ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,650.00 | 19,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,273.00 | 19,298.68 | 20,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,145.70 | 17,368.81 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 573.00 | 8,686.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 446.00 | 6,761.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,319.00 | 19,996.04 | n/a |
เปิดเทรนด์ใหม่อสังหาฯ! SCB ชี้ตลาดบ้านอิ่มตัว เอกชนดิ้นหารายได้รูปแบบใหม่
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ไทยพาณิชย์ เผย เห็นสัญญาณดีเวลอปเปอร์รายใหม่-รายเก่า แห่เปิดอาคารสำนักงาน-โรงแรม-ศูนย์สุขภาพ จับมือต่างชาติลงทุน เบนเข็มหารายได้เซ็กเมนต์ใหม่ หลังตลาดอสังหาริมทรัพย์ซื้อมาขายไปเริ่มอิ่มตัว พร้อมประเมินตลาดที่อยู่อาศัยปี 61 โต 7% มูลค่าโอน 4.6 แสนล้านบาท
วิธาน เจริญผล
ผู้อำนวยการอาวุโสคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
นายวิธาน เจริญผล ผู้อำนวยการอาวุโสคลัสเตอร์ธุรกิจบริการ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วง 2-3 ปีจากนี้ไป จะเห็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลอปเปอร์) เริ่มแสวงหารายได้ในรูปแบบใหม่ ๆ จากเดิมที่จะใช้วิธีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัย รอขาย และปิดโครงการ เพื่อรองรับรายได้ แต่หลังจากนี้ จะเริ่มเห็นผู้ประกอบการมองหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น เพราะมองว่า การซื้อมาขายไปตลาดค่อนข้างเริ่มอิ่มตัวและไม่ได้ขยายตัวแบบก้าวกระโดดเหมือนในอดีต
ดังนั้น แนวโน้มจะเห็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหม่และรายเก่า หันมาทำตลาดประเภทอื่นมากขึ้น เช่น ผู้ประกอบการรายเก่าหันมาพัฒนาอาคารสำนักงาน โรงพยาบาล หรือผู้ประกอบการรายใหม่หันมาทำโรงแรม หรือ ศูนย์ดูแลสุขภาพ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ไม่ได้เฉพาะแค่ลูกค้าต่างประเทศ แต่ลูกค้าไทยก็มีจำนวนมากเช่นกัน หรือ โครงการ Mixed Use ที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างมากในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน หากอยู่ในทำเลที่ตั้งใกล้ชุมชนและสภาพแวดล้อมที่ดีใกล้แหล่งอาหารและเครื่องดื่ม จะยิ่งทำให้มีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้นถึง 15%
ทั้งนี้ จากทิศทางที่ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการร่วมมือกับต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในแง่ของเม็ดเงินลงทุนและความรู้จากต่างประเทศที่จะมาช่วยพัฒนาโครงการ รวมถึงสามารถขยายฐานลูกค้าต่างชาติ จึงเกิดการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติเอง มองตลาดไทยกำลังเติบโตและจะมีการลงทุนในโครงการต่อขยายรถไฟฟ้าเพิ่มอีกหลายสาย จึงเป็นโอกาสที่จะลงทุน และจะเห็นว่า ผลตอบแทนการลงทุนค่อนข้างดี อย่าง โครงการ Mixed Use ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยค่อนข้างสูง จึงเกิดการร่วมลงทุนระหว่างดีเวลอปเปอร์ไทยและนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น หากดูสัดส่วนการลงทุนโดยตรง (FDI) รายประเทศที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงปี 2558-2560 พบว่า ฮ่องกงมีสัดส่วนลงทุนสูงถึง 21% สหภาพยุโรป 19% สหรัฐอเมริกา 17% สิงคโปร์ 13% และญี่ปุ่น 5%
“เราเริ่มเห็นภาพดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ ๆ ในตลาดเริ่มย้ายไปทำในตลาดใหม่ ๆ เพื่อหารายได้ใหม่ ๆ จากเดิมที่สร้างและขาย เพราะซื้อมาขายไปคงไม่บูมเหมือนในอดีต แต่ด้วยโครงการมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงต้องร่วมมือกับต่างชาติที่มีโนว์ฮาวและเงินลงทุนเข้ามาร่วมทุน และต่างชาติก็มองไทยยังเติบโตได้ รวมถึงต่างชาติที่นิยมเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในไทยเพิ่มขึ้น เช่น ชาวสิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน”
สำหรับภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2561 นายวิธาน กล่าวว่า เฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีอัตราเติบโตที่ 7% คิดเป็นมูลค่าการโอน 4.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 46% บ้านเดี่ยว 23% ทาวน์เฮาส์ 21% จากปี 2560 อยู่ที่ 4.3 แสนล้านบาท หากรวมตลาดต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 7-9 แสนล้านบาท โดยคาดว่า ตลาดต่างจังหวัดน่าจะเติบโต 2-3% ขณะที่ จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์โตที่ 3% จาก 1.63 แสนยูนิต เพิ่มเป็น 1.69 แสนยูนิต ซึ่งไตรมาส 1 ยอดการโอนเติบโตได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยมียอดการโอนเติบโตแล้ว 20-30% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ค่อนข้างนิ่งอยู่ที่ 2-3% เนื่องจากสถาบันการเงินยังคงมาตรฐานความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังเป็นความท้าทายและต้องจับตามองในปีนี้ เป็นเรื่องจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายที่มีสะสมตั้งแต่ปี 2556 กว่า 1.7 แสนยูนิต แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 40% และทาวน์เฮาส์ 20% แม้ว่าจะเป็นอัตราที่เทียบเท่าในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 และมีทิศทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้อยู่ในภาวะที่น่าห่วงหรือกังวลมากนัก เพราะปัจจุบัน ยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เช่น ชะลอเปิดโครงการใหม่ หรือ เปิดโครงการในตลาดที่มีกำลังซื้อ ซึ่งการระบายยอดเหลือขายอาจจะต้องใช้เวลาเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง ปีนี้คาดว่าโครงการใหม่และยอดระบายเหลือขายน่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดิม
“ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์ใหม่ เช่น พัฒนาแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น แอพพลิเคชันบริการหลังการขาย เพราะคนจะเริ่มหาข้อมูลในโซเชียลมากขึ้น หรือ พัฒนาเทคโนโลยี การดึง Big Data มาวิเคราะห์ตลาด เพื่อสร้างโปรดักต์ที่ตอบโจทย์และโดนใจผู้บริโภคมากขึ้น”
http://www.thansettakij.com
กทม.ลุยรถไฟฟ้า “บางนา-สุวรรณภูมิ” BTS ลุ้นชิงดำสัมปทาน 2.7 หมื่นล้าน
http://www.bkkcitismart.com
สศก.ออก 3 มาตรการช่วยสับปะรดราคาตกต่ำ
สศก.ออก 3 มาตรการช่วยสับปะรดราคาตกต่ำ คาดครึ่งปีหลังราคาจะดีขึ้น
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงถึงสถานการณ์ราคาสินค้าสับปะรด ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ย 5 เดือนแรก (มกราคม พฤษภาคม) สับปะรดโรงงานกิโลกรัมละ 3.14 บาท ลดลงจาก 6.29 บาท ในช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 50.07 สับปะรดบริโภคกิโลกรัมละ 3.14 บาท ลดลงจาก 12.28 บาท ในช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 35.26 เนื่องจาก ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วง พ.ค. มิ.ย. และตลาดส่งออกชะลอการสั่งซื้อ ทำให้โรงงานแปรรูปต้องลดกำลังการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ส่งผลให้มีสับปะรดส่วนเกินความต้องการของโรงงานแปรรูป
ส่วนราคาสับปะรดหน้าโรงงาน (ม.ค. พ.ค. 61) ภาคตะวันตก (ประจวบคีรีขันธ์) กิโลกรัมละ 3.63 3.85 บาท ภาคตะวันออก (ระยอง ชลบุรี) กิโลกรัมละ 3.49 3.66 บาท ทั้งนี้ ครึ่งปีหลัง 2561 สถานการณ์ราคาจะกระเตื้องขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดไปแล้วกว่าร้อยละ 60
ด้านมาตรการดำเนินการช่วยเหลือ มติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 วันที่ 10 เมษายน 2561 ได้เห็นชอบ
1) มาตรการนำสับปะรดส่วนเกินออกนอกระบบ โดยกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต (โดย พาณิชย์จังหวัด+ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
2) มาตรการผลักดันการส่งออกและขยายตลาดต่างประเทศ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทำ (MOU) รูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) ในรัสเซีย อิหร่าน และเชื่อมโยงการค้า ขยายตลาดใหม่ USA EU และอาเซียน
3) มาตรการรณรงค์การบริโภคสับปะรดผลสดเพิ่มขึ้น (กรมการค้าภายในส่งเสริมการบริโภคสับปะรดสดในประเทศ)
นอกจากนี้ มีมาตรการสนับสนุนมติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ของกระทรวงเกษตรฯ โดย อ.ต.ก. จัดงานส่งเสริมการบริโภคสับปะรด ช่วงพฤษภาคม มิถุนายน (วันที่ 1-10 พฤษภาคม จำหน่ายได้ 9.6 ตัน) สนับสนุนการการกระจายผลผลิตผ่านเครือข่ายสหกรณ์ (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มิ.ย.61 ลำปาง 163 ตัน ระยอง 109 ตัน) โดยแต่ละจังหวัดได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานส่งเสริมการบริโภคสับปะรดผลสดในจังหวัด รณรงค์การบริโภคสับปะรด ทั่วประเทศ และขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ เช่น สถานประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม สถานศึกษา สถานพยาบาล เรือนจำ นำผลผลิตสับปะรดมาใช้ในการประกอบการทำอาหาร อีกทั้งกรมปศุสัตว์ ยังได้พิจารณานำสับปะรดไปผลิตเป็นอาหารสัตว์เพิ่มเติม ทำอาหารหมักเลี้ยงโคเนื้อและโคนม การทำ Feed Center ที่ใช้สับปะรดผลสดเป็นวัตถุดิบด้วย
http://www.bangkokbiznews.com
กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% เพิ่มเป้าจีดีพีโต 4.4%
คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติ 5 ต่อ 1 คงดอกเบี้ย 1.5% เพิ่มเป้าจีดีพีโต 4.4% โดยกรรมการ 1 ท่านลาประชุม
กนง.เสียงแตกอีกรอบ มีมติ 5:1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ห่วงความเสี่ยงสงครามการค้าอาจกระทบส่งออก ส่วนเงินทุนไหลออกยังไม่กระทบเศรษฐกิจจริง ชี้ไทยมีกันชนมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศ ปรับจีดีพีปีนี้ขึ้นเป็น 4.4% จากเดิม 4.1% ปรับส่งออกโต9% จากเดิม7%
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ5 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดย 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก1.50 %เป็น1.75 %ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการ 1 ท่านลาประชุม
ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและ สูงกว่าที่ประเมินไว้เดิมตามอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่มีแรงส่งเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้นกว่า ที่ประเมินไว้เล็กน้อย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ภาวะการเงินโดยรวมยัง อยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี
ในการประชุมรอบนี้จึงได้ปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นเป็น 4.4% จากเดิม 4.1% ส่วนปีหน้าอยู่ที่ 4.2% จากคาดการณ์เดิม4.1% ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปีนี้เป็น 1.1% จากเดิม 1.0% ปรับส่งออกปีนี้โต 9% จากคาดการณ์เดิม7% ปรับลงทุนเอกชนขึ้นเป็น 3.7% จากคาดการณ์เดิม 3.0%
ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทอ่อนค่า ลงเทียบกับดอลลาร์ และเคลื่อนไหวผันผวน จากทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศ อุตสาหกรรมหลัก รวมทั้งความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าและความเสี่ยงของประเทศ เศรษฐกิจเกิดใหม่ ในระยะข้างหน้าอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งจากปัจจัยด้าน ต่างประเทศและในประเทศ แต่ต้องติดตามความเข้มแข็งของอุปสงค์ในประเทศและพัฒนาการของเงินเฟ้อใน ระยะต่อไป รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากผลกระทบของการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศซึ่งมีความไม่แน่นอน อยู่มาก คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป
“คณะกรรมการมีการประเมินเรื่องเงินทุนไหลออก พบว่ายังไม่กระทบภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง กระทบในส่วนตลาดหุ้น และตราสารหนี้ ซึ่งเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศ จึงให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตามต้องติดตามเรื่องสงครามการค้า ที่อาจจะกระทบการส่งออกในระยะต่อไป เพราะสถานการณ์คงไม่จบง่ายๆ”
http://www.bangkokbiznews.com
‘ตูน บอดี้สแลม’ และก้าวคนละก้าว กลับมาแล้ว!
“ตูน บอดี้สแลม” เตรียมต่อยอดโครงการก้าวคนละก้าว ฉายภาพยนตร์สารคดีฟรี รายได้มอบสมทบก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา รพ.ศิริราช
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม กล่าวในงาน 50 ปี แพทยสภาที่อิมเพค เมืองทองธานีว่า ประมาณเดือนกันยายน 2561 จะมีการฉายภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับโครงการก้างคนละก้าว โดยจะเป็นการแสดงให้เห็นตั้งแต่การเริ่มประชุมโครงการ การฝึกซ้อม ช่วงวิ่งจนถึงวันเข้าเส้นชัยที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งจะเป็นการฉายให้ประชาชนฟรีให้ได้มากที่สุดตาใพื้นที่ต่างๆตามกำลังความสามารถของตนเองที่จะหาผู้สนับสนุนในการฉาย ทั้งนี้ รายได้จะมอบเป็นการสมทบทุนก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา รพ.ศิริรราช และเพื่อใช้ในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์อีกมากมาย
“ได้รับทราบว่าก่อนหน้านี้เมื่อหลาย10 ปีก่อน มีแพทย์ออกวิ่งจากเชียงใหม่มาถึงกรุงเทพฯเพื่อขอรับบริจาคเงินในการซื้อเครื่องมือทางการแพทย์มาก่อน ซึ่งเป็นการทำเพื่อคนไข้ ทำให้รู้สึกว่าแพทย์ต้องทำเพื่อช่วยเหลือคนไข้ในทุกมิติเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำอะไรได้เพื่อช่วยแบ่งเบาคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ได้ก็วรทำ รายได้จากการต่อยอดโครงการก้าวในการฉายภาพยนตร์สารคดี จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การก่อสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษาให้สำเร็จ”นายอาทิวราห์กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 21/06/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 21/06/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
26.74
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.14 | 21.14 | – | – | – | – | – | 21.14 | 21.14 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 | 28.98 |
เบนซิน 95 | 36.36 | – | – | – |
36.81
|
– | 36.86 | 36.86 | 36.86 | 36.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 31.79 | 31.79 | 31.79 | 31.79 | 31.79 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 14 Jun 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 | 29 May 05:00 |