สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2561

จับตาแนวโน้มอสังหาฯ แนวราบ บนทำเลศักยภาพรถไฟฟ้าสายสีม่วง

จับตาแนวโน้มอสังหาฯ แนวราบ บนทำเลศักยภาพรถไฟฟ้าสายสีม่วง

[บทความประชาสัมพันธ์พิเศษ] ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการด้วยกัน เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนประชากร และเศรษฐกิจประเทศ หนึ่งในโครงการที่รัฐได้ให้ความสำคัญ คือ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน – คลองบางไผ่) ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมรถไฟฟ้าที่มุ่งสู่เขตปริมณฑล อย่างจังหวัดนนทบุรี มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยแหล่งใหม่โดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายรุกเข้าสู่พื้นที่ เพื่อก่อสร้างโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง รองรับอุปสงค์ใหม่ๆ ที่เริ่มขยับขยายสู่โซนรอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากการสำรวจปลายปี 2559 เทียบกับปี 2560 พบว่าเขตกรุงเทพฯชั้นโซน CBD ราคาที่ดินปรับขึ้นเฉลี่ย 6.4% พื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า BTS 6.5% พื้นที่แนวรถไฟฟ้า MRT 8.9% กรุงเทพฯชั้นกลาง 4.3% กรุงเทพฯ ชั้นนอก (ด้านเหนือ) ปรับตัว 4% เป็นต้น ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่งผลต่อราคาอสังหาฯอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นต้นทุนที่ต้องถูกนับรวมเข้าไป ทำให้การเข้าถึงที่อยู่อาศัยของผู้คนนั้นยากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากระดับราคานั้นปรับขึ้นตาม โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบ (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์) ไม่สามารถหาจับจองได้ เพราะที่ดินในเขตเมืองสำหรับการพัฒนาโครงการแนวราบลดลง หรือแทบไม่มีเลย ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มขยับขยายสู่พื้นที่นอกกรุงเทพมหานคร โดยพื้นที่ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ จังหวัด ปทุมธานี สมุทรปราการ และนนทบุรี

BTN Location (13)

เมื่อพูดถึง ‘จังหวัดนนทบุรี’ ต้องยอมรับว่า เป็นศูนย์รวมสถานที่สำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานบริษัทเอกชน ศูนย์ราชการ สถานศึกษา สถานพยาบาล ศูนย์การค้า ศูนย์ประชุมใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์มากมาย รวมถึงยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชุมชนดั้งเดิม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และมีถนนเชื่อมต่อเดินทางไปยังจังหวัดปทุมธานี อยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐมได้ง่าย ด้วยศักยภาพของตัวทำเลเอง สามารถพัฒนาเพื่อให้นนทบุรีรองรับการเติบโตในอนาคตได้อีกมาก รัฐบาลจึงเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า เข้าสู่เขตปริมณฑลนนทบุรีอย่างเต็มรูปแบบ นั่นคือ การก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่มีจุดเริ่มต้นจากสถานีเตาปูน ซึ่งเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่มีสถานีปลายทางอยู่ที่บางซื่อ เชื่อมต่อเส้นทางที่สถานีเตาปูนเพื่อเดินทางต่อไปยังโซนนนทบุรีได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าถนนเส้นหลักในจังหวัดนนทบุรีที่มีการจราจรค่อนข้างคับคั่ง อย่าง ถนนติวานนท์ ถนนรัตนาธิเบศร์ และถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนที่ทำงานในละแวกนั้น อันเป็นทำเลที่ตั้งของแหล่งงาน สถานศึกษา และห้างร้านต่างๆ จำนวนมาก เรียกได้ว่าบางโซนพื้นที่ CBD ของนนทบุรี ในช่วงเวลาเร่งด่วนจึงมีรถติดพอสมควร ดังนั้นการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีม่วง จึงมาช่วยลดปัญหาการจราจรของผู้คนที่เดินทางเข้าสู่พื้นที่เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยให้การเดินทางจากนนทบุรีรอบนอกที่อยู่ไกลออกไปมีความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น จากเดิมที่อาจใช้เวลาบนท้องถนนนานนับชั่วโมง เมื่อเดินทางโดยรถไฟฟ้าอาจย่นระยะเวลาเหลือเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

ถึงแม้ที่ผ่านมาช่วงปลายปี 2559 ยอดผู้ใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงอาจมีจำนวนไม่มากนัก แต่หลังที่รฟม.ได้ทำการเชื่อมต่อสถานีบางซื่อกับเตาปูนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบว่าสถิติผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 5.2 หมื่นคนต่อวัน ในช่วงวันจันทร์ – ศุกร์ และในวันเสาร์ – อาทิตย์ อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นคนต่อวัน นอกจากนี้รฟม.ยังตั้งเป้าว้าว่าจะสามารถกระตุ้นในผู้คนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้มากขึ้น เฉลี่ยถึงวันละ 8 หมื่นถึง 1 แสนคน ภายในปี 2561 และในปี พ.ศ. 2563 รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดใช้บริการได้  ถึงเวลานั้นรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะมีสถานีเริ่มต้นที่สถานีศูนย์ราชการ นนทบุรี ซึ่งจะกลายเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีชมพู ผ่านแยกแคราย เชื่อมต่อไปยังโซนมีนบุรีได้แบบรวดเดียวจบ การเดินทางที่สะดวกสบายนี้ยิ่งจะช่วยดึงดูดผู้โดยสารให้หันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น และลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนนด้วย

BTN (3)

                                                via bangkokmetro.co.th

ทางด้านรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น ประกอบด้วย สถานียกระดับจำนวนทั้งสิ้น 16 สถานี ได้แก่ เตาปูน บางซ่อน วงศ์สว่าง แยกติวานนท์ กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์ราชการนนทบุรี ศรีพรสวรรค์ แยกนนทบุรี 1 สะพานพระนั่งเกล้า ไทรม้า บางรักน้อยท่าอิฐ บางรักใหญ่ บางพลู สามแยกบางใหญ่ ตลาดบางใหญ่ และคลองบางไผ่ รวมระยะทางทั้งหมด 23 กิโลเมตร หากเริ่มต้นจากสถานีคลองบางไผ่ เส้นทางรถไฟฟ้าจะพาดผ่านถนนกาญจนาภิเษกไปยังถนนรัตนาธิเบศร์ ผ่านถนนติวานนท์ เข้าสู่ถนนกรุงเทพนนทบุรี ถนนประชาราชสาย 1 และสิ้นสุดที่ถนนประชาราชสาย 2 บริเวณสถานีเตาปูน สำหรับใครที่อาจเดินทางมาจากสะแวกที่ไกลเส้นทางรถไฟฟ้าออกไปเสียหน่อย สามารถขับรถยนต์มาจอดได้ที่อาคารจอดรถ ซึ่งมีไว้ให้บริการถึง 4 สถานีด้วยกัน ได้แก่ สถานีแยกนนทบุรี บางรักน้อยท่าอิฐ สามแยกบางใหญ่ และคลองบางไผ่ (จุดนี้เป็นที่ตั้งของอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าและอาคารจอดรถ กว่า 1,800 คัน)

BTN (4)

                                              via bangkokmetro.co.th

จุดที่น่าสนใจในทำเลไกลสุดของเส้นทาง อย่างสถานีบางใหญ่และคลองบางไผ่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอบางใหญ่และบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ทั้งสองสถานีอยู่ถัดกันไปไม่ไกลนัก เรียกได้ว่าเป็นละแวกเดียวกัน หากใครที่เคยเดินทางแถวนั้นคงรู้จักกันดีว่าเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพลาซาเวสต์เกต ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ฝั่งตะวันตก มีห้างอื่นๆ อยู่ใกล้เคียง เช่น IKEA (เปิดให้บริการ 15 มีนาคมนี้) Big C และ Index Living Mall รวมถึงมีตลาดบางใหญ่ และร้านค้า ร้านอาหารอีกมากมาย ถือเป็นถิ่นอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินในละแวกนั้น นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้โรงพยาบาล เช่น เกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ โรงพยาบาลการุญเวชรัตนาธิเบศร์ โรงพยาบาลบางบัวทอง โรงพยาบาลบางใหญ่ และสถานศึกษา เช่น โรงเรียนกสิณธรเซนปีเตอร์ โรงเรียนนันทรวรวิทย์ โรงเรียนบางบัวทอง โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เป็นต้น

ความครบครันด้วยสถานที่สำคัญเหล่านี้ ทำให้เกิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะแนวราบ เกิดเป็นหมู่บ้านโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ต่างๆ มากมาย เพราะทำเลบางใหญ่ – คลองบางไผ่ ยังคงมีที่ดินเหลืออยู่มากพอสมควร เหมาะแก่การพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบครอบครัว อยู่กันได้หลายคน มีความเป็นส่วนตัวสูง ผู้คนไม่พลุกพล่านและการจราจรไม่คับคั่งเท่าพื้นที่ CBD นนทบุรี และในเขตกรุงเทพฯ ใครทำงานในเขตเมืองจะเข้าเมืองก็สะดวกสบาย หรือจะส่งลูกหลานไปโรงเรียนก็สามารถใช้บริการรถไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว หากจะพักผ่อนไปร้านอาหาร คาเฟ่ หรือศูนย์การค้าก็มีอยู่รายล้อม ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล

CentralPlaza Westgate

             เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต แหล่งไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งแห่งใหญ่ในย่านนั้น

จากการสำรวจราคาที่ดินในเขตอำเภอบางใหญ่ และบางบัวทอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์จำนวนมาก พบว่าจะดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000-90,000 บาทต่อตารางวาเท่านั้น ส่วนราคาบ้านส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 1 ล้านปลายๆ หากพิจารณาถึงระดับราคานี้และศักยภาพพื้นที่ตั้งที่อยู่อาศัย พร้อมความครบครันด้านแหล่งอาหาร แหล่งท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้ง และสถานที่สำคัญต่างๆ ถือว่ามีความคุ้มค่าอย่างมาก เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ในเมืองนนทบุรีหรือกรุงเทพฯเอง คงหาที่ดินและบ้านในระดับราคานี้ได้ยาก อีกทั้งพื้นที่สำหรับการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์แทบไม่มีเหลือแล้ว ดังนั้นจึงพบว่าผู้คนจากเขตเมืองเริ่มขยับขยายหาที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตปริมณฑลรอบนอกมากขึ้น ด้วยระดับราคาที่ยังสู้ไหว และมีความคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ

อีกทั้งกลุ่มคนในพื้นที่บางใหญ่ บางบัวทอง และพื้นที่อื่นๆ ใกล้เคียงเอง ก็มองหาที่อยู่อาศัยสำหรับขยายครอบครัวเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้านี้ นอกจากจะเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกแล้ว คาดว่าในอนาคตการพัฒนาเมืองจะขยายสู่พื้นที่กระตุ้นให้มีการเติบโตใหลากหลายด้านมากขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย คนที่จับจองก่อนย่อมสามารถสร้างผลกำไรและมีความได้เปรียบอย่างแน่นอนในระยะยาว

BTN (10)

ตัวอย่างโครงการแนวราบที่น่าสนใจในเขตบางบัวทอง โดยผู้พัฒนาโครงการเจ้าถิ่นมากประสบการณ์ อย่าง บริษัท บีทีเอ็น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดตัวโครงการ บีทีเอ็น เรสซิเดนซ์ (BTN Residence) โครงการรวมทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์คุณภาพ ในซอยจันทร์ทองเอี่ยม ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อถนนกาญจนาภิเษกและถนนบางกรวย – ไทรน้อย ใกล้สถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วงคลองบางไผ่ เพียง 900 เมตร ใช้เวลาเดินทาง 5 นาทีเท่านั้น ในซอยจันทร์ทองเอี่ยมยังเป็นที่ตั้งของโครงการบัวทองธานี พาร์ควิลล์ 12 จากที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้โดยผู้พัฒนาโครงการเจ้าเดียวกัน ที่การันตีได้ถึงคุณภาพการก่อสร้างและบริการหลังการขาย กับยอดขายกว่า 80% และโครงการ BTN Residence ที่เปิดตัวใหม่นี้ คงได้รับความสนใจไม่แพ้กัน

จากการออกแบบโครงการบนพื้นที่กว่า 20 ไร่ เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งพื้นที่สวนสีเขียว สนามเด็กเล่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และห้องอ่านหนังสือ ส่วนรูปแบบบ้านนั้นมีให้เลือกหลากหลายตามความชอบและความต้องการงานของผู้อยู่อาศัย ทั้งในรูปแบบทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์ มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่แออัด เช่น ทาวน์เฮ้าส์ของโครงการมีรูปแบบหน้ากว้าง 5 และ 6 เมตร สามารถจอดรถได้ 1-2 คัน จำนวน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมพื้นที่ด้านข้างและหลังบ้านสำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง และปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นได้ เหมาะแก่การอยู่อาศัยแบบครอบครัว

BTN ADVER_1

                                         ภาพบ้านตัวอย่างโครงการ BTN Residence

ณ ขณะนี้โครงการ BTN Residence กำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้าง ควบคู่ไปกับการเปิดขายด้วย บางยูนิตได้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ส่วนกลางก็พร้อมใช้งานแล้ว ดังนั้นผู้ซื้อสามารถวางใจได้ ตัดปัญหาความกังวลเรื่องจองหรือโอนบ้านไปแล้วจะโดนยกเลิก เพราะขณะนี้ทางโครงการกำลังดำเนินการก่อสร้างไปแล้วมากกว่า 50% และได้เปิดให้ลูกบ้านย้ายเข้าอยู่ในยูนิตที่สร้างแล้วเสร็จได้เลย ทั้งนี้คาดว่าโครงการจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ทุกยูนิต ภายในปี พ.ศ. 2562 นี้

BTN (7)

                                  ภาพตัวอย่างโครงการ BTN Residence

หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม และอยากแวะเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างโครงการ BTN Residence ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์คุณภาพ บนทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง คลองบางไผ่ สามารถติดต่อได้ที่ 02-9226522-9 หรือเว็บไซต์โครงการ www.btn.co.th 

BTN (9)

https://www.ddproperty.com


5 ทำเลสุดยอดรถติด รามฯ-ลาดพร้าว-รามอินทรา วิกฤต 3 ปี

ยังคงรั้งแชมป์เป็นเมืองรถติดอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “กรุงเทพมหานคร” เมืองหลวงของประเทศไทย และคงจะสาหัสสากรรจ์ไปอีก 2-3 ปีขุดถนนสร้างรถไฟฟ้าเพิ่ม
 
สถานภาพของปี 2561 ไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมา และมีทีท่าว่าจะหนักหน่วงมากขึ้น เพราะเป็นปีเริ่มปิดถนนสายหลัก ทั้งพระราม 9 รามคำแหง ศรีนครินทร์ ลาดพร้าว มีนบุรี รามอินทรา ติวานนท์ แจ้งวัฒนะ และเจริญนคร ขุดตอม่อสร้างรถไฟฟ้า 4 สายใหม่ สีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสีทอง (กรุงธนบุรี-ประชาธิปก) เพิ่มเติมจากปัจจุบันมีงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) สีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และอุโมงค์ทางลอดแยกไฟฉาย
โซนตะวันตกเริ่มคลี่คลาย
จากการติดตามสภาพการจราจรปี 2560 ของ “สนข.-สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร” พบว่าปัญหารถติดไม่ต่างจากปี 2559 อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยังมีงานก่อสร้างรถไฟฟ้า ถนน ทางด่วนยังล่าช้า ขณะที่การขอจดทะเบียนรถใหม่ในเขตกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2560 มีรถจดทะเบียนใหม่เฉลี่ย 1,226 คันต่อวัน และมียอดสะสมอยู่ที่ 9.663 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 270,268 คัน หรือ 2.9% ทำให้ทุกพื้นที่ยังคงประสบปัญหารถติด ยกเว้นพื้นที่โซนตะวันตกที่เริ่มคลี่คลาย แม้จะมีงานสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายอยู่บนถนนเพชรเกษมและถนนจรัญสนิทวงศ์ แต่สภาพการจราจรดีขึ้นหลังงานโครงสร้างแล้วเสร็จคืนผิวจราจร และมีการเปิดใช้ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนตะวันตก
ปี”61 รถติดลามนนท์-ปากน้ำ
สำหรับสภาพการจราจรในปี 2561 “สนข.” ประเมินว่า พื้นที่กรุงเทพฯและพื้นที่ต่อเนื่องกับ จ.นนทบุรี และสมุทรปราการ จะมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเพิ่มที่ทยอยดำเนินการเมื่อปลายปี 2560 ต่อเนื่องถึงปี 2561 น่าจะกระทบต่อการจราจรบนถนนต่าง ๆ
ล่าสุดเพื่อรับมือการเปิดเทอมที่ทยอยเปิดภาคเรียนวันที่ 15 พ.ค. 2561 ทางตำรวจจราจร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับเหมาได้หาทางบรรเทาวิกฤตการจราจร
เร่งกระชับพื้นที่ถนนหลัก
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า ขอให้ผู้รับเหมาคืนผิวจราจรถนนแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าให้มากที่สุด เช่น สายสีน้ำเงินบริเวณเพชรเกษมและจรัญสนิทวงศ์ที่คืนพื้นที่แล้ว แต่ผิวยังไม่เรียบ ได้เร่งจัดการให้เรียบร้อย
“กำชับตำรวจจราจรพื้นที่มีปัญหารถติดหน้าโรงเรียนทำความเข้าใจกับโรงเรียนให้ใช้เวลาจอดรับส่งน้อยที่สุด ซึ่งโรงเรียนมีปัญหาบ่อย ได้แก่ เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ กรุงเทพคริสเตียน อัสสัมชัญบางรัก เซนต์คาเบรียล สามเสนวิทยาลัย วัฒนาวิทยาลัย และมาแตร์เดอี”
สำหรับจุดที่มีปัญหาจราจรมากที่สุด ได้แก่ ถนนรามคำแหง ถนนลาดพร้าว และถนนพหลโยธิน ขอให้กั้นปิดการจราจรเท่าที่จำเป็น ขยายเส้นทางให้กว้างให้รถวิ่งสะดวกขึ้น รวมถึงเร่งรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคให้เสร็จเร็วขึ้นเพื่อลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด
พ.ย.นี้พหลโยธินคืนผิวถาวร
นายวิทยา พันธุ์มงคล ผู้ช่วยผู้ว่าการและรักษาราชการรองผู้ว่าการ ปฏิบัติการ รฟม. กล่าวว่า การคืนพื้นที่สายสีเขียวช่วงหมอชิต-คูคต เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งขาเข้า-ขาออก ประมาณ 4 กม. จะคืนพื้นที่ถาวรในเดือน พ.ย.นี้
นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า การก่อสร้างรถไฟฟ้าบนถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กทม. เช่น รามคำแหง พหลโยธิน ลาดพร้าว ขอให้ รฟม.กั้นแบริเออร์ที่จำเป็น
คนกรุงทำใจติดหนัก 3 ปี
“ปัญหารถติด กทม.จะติดหนักแบบนี้ 2-3 ปี ตามการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายใหม่ ปีนี้หนักกว่าปีที่แล้ว เพราะสร้างรถไฟฟ้าเพิ่ม หนักสุดเป็นโซนตะวันออก เช่น รามคำแหง มีนบุรี ศรีนครินทร์ รามอินทรา ในเมืองไม่น่าห่วงเพราะมีรถไฟฟ้า ปัญหารถติดคงทำอะไรไม่ได้ ต้องเร่งการก่อสร้างอย่างเดียว”
นอกจากนี้ประชาชนก็ต้องปรับตัว ปรับเวลาไปทำงานเร็วขึ้น หรือเปลี่ยนมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น

http://www.bkkcitismart.com


แพงได้อีก !! คนไทยเตรียมกินข้าวหอมมะลิ แพงทะลุถุงละ 300 บาท

ราคาข้าวหอมมะลิ แพงไม่หยุด สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย ประกาศปรับราคาข้าวถุง 5 กิโลกรัม ขึ้นอีก 20-30 บาท ดันราคาข้าวแตะ 200-250 บาท/ถุง ฟากผู้ประกอบการลั่น ข้าวถุงไทยยังแพงได้อีก มีโอกาสทะลุ 300 บาท/ถุง  

ราคาข้าวถุง

วันที่ 17 พฤษภาคม 2561 นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวถุงไทยที่ขณะนี้มีราคาปรับสูงขึ้นอย่างมากว่า มีสาเหตุมาจากราคาข้าวหอมมะลิในตลาดโลกและปริมาณข้าวหอมมะลิในช่วงนี้น้อยลง ส่งผลให้ราคาข้าวถุงหอมมะลิยี่ห้อต่าง ๆ สูงตาม โดยล่าสุดราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ปรับราคาขึ้น ถุงละ 20-30 บาท มาอยู่ที่ราคาถุงละ 200-250 บาท

อย่างไรก็ตาม แม้ราคาข้าวถุงในห้างสรรพสินค้าจะแพงขึ้น แต่เท่าที่สำรวจไม่ได้ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากนัก เพราะในตลาดมีการแข่งขันของข้าวถุงหอมมะลิอยู่หลายยี่ห้อ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อข้าวถุงยี่ห้ออื่น ๆ ที่มีราคาไม่แพงได้ รวมถึงการหันไปบริโภคข้าวชนิดอื่น ๆ ที่มีราคาถูกกว่าทดแทน

ขณะที่ นายวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหารบริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด ผู้ผลิตข้าวสารบรรจุถุงรายใหญ่ เปิดเผยว่า หลังจากนี้มีโอกาสที่ราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม จะแพงเกินถุงละ 300 บาท เพราะปีนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิสูงเป็นประวัติการณ์ เฉลี่ยตันละ 18,000 บาท ด้วยผลผลิตที่ลดลง ทำให้ต้นทุนข้าวถุงเพิ่มขึ้นประมาณกิโลกรัมละ 4-5 บาท ผู้ประกอบการจึงอาจจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีก เฉลี่ย 20-30 บาทต่อถุง จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 290 บาท

นอกจากนี้ ไม่เฉพาะข้าวหอมมะลิเท่านั้นที่มีราคาสูงขึ้น แต่ข้าวชนิดอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มปรับขึ้นตามด้วย แต่จะขึ้นไม่มากนัก เพราะแนวโน้มการบริโภคข้าวภายในประเทศที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากการที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับเทรนด์การดูแลสุขภาพ ทำให้การบริโภคข้าวลดลงจากเฉลี่ย 100 กว่ากิโลกรัมต่อคนต่อปี มาอยู่ที่เฉลี่ย 60-70 กิโลกรัมต่อคนต่อปี

https://money.kapook.com


ค่าบาท ‘แข็งค่า’ ตลาดยังเกาะติดราคาน้ำมัน

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า “32.16 บาทต่อดอลลาร์” ถ้าราคาน้ำไม่ปรับขึ้นสูง สกุลเงินเอเชียยืนระดับนี้ได้ บาทน่าจะแข็งค่าตามเศรษฐกิจจับตาตัวเลขจีดีพีสัปดาห์นี้

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.16บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์

ภาพรวมตลาดการเงินในสัปดาห์นี้น่าจะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น (Risk on) จากสัปดาห์ก่อน แนวโน้มสงครามการค้าที่สงบลงจะเป็นแรงบวกกับการลงทุนในเอเชีย ขณะที่ความเสี่ยงกลับไปอยู่ที่การเมืองในยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้

ในส่วนของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ จะมีทิศทางแข็งค่าขึ้นตามภาพรวมเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินทุนไหลกลับฝั่งเอเชีย เงินดอลลาร์ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า แต่มองว่า สกุลเงินที่อาจอ่อนค่าในระยะสั้นจะเป็นฝั่งยุโรป ขณะที่สกุลเงินเอเชียทั้งหมดน่าจะยืนได้ที่ระดับปัจจุบันถ้าราคาน้ำมันไม่ปรับตัวสูงขึ้นมาก กรอบเงินบาทวันนี้ 32.10 – 32.20 บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 31.90- 32.40 บาทต่อดอลลาร์

ในสัปดาห์นี้สิ่งที่ต้องจับตาคือ การรายงานจีดีพีและตัวเลขการค้าของไทย รวมถึงรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในครั้งก่อน

ในวันจันทร์ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสหนึ่งปี 2018 จะขยายตัว 4.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออกที่ยังขยายตัวในระดับ 10% ยังคงเป็นแรงหนุนของเศรษฐกิจ แต่การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนที่กลับมาชะลอตัวยังคงเป็นปัญหาสำหรับภาพเศรษฐกิจในระยะยาว

วันพุธ รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะยังมีมุมมองเชิงบวกกับการขึ้นดอกเบี้ย มองว่าเฟดจะอธิบายความเสี่ยงและเงินเฟ้อเชิงระบบในรายงานนี้ เชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในการประชุมครั้งหน้าเดือนมิถุนายน

วันพฤหัส รายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาสหนึ่งของสิงคโปร์คาดว่าจะเติบโต 4.4% จากแรงหนุนด้านการลงทุนที่ขยายตัวถึง 4.7%

วันพฤหัส ธนาคารกลางเกาหลีจากคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% เนื่องจากเงินเฟ้อที่ระดับ 1.6% ในปัจจุบันชี้ว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีก็เป็นประเด็นที่หนุนการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย

http://www.bangkokbiznews.com


แนะวิธีดูแลสุขภาพ3วัย3ไลฟ์สไตล์ แรกคลอด-วัยทำงานและคนชอบดื่ม

แพทย์เฉพาะทาง แนะวิธีดูแลสุขภาพ3วัย3ไลฟ์สไตล์ แรกคลอด-วัยทำงานและคนชอบดื่มแอลกอฮอล์

จากความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีการรักษา ความเชี่ยวชาญของแพทย์ และมาตรฐานการบริการของโรงพยาบาลนครธน ทำให้โรงพยาบาลนครธนพร้อมที่จะเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางเพื่อดูแลทุกครอบครัวของคนย่านพระราม 2โดยได้ประกาศความพร้อมนี้ผ่านการจัดงานนครธน แฟมิลี่ คลับ ด้วยสโลแกนอุ่นใจ…เมื่อใกล้กัน ณ ห้างเซ็นทรัล พระราม 2 ซึ่งในงานจัดให้มีกิจกรรมสำหรับคนรักสุขภาพ ทั้งการเปิดรับสมัครสมาชิกบัตรนครธน แฟมิลี่ คลับ ที่มอบสิทธิประโยชน์เมื่อมาใช้บริการ การให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การตรวจสุขภาพ และแสดงนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยโดย รศ.ญาณเดช ทองสิมา ให้เกียรติเป็นประธาน และมีคณะผู้บริหารโรงพยาบาลมาร่วมงาน อาทิ ศ.คลินิก นพ.วิโรจน์ กวินวงศ์โกวิทคุณวิศาล สายเพ็ชร์ นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร และคุณเพ็ญศิริ ทองสิมา

5_2

นอกจากนี้ โรงพยาบานครธน ยังได้เชิญนักแสดงต่างวัยต่างสไตล์มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เรื่องราวสุขภาพของตัวเองโดยมีแพทย์เฉพาะทางมาให้คำแนะนำที่ผู้ร่วมงานสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อเป็นการดูแลตัวเองในเบื้องต้นได้

เริ่มที่พญ.วาสนา ปัญจชัยพรพล กุมารแพทย์ทั่วไป รศ.พญ.รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้ และ พญ.กุลนิดา เต็มชวาลา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ที่มาพูดคุยในหัวข้อ ลูกน้อยแข็งแรง วางแผนตั้งแต่แรกคลอด โดยมี โบว์ แวนด้า สหวงษ์ และน้องมะลิ มาร่วมพูดคุยปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับโรคทั่วไปที่เด็กๆ มักจะเป็นกันบ่อย รวมไปถึงปัญหาสุขภาพจิตและพัฒนาการทางอารมณ์ซึ่งคุณหมอทั้ง 3 ท่านได้ให้คำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางให้บรรดาคุณพ่อคุณแม่วางแผนดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของลูก โดยกล่าวว่า

“เด็กในวัยแรกเกิดจะมีอารมณ์ต่างกันเลี้ยงง่ายเลี้ยงยากต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้เวลาปรับตัว และต้องเข้าใจพฤติกรรมในแต่ละช่วงวัยของเขา เพื่อที่จะได้ดูแลได้อย่างเหมาะสม เมื่ออายุ2-3 ขวบ เขาจะมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไม่สนใจคนอื่น มีอาการก้าวร้าว อาละวาด เพราะเขาคิดว่าความคิดของเขาใหญ่ที่สุด ใครที่มากำหนดคือศัตรูของเขา ในวัยนี้จะคุยด้วยเหตุผลไม่ได้ เพราะเขายังไม่มีเหตุผล คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจว่าเป็นพัฒนาการปกติ ถ้าร้องอาละวาด ก็ปล่อยให้แสดงอารมรณ์ไปก่อน ไม่ดุ ไม่ว่า และเพิกเฉย ให้เขาสงบอารมรณ์ตัวเอง เพราะถ้าไปดุว่าเขาจะมีอารมณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

6_2

สำหรับพัฒนาการด้านจิตใจของเด็กในวัย 4 ขวบ จะพบว่าเด็กวัยนี้มีจินตนาการสูง แอคติ้งเก่ง บางคนแกล้งร้องไห้ หรือสมมุติว่าตัวเองเป็นนางฟ้า ก็ให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่าเป็นจินตนาการจากการที่เขาไปพบเจอเรื่องราวต่างๆ มาส่วนเรื่องปัญหาสุขภาพ เด็กวัยนี้ยังเป็นช่วงที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เพราะภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรง ยิ่งถ้าไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ เช่น โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ก็มีโอกาสได้รับเชื้อและไม่สบายได้ง่าย ที่พบบ่อยคือการติดเชื้อทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร หรืออาจติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นอย่างไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ อาการภูมิแพ้ในเด็กวัยนื้อย่างน้ำมูกไหล ไข้หวัด ก็พบได้มากขึ้น เมื่อก่อนมีแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เป็นเพิ่มเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงการแพ้อาหารก็มีบ่อยขึ้น ดังนั้นในช่วงที่ลูกอยู่ในวัยแรกเกิดจนถึง 4 ขวบต้องใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิด ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติไปหรืออยู่ในระดับที่คุณพ่อคุณแม่ดูแลเองไม่ได้”

1_8

ผ่านช่วงวัยเด็กไปแล้ว ขยับขึ้นมาพูดคุยกับปัญหาสุขภาพของวัยทำงาน ในหัวข้อ ไขทุกข้อข้องใจ คลายปวดทุกปัญหา กระดูกและข้อโดยมีดาราสาว รถเมล์ คะนึงนิจ ในฐานะตัวแทนของเวิร์กกิ้งวูเมนที่ทำงานเยอะจนมีอาการปวดเมื่อยและยังมีคุณแม่ที่เริ่มมีอาการปวดเข่า มาร่วมพูดคุยกับ ศ.คลินิก นพ.วิโรจน์ กวินวงศ์โกวิท และทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ซึ่งคุณหมอได้ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า อาการปวดเมื่อยตามร่างกายพบได้ทั้งวัยทำงานและผู้สูงอายุ จึงอยากแนะนำให้ใส่ใจตั้งแต่ท่านั่งถึงท่านอน การนั่งที่ถูกต้องคือก้นต้องชิดพนักพิง โดยพนักพิงควรเอียง 100-110 องศา ถ้ามีหมอนหนุนก็จะทำให้เข้ากับสรีระและนั่งได้นานขึ้น แต่ไม่ควรอยู่ท่าใดท่าหนึ่งเกิน 40 นาที ต้องเปลี่ยนท่าให้กล้ามเนื้อได้คลายตัวเพื่อให้เลือดมาเลี้ยง ถ้าอยู่ท่าเดิมนานๆ เลือดจะไม่หมุนเวียน ทำให้ล้า เกิดการอักเสบ ปวดเมื่อย รวมไปถึงการนั่งรถด้วย ยิ่งผู้สูงอายุ ถ้าต้องนั่งรถนานๆ ควรหาที่หยุดพักเป็นระยะ โดยเฉพาะรถเตี้ย ทำให้งอเข่านาน ข้อเข่าจะติด ควรขยับให้มีเลือดมาเลี้ยง ส่วนเวลานอน หลายคนมักจะเอาหมอนมาหนุนที่เข่า แม้ว่าจะรู้สึกสบายก็จริงแต่ไม่แนะนำ ยิ่งคนที่มีอาการข้อเข่าเริ่มเสื่อมยิ่งต้องเลี่ยง

7_1

สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นอีกโรคหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะปัจจุบันคนเป็นโรคนี้กันมากขึ้น และเป็นในวัยที่ช่วงอายุน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อก่อนเป็นโรคนี้กันตอนอายุ 60 ปี แต่ปัจจุบัน 50 ปีก็เป็น ปัจจัยเสี่ยง คือ อายุน้ำหนัก และการใช้งาน อาการของข้อเข่าเสื่อมคือผิวข้อจะเริ่มทรุด สึกกร่อน ขรุขระ ทำให้เวลาเดินจะเจ็บ ปวด ระบม ถ้าเป็นเยอะจะทำให้ข้อเข่าโก่งงอผิดรูป หลักการดูแลเบื้องต้น ควรปรับพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการ คนที่นั่งกับพื้น นั่งขัดสมาธิ พับเพียบให้เปลี่ยนมานั่งเก้าอี้ หากมีอาการปวด แพทย์จะให้ยาลดปวดลดอักเสบแต่ถ้ายาไม่ได้ผล จะต้องเอ็กซเรย์เพื่อดูว่าเสื่อมมากน้อยแค่ไหน ถ้าเสื่อมมากต้องผ่าตัด ถ้าเสื่อมระยะท้ายๆ ต้องพิจารณาเปลี่ยนข้อเข่าเทียม

นอกจากโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว กระดูกพรุนก็เป็นอีกภาวะหนึ่งที่พบได้บ่อย เนื่องจากคนไทยรับประทานแคลเซียมและวิตามินดีน้อย และไม่ค่อยออกกำลังกาย เราสามารถป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยรับประทานแคลเซียมซึ่งมีมากในนม ส่วนวิตามินที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมพบได้ในไขมัน และหมั่นออกกำลังกาย เพียงเดินต่อเนื่องทุกวันๆ ละครึ่งชั่วโมง จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระดูกไว้เป็นต้นทุนสำหรับวันข้างหน้าที่อายุมากขึ้นโดยเฉพาะหญิงวัยหมดประจำเดือนที่ขาดเอสโทรเจน ซึ่งเอสโทรเจนเป็นเป็นตัวต้านไม่ให้เซลล์ทำลายกระดูกออกมาทำงาน”

ปิดท้ายกับนักแสดงหนุ่ม ซัน ประชากร ที่มาพูดคุยในหัวข้อ ล้วงลับเรื่องตับและลำไส้ ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจพบได้กลุ่มคนที่นิยมดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารไม่ถูกต้อง ทำงานไม่เป็นเวลา โดยมี ผศ.พญ.พจมาน พิศาลประภาอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร และนพ.สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารมาวิเคราะห์เจาะลึกปัญหานี้ว่า “ไขมันพอกตับและตับแข็ง รวมทั้งมะเร็งตับ เป็นโรคที่หลายคนเริ่มเป็นกังวล อย่างที่เราทราบกันว่าคนที่มีความเสี่ยงคือคนที่ดื่มแอลกอฮอลล์ ยิ่งดื่มต่อเนื่องเป็น 10 ปี จะยิ่งเป็นตับแข็งได้ หลายคนถามว่าในเบียร์มีแคลเซียมและดื่มเหล้าก็ทำให้เลือดสูบฉีดได้ดี ถ้าเราดื่มในปริมาณที่พอเหมาะนั้นจะได้หรือไม่ในฐานะหมอโรคตับ ไม่อยากได้ดื่มแม้แต่หยดเดียว แต่ในชีวิตจริงก็ยอมรับว่าบางคนต้องเข้าสังคม ถ้าจะดื่มเดือนละแก้วก็โอเค แต่ถ้าจะดื่มทุกวันจริงๆ ให้ได้แค่วันละหนึ่งดริ๊งค์คือก้นแก้วไวน์ หรือเบียร์หนึ่งกระป๋องเท่านั้น ถ้าเกินกว่าเสี่ยงเป็นโรคตับแน่นอกจากคนที่ดื่มแอลกอฮอลล์แล้ว คนที่น้ำหนักมากก็เสี่ยงไม่แพ้กัน จากสถิติคนอ้วนมากจะพบไขมันพอกตับร้อยละ 90 ถ้าเป็นเบาหวานพบร้อยละ 70 แต่ถ้าไม่เป็นโรคอะไรแค่ท้วมอย่างเดียว โอกาสเจอร้อยละ 50 แล้วถ้าคนอ้วนหรือท้วมดื่มแอลกอฮอลล์ด้วย ความเสี่ยงก็จะสูงขึ้น ภัยเงียบของไขมันพอกตับคือ ตับเป็นอวัยวะที่อยู่ภายใน หากไม่ตรวจสุขภาพ กว่าจะเจออาจเป็นตับแข็งและมะเร็งตับไปเลย ดังนั้นการคัดกรองจะเป็นวิธีที่ป้องกันที่ดี ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือที่ทันสมัยอย่างไฟโบรสแกน สามารถบอกได้ว่าไขมันในตับมีเท่าไหร่ ตับเริ่มแข็งหรือยัง ถ้าตรวจพบเร็ว เพียงปรับพฤติกรรม ลดน้ำหนักรับประทานอาหารที่ดีไขมันในตับก็ลดลงเองได้

3_1

นอกจากตับแล้ว ลำไส้ก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่อยู่ข้างใน ซึ่งปัจจุบันโรคลำไส้มีมากมาย ที่พบบ่อยในวัยทำงาน ได้แก่ โรคลำไส้แปรปรวน บางคนต้องเร่งรีบ เครียด รับประทานอาหารรสจัด ทำให้ปวดท้องและขับถ่ายผิดปกติได้ บางคนมีอาการถ่ายลำบาก ถ่ายบ่อย ถ่ายเหลว ถ้ามีอาการแบบนี้ต้องปรับพฤติกรรมการกิน ปรับเรื่องความเครียด อาการก็จะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อายุเกิน 50 ปี หรือญาติสายตรงมีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็ไม่ควรละเลย อาจไม่ใช่ลำไส้แปรปรวนธรรมดา อาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่เพราะถ้ามีญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ซึ่งการเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดโดยการส่องกล้องระบบทางเดินอาหารที่ทันสมัยจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า”

ฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากโรงพยาบาลนครธนไปแล้ว คงจะทำให้หลายคนอุ่นใจขึ้นเพราะจะได้มีแนวทางง่ายๆ เพื่อนำไปดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีแต่คุณหมอก็ย้ำเตือนกันว่าถ้าเมื่อใดที่ไม่แน่ใจว่าวิธีที่ทำอยู่ถูกต้องหรือเปล่า หรือทำแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นการไปพบแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญโดยตรงน่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่า

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 21/05/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,600.00 19,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,270.00 19,253.20 20,200.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,143.00 17,327.88 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 572.00 8,671.52 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 445.00 6,746.20 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,316.00 19,950.56 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  21/05/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
30.25
แก๊สโซฮอล E-20
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
27.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.74 21.74 21.74 21.74
แก๊สโซฮอล 91 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98 29.98
เบนซิน 95 37.36 37.81 37.86 37.36 37.36 37.36
ดีเซลหมุนเร็ว
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
29.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 32.79 33.66 33.66 33.66 33.66
มีผลตั้งแต่ 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00 19 May 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า