สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2561

เปิดเทรนด์ใหม่อสังหาฯ! SCB ชี้ตลาดบ้านอิ่มตัว เอกชนดิ้นหารายได้รูปแบบใหม่

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ไทยพาณิชย์ เผย เห็นสัญญาณดีเวลอปเปอร์รายใหม่-รายเก่า แห่เปิดอาคารสำนักงาน-โรงแรม-ศูนย์สุขภาพ จับมือต่างชาติลงทุน เบนเข็มหารายได้เซ็กเมนต์ใหม่ หลังตลาดอสังหาริมทรัพย์ซื้อมาขายไปเริ่มอิ่มตัว พร้อมประเมินตลาดที่อยู่อาศัยปี 61 โต 7% มูลค่าโอน 4.6 แสนล้านบาท

วิธาน เจริญผล
ผู้อำนวยการอาวุโสคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

นายวิธาน เจริญผล ผู้อำนวยการอาวุโสคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วง 2-3 ปีจากนี้ไป จะเห็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลอปเปอร์) เริ่มแสวงหารายได้ในรูปแบบใหม่ ๆ จากเดิมที่จะใช้วิธีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัย รอขาย และปิดโครงการ เพื่อรองรับรายได้ แต่หลังจากนี้ จะเริ่มเห็นผู้ประกอบการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น เพราะมองว่า การซื้อมาขายไปตลาดค่อนข้างเริ่มอิ่มตัวและไม่ได้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดเหมือนในอดีต

ดังนั้น แนวโน้มจะเห็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหม่และรายเก่า หันมาทำตลาดประเภทอื่นมากขึ้น เช่น ผู้ประกอบการรายเก่าหันมาพัฒนาอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล หรือผู้ประกอบการรายใหม่หันมาทำโรงแรม หรือ ศูนย์ดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ไม่ได้เฉพาะแค่ลูกค้าต่างประเทศ แต่ลูกค้าไทยก็มีจำนวนมากเช่นกัน หรือ โครงการ Mixed Use ที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมากในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน หากอยู่ในทำเลที่ตั้งใกล้ชุมชนและสภาพแวดล้อมที่ดีใกล้แหล่งอาหารและเครื่องดื่ม จะยิ่งทำให้มีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้นถึง 15%

ทั้งนี้ จากทิศทางที่ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการร่วมมือกับต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในแง่ของเม็ดเงินลงทุนและความรู้จากต่างประเทศที่จะมาช่วยพัฒนาโครงการ รวมถึงสามารถขยายฐานลูกค้าต่างชาติ จึงเกิดการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติเอง มองตลาดไทยกำลังเติบโตและจะมีการลงทุนในโครงการต่อขยายรถไฟฟ้าเพิ่มอีกหลายสาย จึงเป็นโอกาสที่จะลงทุน และจะเห็นว่า ผลตอบแทนการลงทุนค่อนข้างดี อย่าง โครงการ Mixed Use ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยค่อนข้างสูง จึงเกิดการร่วมลงทุนระหว่างดีเวลอปเปอร์ไทยและนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น หากดูสัดส่วนการลงทุนโดยตรง (FDI) รายประเทศที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงปี 2558-2560 พบว่า ฮ่องกงมีสัดส่วนลงทุนสูงถึง 21% สหภาพยุโรป 19% สหรัฐอเมริกา 17% สิงคโปร์ 13% และญี่ปุ่น 5%

“เราเริ่มเห็นภาพดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ ๆ ในตลาดเริ่มย้ายไปทำในตลาดใหม่ ๆ เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ จากเดิมที่สร้างและขาย เพราะซื้อมาขายไปคงไม่บูมเหมือนในอดีต แต่ด้วยโครงการมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงต้องร่วมมือกับต่างชาติที่มีโนว์ฮาวและเงินลงทุนเข้ามาร่วมทุน และต่างชาติก็มองไทยยังเติบโตได้ รวมถึงต่างชาติที่นิยมเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้น เช่น ชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน”

สำหรับภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2561 นายวิธาน กล่าวว่า เฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีอัตราเติบโตที่ 7% คิดเป็นมูลค่าการโอน 4.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 46% บ้านเดี่ยว 23% ทาวน์เฮาส์ 21% จากปี 2560 อยู่ที่ 4.3 แสนล้านบาท หากรวมตลาดต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 7-9 แสนล้านบาท โดยคาดว่า ตลาดต่างจังหวัดน่าจะเติบโต 2-3% ขณะที่ จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์โตที่ 3% จาก 1.63 แสนยูนิต เพิ่มเป็น 1.69 แสนยูนิต ซึ่งไตรมาส 1 ยอดการโอนเติบโตได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยมียอดการโอนเติบโตแล้ว 20-30% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ค่อนข้างนิ่งอยู่ที่ 2-3% เนื่องจากสถาบันการเงินยังคงมาตรฐานความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังเป็นความท้าทายและต้องจับตามองในปีนี้ เป็นเรื่องจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายที่มีสะสมตั้งแต่ปี 2556 กว่า 1.7 แสนยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 40% และทาวน์เฮาส์ 20% แม้ว่าจะเป็นอัตราที่เทียบเท่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และมีทิศทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่าห่วงหรือกังวลมากนัก เพราะปัจจุบัน ยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เช่น ชะลอเปิดโครงการใหม่ หรือ เปิดโครงการในตลาดที่มีกำลังซื้อ ซึ่งการระบายยอดเหลือขายอาจจะต้องใช้เวลาเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง ปีนี้คาดว่าโครงการใหม่และยอดระบายเหลือขายน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดิม

“ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์ใหม่ เช่น พัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น แอพพลิเคชันบริการหลังการขาย เพราะคนจะเริ่มหาข้อมูลในโซเชียลมากขึ้น หรือ พัฒนาเทคโนโลยี การดึง Big Data มาวิเคราะห์ตลาด เพื่อสร้างโปรดักต์ที่ตอบโจทย์และโดนใจผู้บริโภคมากขึ้น”

http://www.thansettakij.com


กทม.ลุยรถไฟฟ้า “บางนา-สุวรรณภูมิ” BTS ลุ้นชิงดำสัมปทาน 2.7 หมื่นล้าน

ผลการศึกษาแล้วเสร็จไปเมื่อปี 2556 โครงการรถไฟฟ้าขนาดเบาหรือไลต์เรลสายบางนา-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.3 กม. ที่ “กทม.-กรุงเทพมหานคร” ผลักดันมาหลายปี มีความคืบหน้าล่าสุด ณ มิ.ย. 2561 กทม.กำลังลุ้นให้ผ่านการอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) ซึ่งอยู่ในขั้นของการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ยังไม่รู้ถึงสิ้นปีนี้จะได้รับไฟเขียวหรือไม่
 
แต่เพื่อให้โครงการเดินหน้าเร็วขึ้น “กทม.” ทำรายละเอียดเอกสารให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนคู่ขนานไปด้วย เป็นรูปแบบ PPP Net Cost ระยะเวลา 30 ปี เพื่อลดภาระงบประมาณ ซึ่งโมเดลนี้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจร(คจร.) ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งโครงการใช้เงินลงทุน 27,892 ล้านบาท ตลอดระยะทาง มี 14 สถานี แบ่งก่อสร้าง 2 ระยะ ในระยะแรกสร้างจาก “แยกบางนา-ธนาซิตี้” จำนวน 12 สถานีและระยะที่ 2 จาก “ธนาซิตี้-สุวรรณภูมิด้านใต้” จำนวน 2 สถานี ตลอดเส้นทางมีจุดต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีบางนากับสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรงที่สถานีวัดศรีเอี่ยม
รูปแบบก่อสร้างเป็นโครงสร้างยกระดับบนแนวถนนบางนา-ตราด ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.)ได้อนุมัติให้เข้าใช้พื้นที่แล้ว สำหรับจุดที่ตั้งสถานี เริ่มจาก “สถานีบางนา” อยู่ใกล้สี่แยกบางนามีสกายวอล์กเดินเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอสฝั่งอาคารไบเทค ระยะทางประมาณ 550 เมตร
“สถานีประภามนตรี” อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์และเยื้องกับโรงเรียนประภามนตรี “สถานีบางนา-ตราด 17” อยู่ปากซอยบางนา-ตราด 17 และยังเป็นซอยที่เชื่อมไปยังอุดมสุข 42
“สถานีบางนา-ตราด 25” ใกล้ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีและเซ็นทรัลบางนา “สถานีวัดศรีเอี่ยม” จะสร้างคร่อมทางแยกต่างระดับวัดศรีเอี่ยม และรองรับกับสายสีเหลือง “สถานีเปรมฤทัย” อยู่ตรงข้ามกับอาคารเนชั่น
“สถานีบางนา-กม.6” อยู่บริเวณกม.6 “สถานีบางแก้ว”อยู่ตรงด่านบางแก้ว เลยไปเป็น “สถานีกาญจนาภิเษก” อยู่ตรงข้ามกับเมกะบางนา “สถานีวัดสลุด” อยู่เยื้องกับซอยวัดสลุดกับห้างบุญถาวร “สถานีกิ่งแก้ว” อยู่หน้าตลาดกิ่งแก้ว
ปิดท้ายสถานีสุดท้ายของเฟสแรก “สถานีธนาซิตี้” อยู่หน้าหมู่บ้านธนาซิตี้ จะอยู่ใกล้กับอาคารโรงจอดและซ่อมบำรุง(เดโป้) ที่จะขอใช้พื้นที่ว่าง 29 ไร่
ด้านหน้าโครงการธนาซิตี้ก่อสร้าง สำหรับ 2 สถานีที่จะสร้างในอนาคตมี “สถานีมหาวิทยาลัยเกริก” และ “สถานีสุวรรณภูมิใต้” อยู่ภายในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิส่วนด้านใต้
ส่วนระยะเวลาก่อสร้างเนื่องจากไม่มีการเวนคืนที่ดิน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จใน 3 ปี นับจากเริ่มตอกเข็ม
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษา ในปีแรกเปิดบริการจะมีปริมาณผู้โดยสาร 42,720 เที่ยวคนต่อวัน ขณะที่อัตราค่าโดยสารเก็บตามระยะทาง เริ่มต้น 12 บาท และเก็บเพิ่มกิโลเมตรละ 2 บาท
แต่เพื่อเป็นการจูงใจให้คนมาใช้บริการมากขึ้น ทางที่ปรึกษามีทางเลือกเป็นออปชั่นเสริมให้ กทม.พิจารณา คิดค่าโดยสารราคาเดียวในอัตรา 20 บาทตลอดสาย
ถึงจะยังไม่ได้ฤกษ์ตอกเข็มที่แน่นอน แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รถไฟฟ้าสายนี้เป็นที่เฝ้ารอของภาคเอกชนที่เข้าไปลงทุนในย่านบางนา
ไม่ว่าตระกูลอัมพุชที่จะลงทุนศูนย์การค้าขนาดยักษ์ “แบงค็อก มอลล์” รวมถึง “คีรี กาญจนพาสน์” เจ้าพ่อรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งก็สนใจไม่น้อย และบันทึกโครงการนี้ไว้ในบัญชีที่เจ้าพ่อบีทีเอสจะร่วมประมูลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดธุรกิจทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ตอนนี้ต่อขยายไปถึงสมุทรปราการและพลิกฟื้นที่ดินย่านบางนายังเหลืออยู่ในมืออีกหลาย 100 ไร่ให้คึกคัก

http://www.bkkcitismart.com


สศก.ออก 3 มาตรการช่วยสับปะรดราคาตกต่ำ

สศก.ออก 3 มาตรการช่วยสับปะรดราคาตกต่ำ คาดครึ่งปีหลังราคาจะดีขึ้น

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงถึงสถานการณ์ราคาสินค้าสับปะรด ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 5 เดือนแรก (มกราคม พฤษภาคม) สับปะรดโรงงานกิโลกรัมละ 3.14 บาท ลดลงจาก 6.29 บาท ในช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 50.07 สับปะรดบริโภคกิโลกรัมละ 3.14 บาท ลดลงจาก 12.28 บาท ในช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 35.26 เนื่องจาก ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วง พ.ค. มิ.ย. และตลาดส่งออกชะลอการสั่งซื้อ ทำให้โรงงานแปรรูปต้องลดกำลังการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ส่งผลให้มีสับปะรดส่วนเกินความต้องการของโรงงานแปรรูป

ส่วนราคาสับปะรดหน้าโรงงาน (ม.ค. พ.ค. 61) ภาคตะวันตก (ประจวบคีรีขันธ์) กิโลกรัมละ 3.63 3.85 บาท ภาคตะวันออก (ระยอง ชลบุรี) กิโลกรัมละ 3.49 3.66 บาท ทั้งนี้ ครึ่งปีหลัง 2561 สถานการณ์ราคาจะกระเตื้องขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดไปแล้วกว่าร้อยละ 60

ด้านมาตรการดำเนินการช่วยเหลือ มติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 วันที่ 10 เมษายน 2561 ได้เห็นชอบ
1) มาตรการนำสับปะรดส่วนเกินออกนอกระบบ โดยกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต (โดย พาณิชย์จังหวัด+ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
2) มาตรการผลักดันการส่งออกและขยายตลาดต่างประเทศ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำ (MOU) รูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) ในรัสเซีย อิหร่าน และเชื่อมโยงการค้า ขยายตลาดใหม่ USA EU และอาเซียน
3) มาตรการรณรงค์การบริโภคสับปะรดผลสดเพิ่มขึ้น (กรมการค้าภายในส่งเสริมการบริโภคสับปะรดสดในประเทศ)

นอกจากนี้ มีมาตรการสนับสนุนมติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ของกระทรวงเกษตรฯ โดย อ.ต.ก. จัดงานส่งเสริมการบริโภคสับปะรด ช่วงพฤษภาคม มิถุนายน (วันที่ 1-10 พฤษภาคม จำหน่ายได้ 9.6 ตัน) สนับสนุนการการกระจายผลผลิตผ่านเครือข่ายสหกรณ์ (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มิ.ย.61 ลำปาง 163 ตัน ระยอง 109 ตัน) โดยแต่ละจังหวัดได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานส่งเสริมการบริโภคสับปะรดผลสดในจังหวัด รณรงค์การบริโภคสับปะรด ทั่วประเทศ และขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ เช่น สถานประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม สถานศึกษา สถานพยาบาล เรือนจำ นำผลผลิตสับปะรดมาใช้ในการประกอบการทำอาหาร อีกทั้งกรมปศุสัตว์ ยังได้พิจารณานำสับปะรดไปผลิตเป็นอาหารสัตว์เพิ่มเติม ทำอาหารหมักเลี้ยงโคเนื้อและโคนม การทำ Feed Center ที่ใช้สับปะรดผลสดเป็นวัตถุดิบด้วย

http://www.bangkokbiznews.com


กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% เพิ่มเป้าจีดีพีโต 4.4%

คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติ 5 ต่อ 1 คงดอกเบี้ย 1.5% เพิ่มเป้าจีดีพีโต 4.4% โดยกรรมการ 1 ท่านลาประชุม

กนง.เสียงแตกอีกรอบ มีมติ 5:1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ห่วงความเสี่ยงสงครามการค้าอาจกระทบส่งออก ส่วนเงินทุนไหลออกยังไม่กระทบเศรษฐกิจจริง ชี้ไทยมีกันชนมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศ ปรับจีดีพีปีนี้ขึ้นเป็น 4.4% จากเดิม 4.1% ปรับส่งออกโต9% จากเดิม7%

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ5 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%  ต่อปี โดย 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก1.50 %เป็น1.75 %ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการ 1 ท่านลาประชุม

ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและ สูงกว่าที่ประเมินไว้เดิมตามอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่มีแรงส่งเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นกว่า ที่ประเมินไว้เล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ภาวะการเงินโดยรวมยัง อยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี

ในการประชุมรอบนี้จึงได้ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นเป็น 4.4% จากเดิม 4.1%  ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 4.2% จากคาดการณ์เดิม4.1%   ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปีนี้เป็น 1.1%  จากเดิม 1.0%  ปรับส่งออกปีนี้โต 9% จากคาดการณ์เดิม7%  ปรับลงทุนเอกชนขึ้นเป็น 3.7% จากคาดการณ์เดิม 3.0%

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่า ลงเทียบกับดอลลาร์ และเคลื่อนไหวผันผวน จากทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศ อุตสาหกรรมหลัก รวมทั้งความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าและความเสี่ยงของประเทศ เศรษฐกิจเกิดใหม่ ในระยะข้างหน้าอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งจากปัจจัยด้าน ต่างประเทศและในประเทศ แต่ต้องติดตามความเข้มแข็งของอุปสงค์ในประเทศและพัฒนาการของเงินเฟ้อใน ระยะต่อไป รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากผลกระทบของการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศซึ่งมีความไม่แน่นอน อยู่มาก คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป

“คณะกรรมการมีการประเมินเรื่องเงินทุนไหลออก พบว่ายังไม่กระทบภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง กระทบในส่วนตลาดหุ้น และตราสารหนี้ ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศ จึงให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตามต้องติดตามเรื่องสงครามการค้า ที่อาจจะกระทบการส่งออกในระยะต่อไป เพราะสถานการณ์คงไม่จบง่ายๆ”

http://www.bangkokbiznews.com


‘ตูน บอดี้สแลม’ และก้าวคนละก้าว กลับมาแล้ว!

“ตูน บอดี้สแลม” เตรียมต่อยอดโครงการก้าวคนละก้าว ฉายภาพยนตร์สารคดีฟรี รายได้มอบสมทบก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา รพ.ศิริราช

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม กล่าวในงาน 50 ปี แพทยสภาที่อิมเพค เมืองทองธานีว่า ประมาณเดือนกันยายน 2561 จะมีการฉายภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับโครงการก้างคนละก้าว โดยจะเป็นการแสดงให้เห็นตั้งแต่การเริ่มประชุมโครงการ การฝึกซ้อม ช่วงวิ่งจนถึงวันเข้าเส้นชัยที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งจะเป็นการฉายให้ประชาชนฟรีให้ได้มากที่สุดตาใพื้นที่ต่างๆตามกำลังความสามารถของตนเองที่จะหาผู้สนับสนุนในการฉาย ทั้งนี้ รายได้จะมอบเป็นการสมทบทุนก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา รพ.ศิริรราช และเพื่อใช้ในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์อีกมากมาย

“ได้รับทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อหลาย10 ปีก่อน มีแพทย์ออกวิ่งจากเชียงใหม่มาถึงกรุงเทพฯเพื่อขอรับบริจาคเงินในการซื้อเครื่องมือทางการแพทย์มาก่อน ซึ่งเป็นการทำเพื่อคนไข้ ทำให้รู้สึกว่าแพทย์ต้องทำเพื่อช่วยเหลือคนไข้ในทุกมิติเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำอะไรได้เพื่อช่วยแบ่งเบาคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ได้ก็วรทำ รายได้จากการต่อยอดโครงการก้าวในการฉายภาพยนตร์สารคดี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษาให้สำเร็จ”นายอาทิวราห์กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 21/06/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,650.00 19,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,273.00 19,298.68 20,250.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,145.70 17,368.81 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 573.00 8,686.68 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 446.00 6,761.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,319.00 19,996.04 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  21/06/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98
เบนซิน 95 36.36
36.81
36.86 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.79 31.79 31.79 31.79 31.79
มีผลตั้งแต่ 29 May 05:00 29 May 05:00 14 Jun 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00

 

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า