บิ๊กคิวเฮ้าส์ชี้คอนโดเสี่ยงกลางเมืองล้น
คิวเฮ้าส์ชี้ตลาดคอนโด เสี่ยงล้นตลาด แนะขับเคลื่อนธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้าลดต้นทุนพัฒนาโครงการ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะโครงการแนวราบนั้นยังไปได้ดี แต่ตลาดคอนโดนั้นยังน่าเป็นห่วงที่จะเสี่ยงเกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย โดยเฉพาะในแนวถนนสุขุมวิทซึ่งระดับราคาที่ผู้บริโภคจะซื้อได้อยู่ที่ 2-3 ล้านบาท/ยูนิต ขณะที่ราคาขายส่วนใหญ่ขยับขึ้นไปมากกว่า 5 ล้านบาท เนื่องจากราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“คอนโดมิเนียมแนวถนนสุขุมวิทและแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยังน่าเป็นห่วงเนื่องจากยูนิตในโครงการยังมีเหลือขายค่อนข้างมาก การทำตลาดของผู้ประกอบการในช่วงเวลานี้นอกจากจะจัดโปรโมชั่นแล้ว ยังพยายามนำโครงการออกไปขายต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน แต่ก็ต้องดูกันว่าการโอนโครงการจริงจะเป็นเช่นไร” นายชัชชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบิ๊กดาต้าเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก ซึ่งหากผู้ประกอบการอสังหาฯ นำมาใช้จะทำให้รู้ว่าแนวทางการพัฒนาอสังหาฯ รูปแบบ ระดับราคา ทำเลจะตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าและช่วยลดต้นทุนด้านการตลาด โดยเฉพาะงบการตลาดจากเดิมที่เคยใช้ 4-5% ปัจจุบันเหลือเพียง 2-3%
นายอนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า ข้อมูลบิ๊กดาต้ามีส่วนสำคัญมาก จะเห็นได้ว่าในตลาดอเมริกาได้มีการนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้ว ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และสามารถดูราคาอสังหาฯ ย้อนหลังได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
อสังหาฯพื้นที่อีอีซีคึกต่อเนื่องโซนเซ็นทรัลระยอง ที่ดินราคาพุ่ง เอสซีฯ-พฤกษา บุกแปดริ้ว
อสังหาฯอีอีซียังคึกคักที่แปดริ้วค่ายเอสซีแอสเสทบุกพื้นที่โรบินสัน ส่วนพฤกษารุกโซนบางประกง จับตาที่ดินระยองกว่า 10 ไร่โซนเซ็นทรัลราคาแตะ 500 ล้านบาท ขณะที่บีทีเอสเปิดทางบิ๊กรับเหมาเสริมทัพโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เปิด 2 แพ็คเกจให้เลือกทั้งร่วมลงทุนและซับคอนแทรค เริ่มเห็นภาพความชัดเจนของการร่วมทุน แข่งประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา โดยเฉพาะการรวมกลุ่มของบริษัทรับเหมาชั้นนำของไทยและการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ว่ามีความตื่นตัวตามกระแสการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกหรือไม่
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ยังเปิดกว้างรับบริษัทรับเหมาที่สนใจเข้ามาร่วมทีมกับบีทีเอสเพื่อประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างการเปิดประมูลแม้ว่าจะมีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอน์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) เป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุน อยู่แล้วก็ตามเนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงเปิดกว้างรับบริษัทรับเหมารายอื่นๆ เข้ามา เพิ่มได้อีกหากสนใจร่วมทีมกับบีทีเอส
“ปัจจุบันยังผนึกกันระหว่างบีทีเอส, ซิโน-ไทย และราชบุรีโฮลดิ้ง หากบริษัทสนใจ ได้แบ่งเป็น 2 แพ็คเกจคือ 1.การร่วมลงทุนกับ บีทีเอส หรือ 2.การเข้ามาร่วมเป็นซับคอนแทรครับงานก่อสร้างไปดำเนินการ โดยสามารถหารือกับบีทีเอสและซิโน-ไทยฯได้โดยตรง”
บิ๊กอสังหาฯลงพื้นที่ชิงทำเลทอง
ด้านแหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์จ.ระยองรายหนึ่งกล่าวว่า ทราบว่าเมื่อ วันที่ 20 ก.ค. 2561 มีคณะของบีทีเอส ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ความเหมาะสมที่จะสามารถพัฒนาระบบขนส่งมวลชนรอง ในพื้นที่เมืองระยอง พบว่ามีหลายพื้นที่เหมาะสมจะนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ นอกจากนั้นยังมีการติดต่อกลุ่มทุนเหมราชพัฒนาที่ดินเพื่อชักชวนเข้ามาร่วมลงทุนในครั้งนี้อีกด้วย
“ที่ดินแปลงเซ็นทรัลสามารถออกแบบมาสเตอร์แพลนพัฒนาที่ดินได้เนื่องจากเป็น แปลงใหม่ของจ.ระยอง ส่วนโซนเทพบันเทิงขนาดพื้นที่ประมาณ 7 ไร่น่าสนใจ แต่ยังเห็นว่ามีพื้นที่ไม่กว้างมากพอ ส่วนแปลงใหม่ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลระยองประมาณ 13 ไร่ๆ ละ ประมาณ 30 ล้านบาทนั้นยังมีลุ้น แต่ราคาที่ดินสูงเกือบ 500 ล้านบาทอีกทั้งยังมีที่ดินด้านตรงข้ามสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองประมาณ 200 ไร่ยังเป็นพื้นที่มีปัญหาการทับพื้นที่คลอง”
ประการหนึ่งนั้นผู้ประกอบการในพื้นที่ยังไม่เชื่อมั่นอีอีซีว่ามีความแน่นอนหรือไม่ คงต้องรอให้เปิดบริการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ทั้งนี้หากสามารถนำรถเมล์โดยสารทันสมัยรูปแบบสมาร์ทบัสที่บริษัท รีเจียนนอล ทรานซิท โคเปอร์เรชั่น (RTC) ไปให้บริการจะเห็นความชัดเจนเกิดขึ้นตามมาแน่ๆ เนื่องจากจะมีการพัฒนาศูนย์เศรษฐกิจให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับโครงการได้
“เอสซีฯ-พฤกษา”บุกปักธงแปดริ้ว
ด้านนายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ รองประธานหอการค้าจังหวัดฉะเชิงเทรา และเจ้าของโครงการบ้านรุ่งอรุณ กล่าวว่า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ล่าสุดมีกลุ่มเอสซีแอสเสทรุกในพื้นที่ ย่านศูนย์การค้าโรบินสัน สาขาฉะเชิงเทรา เช่นเดียวกับกลุ่มพฤกษารุกในพื้นที่ โซนบางปะกง ส่วนรายอื่นนั้นยังไม่มี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ทุนจีน รุกในพื้นที่ก็ยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด
ข้อมูลของสำนักงานที่ดินในพื้นที่ พบว่ามีการปรับเปลี่ยนชื่อบางแปลงเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่แปลงใหญ่เป็นร้อยหรือพันไร่ โดยยังคงจับตาพื้นที่ที่จะนำไปก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) และศูนย์ไอซีดีของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ว่ามีความเคลื่อนไหวด้านการจัดซื้อที่ดินหรือการเวนคืนตลอดจนการร่วมลงทุนตามที่รัฐบาลกำหนดว่า จะต้องใช้พื้นที่แปลงใหญ่ คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในปลายปีนี้ที่จะมีการยื่น ซองประมูลของรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนี้ว่ารายไหนจะได้รับชัยชนะ
“ยังเห็นว่ากระแสอีอีซีเป็นปัจจัยบวกสำหรับการกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา ในมุมมองภาคเอกชนยังเห็นว่าภาครัฐควรเร่งรัดนโยบายการลงทุนต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น ยกตัวอย่างกรณีรถไฟฟ้าหากเปิดให้บริการยังเชื่อว่ารอบสถานีจะมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามมาอย่างแน่นอน แม้จะประมูลในวันนี้ แต่กว่าจะเปิดให้บริการอีก 3-4 ปีเนื่องจากยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าท้ายที่สุดแล้วยังจะ เกิดปัญหาให้ล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ เพราะเป็นเพียงการเริ่มต้นประมูลเท่านั้นแต่ ยังไม่เปิดให้บริการ อีกทั้งยังมีลุ้นปัจจัยด้านการเมืองในปีหน้าที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ เอกชนจึงยังไม่เคลื่อนไหวในเรื่องการลงทุนมากนัก”
สำหรับการปรับเพิ่มราคาที่ดินนั้น ยังมองว่ากรณีนี้เป็นกลไกทางการตลาด หากมีกระแสก็จะมีการปรับเพิ่มบ้าง แต่รูปธรรม ของการพัฒนายังไม่เห็นภาพชัดเจน แม้กระทั่ง ทำเลที่รัฐจะพัฒนารูปแบบสมาร์ทซิตี้ ยังไม่ได้กำหนดชัดเจน นักลงทุนจึงไม่เร่งขับเคลื่อนการลงทุน ซึ่งเป็นไปได้ว่า จะเป็นห่วงเรื่องการปรับเพิ่มราคาที่ดิน เรื่องผังเมืองที่ยังไม่ระบุชัด ทั้งๆ ที่น่าจะ ตอบโจทย์เนื่องจากเป็นพื้นที่สีเขียวกว่า 90% ที่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายด้านการพัฒนาจึงมีอุปสรรคด้านการพัฒนาพอสมควร
“โดยพื้นที่ที่น่าจับตาว่าจะมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์นั้นยังต้องลุ้นการจัดระบบผังเมืองของทั้งจ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยองคาดว่า จะมีการนำเสนอให้ใช้มาตรา 44 สำหรับการจัดระบบผังเมืองในพื้นที่อีอีซี ดังนั้นหากนักลงทุนจะลงทุนในพื้นที่นับ 1,000 หรือ 1 หมื่นไร่แต่ผังเมืองยังไม่ชัดเจนถามว่า ใครจะกล้าลงทุน ดังนั้นจึงอยากให้รัฐ เร่งแสดงความชัดเจนว่าพื้นที่ใดจะพัฒนาได้บ้าง โซนบ้านโพธิ์จะพัฒนาสมาร์ทซิตี้ จริงหรือไม่ จะกำหนดให้โซนบ้านโพธิ์ เป็นพื้นที่สีเหลืองหรือไม่ เช่นเดียวกับ โซนแปลงยาว หรือบางประกง แต่ในมุมมองส่วนตัวแล้วยังเห็นว่าพื้นที่โซนบ้านโพธิ์ มีความเหมาะสมมากกว่า ส่วนแปลงยาวยังต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกมากมาย”
จากการลงสำรวจพื้นที่ของผู้สื่อข่าว พบว่ากลุ่มทุนที่เข้าไปสำรวจพื้นที่ดินและพัฒนาโครงการไปบ้างแล้ว 3-4 รายจากส่วนกลางโดยแปลงใหญ่โซนแถวบ้านโพธิ์ นอกจากกลุ่มพฤกษา และกลุ่มเอสซีแอสเสท ที่มาตามจังหวะการลงทุน ส่วนอีก 2 ราย ที่ขอยังไม่เปิดเผยชื่อนั้นพบว่าได้มีการซื้อ-ขาย เปลี่ยนมือไปแล้วจำนวน 300 ไร่ โดย โซนแปลงยาว ราคาประมาณ 1 ล้านบาทต่อไร่ ปัจจุบันพบว่าราคาพุ่ง 2-3 ล้านบาท แล้วแต่โลเคชั่นซึ่งปรับมาจาก 2 ปีที่ผ่านมากว่า 30% บางแปลงราคาราว 6 แสนบาท เพิ่มเป็นกว่า 1 ล้านบาท ราคาประเมินห่างกันหลายเท่าตัว ราคาตลาดกับราคาขายจริงยังห่างกันราว 20% ยังคงอ้างอิงแต่ละทำเล ปัจจุบันยังเงียบ ไม่คึกคักตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
จากข้อมูลของไอดีซีระบุว่า ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซัมซุงมียอดการขนส่งสินค้าที่เป็นชุดอุปกรณ์สมาร์ทโฟนจำนวน 71.5 ล้านเครื่อง และหัวเว่ยแซงแอปเปิลขึ้นมาโดยมีการขนส่งชุดอุปกรณ์สมาร์ทโฟน 54.2 ล้านเครื่อง ส่วนแอปเปิลมียอดขนส่งโทรศัพท์ไอโฟนจำนวน 41.3 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นสัดส่วนในตลาดโลกร้อยละ 12.1 เมื่อเทียบกับซัมซุงมีอยู่ที่ร้อยละ 20.9 และหัวเว่ยอยู่ที่ร้อยละ 15.8 ถือเป็นครั้งแรกนับจากต้นปีค.ศ.2010 ที่แอปเปิลไม่ได้อยู่ใน 2 อันดับต้นของการครองตลาดสมาร์ทโฟนโลก
นายไรอัน รีธ รองประธานของไอดีซี กล่าวว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ยเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ ที่อย่างน้อยกล่าวได้ว่าหัวเว่ยมีความสามารถที่เจาะเข้าสู่ตลาดได้จากแบรนด์ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ไอดีซียังระบุว่า ไอโฟนยังทำตลาดได้ดี โดย ไอโฟนเท็น หรือ ไอโฟน 10 ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดของแอปเปิล มียอดขายจำนวนมากในตลาด คาดว่าแอปเปิลจะกลับมาครองการควบคุมตลาดได้อีกครั้งเมื่อปล่อยไอโฟนรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้
ทั้งนี้นายรีธยังมองว่า ซัมซุง แอปเปิล และ หัวเว่ย ยังคงเป็นคู่แข่งขันหลักเมื่อพูดถึงการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอ็นด์ ที่มีมูลค่าสูงคือตั้งแต่ 700 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป (กว่า 23,000 บาท)
ที่มา : https://www.matichon.co.th
“โรคหัวใจ” ภัยเงียบในทุกวัย
“โรคหัวใจ” หลายคนจะเข้าใจว่า เป็นโรคของคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ
ส่วนผู้ที่มีอายุน้อยมักเข้า ใจว่าโรคหัวใจนั้นเป็นโรคที่ไกลตัว แต่ข้อเท็จจริงแล้ว โรคหัวใจสามารถเกิดขึ้นกับคนในทุกเพศทุกวัย ทุกช่วงอายุ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุนำไปสู่การเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยและทั่วโลก
นพ.สันติชัย กาลเนาวกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์ศัลยกรรมทรวงอก ศูนย์รักษาโรคหัวใจ และหลอดเลือดครบวงจร โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ กล่าวถึงแนวโน้มของโรคหัวใจที่เกิดกับคนไทยว่า ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งมีสาเหตุจากภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
ในอดีตโรคนี้พบได้มากในผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันกลับตรวจพบโรคนี้ในผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักน่าจะเกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตและการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น บุหรี่, สุรา, ยาเสพติด ร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันที่มีศักยภาพในการตรวจวินิจฉัยได้ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น
“พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด อาหารยอดฮิตเลย ก็จะเป็นกลุ่มบุฟเฟต์-หมูกระทะ ซึ่งมักจะรับประทานเป็นปริมาณมากเพื่อความคุ้มค่า หรือการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมากเกินพอดี ทำให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูง เป็นเหตุนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบตันและโรคกล้ามเนื้อหัวใจ ขาดเลือดได้ในที่สุด
” นพ.สันติชัยกล่าว
นพ.สันติชัยกล่าวต่อว่า ในปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรคหัวใจในประเทศไทย ได้พัฒนารุดหน้าอย่างมาก จนได้รับการยอมรับว่ามีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดครบวงจร โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ก็มีความพร้อมในการให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจทุกชนิด โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ และเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้การรับรองมาตรฐาน คุณภาพระดับโลก JCI
นพ.สันติชัยกล่าวด้วยว่า แน่นอนว่า การป้องกันนั้นง่ายกว่าการรักษามาก เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการบริโภค และการดำเนินชีวิต ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคลง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่พอดี เลิกดื่มสุรา เลิกสูบบุรี่และยาเสพติดต่างๆ อีกทั้งหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะมีสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้แล้ว”
ที่มา : https://www.khaosod.co.th
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 2/08/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,100.00 |
19,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,237.00 |
18,752.92 |
19,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,113.30 |
16,877.63 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
557.00 |
8,444.12 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
433.00 |
6,564.28 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,282.00 |
19,435.12 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 2/08/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
30.05
|
30.05
|
30.25
|
30.05
|
30.05
|
30.05
|
30.05
|
30.05
|
30.05
|
30.05
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
– |
27.14
|
27.14
|
27.14
|
27.14
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
21.34 |
21.34 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.34 |
21.34 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
29.78 |
29.78 |
29.98 |
29.78 |
29.78 |
29.78 |
29.78 |
29.78 |
29.78 |
29.78 |
เบนซิน 95 |
37.16 |
– |
– |
– |
37.61
|
– |
37.66 |
37.26 |
37.26 |
37.26 |
ดีเซล |
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
29.49
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
32.49 |
33.36 |
33.36 |
33.36 |
33.36 |
– |
– |
– |
– |
– |
แก๊ส NGV |
14.29 |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |
– |