรกจากวงแหวนรอบนอกตะวันตก-เอกชัย สร้างเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร บนถนนพระราม 2 ระยะทาง 10.8 กม. วงเงิน 10,500 ล้านบาท ซึ่งได้รับงบประมาณก่อสร้างในปี 2562-2564 แล้ว
จากทั้งโครงการมีระยะทาง 75 กม. วงเงินลงทุน 89,000 ล้านบาท โดยช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 21.2 กม. อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบ PPP และทดสอบความสนใจภาคเอกชน ซึ่งจะรวมถึงงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทางตลอดเส้นทางด้วย คาดว่าจะเสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในไตรมาสแรกปี 2562
แบ่ง 3 สัญญาปีหน้าตอกเข็ม
“เฟสแรกที่จะดำเนินการ แบ่งประมูล 3 สัญญา เฉลี่ยสัญญาละ 2,500-4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าจะให้ได้ผู้รับเหมาภายใน ธ.ค.นี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างในปี 2562 แล้วเสร็จในปี 2564 มีทางขึ้น-ลง 3 จุด ที่บางขุนเทียน วัดพันท้ายนรสิงห์ และมหาชัยเมืองใหม่ ในช่วงแรกหลังสร้างเสร็จจะเปิดใช้ฟรี แต่ในอนาคตจะมีการเก็บค่าผ่านทาง หลังจากที่ได้เอกชนมาร่วม PPP ก่อสร้างและติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางแล้ว ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่ต่อเชื่อมกับทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวน ที่การทางพิเศษฯจะก่อสร้างในปีหน้าเช่นกัน จะช่วยแบ่งเบาการจราจรในพื้นที่โซนใต้ของกรุงเทพฯ และผู้ที่จะเดินทางไปยังภาคใต้”
เร่งชงลงทุน PPP อีก 3 โครงการ
นายอานนท์กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการลงทุนมอเตอร์เวย์สายใหม่ที่จะดำเนินการเพิ่มเติม มีสายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. วงเงินลงทุน 79,006 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้าง 60,716 ล้านบาท และค่าเวนคืน 18,290 ล้านบาท สร้างเป็นทางตัดใหม่ ปัจจุบันคณะกรรมการ PPP อนุมัติโครงการแล้ว โดยเปิดให้เอกชนร่วมทุนรูปแบบสัมปทาน PPP net cost เมื่อเดือน ก.ย. 2561 อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขออนุมัติจาก ครม. ตามแผนดำเนินการก่อสร้างปี 2563-2566
สายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 71.5 กม. วงเงินลงทุน 37,400 ล้านบาท อยู่ระหว่างรออนุมัติรายงานอีไอเอ และศึกษารูปแบบร่วมทุน PPP คาดว่าจะแล้วเสร็จเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 ตามแผนจะดำเนินการในปี 2564-2567
โครงการส่วนต่อขยายช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 18 กม. เงินลงทุน 29,400 ล้านบาท สร้างเป็นทางยกระดับบนถนนพหลโยธิน ปัจจุบันรออนุมัติอีไอเอ และศึกษารูปแบบร่วมทุน PPP คาดว่าจะแล้วเสร็จ เสนอกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2562
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
มารู้จักศัพท์เทคโนโลยีล้ำยุค 12 คำ เพื่อก้าวทันโลกอนาคต
เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ชีวิตของคนเราสะดวกสบายขึ้นทุกขณะ แต่ก็มาพร้อมกับความรู้และศัพท์แสงใหม่ ๆ ที่ต้องทำความเข้าใจกันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย บีบีซีจึงได้รวบรวมคำศัพท์ว่าด้วยวิทยาการล่าสุดที่ควรรู้ 12 คำ พร้อมทั้งความหมายโดยสังเขปเอาไว้ดังต่อไปนี้
Autonomous architecture
สถาปัตยกรรมอัตโนมัติ คือระบบการก่อสร้างที่ใช้หุ่นยนต์ “พิมพ์” ตัวอาคารออกมาทั้งหมด ด้วยวิธีการพิมพ์แบบสามมิติ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยลดการพึ่งพาแรงงานคนในอุตสาหกรรมการก่อสร้างลงได้เป็นอย่างมาก ทั้งช่วยให้ทำงานเสร็จได้อย่างรวดเร็ว เช่น เทคโนโลยีที่พัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (MIT) ของสหรัฐฯ สามารถสร้างผนังอาคารทรงกลมซ้อนกันหลายชั้นได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
Plane Li-Fi
ผู้โดยสารเครื่องบินคงจะคุ้นเคยกับการปรับให้อุปกรณ์สื่อสารและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ของตนเข้าสู่โหมดทำการบิน (Airplane mode) ขณะอยู่บนเครื่อง แต่อีกไม่นานเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้แสงแพร่สัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือไล-ไฟ (Li-Fi) จะช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้และท่องอินเทอร์เน็ตได้ แม้ในขณะที่เครื่องบินกำลังบินขึ้นและร่อนลงจอด
จะมีการติดตั้งหลอดไฟ LED ตรงเหนือที่นั่งผู้โดยสาร โดยหลอดไฟนี้จะกะพริบเปิดปิดอย่างรวดเร็วหลายล้านครั้งต่อวินาที จนดวงตาของมนุษย์ไม่สามารถจะสังเกตเห็นได้ สัญญาณแสงนี้จะส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่าสัญญาณไว-ไฟ (Wi-Fi) แบบเดิมนับร้อยเท่า และมีความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลสูงกว่าด้วย
ในขณะนี้บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารรายใหญ่อย่างแอร์บัส กำลังเตรียมติดตั้งระบบดังกล่าวบนเครื่องบินทุกลำ โดยผู้ใช้ต้องเสียบอุปกรณ์พิเศษเข้ากับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของตนเอง ส่วนระบบปฏิบัติการไอโอเอสเวอร์ชันล่าสุดของแอปเปิลก็มีฟังก์ชันที่รองรับระบบ Li-Fi บนเครื่องบินแล้ว
Brainjacking
ในยุคที่อุปกรณ์การแพทย์หลายชนิดถูกฝังหรือปลูกถ่ายลงในร่างกายของคนไข้โดยตรง โดยมีการออกแบบให้ควบคุมหรือชาร์ตแบตเตอรีได้ผ่านระบบไร้สาย ความสะดวกสบายเช่นนี้ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่ผู้ไม่หวังดีอาจเจาะล้วงระบบเข้ามาแย่งชิงสั่งการเสียเอง จนเป็นเหตุให้มีอันตรายถึงชีวิตได้
ความหวั่นเกรงในเรื่องนี้มีมานาน ตั้งแต่ครั้งอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดิ๊ก เชนีย์ ซึ่งรับการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจไว้ในร่างกาย เขาจะปิดการใช้งานแบบไร้สายของเครื่องไว้โดยตลอด เพราะเกรงว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่มุ่งร้ายจะใช้ช่องทางนี้ลอบสังหารเขาได้
ไม่นานมานี้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้รับการฝังอุปกรณ์กระตุ้นสมองส่วนลึก (Deep Brain Stimulation) จะถูกนักเจาะล้วงข้อมูลหรือแฮกเกอร์ลอบเข้าควบคุมโปรแกรมสั่งการของอุปกรณ์ดังกล่าว แล้วใช้โปรแกรมนั้นทำให้เกิดความเจ็บปวด แรงสั่นสะเทือน หรือแม้แต่เปลี่ยนพฤติกรรมของคนผู้นั้นได้ เสมือนปล้นชิงการควบคุมสมอง หรือ Brainjacking นั่นเอง
ตามปกติแล้ว อุปกรณ์กระตุ้นสมองส่วนลึกจะส่งสัญญาณไฟฟ้าให้เซลล์ประสาทสมอง เพื่อรักษาโรคอย่างพาร์คินสัน และกำลังมีการทดลองใช้เพื่อรักษาโรคซึมเศร้า อาการทางจิต-ประสาท รวมทั้งความผิดปกติทางพฤติกรรมอื่น ๆ ด้วย
Platooning
ขบวนรถบรรทุกกึ่งอัตโนมัติเริ่มปรากฏโฉมตามถนนสายต่าง ๆ ในหลายประเทศแล้ว โดยระบบเซนเซอร์จะช่วยให้รถบรรทุกหลายคันซึ่งไม่ได้ต่อพ่วงกัน และมีคนขับนำในรถคันหัวขบวนเท่านั้น สามารถเคลื่อนที่ตามกันไปได้อย่างไม่ขาดตอน คาดว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดการจราจรติดขัด และประหยัดน้ำมันลงได้ราว 10%
Machine bias
อคติของเครื่องกลนั้นเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในหลากหลายวงการ ซึ่งอัลกอริทึม (Algorithm)ที่เอไอได้จากการเรียนรู้ข้อมูลมหาศาล ถูกนำไปใช้ประมวลผลเพื่อตัดสินใจเลือกนโยบายทางธุรกิจและการลงทุน, วินิจฉัยโรคมะเร็ง, จับผิดกรณีฉ้อโกงทางการเงิน, พิจารณาคดีในศาล ไปจนถึงให้คำแนะนำเรื่องดนตรีและบันเทิงมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม วิจารณญาณของเครื่องกลอย่างเอไอก็ไม่สามารถหนีพ้นความบกพร่องที่มากับการป้อนข้อมูลที่ไม่สมดุล และการเขียนโปรแกรมโดยมีอคติแต่แรกเริ่มได้
แคเธอรีน เฟลตเชอร์ ผู้ประสานงานหน่วยวิจัยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดบอกว่า “หากมีอคติเจือปนเข้าไปในระบบระยะเริ่มแรกเพียงเล็กน้อย ความลำเอียงในการประมวลผลและตัดสินใจของเอไอจะถูกขยายให้รุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนครั้งที่มีการเรียนรู้เพิ่มและแก้ไขปรับปรุงรหัสโปรแกรมในภายหลัง”
Crowdturfing
หลายคนคงเคยได้ยินว่ามีการจ่ายเงินจ้างให้บุคคลทั่วไปเขียน “รีวิว” ติชมธุรกิจหรือบริการต่าง ๆ ด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงลงในเว็บไซต์ยอดนิยมอย่าง TripAdvisor หรือ Yelp เพื่อหวังขจัดคู่แข่งและเพิ่มความนิยมให้กิจการของตนเอง
พฤติกรรมเช่นนี้เรียกว่า Crowdturfing ซึ่งมีที่มาเดียวกับคำว่า Crowdsourcing ที่หมายถึงการระดมมวลชนมาเพื่อแสดงพลังสนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่งบนโลกออนไลน์นั่นเอง
แต่ทว่าการจ่ายเงินจ้างคนจำนวนมากมาเพื่อปั่นกระแสในประเด็นใดประเด็นหนึ่งนั้น นับว่าไม่อาจจะทำได้ง่าย ๆ จึงมีผู้นำเทคโนโลยีเอไอเข้ามาช่วยสร้างความเห็นติชมปลอมในปริมาณมาก เพื่อปล่อยให้แพร่ไปในโลกออนไลน์ โดยความเห็นเหล่านี้ดูน่าเชื่อถือจนยากจะแยกแยะได้ว่าอะไรจริงหรือเท็จกันแน่
AI Cyber-attacks
การใช้เอไอโจมตีทางไซเบอร์กำลังเป็นประเด็นที่น่าหวั่นเกรงอย่างยิ่ง โดยโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์เริ่มถูกนำมาใช้ให้เรียนรู้ระบบความปลอดภัยขององค์กรต่าง ๆ เพื่อมองหาจุดอ่อนเข้าโจมตีเจาะล้วงเอาข้อมูลสำคัญ หรือแม้แต่ใช้หาทางแพร่มัลแวร์เรียกค่าไถ่
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า อาจจะมีการใช้แช็ตบ็อต (Chatbot) ซึ่งที่จริงเป็นเอไอที่มีความซับซ้อนสูง เข้าล่อลวงเอาข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเช่นความลับของธนาคารได้
อย่างไรก็ตาม เราสามารถจะใช้เอไอให้เรียนรู้หาจุดบกพร่องของระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันระบบจากอาชญากรได้เช่นเดียวกัน ทำให้สถานการณ์ในทุกวันนี้กลายเป็น “การแข่งขันสะสมอาวุธ” ระหว่างผู้ใช้เอไอฝ่ายเจาะล้วงและฝ่ายป้องกันไป
Computer Hallucinations
การมองเห็นผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์วิชันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อประเด็นนี้เข้ามาเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของมนุษย์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติกำลังมาแรง
แม้ระบบนี้จะช่วยให้เครื่องกลมองเห็นและแยกแยะวัตถุต่าง ๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติหลบหลีกสิ่งกีดขวาง อ่านสัญญาณจราจร และถอยเข้าจอดเองได้ แต่บ่อยครั้งคอมพิวเตอร์ก็เกิดอาการเห็นภาพหลอน (Hallucination) โดยมองเห็นและประมวลผลผิดพลาดได้
นักวิจัยบางกลุ่มได้พิสูจน์แล้วว่า การเปลี่ยนพื้นผิวของวัตถุ หรือเติมสีสันลวดลายบางอย่างลงไปในรูปทรงต่าง ๆ สามารถหลอกคอมพิวเตอร์ให้เข้าใจผิดได้ เช่นที่โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ของกูเกิลเคยมองเห็นหุ่นจำลองสามมิติรูปเต่าเป็นปืนไรเฟิลมาแล้ว ซึ่งข้อผิดพลาดนี้สร้างความกังขาต่อความน่าเชื่อถือของระบบรถยนต์อัตโนมัติอย่างมากทีเดียว
Internet of ears
ระบบ “หูอินเทอร์เน็ต” อย่าง Alexa หรือ Google Home จะทำให้เราใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในครัวเรือน เช่น ฝักบัวอาบน้ำ เตาไมโครเวฟ รถยนต์ และกระจกแต่งตัวได้ เพียงใช้เสียงสั่งการเท่านั้น
mHealth
ระบบติดตามดูแลสุขภาพแบบเคลื่อนที่หรือ mobile health กำลังมีแนวโน้มจะเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยอุปกรณ์สวมใส่ติดตัวอย่าง FitBits หรือนาฬิกาแอปเปิลวอตช์ ไม่เพียงแต่จะบันทึกและส่งข้อมูลสุขภาพรวมทั้งความเคลื่อนไหวขณะออกกำลังกายให้แพทย์ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้แพทย์เข้าถึงข้อมูลสุขภาพของแต่ละคน เพื่อการวินิจฉัยโรคและปรับเปลี่ยนการรักษาได้ทุกที่ทุกเวลา
Plastic ocean barriers
เครื่องกั้นขยะพลาสติกในมหาสมุทร ถือเป็นประดิษฐกรรมใหม่ที่ตอบรับการแก้ปัญหาขยะล้นโลกได้เป็นอย่างดี โดยมูลนิธิเพื่อการทำความสะอาดมหาสมุทร (Ocean Cleanup Foundation) ได้นำเครื่องกั้นนี้มาใช้เพื่อกวาดต้อนเอาแพขยะปริมาณมหาศาลในมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าฝั่งเพื่อกำจัดและรีไซเคิลต่อไป
Qi
ในปีนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถชาร์จไฟผ่านระบบไร้สายได้ จะถูกนำออกวางตลาดกันมากมายหลายชิ้น เช่นแท่นชาร์จ AirPower ที่ใช้กับไอโฟนรุ่นล่าสุด ซึ่งทางแอปเปิลเลือกใช้เทคโนโลยีตามมาตรฐาน Qi wireless charging ที่ใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟในแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ได้
มีการขานรับระบบแท่นชาร์จไร้สายของ Qi กันอย่างกว้างขวาง เช่นร้านแมคโดนัลด์ 1 พันสาขาทั่วสหราชอาณาจักร จะติดตั้งแท่นชาร์จดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ส่วนผู้ผลิตรถยนต์อย่างฟอร์ด บีเอ็มดับเบิลยู โตโยต้า และโฟล์กสวาเกน ก็เตรียมจะติดแท่นชาร์จ Qi ในรถยนต์รุ่นใหม่ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก bbc.com
อาการหวัดจะรุนแรงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแบคทีเรียในจมูก
แม้จะทราบกันดีว่าไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส แต่ผลวิจัยล่าสุดของแพทย์ในสหรัฐฯ กลับพบว่า เชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในจมูก มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับระดับความรุนแรงของอาการหวัดที่เกิดขึ้นในแต่ละคนด้วย
การที่แต่ละคนมีสภาพของชีวนิเวศจุลชีพ หรือ ไมโครไบโอม (Microbiome) ในจมูกแตกต่างกัน ซึ่งหมายถึงการมีองค์ประกอบของจุลินทรีย์ในจมูกในชนิดและสัดส่วนที่ไม่เหมือนกัน มีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของอาการหวัดที่เกิดขึ้นแตกต่างกันออกไป
ตัวอย่างเช่นคนที่มีแบคทีเรียชนิดสตาฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus) อยู่มาก จะมีแนวโน้มเกิดอาการหวัดที่จมูกรุนแรงกว่าคนอื่น ๆ ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน
ทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ ตีพิมพ์รายงานการวิจัยข้างต้นลงในวารสาร Scientific Reports โดยระบุว่าได้ค้นพบลักษณะของชีวนิเวศจุลชีพในจมูก 6 แบบ จากกลุ่มตัวอย่าง 152 คน ซึ่งแต่ละแบบมีความสัมพันธ์กับปริมาณไวรัสในร่างกายขณะที่ป่วยว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ทั้งยังเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันร่างกายว่าจะต่อต้านไวรัสโรคหวัดได้ดีเพียงใดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ศ. นพ. โรนัลด์ เทอร์เนอร์ ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเชื้อแบคทีเรียในจมูกมีบทบาทควบคุมอาการหวัดโดยตรงหรือไม่ เพราะสิ่งที่ค้นพบเป็นเพียงความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันเท่านั้น “อาจจะมีปัจจัยบางประการในตัวผู้ติดเชื้อเช่นพันธุกรรม เป็นสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ ซึ่งพันธุกรรมอาจจะส่งผลให้มีเชื้อแบคทีเรียบางชนิดอยู่มากในจมูก และในขณะเดียวกันยังกำหนดประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกันไปพร้อมกันด้วย”
ทีมผู้วิจัยซึ่งได้รับทุนสนับสนุนบางส่วนจากบริษัท DuPont หนึ่งในผู้ผลิตจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์รายใหญ่ ยังได้ทำการทดลองเพื่อดูว่าการดื่มเครื่องดื่มโพรไบโอติกส์ซึ่งอุดมไปด้วยแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จะมีส่วนช่วยบรรเทาอาการหวัดได้หรือไม่ แต่ผลปรากฏว่าการบริโภคโพรไบโอติกส์ไม่ได้ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดี ทั้งในระบบทางเดินอาหารและในจมูกแต่อย่างใด
“ต่อให้เราเอาเชื้อโพรไบโอติกส์ฉีดพ่นเข้าไปในจมูกโดยตรง ก็ยังไม่แน่ว่าจะช่วยรักษาอาการหวัดได้ กลไกการทำงานของระบบชีวนิเวศจุลชีพไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น และเรายังต้องศึกษาเพิ่มเติมกันอีกมาก” ศ. นพ. เทอร์เนอร์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก bbc.com
7 เคล็ดลับสำหรับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางคนเดียว
“จะไปเที่ยวนู้นคนนี้ก็ไม่ว่าง จะไปเที่ยวนั้นคนนั้นก็ไม่ว่าง สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนสักที” เป็นความคิดของใครๆหลายคนที่ต้องการชวนเพื่อนไปเที่ยว พอเจอบ่อยๆก็เริ่มไม่อยากชวน อยากลองท่องเที่ยวคนเดียวบ้าง การที่ไปเที่ยวคนเดียวนั้นมีข้อดีคือ อิสระมาก ไม่ต้องมัวมารอ ตัดสินใจอยากทำอะไรก็ลุยเลย ที่สำคัญทำให้ได้ลองสัมผัสพูดคุยกับคนอื่นๆที่ไม่ใช่เพื่อนตัวเองความสนุกแบบไปคนเดียวจะเป็นอีกอารมณ์นึงเลย แต่ไปเที่ยวคนเดียวต้องทำอย่างไรต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง วันนี้จึงมีเคล็ดลับนำมาฝากเพื่อนๆกัน
1. การบอกให้โลกรู้
ควรบอกครอบครัวหรือเพื่อนไว้ด้วยว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เผื่อเกิดอะไรขึ้น หรือติดต่อไม่ได้ ทางบ้านจะได้รู้ว่าควรจะเริ่มตามหาจากมุมไหนของโลก
2. การหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่คุณจะไป
การหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องการไป จะทำให้สะดวกต่อการท่องเที่ยวมากขึ้นหาร้านอาหารอร่อยๆได้ง่ายขึ้น สามารถคำนวณเวลาและกำหนดการต่างๆได้ และจะได้รู้ว่าแหล่งที่ไปนั้นมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
3. การหาที่พัก
สิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับต้นๆสำหรับการท่องเที่ยวก็คือ ที่พัก เพราะถ้าไปเที่ยวแล้วไม่มีที่พักคงจะลำบากแน่นอน ควรหาที่พักในย่านที่ปลอดภัย และเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ถ้าเราไม่ชอบที่จะคุยกับใคร ก็แนะนำให้จองโรงแรมทั่ว ๆ ไปแต่ถ้าหากเรารู้ตัวว่าชอบพูดคุยกับคนอื่น ชอบหาเพื่อนใหม่ๆ ที่พักแบบ HOSTEL จะเป็นทางเลือกที่ตรงกับความต้องการของเรา
4. วางแผนการเงินให้ดี
เมื่อเราตัดสินใจได้ว่าทริปนี้จะไปเที่ยวคนเดียวแน่นอน ควรจะวางแผนเกี่ยวการใช้จ่าย คำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าช้อปปิ้ง ค่าอาหาร และที่สำคัญ อย่าลืมสำรองเงินไว้ในยามฉุกเฉิน ส่วนเงินควรกระจายไว้หลายๆส่วน อาจจะหากระเป๋าเงินเล็กๆใส่ติดตัวไว้ที่เหลือซ่อนไว้หลายๆที่เช่นกระเป๋าเสื้อผ้าและอย่าฝากกระเป๋าฝากกล้องไว้กับคนอื่นมีโอกาสโดนล้วงโดนขโมยสูง
5. เตรียมอุปกรณ์สื่อสารให้ดี
โทรศัพท์สมัยนี้นอกจากโทรหากันได้แล้วยังสามารถหาข้อมูลท่องเที่ยวหรือสิ่งที่น่าสนใจต่างๆได้ เตรียมที่ชาร์จมือถือ เพาเวอร์แบงค์ ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และถ้าไปเที่ยวต่างประเทศ เราควรซื้อแพ็คเกจโรมมิ่งหรือใช้บริการพ็อคเก็ตไวไฟ ที่เปิดจำหน่ายในประเทศที่เราต้องการไป เพื่อจะได้ติดต่อสือสารได้
6. ท่องราตรีอย่างมีสติ
การไปเที่ยวคนเดียวไม่ใช่ว่าไม่ควรเที่ยวกลางคืน แต่ควรพยามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มมึนเมาหรือถ้าดื่มก็ควรอย่าให้เมา เพราะถ้าดูแลตัวเองไม่ได้อาจเกิดอันตรายตามมาการมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อคุณเดินทางคนเดียว
7. เตรียมอุปกรณ์บันทึกเรื่องราวการท่องเที่ยว
อาจจะพกกล้องหรือใช้กล้องโทรศัพท์เพื่อไปเก็บภาพความประทับใจบันทึกภาพประสบการณ์ต่างๆในทริป เพื่อว่าเมื่อเรากลับไปจะได้มีภาพความประทับใจมีเรื่องราวไปบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนอื่น อาจไปแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวลงในบล็อคหรือลงพันทิฟ เพื่อได้เพื่อนพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกับคนที่ชอบท่องเที่ยวเหมือนกัน นอกจากจะสนุกแล้ว ยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคนอื่นอีกด้วย
การเที่ยวคนเดียวปัญหาที่พบเจอคือความเหงาและการกินข้าวคนเดียว สิ่งนี้ควรเตรียมใจไว้ได้เลยว่ามันต้องมีช่วงเวลาเหงาๆแน่ โดยเฉพาะเวลาที่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารร้านกาแฟแล้วรอบตัวก็มีแต่กลุ่มคู่รักเห็นแล้วอิจฉา วิธีแก้เหงา คือ พยายามหาเพื่อน โดยการพกพารอยยิ้มไว้บนใบหน้าเสมอ และต้องกล้าชวนคนแปลกหน้าพูดคุย(ต้องเลือกคนด้วยถ้าหน้าตาน่ากลัวก็มองผ่านไป ต้องเชื่อสัญชาตญานตัวเอง)หรือจะพยายามชวนคนในโฮสเทลไปกินข้าวด้วยกัน อีกวิธีแก้เหงาง่ายก็คือ การอ่านหนังสือ ดูหนัง คุยกับที่บ้านไปและที่สำคัญที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ความเหงามันอยู่นานเกินไปเพราะมันจะพลอยทำเราหมดสนุกเสียเปล่าๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก checkinchill.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 18,950.00 | 18,850.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,450.00 | 18,510.36 | 1,221.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,177.40 | 1,265.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,659.32 | 1,098.90 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,808.29 | 976.80 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,322.84 | 549.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,473.32 | 427.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 | 30.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 | 30.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.44 | 27.44 | 27.44 | 27.44 | 27.44 | – | 27.44 | 27.44 | 27.44 | 27.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.44 | 21.44 | – | – | – | – | – | 21.44 | 21.44 | – |
เบนซิน 95 | 37.56 | – | – | – | 38.01 | – | 38.06 | 37.86 | 37.66 | 37.86 |
ดีเซล | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 | 29.89 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.89 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | 33.76 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.73 | 15.73 | – | – | – | – | – | – | – | – |