สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2561

พฤกษาฯ ส่งคอนโด “แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” เจาะลูกค้า Middle Income

 

กลุ่มธุรกิจพรีเมียมแนวสูงของพฤกษาฯ เดินหน้าเจาะตลาด เรียลเดีมานด์ หลังตุน Backlog ในมือแล้วกว่า 14,000 ล้านบาท ล่าสุด เตรียมเปิดขายคอนโดฯ “แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” วันที่ 8 – 9 กันยายน 2561 นี้ เริ่ม 2.5 ล้านบาทหรือเฉลี่ย  95,000 บาทต่อ ตร.ม. จับกลุ่มลูกค้า Middle Income ระดับรายได้ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน มั่นใจปิดการขาย 100 % ทั้ง 385 ยูนิตภายในเดือนตุลาคมนี้

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพียงเวลากว่า 1 ปี กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท –พรีเมี่ยม มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่กว่า 14,000 ล้านบาทและ เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป อยู่ที่ 1,000-2,000 ล้านบาท และในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 มียอดขายอยู่ที่ 3,800 ล้านบาทจากเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 6,800 ล้านบาท และในปี 2562 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,000-11,000 ล้านบาท

 

 

สำหรับยอดขายที่ตั้งไว้ในปี 2561 อยู่ที่ 6,800 ล้านบาทนั้น คาดว่าน่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าจากการขายห้องชุดในโครงการที่เปิดไปก่อนหน้านี้แลโครงการที่เปิดล่าสุด นั่นคือ โครงกร “แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” ที่พร้อมจะเปิด Open House 8 – 9 ก.ย. นี้ เริ่ม 2.5 ล้านบาท(เฉลี่ย ตร.ม. ละ 95,000 บาท) ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท ที่ http://chapterone.pruksa.com/ ตั้งเป้าปิดการขาย 100 % ในเดือนตุลาคม 2561 ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เป็นโครงการต่อเนื่องที่ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ Chapter One Shine บางโพ ที่เปิดตัวไปในไตรมาส 2 /2560 สามารถปิดการขายภายใน 2 เดือนด้วยมูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าในไตรมาส 2/2562

สำหรับ โครงการ “แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” เป็นคอนโดฯ High Rise สูง 41 ชั้น 1 อาคาร อาคารจอดรถ 4 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่ ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนประชาราษฎ์สาย 1 ซอย 25 . มีจำนวนห้องพักอาศัย 385 ยูนิต รวมมูลค่า 1,550 ล้านบาท มีแบบห้องให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ ดังนี้ คือ แบบ 1 bedroom City View พื้นที่ใช้สอย 32 ตารางเมตร(ตร.ม.), แบบ 1 bedroom Plus Riverfront พื้นที่ใช้สอย 43 ตร.ม.แบบ, 2 bedroom 1 bath Riverfront พื้นที่ใช้สอย 49 ตร.ม. และแบบ 2 bedroom 2 bath Riverfront พื้นที่ใช้อสย 64 ตร.ม. จับกลุ่มลุกค้าเป้าหมายกลุ่มรายได้ปานกลาง (Middle Income)ระดับ 40,000-50,000 บาท ต่อเดือน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอ EIA ( Environmental Impact Assessment) ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในช่วงปลายปี 2561 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ในปี 2564

ชู 3 จุดเด่นมัดใจกลุ่มลูกค้า Middle Income

จากจุดเด่นใน 3 ด้าน กล่าวคือ ด้านการ “ออกแบบ” ดีไซน์ห้องชุดรวมถึงการออกแบบแลนด์สเคป สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆการจัดเต็มด้วยสวนพักผ่อนขนาดใหญ่ Recreation Garden ด้วยพื้นที่ 2,000 ตร.ม. ดีไซน์ออกมาให้แหวกแนวสุดเท่ ด้วยเส้นสายลายกราฟิกเป็นทางเดินลัดเลาะไปบนเนินบนอาคารจอดรถ พร้อมฟังก์ชั่น Co-Working Space, Party Room, Game Area สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการพื้นที่พักผ่อนในทุกๆ วัน และยังจัดเต็มกับพื้นที่ Facilities ด้านบนสุดของอาคารพักอาศัย กับ Exclusive Lounge Fitness & Yoga Corner พร้อมดีไซน์สระว่ายน้ำเป็น 1 สระ 2 บรรยากาศ (Two Oriented Pool) เพื่อให้ได้ออกกำลังกาย พักผ่อนและชมวิวสวยๆ ยามเย็นบนโค้งน้ำเจ้าพระยา

ระดับ “ราคาขายที่ถูก” กว่าในพื้นที่ใกล้เคียงถือว่าเป็นอีกจุดเด่นของโครงการ“แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” ที่เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆไม่ว่าจะเป็นโซนลาดพร้าวที่ระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 150,000-200,000 บาทต่อตร.ม. รวมถึงทำเลย่านสะพานควายที่พบว่าทั้งราคาขายต่อตารางเมตรที่ปรับขึ้นสูง และราคาที่ดินที่ประกาศขายในตลาดอยู่ที่ 1,9 ล้านบาทต่อตารางวา (ตร.ว.) ทำให้เป็นตัวบ่งชี้ว่า จะทำสินค้าต่ำกว่าแสนบาทต่อตร.ม.นั้นค่อนข้างทำได้ยาก ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าความได้เปรียบใน “ราคาถูก”ของโครงการ “แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” ที่ขายราคาเฉลี่ยที่ 95,000 บาทต่อตร.ม.นั้นจะสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้า Middle Income ได้

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในด้าน “ทำเล” ที่ตั้งโครงการ“แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” คอนโดตากอากาศวิวโค้งน้ำเจ้าพระยาในย่านบางโพ ใกล้จุดเชื่อมต่อระบบคมนาคมของกรุงเทพฯ ทั้งรถไฟฟ้า 2 สาย ทั้ง MRT สายสีน้ำเงิน และ MRT สายสีม่วง และ Bangkok Grand Interchange Station (บางซื่อ-เตาปูน-บางโพ) ใกล้สถานที่สำคัญมากมาย อาทิ รร.โยธินบูรณะ รร.เซนคาเบรียล รร.ราชินีบน รัฐสภาเกียกกาย โรงพยาบาลบางโพ ฯลฯ บริษัทฯมั่นใจว่าจะตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็น เรียลดีมานด์ ระดับรายได้อยู่ที่ 40,000-50,000 บท ต่อครอบครัวต่อเดือน อัตราการผ่อนชำระอยู่ที่ 15,000-17,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องชุดระดับราคา 2.5 ล้านบาท

“ ที่ดินแปลงนี้เราซื้อมาเมื่อ 3 ปีก่อนราคาต่อตารางวาอยู่ที่ 180,000 บาท ถือว่าถูกมาก ถ้าเป็นปัจจุบันราคาก็น่าจะอยุ่ที่ 400,000 บาทต่อตร.ว.”นางอรนุช อิติโกศิน กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจพรีเมียมแนวสูง บริษัท พฤกษาฯกล่าวเสริม พร้อมกับระบุว่า ด้วยต้นทุนที่ดินที่ถูก ทำให้สามารถทำสินค้าออกมาขายในระดับราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในพื้นที่ที่อยู่ในโซนเดียวกัน

คอนโดฯวิวแม่น้ำ “ ซัพพลาย” น้อย “ดีมานด์” ล้น

พร้อมกันนี้ นางอรนุช ยังกล่าวถึงซัพพลายคอนโดมิเนียมในย่านดังกล่าวว่า สำหรับทำเลวิวแม่น้ำเจ้าพระยามีอยู่ 4,000 ยูนิต มีอัตราการขายไปแล้ว 98 % ซึ่งนั่นสะท้อนภาพได้ว่า ซัพพลายที่เหลือขายในตลาดนั้นแทบไม่มี ในขณะที่ความต้องการของตลาดผู้บริโภคมีค่อนข้างสูง สำหรับซัพพลายคอนโดมิเนียมที่อยู่แนวรถไฟฟ้า บนถนนประชาราษฎ์สาย 1มีอยุ่ประมาณ 8,000 ยูนิต เป็นคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2556- ปัจจุบัน มีอัตราการขายไปแล้วประมาณ 60 %

นางอรนุช ยังกล่าวย้ำในตอนท้ายว่า โครงการ “แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ” เป็นคอนโดมิเนียมตากอากาศวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสูง 41 ชั้น ถูกออกแบบมาเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมือง ภายใต้บรรยากาศ Modern Resort ให้การพักผ่อนเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้อย่างสมบรูณ์แบบ ซึ่งปัจจุบันในย่านบางโพแทบจะไม่มีคอนโดมิเนียมวิวแม่น้ำเหลือขายแล้ว

 

 

ที่มา : http://prop2morrow.com


 

2ทายาทตระกูลดัง ร่วมชิงเค้กอสังหาหรู 

 

2ทายาทตระกูลดัง ร่วมชิงเค้กอสังหาหรู

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เซ็กเมนต์คอนโดมิเนียมหรูระดับอัลตราลักซ์ชัวรี่ ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและซื้อลงทุนเก็บไว้ส่งมอบให้ลูกหลานเนื่องจากโครงการเหล่านี้มักจะอยู่ในทำเลมีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินในอนาคต ทั้งนี้ แน่นอนว่าตลาดกลุ่มนี้แม้จะมีกำลังซื้อที่มากแต่เป็นกลุ่มเฉพาะ ดังนั้น สินค้าต้องตอบโจทย์ความต้องการทั้งในแง่ของการออกแบบคุณภาพการก่อสร้างระดับสูง นอกเหนือจากทำเลนั้นถือเป็นแพ็กเกจมูลค่าเพิ่มที่ดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี สำหรับทำเลที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นศูนย์กลางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น สุขุมวิท เพลินจิต หลังสวน ฯลฯ โดยปัจจุบันทำเลศักยภาพบนถนนสุขุมวิทย่านทองหล่อ ถูกจัดไว้ในอันดับต้นๆ ที่มีความต้องการสูงทั้งของนักลงทุนไทยและเทศ ขณะที่ดีเวลอปเปอร์ โดยเฉพาะเจ้าใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ก็ให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้านี้เช่นกัน แม้เค้กจะชิ้นเล็กแต่กำลังซื้อสูง ทำให้เป็นที่สนใจของนักพัฒนาที่มีพร้อมที่จะเข้ามาชิงแชร์ตลาด ล่าสุด บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หรือ วันพ้อยท์ซิกซ์ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ รุ่นใหม่ นำโดยทายาทของ 2 ตะกูลดัง “เจียรวนนท์” กับ “อรรถกระวีสุนทร” จับมือผุดโปรเจกต์ มาสเตอร์พีซบนทำเลทองหล่อ ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าบริษัทได้เปิดตัวโครงการเดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแรกของบริษัทและเป็นคอนโด มิกซ์ยูส ในรูปแบบไฮไรส์ครบวงจรระดับอัลตราลักซ์ชัวรี่ในย่านนี้ ซึ่งมองว่าแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนทำเลทองหล่อเน้นให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสไลฟ์สไตล์ที่โอบล้อมไปด้วยความมีชีวิตชีวาของย่านทองหล่อแบบออลเดย์และออลไนท์ สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อเพียง30 เมตร เป็นอาคารสูง 30 ชั้น ขนาดพื้นที่กว่า 1 ไร่ ออกแบบภายใต้ แนวคิด “Essentially More” ที่สามารถ ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงให้กับลูกบ้านอย่างรอบด้านมากที่สุด ซึ่งโครงการมี 198 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุด4 รูปแบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 48.10 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 3.3 แสนบาท/ตร.ม. หรือเริ่มต้นที่ 16.5 ล้านบาท นอกจากพื้นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังมีพื้นที่ Micro-Office & Business Lounge พื้นที่ร้านอาหารที่ให้บริการในรูปแบบ Allday dining สปีคอีซี่บาร์ โดยส่วนนี้จะใช้พื้นที่ราว 700 ตร.ม. อีกทั้งยังพื้นที่สวนสาธารณะ The Strand Park บริเวณด้านหน้าโครงการ ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชนในบริเวณนั้นนอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ใช้สอยที่ได้รับการออกแบบอย่างลงตัว เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่สามารถรองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ เพลย์ รูม และติวเตอร์ รูม คลับเฮาส์เป็นต้น “บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ รุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นที่จะนำมาตรฐานระดับโลกมาสู่วงการอสังหาฯ ของประเทศไทย ปัจจุบันมองว่าอสังหาฯ ไทยจะเน้นความแตกต่างของทำเลที่ตั้ง เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยในย่านทองหล่อได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดขายที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ โดยบริษัทจะพัฒนาโครงการเดียวในทำเลนั้นๆ จะไม่มีเดอะสแตรนด์ที่อื่นๆ” ธัญทิพ กล่าวชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการ ผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างวันพ้อยท์ซิกซ์ กับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ในสัดส่วน 25% และ 75% ตามลำดับ สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานธุรกิจนั้นบริษัทจะเร่งสร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือของโครงการพร้อมเดินหน้าทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อทั้งคนไทยและคนต่างชาติสัดส่วน 75% และ 25% ตามลำดับ นอกจากนี้ เตรียมจัดงานเอ็กซ์คลูซีฟพรีเซลในวันที่ 18-19 ส.ค.นี้ ที่โรงแรมบางกอก แมริออท โฮเต็ล สุขุมวิท เป็นต้น โดยตั้งเป้ายอดขาย 40% ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 1,800 ล้านบาท และคาดว่าปลายปีนี้จะมียอดขายได้มากกว่า 50% โครงการเริ่มก่อสร้างไตรมาส 4 ปี 2561 กำหนดแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปี 2564 อย่างไรก็ดี แผนธุรกิจในอนาคตนั้น บริษัทจะยังเน้นพัฒนาโครงการในระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีความโดดเด่นทั้งเรื่องของ ดีไซน์ คุณภาพ และการใช้สอยพื้นที่ได้จริงในราคาเหมาะสม ซึ่งระดับราคาไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท/ตร.ม. สำหรับทำเลในเมือง ทั้งนี้ยังมองว่าทำเลศักยภาพอื่นๆ เช่น หลังสวน รวมทั้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น โดยรูปแบบของโครงการขึ้นอยู่กับทำเลและความต้องการของตลาดในทำเลนั้นๆ ขณะเดียวกันมีแผนจะพัฒนาอสังหาฯ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว แต่ทั้งนี้ยังเน้นอสังหาฯ เพื่อขายเป็นหลัก ในส่วนของทองหล่อนั้น มองว่าเป็นทำเลศักยภาพนอกจากดีมานด์สูงแล้ว ซัพพลายไม่ค่อยมี ทำให้มูลค่าอสังหาฯ เพิ่มขึ้นทุกปี โดยราคาที่ดินมีการปรับขึ้นทุกปีเฉลี่ยราว 20% ตลอด 5 ปี ซึ่งที่ดินต้นซอยมีราคามากกว่า 2 ล้านบาท/ตารางวา (ตร.ว.) ขณะที่ในซอยอยู่ที่ 2 ล้านบาท/ตร.ว. ซึ่งไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เองหรือซื้อเพื่อลงทุนก็ล้วนคุ้มค่า

 

ที่มา : https://www.posttoday.com


 

3 ปัจจัยที่จะช่วยสร้างสมดุล-ผสานธรรมชาติ แนวคิดที่อยู่อาศัยยุคใหม่

 

การใช้ชีวิตในมหานคร “กรุงเทพ” ที่มีพื้นที่เพียง 1,569 ตร.กม.แต่กลับมีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยล่าสุด จำนวนประชากรของกรุงเทพมหานคร (จากสำนักทะเบียนราษฎร์ ข้อมูลปี 2561) มีถึง 5,680,415 คน หากนับรวมประชากรแฝงก็มีเกินกว่า 10 ล้านคน ขณะที่มีรถยนต์จดทะเบียนใหม่ช่วงครึ่งปีแรกของ 2561 ถึง 1,614,576 คัน แล้วยังเต็มไปด้วยอาคาร บ้านเรือน การก่อสร้าง ขณะที่พื้นที่สีเขียวมีพื้นที่รวมเพียงแค่ 37,502,293.40 ตร.ม.  หรือคิดเป็นอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อประชากร 6.60 ตร.ม./คน

จากข้อมูลข้างต้น ทำให้ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้คนกรุงเทพฯ โดยแท้ รวมไปถึงผู้ที่มาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งเพื่อเรียนและทำงาน แม้จะมีความสะดวกสบาย แต่ก็อยู่กันอย่างค่อนข้างแออัด และห่างไกลจากสิ่งแวดล้อมที่ดี และธรรมชาติที่สวยงามอยู่มาก โจทย์ในการเลือกที่อยู่อาศัยจึงต้องมีมากขึ้น

จากปัจจัยที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการเลือกที่อยู่อาศัย อาทิ ทำเลที่ตั้ง ราคา ความสามารถในการผ่อนชำระ ความสะดวกสบายในการเดินทาง การออกแบบโครงการ คุณภาพโครงการและวัสดุที่ใช้ตกแต่ง ฯลฯ ปัจจุบันยังต้องเพิ่มเงื่อนไขในการมองหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่ให้คุณได้มีพื้นที่ในการใช้ชิวิตอย่างไร้ขีดจำกัด ไปพร้อมกับการผสานความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับองค์ประกอบอื่นๆ อย่างลงตัว ก่อให้เกิดการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์และคุ้มค่า โดยปัจจัยที่สำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณาเพิ่มนั่นคือ

1.เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า 

การนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาและเชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารไร้สายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet of Things หรือ IOT) จะช่วยยกระดับการใช้ชีวิต ของคุณให้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

vintage blue tone for adult couple married at home playing with

 

2.ชุมชนที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย

การสร้างสังคมในการอยู่อาศัยให้เชื่อมโยงกันทั้งภายในครอบครัว และเพื่อนบ้าน ผ่านพื้นที่ส่วนกลาง หรือร้านค้า ลานกิจกรรม พื้นที่ออกกำลังกาย สวน จะทำให้คุณได้สัมผัสการใช้ชีวิตบนพื้นที่ที่เป็น “มากกว่าที่อยู่อาศัย”

3. ธรรมชาติที่ล้อไปกับสถาปัตยกรรมได้อย่างลงตัว

โดยการออกแบบที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมทันสมัยกับธรรมชาติไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างแหล่งออกซิเจนเพิ่มขึ้น เช่น มีสวนหย่อม หรือสวนแนวตั้ง ในพื้นที่ที่พอเพียงกับผู้อยู่อาศัย จะช่วยให้รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตบนทำเลใจกลางเมืองได้อย่างครบครัน

 

FT image - Origin

 

ที่มา : https://www.ddproperty.com


 

ใช้ Easy Pass มีเฮ ! เคาะลดค่าทางด่วน 5 บาท แก้ปัญหารถติด

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ easy pass

 

    กทพ. เคาะลดค่าทางด่วน 5 บาท ด่านเก็บเงินอโศก 4 ทางพิเศษศรีรัช ให้กับผู้ใช้บัตร Easy Pass หวังแก้ปัญหารถติด เชื่อช่วยระบายรถไวขึ้น 3 เท่า 
 
          วันที่ 20 สิงหาคม 2561 มีรายงานจากแหล่งข่าวทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) กทพ. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาจราจรติดขัดหน้าด่านเก็บเงินบริเวณด่านอโศก 4 ของทางพิเศษศรีรัช (ระบบทางด่วนขั้นที่ 2) ด้วยการลดค่าทางด่วน 10% หรือคิดเป็นราคา 5 บาท จากราคาเต็ม 50 บาท ให้กับผู้ที่ใช้บัตรเก็บเงินอัตโนมัติ (Easy Pass)

          ทั้งนี้ เนื่องจากพบว่าการใช้ Easy Pass ช่วยให้ปริมาณการจราจรไหลลื่นเพิ่มเป็น 3 เท่า สอดคล้องกับตัวเลขสถิติที่บอกว่าใน 1 ชั่วโมง ระบบจ่ายเงินสดสามารถระบายรถได้ที่ 400 คัน ขณะที่ช่องเก็บเงิน Easy Pass ระบายรถได้ถึง 1,200 คัน ซึ่งแนวทางดังกล่าว คาดว่าจะต้องใช้เวลาประเมินราว 2 เดือน เพื่อตรวจสอบว่าแก้ปัญหาจราจรได้จริงหรือไม่ ก่อนขยายผลไปใช้ในด่านเก็บเงินอื่น ๆ ต่อไป

          โดยในช่วงที่ผ่านมา กทพ. เคยใช้วิธีแก้ปัญหารถติดสะสมหน้าด่านเก็บเงินมาแล้วหลายรูปแบบ แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร ดังนั้น มาตรการนี้จึงเป็นอีกแนวทางที่นำมาทดลองใช้เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

 

ที่มา : https://money.kapook.com


 

“ผอมแต่มีพุง” (Skinny Fat) ออกกำลังกายอย่างไรดี?

 

“ผอมแต่มีพุง” (Skinny Fat) ออกกำลังกายอย่างไรดี?

แม้ว่าคนที่มีรูปร่างผอมจะมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะนอกจากจะหมายถึงความเสี่ยงในการเป็นโรคอันตรายต่างๆ จะน้อยกว่าคนที่มีรูปร่างอ้วน หรือน้ำหนักเกินมาตรฐานแล้ว ยังมีรูปร่างที่ดีจนสามารถเลือกสวมเสื้อผ้าได้หลากหลายแบบมากกว่าอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าคนที่มีรูปร่างผอมจะดูได้เปรียบกว่าคนอ้วนในทุกๆ ด้าน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มีปัญหากวนใจ และแก้ไม่ตกอยู่บ้างเหมือนกัน นั่นคือกลุ่มคนที่ “ผอมแต่มีพุง” นั่นเอง

ผอมแต่มีพุง หรือ Skinny Fat เป็นกลุ่มคนที่มีน้ำหนักโดยรวมไม่ได้เกินมาตรฐาน รูปร่างภายนอกมองเผินๆ ก็ดูจะมีรูปร่างที่ดีสมส่วน ใบหน้า แขน ขาเล็กเพรียว แต่มีเฉพาะส่วนของท้อง หรือพุงที่บวมยื่น หรือป่องออกมาเล็กน้อย ไม่เรียบแบนสวยเหมือนคนที่มีหุ่นดีตามปกติ จึงทำให้เป็นปัญหาว่าจะต้องออกกำลังกายอย่างไร หรือดูแลตัวเองอย่างไรถึงจะลดขนาดเฉพาะส่วนของ “พุง” อย่างได้ผล โดยไม่ส่งกระทบต่อรูปร่างส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้มากนัก

 

สาเหตุของการเป็นคน “ผอมแต่มีพุง”

  1. ทานอาหารที่มีปริมาณของน้ำตาลมากเกินไป บางครั้งการเป็นคนที่มีรูปร่างผอม ทานเท่าไรก็ไม่อ้วน จึงอาจทำให้เผลอตามใจปาก ทานอาหารหวานมากเกินไป ยิ่งเห็นว่าทานแล้วรูปร่างยังผอมอยู่ น้ำหนักยังขึ้น จึงทานอาหารหวานมากยิ่งขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาหารหวานอย่าง ขนมปังเบเกอรี่ หรือน้ำแข็งใส บิงซู ขนมไทยต่างๆ เป็นอาหารที่ทำให้เกิดไขมันสะสมที่ท้องได้ง่ายกว่าอาหารไขมันสูงเสียอีก
  2. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็ทำให้เกิดอาการท้องบวมท้องยื่นได้เช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องดื่มอย่าง วิสกี้ เบียร์ ไวน์ วอดก้า หรือค็อกเทล เป็นเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันไว้ที่หน้าท้องได้มากเช่นกัน
  3. การอดอาหารอย่างกะทันหัน หรือทานอาหารน้อยเกินไป ไม่ได้ช่วยลดไขมันในร่างกายแต่อย่างใด แต่อาจจะทำให้ร่างกายไปดึงพลังงานจากกล้ามเนื้อมาใช้แทน ทำให้กล้ามเนื้อฟีบเล็กลง ร่างกายขาดความแข็งแรงไปมากกว่าเดิมเสียอีก
  4. การออกกำลังกายอย่างไม่ถูกวิธี นั่นคือการออกกำลังกายมากเกินไป บวกกับการรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายน้อยเกินไป อาจทำให้ร่างกายไปดึงพลังงานจากมวลกล้ามเนื้อมาใช้ในการออกกำลังกายแทนการดึงเอาไขมันส่วนเกินมาใช้นั่นเอง ดังนั้นอย่าลืมว่า หากคิดจะออกกำลังกาย การรับประทานอาหารให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอต่อการออกกำลังกาย ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

 

วิธีออกกำลังกายของคนที่ “ผอมแต่มีพุง”

  1. ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า แม้ว่าจะมีรูปร่างที่ผอมเพรียวอยู่แล้ว น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามปกติแล้ว แต่ก็ยังต้องควรออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตร แต่สำหรับคนที่ผอมแต่มีพุง อาจเน้นการออกกำลังกายด้วยการเล่นเวท (weight training หรือ weight lifting) นั่นคือการเน้นออกกำลังกายเฉพาะส่วน เพื่อเป็นการเน้นการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น สามารถเล่นเวทได้ทั่วทั้งร่างกายโดยไม่ต้องเน้นที่ส่วนของหน้าท้องแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้ เช่น การยกดัมเบล ลูกตุ้มน้ำหนัก หรือกาดอยากเน้นหน้าท้อง สามารถออกท่ากายบริหารได้หลายอย่าง เช่น การนั่งเก้าอี้กลางอากาศโดยเอาหลังพิงชิดพนังไว้ การนอนหงายแล้วยกขาลอยขึ้นจากพื้นทั้งสองข้าง หรือการถือดัมเบลหรือลูกตุ้มน้ำหนักเอาไว้ที่อก แล้วย่อขาทั้งสองข้างขึ้นลง เป็นต้น
  2. ออกกำลังกายด้วยวิธีคาร์ดิโอแบบ HIIT (High Intensity Interval Training) เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยเน้นการออกกำลังกายหนักสลับเบาในช่วงระยะเวลาที่กำหนด วิธีนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไปพร้อมๆ กับการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายไปด้วย เราสามารถหาวิดีโอสาธิตการออกกำลังกายแบบ HIIT แล้วออกกำลังกายตามไปด้วย เพื่อการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ไม่น้อยหรือไม่มากจนเกินไป แต่การออกกำลังกายแบบนี้จะค่อนข้างหนักหนาสาหัสสำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย หรือแม้แต่คนที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำก็ยังเหนื่อยหอบจนเกือบจะเป็นลมได้เช่นกัน เพราะเป็นการออกกำลังกายอย่างเข้มข้นต่อเนื่องไม่หยุดเป็นเวลาไม่เกิน 30 นาทีนั่นเอง ดังนั้นนอกจากจะต้องค่อยๆ ลองทำไปเรื่อยๆ โดยไม่ผืนตัวเองมากจนเกินไปแล้ว ยังต้องกำหนดจำนวนครั้งในการออกกำลังกายแบบ HIIT ไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อน และทำการซ่อมแซมกล้ามเนื้อบางส่วนที่ใช้งานอย่างหนักหน่วงนั่นเอง

 

ข้อปฏิบัติอื่นๆ ของคนที่ “ผอมแต่มีพุง”

นอกจากการออกกำลังกายที่เหมาะสมแล้ว ควรปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมด้วย

  • การทานอาหาร อาจจะไม่ถึงกับต้องนับแคลอรี่เหมือนกับคนที่อยากจะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง แต่เพียงแค่ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงลง เช่น เครื่องดื่ม และขนมหวาน รวมถึงคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ เช่น ข้าวขาว แป้งขาว เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้งพิซซ่า รวมไปถึงอาหารประเภททอด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เพิ่มการทานอาหารประเภทโปรตีนให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงได้มากขึ้น (ยิ่งได้ผลดีเมื่อออกกำลังกายไปด้วย) เน้นการทานปลา ไข่ขาว เนื้อไก่ เป็นต้น
  • หากเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว อาจจะต้องปรึกษาเทรนเนอร์ หรือหาความรู้เพิ่มเติม ว่าการออกกำลังกายของเรามีข้อผิดพลาดตรงส่วนไหนหรือไม่ มีส่วนที่ควรต้องเน้นมากกว่าเดิมหรือไม่
  • อย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหากร่างกายอ่อนล้าเกินไป นอกจากจะออกกำลังกายไม่ไหวแล้ว การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก่อให้เกิดอาการเครียด อ่อนเพลีย ซึ่งเป็นสาเหตุของไขมันสะสมที่พุง

 

ที่มา : https://www.sanook.com


 

ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2561

 

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,600.00 18,500.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,100.00 18,161.68 1,198.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 18,813.56 1,241.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,345.51 1,078.20
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,529.34 958.40
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,171.24 539.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,352.04 419.00

 

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 21 สิงหาคม 2561

 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.75 29.75 29.85 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75 29.75
แก๊สโซฮอล์ 91 29.48 29.48 29.58 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48 29.48
แก๊สโซฮอล์ E20 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.84 26.84 26.74 26.84
แก๊สโซฮอล์ E85 21.19 21.19 21.19 21.19
เบนซิน 95 36.86 37.31 37.36 37.16 36.96 37.16
ดีเซล 28.89 28.89 29.09 28.89 28.89 28.89 28.89 28.89 28.89 28.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.89 32.76 32.96 32.76 32.76
แก๊ส NGV 14.58 14.58
      
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า