สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2562

เปิดกลยุทธ์ ‘ดิ ออริจิ้น’ สร้างแบรนด์เจาะ New Entry

เพียง 10 ปี บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ไต่ระดับเข้าสู่ทำเนียบบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 1 ใน 5 อันดับแรก จากแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนคือพัฒนาคอนโดมิเนียมตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า โดยเน้นบุกเบิกตลาดบลูโอเชียน ทำเลที่มีศักยภาพแต่คู่แข่งยังไม่มาก

ถึงวันนี้ออริจิ้น วางแผนเขย่าตลาดคอนโดมิเนียมครั้งใหม่ บุกแมสคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีอัตราการดูดซับที่น่าสนใจ โดยในปี 2561 การดูดซับอยู่ที่ประมาณ 72,000 ล้านบาท ดังนั้นการบุกครั้งนี้บริษัทได้ปั้นแบรนด์ “ดิ ออริจิ้น” ให้เป็นไฟติ้งแบรนด์ จับลูกค้ากลุ่มที่เพิ่งจบการศึกษาและเริ่มทำงาน หรือกลุ่ม entry level อายุระหว่าง 22-28 ปี ที่ต้องการคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังแรก

นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า บริษัทเคยทำตลาดแมสคอนโดมิเนียมในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ คาบาน่า, ทรอปิคาน่า และบีลอฟท์ ก่อนจะหันไปรุกตลาดไฮเอนด์อย่างในปัจจุบัน เมื่อมีแนวคิดจะทำตลาดนี้อีกครั้งก็ต้องการขมวดแบรนด์ที่มีทั้งหมดให้มีเพียงแบรนด์เดียว เพื่อให้การสื่อสารเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายมีความชัดเจน จึงสร้างแบรนด์น้องใหม่ ดิ ออริจิ้น ขึ้น

อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ

แนวทางการทำตลาดของแบรนด์ ดิ ออริจิ้น จะชูแนวคิดความเข้าใจลูกค้า (empathy) เป็นแกนหลักในการออกแบบสินค้า และงานบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย

“ในตลาดไฟติ้ง แบรนด์ ปกติบริษัทผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมจะมองที่กรอบของห้อง และฟังก์ชันจะใส่อะไรลงไป แต่วันนี้ทีมดีไซเนอร์ของออริจิ้น เปลี่ยนวิธีคิดการออกแบบใหม่ ให้ความสำคัญกับจุดเล็กๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเจนวาย และเจนซี อย่างเช่น จะมีปลั๊กไฟชาร์จมือถือที่หัวเตียง หรือที่วางมือถือในห้องนํ้า ด้านบริการ เช่น แม่บ้าน จะเป็นบริการระดับโฮเต็ล เซอร์วิส ที่จะมีในคอนโดฯระดับไฮเอนด์ ทำให้การอยู่คอนโดดีขึ้นประมาณนี้”

สำหรับการบุกตลาดจะเริ่มช่วงครึ่งปีหลังนี้ วางแผนเปิดขาย 6 โครงการ 6 ทำเล มี สุขุมวิท, พหลโยธิน, รามอินทรา, รามคำแหง, รัชดาฯ และลาดพร้าว โดยตั้งราคาขายอยู่ระหว่าง 7 หมื่น-1 แสนบาทต่อตารางเมตร 

โครงการแรก ดิ ออริจิ้น รามคำแหง 209 ย่านมีนบุรี ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีที่เป็นจุดตัดรถไฟฟ้า 2 เส้นคือ สีชมพูและสีส้ม อนาคตถ้าจะเดินทางเข้าในเมืองก็ใช้สายสีส้ม ถ้าจะออกไปแจ้งวัฒนะ เมืองทองธานี ก็ใช้สายสีชมพู ในทำเลนี้ถือเป็นบลูโอเชียน คู่แข่งมีไม่มาก การออกแบบเป็นอาคารสูง 31 ชั้น จำนวน 1,007 ยูนิต แต่มีการแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา แล้วมีแกนตรงกลาง ทำให้จำนวนยูนิตแต่ละปีกไม่รู้สึกแออัดเกินไป ด้วยการวางผังที่จัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีที่ชั้นล่าง ชั้น 27 และรูฟท็อป มีที่จอดรถ และสนามบาส ทำให้คนอยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตได้หลายจุด

“ช่วงเปิดตัวโครงการแรกวันที่ 29 มิถุนายนนี้ จะมีหนังโฆษณาแบรนด์ ดิ ออริจิ้น 1 เรื่อง และโครงการอีก 4 เรื่อง โดยดึง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้มีสีสัน เริ่มยิงเดือนกรกฎาคม และต่อเนื่องไป เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น

โฆษณาจะดึงคาแรกเตอร์ที่เป็นตัวตนของซันนี่ ที่เป็นหนุ่มเท่ สมาร์ท และเป็นคนสนุกสนาน มาสะท้อนแบรนด์ของเรา ซึ่ง ดิ ออริจิ้น เป็นแบรนด์วัยรุ่น มีความเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็อยากจะเอามาใส่กับแบรนด์ของเรา เพื่อทำให้แบรนด์นี้ดูมีชีวิตชีวา มีความสนุกและเข้ากับกลุ่มคนได้ง่ายขึ้น” นายอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย คาดการณ์นับจากนี้ตลาดแมสคอนโดมิเนียมคงมีสีสันมากขึ้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘แบรนด์หรู’ชิงธง กลางเมือง สมรภูมิเดือด

ทำเลใจกลาง เพลินจิต-ชิดลม-หลังสวน-วิทยุ-พระราม 4 สมรภูมิเดือด แบรนด์ชั้นนำ ประกาศความเป็นที่ 1 “สโคป” ชน 98 ไวเลส-ไรมอนแลนด์-เจ้าสัวเจริญ ชูออฟฟิศสุดหรู ที่คนต้องการทำงานมากที่สุด

เพลินจิต-ชิดลม-หลังสวน-วิทยุ-พระราม 4 ขึ้นชื่อชั้น ทำเลแพง ศูนย์กลางย่านช็อปปิ้ง แหล่งงาน โรงแรม คอนโดมิเนียมลักชัวรี ส่งผลให้ทั้งเวิ้ง พลุกพล่านไปด้วยสังคมไฮเอนด์ สะท้อนจากการเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องของกลุ่มทุนระดับพรีเมียมไทยและต่างชาติประกาศปักหมุดพัฒนาบิ๊กโปรเจ็กต์หรู จึงเป็นปัจจัยทำให้ราคาที่ดินขยับขึ้น สะท้อนจากราคาประเมินที่ดินใหม่ของกรมธนารักษ์ ต้องปรับตาม 

การชิงไหวชิงพริบ ของ นายทุน อย่าง บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ประกาศร่วมทุนกับ บริษัท มิตซูบิชิเอสเตท เอเชียฯ กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่นทุ่มงบ 8,800 ล้านบาท พัฒนาโครงการวัน ซิตี้เซ็นเตอร์ อาคารสำนักงานสำหรับเช่าเกรดเอ ย่านเพลินจิต ทำเลตรงข้ามห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ด้วยค่าเช่าแพงระยับ ราคา 2,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างปรับหน้าดินตอกเสาเข็ม คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดให้บริการ ในปี 2566

ขณะกลุ่มเซ็นทรัล มอบให้ทางฮ่องกงแลนด์ร่วมเนรมิตความอลังการออกแบบ โครงการมิกซ์ยูส หลังคว้าที่ดินสถานทูตอังกฤษมาครอง เรียกว่า อีก 1-2 ปีต้องจับตาว่า รูปแบบมิกซ์ยูสจะสะเทือนย่านเพลินจิตอย่างไรซึ่งแหล่งข่าวจากกลุ่มเซ็นทรัลระบุว่าไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะความเลิศหรู

ทำเลไม่ห่างกัน สถานีบีทีเอส ชิดลม “สโคป หลังสวน” ของบริษัท สโคป จำกัด โดยมี บมจ.เอสซี แอสเสท ถือหุ้นใหญ่ ออกมาตอกยํ้าแบรนด์ไฮเอนด์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ว่าเป็นโครงการแรกในประเทศไทย ที่ได้ผู้ออกแบบคอนโดมิเนียมแพงที่สุดของนิวยอร์ก คือ โทมัส ยูล-ฮันเซน ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก และได้บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับการยกย่อง มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกคือ คอห์น เพเดอร์เซนฟ็อกซ์ (เคพีเอฟ) เข้ามาช่วยดูแลให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ในส่วนงานออกแบบอาคาร ซึ่งบรรดาอาคารที่เคพีเอฟเป็นผู้ออกแบบทั่วโลกได้กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองต่างๆ ซึ่งนี่จะช่วยให้สโคป หลังสวนกลายเป็นอาคารที่พักอาศัยที่โดดเด่นในกรุงเทพมหานคร

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด กล่าวว่าสโคป หลังสวน ตั้งอยู่ในทำเลที่ดินฟรีโฮลด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ตารางวาละ 3.1 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 38 ล้านบาท ต่อหน่วยสูงสุด 250ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการหรูที่สุดในย่านนี้

“ถนนเพลินจิตเป็นถนนที่มีธุรกิจค้าปลีกสายสำคัญที่สุดของกรุงเทพฯ ต่างก็อยู่ใกล้ในระยะเดินเพียง 2 นาที ยังสามารถเดินจากสโคป หลังสวนไปเซ็นทรัล ชิดลม เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เกษร วิลเลจ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ได้สะดวกสบาย”

ขณะค่ายแสนสิริ เจ้าตลาด เพลินจิต “98 Wireless” คอนโดมิเนียมหรู ติดถนนวิทยุ ใกล้แยกเพลินจิตเจ้าแรกๆ ที่เข้ามาปักหมุดคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม เคยกล่าวไว้ว่ามีทั้งนักธุรกิจคนไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจ ราคาสูงสุด 7-8 แสนบาทต่อตารางวา ราคาต่อหน่วยสูงสุด 650 ล้านบาท ขณะนี้ยังเปิดขายอยู่ เรียกว่า แสนแพงในเวิ้งที่ว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ครึ่งปีแล้ว คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?

ครึ่งปีแล้ว คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?

ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีหลังที่คุณจะทำตามเป้าหมายที่ยังไม่ได้ทำครึ่งปีแรก โดยเฉพาะเรื่องแผนการลงทุนและแผนการจัดการภาษี
***********************คอลัมน์ตลาดนัดการเงิน โดย…บุษยพรรณ วัชรนาคา, CFP K-Expert ธนาคารกสิกรไทยกระพริบตาแว่บเดียว เวลาก็ล่วงมาจะหมดเดือน 6 แล้ว เข้าทำนองคำเปรยที่กล่าวไว้ว่า “เวลาไปผ่าน ไวเหมือนโกหก” ตั้งแต่ต้นปี หลายๆ คนน่าจะวางแผนไว้ว่าปีนี้จะทำอะไร หรือเลิกทำอะไรบ้าง วันนี้ K-Expert เลยอยากชวนคุณมาเช็คตัวเองใน 3 เรื่องการเงินว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ทำไปมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่ถ้ายังไม่ได้ทำ หรือทำแล้วยังไม่ได้ผลที่น่าพอใจ ยังมีเวลาเหลือในอีกครึ่งปีหลังสำหรับการปรับเปลี่ยน
เรื่องแรก เป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีปณิธานปีใหม่ หรือ New Year Resolution เป็นสิ่งที่หลายคนชอบทำช่วงต้นปี ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ หรือเลิกทำสิ่งเดิมๆ ที่อยากเปลี่ยน ยกตัวอย่างเช่น ในด้านสุขภาพ บางคนตั้งเป้าเรื่องการลดน้ำหนัก ตั้งใจออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หรือจะลดละเลิกอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์กับร่างกายลง ส่วนในด้านการเงิน บางคนตั้งใจกับตัวเองว่า ปีนี้จะเก็บเงินมากขึ้น หรือลดค่าใช้จ่ายบางอย่างที่คิดว่าไม่จำเป็น ให้น้อยลง เป็นต้นคำถามคือ เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้ว วันนี้คุณได้ลงมือทำตามเป้าหมายเมื่อต้นปีไว้แล้วหรือยัง?
มีลูกค้าหลายท่านที่เคยมาปรึกษากับ K-Expert ไม่ว่าจะทาง e-mail หรือแวะคุยกับเจ้าหน้าที่ เพื่อวางแผนการเก็บเงินตามเป้าหมาย ส่วนใหญ่มักจะได้รับแผนการเก็บเงินกลับไป และบ่อยครั้งที่พบว่า แผนการเงินนั้นก็จะถูกวางทิ้งไว้หรือเก็บเป็นแผ่นพิมพ์เขียว โดยยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้ คือ เป้าหมายระยะยาวมักเป็นสิ่งที่ถูกละเลยมากที่สุด โดยเฉพาะแผนเกษียณ เนื่องจากเป็นแผนที่วางกันยาวๆ บางทีสิบปี สิบห้าปี หรือยี่สิบปี การยังไม่เริ่มทำวันนี้ ยังไม่ส่งผลอะไรให้เห็น แต่อย่างไรก็ตาม เป้าหมายระยะยาว วันหนึ่งก็จะกลายเป็นเป้าหมายระยะสั้นเสมอ ดังนั้น อยากชวนคุณลองทบทวนดูหน่อยว่า เมื่อต้นปีได้เคยตั้งใจวางแผนเก็บเงินไว้อย่างไร แล้ววันนี้ผลเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ายังไม่ได้เริ่ม เริ่มกันเลยดีไหม ยังมีเวลา
เรื่องที่สอง เช็คสถานะการลงทุนสำหรับคนที่มีการลงทุนอยู่บ้างแล้ว สิ่งที่จะชวนให้ทำวันนี้คือ ลองเข้าไปเช็คสถานะการลงทุนของตัวเองกันหน่อยว่าผลกำไรหรือขาดทุนเป็นอย่างไร หุ้นหรือกองทุนที่เลือกซื้อไว้ วันนี้ตัวไหนผลงานดีหรือไม่ดีบ้างคนที่ซื้อกองทุนรวมไว้ วิธีเช็คผลการดำเนินงานก็ทำได้ไม่ยาก แนะนำให้ลองเข้าไปอ่าน fund fact sheet ที่สรุปผลตอบแทนไว้ตามช่วงระยะเวลา หากพบว่ากองทุนรวมตัวที่เราซื้อ เริ่มมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเพื่อน หรืออยู่ในช่วงที่ต่ำกว่า 50 percentile แนะนำให้คุณลองติดตามกองทุนรวมตัวนั้นๆ อย่างใกล้ชิดหน่อย หากยังเป็นแบบนี้ไปจนถึงสิ้นปี อาจต้องพิจารณาว่าจะยังคบกันอยู่ต่อไปดีหรือไม่ส่วนใครที่ลงทุนแบบจัดเป็นพอร์ต สิ่งที่ชวนให้คุณเข้าไปตรวจสอบ คือ ผลตอบแทนรวมทั้งพอร์ตนั้นยังเป็นไปตามที่ตั้งไว้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ไม่ว่าจะน้อยกว่าหรือมากกว่า อาจถึงเวลาที่คุณต้องทำการปรับสัดส่วนการลงทุนหรือ Rebalance กันสักหน่อยแล้ว วิธีการปรับสัดส่วนการลงทุนนั้น ก็เพียงแค่ขายตัวที่มี % มากเกินไป (หรือกำไรจนทำให้สัดส่วนเพิ่ม) และซื้อตัวที่ % น้อยเกินไป (หรือขาดทุนจนทำสัดส่วนลด) การ Rebalance แบบนี้จะช่วยปรับให้
สัดส่วนการลงทุนของคุณกลับมาเป็นไปตามที่ระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้นั่นเอง
เรื่องที่สาม วางแผนจัดการภาษีประเด็นนี้ค่อนข้างใกล้ตัวและพบบ่อยมากๆ โดยเฉพาะการวางแผนซื้อกองทุนรวมประหยัดภาษีต่างๆ อย่าง LTF หรือ RMF คนส่วนใหญ่มักเคยเจอประสบการณ์รอซื้อช่วงปลายปี แล้วก็พบว่าราคามักจะสูง เมื่อขึ้นปีถัดไปก็บอกตัวเองว่า ปีนี้ฉันจะทยอยซื้อเสียตั้งแต่ต้นปีดีกว่า ครั้นเมื่อถึงเวลาจริง ก็อาจลืมบ้างหรือรีรอว่าขออีกเดี๋ยว เผื่อมีช่วงราคาลง ค่อยซื้อแล้วคุณล่ะ เป็นแบบนี้บ้างไหม?หากพบว่า ผ่านไปครึ่งปีแล้ว คุณยังไม่ได้เริ่มเลือกซื้อกองทุนรวมประหยัดภาษีเหล่านี้ ทั้งที่ตั้งใจไว้ และคุณก็ไม่ได้มีเวลาติดตามสถานการณ์ลงทุนอย่างใกล้ชิดมากนัก ทางเลือกหนึ่งที่แนะนำให้ทำ คือ ใช้เครื่องมือเป็นตัวช่วย อย่างการสร้างแผนลงทุนอัตโนมัติหรือตั้งเวลาซื้อกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอเป็นรายเดือนโดยคุณอาจแบ่งเงินเป็น 2 ก้อน ก้อนหนึ่งใช้วิธีซื้อสม่ำเสมอข้างต้น ส่วนอีกก้อนหนึ่ง เผื่อไว้ทยอยลงทุนในจังหวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงก็ได้เช่นกันอ่านมาถึงบรรทัดนี้ คุณน่าจะได้คำตอบแล้วว่า ผ่านไปครึ่งปีแล้ว คุณลืมอะไรไปบ้างหรือเปล่า?ถ้าลืม ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีให้คุณได้ลงมือ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com

บัตรทองให้สิทธิ์ ยาป้องกันการติดเชื้อHIVก่อนการสัมผัสเชื้อ (PrEP)

บัตรทองให้สิทธิ์ ยาป้องกันการติดเชื้อHIVก่อนการสัมผัสเชื้อ (PrEP) thaihealth

บอร์ด สปสช.เห็นชอบ กองทุนบัตรทอง ปี 63 นำร่องสิทธิประโยชน์ “บริการยาป้องกันการติดเชื้อ HIV ก่อนการสัมผัสเชื้อ” (PrEP) ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงสูงทุกกลุ่ม ในพื้นที่ที่มีความพร้อม หลัง HITAP ประเมินผลคุ้มค่า หนุนแผนเอดส์ชาติ ลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าพันราย/ปี บรรลุเจตนารมณ์การยุติปัญหาเอดส์ปี  73นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา โดยมี ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน มีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายการบริการในสิทธิประโยชน์การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ก่อนการสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis หรือ PrEP) กลุ่มเสี่ยงสูงทุกกลุ่ม ในพื้นที่มีความพร้อม ตามที่คณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตนำเสนอนพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อ หรือ PrEP เป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันในกลุ่มประชากรเสี่ยงสูงที่มีประสิทธิผลสูง อาทิ ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ชายบริการ หญิงข้ามเพศ หญิงบริการ ผู้ใช้สารเสพติดด้วยวิธีฉีด และคู่เพศสัมพันธ์ที่มีผลเลือดต่าง ด้วยการกินยาต้านไวรัสสม่ำเสมอ ช่วยลดภาระงบประมาณด้านการรักษาผู้ป่วยเอชไอวีและโรคฉวยโอกาสที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ปี 2558 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำ PrEP เป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้กับผู้มีความเสี่ยงสูง ควบคู่ไปกับการป้องกันที่มีอยู่เดิม ประเทศไทยได้ให้บริการ PrEP ผ่านโครงการนำร่องหรือดำเนินการเฉพาะบางพื้นที่โดยการสนับสนุนหลักจากหน่วยงานต่างประเทศ แต่ยังไม่ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมดที่ผ่านมา ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์มุ่งมั่นยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 เพื่อเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอบรรจุบริการ PrEP ในสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติในปี 2560 ประกอบด้วยบริการ 2 ส่วน คือ1.บริการยาต้านไวรัส 2 รายการ ประกอบด้วย ยาต้านไวรัสทีโนโฟเวียร์ (Tenofovir Disoproxil Fumarate: TDF) และ ยาเอ็มตริไซตาบี (Emtricitabine: FCT) อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ (ก) ตั้งแต่ ปี 2561กินวันละ 1 เม็ด ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ผลิตโดย GPO ราคาขวดละ 600 บาท บรรจุ 30 เม็ด ค่ายารวมประมาณ 7,200 บาทต่อปี2.บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยมีการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีทุก 3 เดือน ตรวจการทำงานของไต (Cr) ทุก 6 เดือน ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทุก 6 เดือน ตรวจไวรัสตับอักเสบบีและซี ปีละ 1 ครั้ง และตรวจการตั้งครรภ์ทุกครั้งที่สงสัยนพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในการพิจารณาได้มอบโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) ศึกษาการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ พบว่าบริการ PrEP มีคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ใน 2 กลุ่มเสี่ยง คือ ชายมีเพศสัมพันธ์กับชายและคู่เพศสัมพันธ์ที่มีผลเลือดต่าง เมื่อประเมินความคุ้มค่าโดยพิจารณาร่วมกับเป้าหมายยุติปัญหาเอดส์ในปี 2573 การให้บริการ PrEP ในทุกกลุ่มเสี่ยงซึ่งมีประมาณ 245,000 คน นับว่ามีความคุ้มค่า เพราะสามารถช่วยลดอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ต่ำกว่า 1,000 รายต่อปีได้ แต่ทั้งนี้ต้องใช้งบประมาณ 405 ล้านบาทต่อปี     “บอร์ด สปสช.เห็นชอบนำร่องบริการ PrEP ในกลุ่มเสี่ยงสูงทุกกลุ่ม ในพื้นที่ที่มีความพร้อม โดยใช้งบประมาณกองทุนบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ปี 2563 และให้มีการวิจัยประเมินผลเพื่อติดตามความสำเร็จในการป้องกันผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพื่อเป็นข้อมูลพิจารณาความเหมาะสมในการขยายผลทั่วประเทศต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าวนพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลต่อพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้น เช่น ใช้ถุงยางอนามัยลดลง  เปลี่ยนคู่นอนบ่อยขึ้น ใช้เข็มและอุปกรณ์สะอาดลดลง เป็นต้น ที่ประชุมให้จัดสรรงบประมาณเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของการรณรงค์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสนับสนุนให้มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างกว้างขวาง และการตรวจและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ PrEP เพื่อประสิทธิภาพของบริการ PrEP มีประสิทธิภาพสูงสุด

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th

“อีริคสัน-ซัมซุง”อวดศักยภาพ 5G

ปัจจุบันการวางเครือข่าย 5G กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีริคสัน ผู้พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายโทรคมนาคม ได้นำเสนอ 5G แพลตฟอร์มใหม่ ๆ แก่ผู้ให้บริการทั่วโลก ด้วยการนำเสนอซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ให้บริการในการสร้างเครือข่าย 5G ซึ่งโซลูชั่นใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นในด้านการรองรับปริมาณการรับส่งข้อมูล และขอบข่ายที่กว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้การเปลี่ยนถ่ายเครือข่ายเทคโนโลยีเป็นไปได้ง่ายและยังสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค รวมทั้งภาคอุตสาหกรรม ให้นำไปประยุกต์ใช้ได้ง่ายขึ้น

ในขณะที่อีริคสันสนับสนุนผู้ให้บริการให้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และวางระบบ 5G ด้วยการใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสานการส่งข้อมูลแบบ 5G ผ่านระบบโครงข่าย LTE (หรือ 4G) หรือที่เรียกว่า non-standalone (NSA) 5G New Radio (NR) วันนี้อีริคสันได้นำเสนอซอฟท์แวร์ใหม่ สำหรับการใช้งาน 5G แบบสมบูรณ์ หรือ Standalone New Radio (NR) เพื่อเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ให้บริการ ซอฟท์แวร์ใหม่นี้ถูกออกแบบมาสำหรับสถาปัตยกรรมของเครือข่ายแบบใหม่ ที่ทำให้อัตราความหน่วงที่ต่ำมาก และสามารถครอบคลุมเครือข่ายได้ดีขึ้น

นอกจากนี้อีริคสันยังได้พัฒนาโซลูชั่นคลาวด์ ด้วยการยกระดับการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งจะทำให้ผู้ให้บริการสามารถนำเสนอบริการใหม่ ๆ จาก 5G แก่ผู้บริโภคและในส่วนของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AR (augmented reality: เทคโนโลยีโลกเสมือน) รวมทั้งการรับส่งข้อมูลด้วยค่าใช้จ่ายและความหน่วงที่ต่ำ แต่ได้ความแม่นยำสูง

เฟริดดริก เจดดริงก์ รองประธานบริหารและหัวหน้างานฝ่ายธุรกิจเครือข่ายของอีริคสัน กล่าวว่า “เราพยายามที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราทุกราย เพื่อให้ประสบความสำเร็จในด้าน 5G อย่างต่อเนื่อง โซลูชั่นใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ให้บริการเปลี่ยนถ่ายเครือข่ายไปสู่ 5G เพื่อให้ถึงเป้าหมายได้โดยง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด”

ซอฟต์แวร์ใหม่ สำหรับการใช้งาน 5G แบบสมบูรณ์ หรือ Standalone New Radio (NR) สามารถติดตั้งได้บนอุปกรณ์ของอีริคสันที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ควบคู่กับ 5G dual-mode Cloud Core solutions ของอีริคสัน ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวางสถาปัตยกรรมที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว รองรับการทำ network slicing ทำให้บริการรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ทุกวันนี้ คลื่นความถี่ในย่านต่ำจะเป็นความถี่หลักในการขยายโครงข่ายของ 5G และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีริคสันยังได้นำเสนอซอฟท์แวร์ใหม่ที่เรียกว่า Inter-band NR Carrier Aggregation ที่จะช่วยขยายขอบข่าย และเพิ่มปริมาณในย่านความถี่ระดับกลางและระดับสูง ในกรณีที่ต้องทำการผสมผสาน ซึ่งจะเพิ่มความเร็วของการเชื่อมต่อภายในอาคารและในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้ อีริคสันได้คิดค้น และเพิ่มโซลูชั่นใหม่ 2 ตัวเข้าไปในผลิตภัณฑ์กลุ่มอุปกรณ์การสื่อสารไร้สาย เพื่อให้ผู้ให้บริการสร้างเครือข่าย 5G ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น  

อย่างที่เข้าใจกันว่า 5G ทำให้เกิดเทคโนโลยีเสมือน (AR: augmented reality) การเล่นเกม รวมทั้งแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ต้องการความหน่วงที่ต่ำ รองรับการรับส่งข้อมูลในปริมาณมาก ด้วยความแม่นยำสูง เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ อีกทั้งยังสามารถนำเสนอบริการใหม่ ๆ แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ อีริคสันได้พัฒนาโซลูชั่นคลาวด์ ด้วยการนำเสนอ Network Functions Virtualization Infrastructure: NFVI ยกระดับการจัดการเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โซลูชั่นนี้เป็นโซลูชั่นที่กระทัดรัด แต่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการของระบบคลาวด์ที่ให้บริการตั้งแต่ต้นจนจบ (end-to-end) สามารถรองรับปริมาณข้อมูลที่มีความซับซ้อนได้อย่างมาก ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและบริการใหม่ ๆ ในคลาวด์ได้

อีริคสันยังได้เปิดเผยถึงข้อมูลเกี่ยวกับคู่ค้าทางธุรกิจในการทำเครือข่ายแบบเสมือนที่ได้รับรองมาตรฐาน หรือที่เรียกว่า virtual network functions (VNF) บริการนี้เปิดให้ผู้ผลิตเครือข่ายเสมือน (VNF) ได้ใบรับรอง และใช้บริการห้องปฎิการของอีริคสัน ซึ่งแนวคิดนี้จะส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศ 5G ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น จากการร่วมมือกับคู่ค้าและผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ  

ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์” เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกมา 35 ปี และยังเป็นผู้บุกเบิกระบบ5G โดยมุ่งมั่นที่จะนำทุกองค์ประกอบของกระบวนการพัฒนารวมเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่การวิจัยถึงการพัฒนา ไม่เพียงในระดับมือถือ แต่ในระดับเครือข่ายทั่วโลก รวมถึงยังเป็นผู้สร้างมาตรฐานการส่งข้อมูลทางคลื่น 5G ซึ่งได้รับการอนุมัติครั้งแรกในช่วงปลายปี 2560 ส่งผลให้ซัมซุงสามารถเปิดตัวสมาร์ทโฟน5G ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเครื่องแรกของโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านม อีกทั้งยังมีบทบาทเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศสำหรับการเปลี่ยนผ่านจาก 3G สู่ LTE และด้วยประสบการณ์ที่ไม่ได้จำกัดแค่โครงสร้างพื้นฐานนี้เองทำให้บริษัทพร้อมที่จะเป็นผู้นำการพัฒนา 5G อย่างแท้จริง

ความท้าทายที่เกิดขึ้นสำหรับซัมซุงคือ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอุปกรณ์มือถือที่รองรับแถบความถี่สูงมาก่อน บริษัทจึงต้องมีการศึกษาเพื่อพัฒนาฮาร์ดแวร์ของกาแลคซี่ เอส 10 5G ในแง่ของการสร้างโซลูชั่นที่รองรับแถบความถี่สูงเพื่อลดปัญหาสัญญาณอ่อน อันเป็นผลมาจากสิ่งกีดขวางทางกายภาพหรืออุปสรรคที่ปิดกั้นคลื่นความถี่ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับวัตถุโลหะ เนื่องจากบริษัทได้สะสมประสบการณ์และองค์ความรู้ที่หลากหลายมาอย่างยาวนาน ทำให้รู้ถึงความต้องการและการใช้งานสมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่มักจะใช้งานอยู่เกือบตลอดเวลา จึงสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้ตัวเครื่องเชื่อมต่อสัญญาณ 5G ได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุดสมกับเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมนี้อย่างแน่นอน

การสื่อสารด้วยเทคโนโลยีไร้สายถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุค 2G ไปสู่ 3G และ 4G ซึ่งทำให้การสื่อสารผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยภาพ เสียง หรือวิดีโอสามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้น และเทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในขณะนี้จะมีความพิเศษในการรับ-ส่ง ข้อมูลเร็วขึ้นกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้าถึงกว่า 10 เท่า อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าเนื่องจากสามารถรองรับปริมาณข้อมูลได้มากกว่าในช่วงเวลาเท่ากัน

เมื่อมีระบบ 5G แบบครบวงจร ความสมบูรณ์ของแบนด์วิดธ์ในเครือข่ายจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งผ่านของข้อมูลมีความหน่วงต่ำสุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะเกิดผลดีต่อทุกอุตสาหกรรมในภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยของรถยนต์สมาร์ทคาร์, เสถียรภาพของโรงงานอัจฉริยะ, ความแม่นยำของหุ่นยนต์อัจฉริยะในการใช้งานด้านการแพทย์, รวมถึงในด้านของเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart Cityระบบ 5G จะช่วยยกระดับศักยภาพการเชื่อมต่อ พร้อมกันเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ระบบLTE

เมื่อพูดถึงอุปกรณ์สำหรับ 5G ซัมซุงได้พัฒนานวัตกรรมฮาร์ดแวร์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับฮาร์ดแวร์ของสัญญาณ LTE ทั้งหมด พร้อมกับเพิ่มชิ้นส่วนของระบบ 5G โดยเฉพาะอย่างชิปโมเด็ม 5G และชิป 5G RF ซึ่งจำเป็นต้องมีชิ้นส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาดีไซน์ในแบบฉบับ Unibody ของเครื่อง   กาแลคซี่เอาไว้ ส่งผลให้ ‘กาแลคซี่ เอส 10 5G’ ยังคงไว้ด้วยดีไซน์เพรียวบางอันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงยังได้ติดตั้งเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ซีพียู และแรมโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้เครื่องได้ยาวนานไม่เปลืองพลังงานจากแบตเตอร์รี่ ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G เครื่องแรกของโลก ที่วางจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่วันที่  5 เมษายน 2019 ที่ผ่านมา

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านนวัตกรรมและโซลูชั่นสำหรับมือถือ ด้วยการนำสมาร์ทโฟน 5G มาให้บริการเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก และต่อจากนี้ซัมซุงยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจต่อไปเพื่อมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันได้อย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,800.00 19,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,283.00 19,450.28 20,400.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,154.70 17,505.25 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,026.40 15,560.22 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 577.00 8,747.32 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 449.00 6,806.84 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,330.00 20,162.80 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/06/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05 27.05
แก๊สโซฮอล์ 91 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78
แก๊สโซฮอล์ E20 24.04 24.04 24.44 24.04 24.44 24.04 24.04 24.04 24.04
แก๊สโซฮอล์ E85 19.69 19.69 19.69
เบนซิน 95 34.46 34.91 34.96 34.76 34.76
ดีเซล 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 24.79 24.79
แก๊ส NGV 15.88 15.88
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า