PropertyGuru จัดงานใหญ่เฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาแห่งปี 2018
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมดิ แอทธินี พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเอเชียและเป็นบริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ จัดงานใหญ่ The 2018 PropertyGuru Asia Property Awards เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักพัฒนาทางด้านอสังหาริมทรัพย์จาก 15 ตลาดหลักด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ตบเท้าเข้ารับรางวัลกันอย่างคึกคัก พร้อมด้วยญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ซึ่งโครงการที่ได้รับรางวัลในปีนี้ล้วนโดดเด่นเรื่องอาคารสีเขียว การรับผิดชอบต่อสังคม ความคุ้มค่า และนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การพัฒนาธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลา 13 ปีของการจัดงาน The PropertyGuru Asia Property Awards ช่วยตอกย้ำภาพให้ทั่วโลกได้เห็นว่าเอเชียถือเป็นทวีปแห่งอนาคต เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความน่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม มีความคุ้มค่า และครบครันด้วยนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โดยรางวัลในปีนี้แบ่งออกเป็น 22 ประเภท จำนวน 56 รางวัล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ไทยหนึ่งในประเทศผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับรางวัลในปีนี้ไปครองมากที่สุดถึง 7 รางวัล ตามมาด้วยเวียดนาม 5 รางวัล ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ประเทศละ 3 รางวัล และสิงคโปร์ 2 รางวัล ส่วนศรีลังกา จีน และฮ่องกง คว้ารางวัลติดมือกลับบ้านไปประเทศละ 1 รางวัล
หนึ่งในรางวัลที่ถูกจับตามอง คือ รางวัลใหม่อย่าง PropertyGuru Icon Award ซึ่งมอบให้บุคคลที่มีความเป็นผู้นำโดดเด่นและมีศักยภาพสูง โดยในปีนี้ผู้ที่ได้รับรางวัลไปครองได้แก่ Dr.Andrew L. Tan ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Megaworld Corporation ซึ่งเคยได้รับรางวัล The Philippines Real Estate Personality of the Year Award ในปี 2014
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีแขกคนสำคัญเข้าร่วมงานกว่า 500 คน หนึ่งในนั้นคือ Dr.Aladdin D. Rillo เลขาธิการประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งให้เกียรติกล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับการบูรณาการตลาดและความร่วมมือระดับภูมิภาค
ถือเป็นความภาคภูมิใจของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนักพัฒนานวัตกรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่โดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของคนในภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
Big Data กับการซื้อ-ขายอสังหาฯ ออนไลน์ เทรนด์ใหม่ในยุค 4.0
ในยุค 4.0 เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการซื้อ-ขาย ที่เปลี่ยนรูปแบบมาอยู่ในระบบออนไลน์จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและขยายไปสู่ทุกช่วงวัย โดยปัจจุบันสินค้าที่นำมาขายเริ่มขยายไปสู่สินค้ามูลค่าสูงมากขึ้น อาทิ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และที่มาแรงคือ อสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 ที่มีกว่า 524,000 หน่วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท เริ่มเห็นภาพว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผู้คนจะหันมาใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นอย่างรวดเร็ว
พฤติกรรมผู้ซื้อ-ขายเปลี่ยนสู่ระบบออนไลน์
จากการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA พบว่า พฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการใช้อินเตอร์เน็ตเฉลี่ยนานขึ้นเป็น 10 ชั่วโมง 5 นาที/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3 ชั่วโมง 41 นาที/วัน โดยคน Gen Y หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี 2523-2540 มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตสูงที่สุดติดกันเป็นปีที่ 4 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนผ่านชีวิตไปสู่ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2560 กิจกรรมที่คนนิยมทำบนอินเทอร์เน็ตที่แตกต่างจากปีก่อน ๆ คือ การซื้อสินค้าออนไลน์ขึ้นมาติด 1 ใน 5 กิจกรรมยอดฮิตเป็นครั้งแรก นั่นแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในการซื้อสินค้าและใช้บริการทางออนไลน์มากขึ้นในสังคมไทย >> กลุ่มมิลเลนเนียลตลาดใหญ่ภาคอสังหาฯ
การเข้ามาถึงของ Big Data เพิ่มศักยภาพในการขายออนไลน์
จากการเติบโตทางด้านการซื้อ-ขายผ่านระบบออนไลน์ในปัจจุบัน ส่งผลให้สิ่งที่ได้รับความสำคัญตามมา คือ ข้อมูลเฉพาะส่วนบุคคล หรือที่เรียกว่า Big Data ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลหลายประเภท อาทิ กลุ่มอายุ เพศ รายได้ รายจ่าย ความถี่ในการจับจ่าย ประเภทสินค้า โดยประโยชน์ของ Big Data คือ 1. การลดต้นทุนในการทำธุรกิจและการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำขึ้น 2. ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและความพึงพอใจของผู้บริโภค ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการแบบใหม่ ๆ
สิงคโปร์กับความสำเร็จของการใช้ Big Data
หลาย ๆ ประเทศเริ่มมีการใช้ Big Data โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ยกตัวอย่างเช่นสิงคโปร์ ซึ่งมีข้อแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ คือ ความพยายามที่จะรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินแผนการที่ดี ด้วยการใช้ชื่อเสียงในด้านความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนที่จะเปลี่ยนให้สิงคโปร์กลายเป็น Smart Nation โดยจะมีการรวบรวมข้อมูลจากทั้งภาครัฐและเอกชน และแบ่งปันกลับไปหากันและกัน
ประโยชน์ที่ภาคเอกชนจะได้รับคือ ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการค้า เช่น ที่ตั้ง ผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทใดที่ควรจะเปิดตัว ส่วนประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับคือ การนำข้อมูลมมาประกอบการตัดสินใจเพื่อการปรับปรุงนโยบายและแผนงานต่าง ๆ รวมถึงการให้บริการของภาครัฐและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้วย ซึ่งการเติบโตของ Big Data ส่งผลให้เกิดความชัดเจนและเที่ยงตรงของข้อมูล ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการซื้อ-ขายสินค้า โดยเฉพาะทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เกิดการทำธุรกรรมในตลาดมากขึ้น และทำให้เกิดการเติบโตไปทั้งอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
สำหรับประเทศไทยแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่ได้นำ Big Data เข้ามาใช้ แต่เชื่อว่าในระยะต่อไปหากมีการเชื่อมโยงข้อมูลของภาครัฐและเอกชนมากขึ้นจะได้รับประโยชน์จาก Big Data อย่างแน่นอน โดยปัจจุบันเริ่มมีเว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางทางด้านอสังหาริมทรัพย์หลายรายที่ให้ความสำคัญในเรื่อง Big Data อย่าง DDproperty.com หรือแม้แต่เว็บไซต์น้องใหม่อย่าง BaanKaidee ยิ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบออนไลน์ในปัจจุบัน ตอบรับกับเทรนด์สำคัญที่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คือ การที่ผู้ซื้อ ผู้ขาย สามารถเข้าถึงข้อมูลทางด้านอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกที่ ทุกเวลา จากโทรศัพท์มือถือ
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
ตลาดรออะไร ในเดือนพฤศจิกายน ?
คอลัมน์ จับช่องลงทุน
โดย นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นายสรพล วีระเมธีกุล บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ก้าวเข้าสู่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562 แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวผันผวน ท่ามกลางปัจจัยที่เข้ามากระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยสำหรับช่วงโค้งสุดท้ายนี้ คาดยังมีปัจจัยต่าง ๆ อีกมากมายที่น่าจับตา ซึ่งอาจส่งผลให้ความผันผวนยังคงมีต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี ดังนั้น เราจึงสรุปประเด็นต่าง ๆ ที่น่าติดตามในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้เตรียมกลยุทธ์รับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเหตุการณ์ที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้
1) การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ 6 พ.ย. : ถือเป็นประเด็นสำคัญมากในเดือนนี้ที่ทั่วโลกต่างจับตามอง โดยการเลือกตั้งรอบนี้จะมีการเลือกตั้งวุฒิสภา 35 ท่าน จากทั้งหมด 100 ท่าน และ ส.ส.ทั้งสิ้น 435 ท่าน โดยประเด็นที่ตลาดจับตา คือพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมาก ทั้งในสภาสูง (วุฒิสภา) และสภาล่าง (ส.ส.) จะยังสามารถรักษาคะแนนเสียงได้ทั้ง 2 สภาเหมือนเดิมหรือไม่ โดยล่าสุดผลการนับคะแนนออกมาเรียบร้อยแล้ว พบว่าทางด้านพรรคเดโมแครต สามารถพลิกกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาล่าง (ส.ส.) ตามที่ตลาดประเมินไว้ ส่วนด้านสภาสูง ทางพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากได้เช่นเดิม โดยในช่วงถัดไปคงติดตามอย่างใกล้ชิดในประเด็นนโยบายต่าง ๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์ เช่น ประเด็นปรับลดภาษี หรือท่าทีของปัญหาสงครามการค้า จะเบาบางหรือไม่ หลังจากพรรครีพับลิกันไม่ได้ครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา
2) จับตาความคืบหน้าการเลือกตั้งของไทย : หลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วันหลังจากวันประกาศหรือมีผลราวเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งถือว่ากระบวนการเลือกตั้งเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนนี้แนะให้ติดตามประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่ง คือ การปลดล็อกกิจกรรมทางการเมือง ที่จะทำให้พรรคการเมืองต่าง ๆ ออกมาหาเสียงได้อย่างเสรี ถือเป็นแรงหนุนหนึ่งที่อาจช่วยกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกเพิ่มเติมต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติมได้
3) ประเด็นการปรับลด LTV ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ : ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีบทสรุปที่ชัดเจนต่อประเด็น loan to value (LTV) หรืออัตราการให้สินเชื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่อมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์นั้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 90-95% โดยจากข้อมูลการชี้แจงเบื้องต้นที่มีโอกาสปรับลดสัดส่วนมาอยู่ในระดับไม่เกิน 80% สำหรับบ้านหลังที่สอง หรือบ้านที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท และอาจเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 มกราคม 2562 แต่ท้ายที่สุด คงต้องรอบทสรุปที่ชัดเจน ซึ่งคาดจะออกมาในช่วงกลางเดือนนี้ โดยเราประเมินว่า จุดสำคัญของประเด็นนี้มี 2 จุด คือ 1.เรื่องการปรับลดสัดส่วน LTV และ 2.วันที่เริ่มใช้จริง โดยสำหรับประเด็นแรก คือ เรื่องสัดส่วน LTV เราคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสสูงที่จะปรับลดลงมา เพื่อช่วยลดความร้อนแรงของการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียม ส่วนประเด็นที่สอง คือ วันที่เริ่มใช้จริง ประเด็นนี้คาดว่าอาจมีการเลื่อนออกไปได้อีก เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป แน่นอนว่าหากเกิดการเลื่อนออกไป จะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสกลับมาเก็งกำไรระยะสั้นอีกรอบหนึ่ง
4) การประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งถือเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ประเทศ คือ อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เยอรมนี รัสเซีย และสหรัฐ และกลุ่มประเทศระบบเศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่อีก 11 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยอาร์เจนตินา ออสเตรเลีย บราซิล จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ และตุรกี รวมถึงกลุ่มสหภาพยุโรปด้วย ซึ่งหากรวมขนาดเศรษฐกิจทั้งหมดของประเทศในกลุ่ม G20 จะคิดเป็น 90% ของเศรษฐกิจโลกทั้งหมด โดยรอบนี้คาดว่าจะมุ่งประเด็นไปที่การแก้ไขปัญหาสงครามการค้าโลก (trade war) ที่ปัจจุบันยืดเยื้อจนเริ่มส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกบางจุดชะลอลง ซึ่งหากปล่อยไปมากกว่านี้อาจส่งผลอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้าได้ โดยล่าสุดทางด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้มีการเผยว่า มีการสนทนานอกรอบเบื้องต้นกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งถือว่าการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งเราคงต้องตามกันต่อไปว่า บทสรุปของสงครามการค้าโลกจะจบลงอย่างไร
จะเห็นได้ว่าปัจจัยในเดือนนี้มีค่อนข้างมากทีเดียว และบทสรุปในหลายปัจจัยค่อนข้างยากในการประเมิน ดังนั้น จึงคาดว่าตลาดเดือนนี้มีโอกาสแกว่งผันผวนสูงในกรอบ 1,600-1,750 จุด โดยประเมินจังหวะย่อเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ที่คาดผลการดำเนินงานเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (STEC, BEM), กลุ่มเช่าซื้อ (SAWAD, MTC) กลุ่มค้าปลีก (HMPRO, BJC) เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
10 ประโยชน์การวิ่ง และคำแนะนำก่อนลุยมาราธอน
การวิ่งมาราธอนเป็นกิจกรรมออกกำลังกายยอดฮิตของคนยุคนี้ เห็นได้จากที่มีการจัดงานวิ่งมาราธอนถี่ ๆ เดือนละหลายงาน และแต่ละงานก็มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เพราะการวิ่งนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย และยังให้ความสนุก แถมงานวิ่งหลายงานยังเป็นการนำรายได้ไปทำการกุศลด้วย
เราได้ยินมาตลอดอยู่แล้วว่า การวิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เราจะสามารถจำแนกประโยชน์ของมันแบบละเอียด ๆ ได้อย่างไรบ้าง
เนื่องจากบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันวิ่งมาราธอนประเพณีนานาชาติ BDMS Bangkok Marathon 2018 ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายนนี้ นายแพทย์ไพศาล จันทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โรงพยาบาลกรุงเทพ สายกิจกรรมพิเศษ จึงให้ข้อมูลว่า การวิ่งคือยาวิเศษที่สร้าง 10 ประโยชน์มหัศจรรย์ให้กับร่างกาย ได้แก่
1.หัวใจ การวิ่งและการออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานระบบไหลเวียนโลหิตกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น หลอดเลือดแดงที่มาเลี้ยงหัวใจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดปัญหาการตีบตันที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
2.กล้ามเนื้อ การวิ่งเป็นการฝึกการใช้งาน.กล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ทำให้นักวิ่งมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง กล้ามเนื้อนี้เองเป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิตของทุกคนที่ไม่มีข้อจำกัด
3.ไขมัน การวิ่งทำให้อัตราการวิ่งของหัวใจอยู่ในช่วงโมดีเรต (moderate) หรือชีพจรเต้นอยู่ที่ร้อยละ
75-85 นักวิ่งจะรู้สึกเหนื่อยในระดับปานกลาง
ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันออกมาได้ถึงร้อยละ 60
4.เข่า การวิ่งอย่างถูกวิธีเป็นประจำจะทำให้กล้ามเนื้อขา ต้นขา และรอบ ๆ ข้อเข่ามีความแข็งแรงมากขึ้น มีส่วนที่จะช่วยป้องกันภาวะข้อเข่าเสื่อมได้
5.คอเลสเตอรอล การวิ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ได้ 5-10% และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (HDL) ได้ 3-6%
6.สมอง ยิ่งวิ่งออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ร่างกายยิ่งหลั่งสารบำรุงสมองที่เรียกว่า BDNF มากเท่านั้น ซึ่งสารตัวนี้จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองและเพิ่มจำนวนเซลล์สมอง สมองจะทำงานได้ดี มีการตอบโต้เร็วและลดโอกาสการเป็นอัลไซเมอร์
7.เหงื่อ จะถูกหลั่งออกมาพร้อมสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เอ็นดอร์ฟิน เป็นสารเคมีในร่างกายที่ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี และเหงื่อจะช่วยให้ผิวสวย เพราะเหงื่อจะชะล้างสิ่งสกปรกในรูขุมขนออกมาด้วย
8.น้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน หากวิ่งออกกำลังกายอย่างถูกวิธีจะช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
9.ระบบข้อ การวิ่งที่เหมาะสมต่อร่างกาย จะช่วยลดปัญหาข้อต่อเสื่อม ลดอาการปวดข้อและป้องกันการเกิดข้อแข็ง (stiffness)
10.ความดัน การวิ่งช่วยป้องกันความดันโลหิตสูงได้ แต่สำหรับผู้ป่วย การควบคุมอาหารกับการออกกำลังกายที่ถูกต้องจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือด ลดความต้านทานในหลอดเลือด ปริมาณเลือดที่สูบฉีดแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น ผลโดยรวมจึงทำให้ความดันโลหิตลดลง
รู้ประโยชน์มากมายอย่างนี้แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าคิดจะลงวิ่งมาราธอนก็วิ่งได้เลยในทันที เพราะถ้าเตรียมตัวไม่ดีพอก็จะบาดเจ็บได้
สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนลุยมาราธอน 42.195 กิโลเมตร นพ.ไพศาลแนะนำว่า นอกเหนือจากการฝึกซ้อมทั่วไปแล้ว ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยเฉพาะเรื่องการดื่มน้ำ ในร่างกายควรจะมีน้ำเพียงพอ ตั้งแต่ ก่อนจะถึงวันแข่งขัน 2-3 วัน ซึ่งปริมาณน้ำที่เพียงพอดูได้จากการปัสสาวะ ต้องไม่ให้เป็นสีเหลืองเข้ม ถ้าปัสสาวะสีเหลืองอ่อนแสดงว่าน้ำในร่างกายมีเพียงพอ
นอกจากนั้น คุณหมอให้ข้อมูลเกี่ยวกับเคสบาดเจ็บที่พบบ่อยระหว่างการวิ่งมาราธอนว่า อาการที่พบบ่อยคือการเป็นตะคริว การปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เนื่องจากการวิ่งระยะทางหลาย ๆ กิโลเมตร กล้ามเนื้อ
ต้องมีความบึกบึน ถ้ากล้ามเนื้อไม่ได้ฝึกซ้อมมามากพอให้ครอบคลุมระยะทางได้ ก็จะเกิดอาการตะคริว ซึ่งมักจะเกิดในช่วงระยะหลัง ๆ ของการวิ่ง
“ส่วนการปฐมพยาบาลระหว่างเกิดตะคริวในขณะวิ่ง โดยหลัก ๆ การเกิดตะคริวคือกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง เป็นอาการที่ไม่สามารถคอนโทรลได้ และเป็นอาการเกร็งโดยที่เราไม่ได้สั่ง อาการตะคริวที่พบบ่อยมากที่สุดคือบริเวณน่องขา การทำให้หายจากอาการตะคริวคือ การกระดกข้อเท้าแล้วเหยียดเข่า น่องก็จะถูกยืด เพราะฉะนั้น หลักการคือหากเกิดตะคริวที่ตรงไหนให้เหยียดกล้ามเนื้อนั้นให้ยืดออกก็จะหายจากการเป็นตะคริว” นพ.ไพศาลแนะนำ
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
“ลำพูน” ช้า แต่ลักเซอรี่ เมืองมรดกพันปี ดี มีความสุข และศักดิ์สิทธิ์
ลำพูนซ่อนตัวเองอย่างเงียบ ๆ ช้า ๆ อยู่หลังกำแพงเมืองเชียงใหม่ อันรุ่งเรืองมากว่าพันปี
1,000 กว่าปีก่อน วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ก่อมณฑปขึ้นด้วยอิฐก้อนแรก ครอบโกศทองคำภายในบรรจุพระบรมธาตุ
108 ปีก่อน น้ำทิพย์จากดอยขะม้อ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน ได้รับใช้ราชสำนักรัชกาลที่ 6 ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี 2453
93 ปีก่อน น้ำทิพย์จากบ่อเดียวกันนี้ ถูกนำเข้าร่วมพิธีสรงน้ำศักดิ์สิทธิ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เมื่อปี 2468
68 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ก็ทรงสรงน้ำมุรธาภิเษกจากบ่อน้ำทิพย์จากดอยขะม้อ ในพระราชพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ ก่อนขึ้นทรงราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
ลำพูน บนเส้นรุ้งที่ 18 องศาเหนือ เป็น 1 ในศูนย์กลางความรุ่งเรืองของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทรงคุณค่ามากพอที่ อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด จะกัดฟันหาเงินกว่าพันล้าน เพื่อปั้นวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร และเขตเมืองลำพูน เข้าสู่วาระการเป็นมรดกโลกในไม่ช้า
“ลำพูนเราเหมือนเมืองเกียวโตของญี่ปุ่น เป็นเมืองในแอ่งอารยธรรมโบราณ เป็น Truly Lanna เรามีเจดีย์เกินพันปี เป็น 1 ใน 8 แห่งทั่วประเทศไทย มีตำนานการสร้างพระรอด โดยพระราชบิดาแห่งพระแม่เจ้าจามเทวี ที่วัดมหาวัน มีคัมภีร์โบราณ ภาษาล้านนา และภาพเขียนสีฝาผนังที่ล้ำค่า อายุกว่า 200 ปี ที่วัดหนองเงือก สีสันโคมนับแสนดวง ถูกแขวนแน่นทั่วเมือง ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี” อรรษิษฐ์เล่าเรื่องเมืองช้าทรงคุณค่า
ที่หมู่บ้านหนองเงือก เป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของชาวยอง ที่ย้ายมาจากมณฑลยูนนาน แคว้นสิบสองปันนา เป็นชุมชนโบราณ มีทั้งพิพิธภัณฑ์ไทยอง และสถาปัตยกรรมตึกโบราณแบบมอญผสมยุโรป สร้างไว้ตั้งแต่ 112 ปีที่แล้ว
ความช้า-ความเนิ่นเนิบที่ลักเซอรี่ มีผลให้จิตใจคนลำพูนไม่ฟุ้งเฟื่องไปกับการบริโภคเร่งด่วน สุดยอดธุรกิจ-ตัวพ่อของทุนนิยมปราบเซียนอย่างร้าน 7-11 ถึงกับต้องปิดกิจการ เพราะคนในอำเภอทุ่งช้าง แหล่งผ้าไหมยกดอก ไม่นิยมซื้อหา ความคึกคักและศิลปวิทยาการ กลับไปรวมตัวกันที่บ้านดอนหลวง เมืองท่องเที่ยวเล็ก ๆ ท่ามกลางสวนลำไย บนพื้นที่หมื่นกว่าไร่ ได้รวบรวมทั้งคนทำหัตถกรรม ทอผ้าปลูกผักเกษตรอินทรีย์
จากร้านเพิงหมาแหงน เปลี่ยนแปลนเป็น 80 ร้านค้า ที่ใช้หน้าบ้านซึ่งเป็นทั้งที่อยู่อาศัยทอผ้า และค้าขาย สารพัดผ้าฝ้ายหลากหลายแบบ ตั้งแต่คุณภาพสูง จนถึงงานทอจักร เย็บมือ ด้วยลายที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็น “ลายน้ำไหล ไล่สลับสี” สืบทอดกันต่อมากว่า 200 ปีแล้ว
งานผ้าฝ้ายจากบ้านดอนหลวง ถูกส่งตามออร์เดอร์ ไปสู่ย่านค้าส่งยักษ์อย่างตลาดโบ๊เบ๊ ข้ามทวีปไปถึงช็อปในเมืองจีน โรงแรม รีสอร์ต ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ใช้ผ้าฝ้ายจาก “บ้านดอนหลวง” หน้าร้านบางบ้านมียอดขายทะลุหลักแสนบาทต่อเดือน
ขณะที่ผลผลิตด้านการเกษตร “ลำไยพันธุ์สีทอง” ที่ขึ้นทะเบียน GI ถูกแปรรูปขึ้นเสิร์ฟในสายการบินแห่งชาติ และขึ้นเรือส่งออกไปตลาดจีน ปีละกว่าพันล้าน
หญิง-ชายวัยแรงงานกว่า 8 หมื่นคน มีงานทำในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ที่ชุมนุมบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งสหพัฒนพิบูล,เบทาโกร, แพนดอรา, มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนคนวัยหลังแรงงาน ปั่นด้าย ทอผ้าทำเกษตร หัตถกรรมที่บ้าน เพราะการอยู่-กิน ทำมาหาเลี้ยงชีวิตเช่นนี้ จึงทำให้ลำพูนมีรายได้ต่อหัวอยู่อันดับ 1 ของภาคเหนือ
กลุ่มคนที่อยู่ไม่ผ่านเกณฑ์ จปฐ. มีแค่หลักร้อยกว่าคนเท่านั้น ก่อนจะประกาศแผนแม่บท ทำโปรแกรมท่องเที่ยว เขาจึงซักซ้อมความเข้าใจกับชาวบ้านก่อนทุกครั้ง
แน่นอนว่าความตื่นตัวต่อส่วนรวมของคนที่นี่ ปรากฏเป็นรูปธรรม ด้วยการเป็นอันดับ 1 ทุกครั้ง ที่มีการเลือกตั้ง 12 ครั้งที่ผ่านมา
เรื่องรักถิ่นฐานบ้านเกิดถูกปลูกลงในใจข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ผ่านการจัดกิจกรรมบันเทิง นันทนาการ วิชาการ จะไม่ออกนอกจังหวัด แต่จะจัดประชุมสัมมนาในพื้นที่ เน้นกิน-เน้นใช้ เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนทั้งจังหวัด
“เสน่ห์ของลำพูน ไม่ได้คิดจากรายได้ แต่เอาความสุขของคนเป็นตัวตั้ง ให้ชาวบ้านระเบิดจากข้างใน มีใจให้ส่วนรวม” คือ ความตั้งใจของพ่อเมืองลำพูน
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,100.00 | 19,000.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,600.00 | 18,661.96 | 1,231.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,344.16 | 1,276.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,795.76 | 1,107.90 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,929.57 | 984.80 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,398.64 | 554.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,533.96 | 431.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 | 28.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 | 28.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 25.84 | 25.84 | 25.84 | 25.84 | 25.84 | – | 25.84 | 25.84 | 25.84 | 25.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.64 | 20.64 | – | – | – | – | – | 20.64 | 20.64 | – |
เบนซิน 95 | 35.96 | – | – | – | 36.41 | – | 36.46 | 36.26 | 36.06 | 36.26 |
ดีเซล | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 | 29.29 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.89 | 33.16 | 33.16 | 33.16 | 33.16 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.13 | 16.13 | – | – | – | – | – | – | – | – |