สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 มีนาคม 2562

ตลาดคอนโดฯ พระราม 9 – รามคำแหง ระอุ ดีมานด์พุ่งบิ๊กแบรนด์บุกรับรถไฟฟ้า

ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ที่ปรึกษาอสังหาฯ เผย ตลาดคอนโดฯ พระราม 9 – รามคำแหงฮอต ราคาที่ดินพุ่ง 1 ล้านต่อตารางวา หลังรถไฟฟ้าสายสีส้ม – แอร์พอร์ตลิ้ง ดันดีมานด์ผู้อยู่อาศัย ผู้ประกอบการรายใหญ่ปักหมุดแข่งเดือด

          นาย สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้ม ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พระราม 9 – รามคำแหง ว่าปัจจุบัน พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 9 ช่วงรอบๆ แยกถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหงมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา เมื่อมีผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมเข้าไปเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นแบบชัดเจน จากโครงการขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่ก่อนหน้านี้จะมีโครงกาคอนโดมิเนียมเปิดขายแล้วก็ตาม โดยเริ่มเปิดมากขึ้นในช่วงปีพ.ศ.2553 – 2555 หลังจากเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ๊งค์เปิดให้บริการในปีพ.ศ.2553 แม้ว่าจะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่วิ่งเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิกับเมืองชั้นในแต่หลายสถานีที่อยู่ในเขตชุมชนก็ช่วยสร้างความตื่นตัวให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระดับหนึ่งเพราะช่วยอำนวยความสะดวกให้คนจากพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ๊งค์ให้สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก

          ขณะที่ ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา เมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มมีความชัดเจนและเริ่มการก่อสร้างเป็นรูปธรรมในปีพ.ศ.2560 ซึ่งเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นอีกปัจจัยหลักที่มีผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่เกิดการขยายตัวโดยในช่วงปีพ.ศ.2559 – 2560 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 5,631 ยูนิตคิดเป็น 41% ของจำนวนคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่เปิดขายมาตั้งแต่อดีตถึงปีพ.ศ.2561 โดยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สะสมในพื้นที่จนถึงช่วงต้นปีพ.ศ.2562 มีทั้งหมดประมาณ 13,855 ยูนิต ซึ่งเพียงแต่พื้นที่นี้เท่านั้นที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากขึ้น แต่พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มหลายสถานีก็มีผู้ประกอบการเข้าไปเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น เช่น สถานีหัวหมาก และลำสาลี เป็นต้น

          ส่วนคอนโดมิเนียมสะสมในพื้นที่พระราม 9 – รามคำแหงทั้งหมด 13,855 ยูนิตมีอัตราการขายอยู่ที่ประมาณ 96% มียูนิตเหลือขายไม่มากนัก เพราะมีโครงการเปิดขายใหม่ลดลงในปีพ.ศ.2561 และปีพ.ศ.2562 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนน้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ เพราะมีที่ดินเหลือพัฒนาน้อยลง จึงมีผลให้ผู้ประกอบการเลือกซื้อที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรบุรี พระราม 9 เรื่อยไปถึงถนนพระราม 9 ตัดใหม่ ถนนรามคำแหง และถนนพัฒนาการรวมไปถึงซอยสุขุมวิท 71 ที่เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม

          ทั้งนี้ ราคาขายของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในพื้นที่นี้ก็มีราคาขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านี้เช่นกัน โดยมีอัตราการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายอยู่ที่ประมาณ 9% ต่อปี ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 81,000 บาทต่อตารางเมตร โดยราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่มีการปรับเพิ่มขึ้นแบบชัดเจนตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา เพราะมีบางโครงการที่เปิดขายในราคามากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร และหลายโครงการเปิดขายในราคามากกว่า 90,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมากกว่าโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากเพราะอิทธิพลของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกที่มีผลต่อราคาที่ดินมากกว่าเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ๊งค์ เนื่องจากราคาที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา มีการปรับเพิ่มขึ้นไปไม่น้อยกว่า 30 – 50% โดยราคาที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) มีราคาตั้งแต่ 200,000 – 1,000,000 บาทต่อตารางวา

          ” เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มไม่เพียงแต่มีผลต่อราคาที่ดิน และตลาดคอนโดมิเนียมเท่านั้น แต่มีผลต่อเนื่องกับพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าด้วย ศูนย์การค้าดั้งเดิมในพื้นที่ที่เปิดให้บริการมามากกว่า 30 ปีบนถนนรามคำแหงก็มีการปิดให้บริการเพื่อก่อสร้างใหม่เป็นโครงการมิกซ์-ยูสขนาดใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ”

          นายสุรเชษฐ์ ยังดล่าวว่า นอกจากนี้อาคารพาณิชย์หรือที่ดินที่ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่และไม่สอดคล้องกับราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่พื้นที่ตั้งแต่แยกคลองตันไปตามแนวถนนรามคำแหงมีการใช้ประโยชน์ในเป็นสถานศึกษา สนามกีฬา และอาคารรูปแบบต่างๆ ไปเต็มพื้นที่แล้ว ดังนั้น พื้นที่ตามแนวถนนอื่นๆ ที่ไม่ไกลจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มจึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการที่ต้องการที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร แต่โครงการคอนโดมิเนียมจะอยู่ไม่ไกลจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกมากกว่าโครงการบ้านจัดสรรทีอาจจะอยู่ในแนวพื้นที่ตามแนวถนนพัฒนาการ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่แทน

ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com


AREA เปิดโพยที่ดินติดรถไฟฟ้าสายสีส้ม “สถานีศูนย์วัฒนฯ” แพงสุดวาละ 8.5 แสน ถูกสุด 1.2 แสนอยู่สถานี “มีนพัฒนา-เคหะราม-สุวินทวงศ์”

ราคาที่ดินติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม แพงสุดอยู่ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ตารางวาละ 850,000 สูงสุด และต่ำสุดอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้ามีนพัฒนา สถานีเคหะรามคำแหง และสถานีสุวินทวงศ์ ตารางวาละ 120,00 บาท

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยว่า ราคาที่ดินทำเลติดถนนสายหลักรอบสถานีรถไฟฟ้าระยะไม่เกิน 500 เมตร มีราคาสูงกว่าที่ดินทั่วไป

โดย “สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ” ซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างสถานี รฟม.กับสถานีสายสีส้ม มีราคาสูงสุดในขณะนี้คือตารางวาละ 850,000 บาท เพราะมีศักยภาพสูง

รองลงมา “สถานี รฟม.” บนถนนพระราม 9 อยู่ที่ 400,000 บาท/ตารางวา และสถานีแยกตัดประดิษฐมนูธรรมตารางวาละ 350,000 บาท

ถัดมา ถนนรามคำแหงช่วงต้นถึงแยกลำสาลี 4 สถานีมีราคาเท่ากัน ได้แก่ “สถานีรามคำแหง 12-สถานีรัชมังคลา-สถานีหัวหมาก-สถานีลำสาลี” 280,000 บาท/ตารางวา เพราะความเจริญเชื่อมต่อกันตามถนนรามคำแหงนี้

ภาวะราคาที่ดินช่วงเลยแยกลำสาลี ราคาเริ่มลดลง บนถนนรามคำแหงใกล้ “สถานีศรีบูรพา-สถานีคลองบ้านม้า-สถานีสัมมากร” มีราคาเท่ากัน 200,000 บาท/ตารางวา

และราคาที่ดินลดเหลือตารางวาละ 150,000 บาทเมื่อถึง “สถานีน้อมเกล้า-สถานีราษฎร์พัฒนา” ซึ่งตั้งอยู่ถัดไป ส่วนราคาที่ดินต่ำสุดคือ ตารางวาละ 120,000 บาท ตั้งอยู่ 2 สถานีถัดไป คือ “สถานีมีนพัฒนา-สถานีเคหะรามคำแหง”

ในขณะที่ “สถานีมีนบุรี” ซึ่งเป็นย่านชุมชนอยู่แล้ว ราคาที่ดินเพิ่มเป็น 160,000 บาท/ตารางวา และลดเหลือ 120,000 บาท/ตารางวา เมื่อถึงสถานีปลายทางคือ “สถานีสุวินทวงศ์”

ดร.โสภณกล่าวว่า สำหรับราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า แต่ไม่ได้เกินรัศมีระยะห่าง 500 เมตรมีราคา ดังนี้

1. กรณีอยู่ระหว่าง 2 สถานี ก็อาจเป็นราคาเฉลี่ยระหว่างสถานี
2.ทำเลห่างเกินรัศมี 500 เมตร เช่น สถานีสุวินทวงศ์ ราคาที่ดินน่าจะปรับลง 15-20% จากราคาทำเลอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อการก่อสร้างรถไฟฟ้าเกิดขึ้นอย่างจริงจัง แนวโน้มทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี

ขอบคุณข้อมูลจาก bkkcitismart.com


คาดทองดิ่งหลังเลือกตั้ง MTSแนะซื้อตุนเก็งกําไร

MTS คาดราคาทองคำหลังเลือกตั้ง ดิ่งลงเหลือบาทละ  19,400-19,700 บาท เหตุฟันด์โฟลว์ไหลเข้า กดดันบาทแข็งค่า แนะเป็นโอกาสดีซื้อตุนเก็งกำไร  เพราะระยะยาวยังเป็นขาขึ้น

นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุกฯ (MTS GOLD Group) เปิดเผย ถึงทิศทางราคาทองคำหลังการเลือกตั้ง (24 มีนาคม ) หากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศมากขึ้นส่งผลให้เกิดกระแสทุนต่างชาติไหลเข้า กดดันให้เงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาทองคำไทยเคลื่อนตัวในทิศทางลดลง โดยมีแนวรับอยู่ที่บาทละ 19,400 บาท และแนวต้านอยู่ที่ 19,700 บาท  ถือเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะซื้อทองเก็บไว้ หรือลงทุนเพื่อเก็งกำไร

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มโดยรวมช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจาก 1,285 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ทะลุ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ไปทำจุดสูงสุดประมาณ 1,346 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จากสภาวะสงครามการค้า โดยตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ราคาทองคำปรับร่วงลงมาแล้วประมาณ 3% จากระดับ 1,330 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ มาอยู่ที่ 1,285 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ

สำหรับภาพรวมตลาดทองคำ 9 เดือนหลังจากนี้ ประเมินว่า ในระยะยาวราคาทองคำมีทิศทางขาขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯเริ่มชะลอตัวลง และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อการลงทุนทองคำ โดยวิเคราะห์ว่าทองคำน่าจะพ้นจุดตํ่าสุดไปแล้ว จากช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 ที่อยู่บริเวณ 1,160 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนปีนี้คาดว่าจะเห็นราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 1,360 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ขึ้นไป และอาจอยู่ที่บริเวณ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หรือทำให้ราคาทองคำไทยจะอยู่ที่บาทละ 20,000 บาท 

“การลงทุนในทองคำยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจแม้จะมีความผันผวนของราคาที่มีมากขึ้นและตลอดเวลา แต่ทางกลับกันความผันผวนของราคาทองคำกลับเป็นความนิยมชมชอบที่นักลงทุนทั่วไปใฝ่หา เพราะยิ่งราคามีการแกว่งก็ยิ่งเป็นโอกาสที่จะเข้าทำกำไรได้มากขึ้น ทองคำจึงไม่มีวันตาย”

นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนมีนาคม 2562 ปรับลดลง 12.19 จุด หรือคิดเป็น 18.72% จากระดับ 65.09 จุด ในเดือนกุมภาพันธ์ มาอยู่ที่ระดับ 52.90 จุด มาจากการแข็งค่าของเงินบาท สถานการณ์สงครามการค้าโลก กระแสเงินทุนไหลเข้าทรัพย์สินเสี่ยง และแรงขายเก็งกำไรของกองทุนโดยคาดการณ์ราคาทองคำเดือนมีนาคม เฉลี่ยอยู่ที่บริเวณ 1,268 – 1,350 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% เฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 19,200-19,950 บาท และค่าเงินบาทอยู่ที่  31.10- 31.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่การลงทุนทองคำในเดือนมีนาคม นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการถือครองทองคำ เนื่องจากราคาทองคำในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,346 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ได้โดยคาดระยะสั้นราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวภายในกรอบเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้งโดยมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และอาจพิจารณาเข้าซื้อใกล้บริเวณแนวรับดังกล่าวเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


กฎหมายภาษีอีเพย์เมนต์ ลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว บังคับใช้ 21 มี.ค. 2562

กฎหมายภาษีอีเพย์เมนต์  หรือ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อ 20 มี.ค. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ 21 มี.ค. 2562 เพื่อเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ให้ใช้ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งรวมถึงการชำระภาษี ทั้งนี้ผลจากการบังคับใช้ จะทำให้ร้านขายของออนไลน์ หรือผู้ทำธุรกรรมการเงินเป็นประจำต้องระมัดระวัง

กฎหมายภาษีอีเพย์เมนต์

โดยเฉพาะ ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ที่ทางธนาคาร และผู้ให้บริการอีเพย์เม้นต์ ต้องรายงานไปยังกรมสรรพากร ได้แก่

1) ฝากหรือโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป

2) ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้ง และมียอดทำธุรกรรมการเงินรวมกัน  2 ล้านบาทขึ้นไป

หากพบเป็นไปตาม 2 ข้อนี้ ต้องรายงานไปยังกรมสรรพากร หากธนาคาร หรือผู้ให้บริการอีเพย์เมนต์ไม่รายงาน กรมสรรพากรมีอำนาจลงโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท และ ปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน จนกว่าจะแก้ไขและปฏิบัติให้ถูกต้อง

รวมถึงปรับปรุงอัตราโทษ กรณีเจ้าพนักงานเปิดเผยข้อมูลของผู้เสียภาษี หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้สามารถอ่านรายละเอียด กฎหมายภาษีอีเพย์เมนต์  หรือ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา (คลิกที่นี่)

กฎหมายภาษีอีเพย์เมนต์

ขอบคุณข้อมูลจาก it24hrs.com


ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ประกาศเขตภัยพิบัติแล้ง

ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ประกาศเขตภัยพิบัติแล้ง thaihealth

ปภ.สรุปสถานการณ์แล้ง “ร้อยเอ็ด-ศรีสะเกษ” สาหัสประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว ส่วนอีก 9 จว.ได้รับผลกระทบวาตภัยเดือดร้อน 595 หลัง สังเวย 1 ศพ ขณะ 7 จังหวัดเหนือฝุ่นลดลง แต่ยังเกินมาตรฐาน คุณภาพอากาศระดับส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ อ.แม่สาย เชียงราย ยังวิกฤติระดับสีแดง

          นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย แถลงสรุปสถานการณ์ภัยแล้งว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยมีจังหวัดประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้งแล้ว 2 จังหวัด 5 อำเภอ 7 ตำบล 53 หมู่บ้าน ได้แก่ จ.ร้อยเอ็ด ใน 2 อำเภอ คือ อ.เมืองสรวง และ อ.สุวรรณภูมิ 2 ตำบล 10 หมู่บ้าน และ จ.ศรีสะเกษ ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองจันทร์ อ.ขุขันธ์ และ อ.ไพรบึง รวม 7 ตำบล 43 หมู่บ้าน

          อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยแล้งมีประสิทธิภาพ ปภ.ประสาน จังหวัดวางแผนบริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบ พร้อมบูรณการความช่วยเหลือประชาชน ด้วยการจัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่าย น้ำบรรเทาความเดือดร้อน นอกจากนี้ ให้แต่ละพื้นที่ตรวจสอบปริมาณน้ำต้นทุนและสำรวจความต้องการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่ ควบคู่กับการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกัน ให้แจ้งเตือนเกษตรกรงดปลูกพืชฤดูแล้ง ใช้น้ำอย่างประหยัด

          นายชยพล ยังสรุปสถานการณ์พายุ ฤดูร้อน หลังกรมอุตุนิยมวิทยาออกคำเตือน ก่อนหน้านี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 18-20 มีนาคม มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 9 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร เลย ลำปาง แพร่ พะเยา ลำพูน อุตรดิตถ์ และน่าน รวม 16 อำเภอ 31 ตำบล 71 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 595 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยตอนบน จะมีพายุฤดูร้อนลดลง แต่ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม และนครราชสีมา ปภ.จึงประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมรับมือพายุฤดูร้อนตลอด 24 ชั่วโมง และออกคำเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัย นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน

          ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 นายชยพล เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เวลา 05.00 น. วันเดียวกันพบว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่น PM2.5  เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ปริมาณฝุ่น PM10  เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกิน ค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 รวม 7 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย ที่ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงใหม่ ที่ต.ช้างเผือก ต.ศรีภูมิ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม  จ.ลำปาง ที่ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ  จ.แม่ฮ่องสอน ที่ต.จองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.น่าน ที่ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.พะเยา ที่ต.บ้านต๋อม อ.เมืองพะเยา  จ.ตาก ที่ต.แม่ปะ อ.แม่สอด โดยสถานการณ์ในภาพรวมมีค่า PM2.5 ระหว่าง 51-130  มคก./ลบ.ม. ค่า PM 10 ระหว่าง 69-167 มคก./ลบ.ม. และ AQI มีค่าระหว่าง 101-240 ซึ่งคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ หรือระดับสีส้ม ทั้งนี้ มีจังหวัด ที่คุณภาพอากาศระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ หรือระดับสีแดง ได้แก่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย

          ส่วนสถานการณ์ที่จ.เชียงใหม่ คุณภาพอากาศดีขึ้น ฝุ่นเกินมาตรฐานเล็กน้อย หลังมีลมและฝนตกลงมาช่วยให้หมอกควันหายไปบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ยังคุมเข้มการเผาหลังพบจุดความร้อนทั่วภาคเหนือกว่า 300 จุด ส่วนใหญ่อยู่ใน จ.แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา จับกุมชายวัย 56 ปี พร้อมไฟแช็ก บริเวณป่าห้วยเรือ อ.พร้าว หลังเกิดไฟลุกไหม้แนวป่าเป็นบริเวณ กว้าง จึงเข้าสกัดดับไฟ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดี โดยอ้างว่าจุดไฟเผาหญ้าในสวนของตัวเอง แต่ไฟลุกลามเข้าไปในเขตป่า เนื่องจากไม่สามารถควบคุมได้ นับเป็นมือเผารายที่ 3 ของเชียงใหม่ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี

          ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก อุดรธานี นครสวรรค์ กาญจนบุรี จันทบุรี และหน่วยฯหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ฝุ่นละออง เพิ่มความชุ่มชื้น ให้พื้นที่ป่าไม้ และยับยั้งความรุนแรงของพายุลูกเห็บ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตร จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พื้นที่ลุ่มรับน้ำบริเวณ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู อ่างเก็บน้ำทับเสลา อ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว และอ่างเก็บน้ำกระเสียว ด้านหน่วยฯ พิษณุโลกขึ้นปฏิบัติการยับยั้งและบรรเทาความรุนแรงของพายุลูกเห็บด้วยภารกิจเมฆเย็นด้วยเครื่องบิน Super King Air ช่วยยับยั้งพายุลูกเห็บและทำให้มีฝนตกเล็กน้อยในจ.ตากและกำแพงเพชร โดยไม่พบรายงานว่ามีลูกเห็บตกพื้นที่เป้าหมาย

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,650.00 19,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,273.00 19,298.68 20,250.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,145.70 17,368.81 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,018.40 15,438.94 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 573.00 8,686.68 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 446.00 6,761.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,319.00 19,996.04 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 21/03/2562   

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 28.85 28.85 28.85 28.85 28.85 28.85 28.85 28.85 28.85 28.85
แก๊สโซฮอล์ 91 28.58 28.58 28.58 28.58 28.58 28.58 28.58 28.58 28.58 28.58
แก๊สโซฮอล์ E20 25.84 25.84 26.24 25.84 25.84 25.84 25.84 25.84 25.84
แก๊สโซฮอล์ E85 20.64 20.64 20.64
เบนซิน 95 36.26 36.71 36.76 36.56 36.56
ดีเซล 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29
ดีเซลพรีเมี่ยม 30.89 31.16 31.35 31.35 31.35
แก๊ส NGV 16.23 27.29
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า