MQDC คว้า 5 รางวัลจากเวทีไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้อวอร์ด
แมกโนเลีย หรือ MQDC คว้า 5 รางวัลจากเวทีไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้อวอร์ด (Thailand Property Awards) ด้วยกลยุทธ์ ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ (Sustainnovation)
บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) รับ 5 รางวัลบนเวทีพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้อวอร์ด ครั้งที่ 13 ตอกย้ำความสำเร็จของการดำเนินงานบนกลยุทธ์‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ หรือ Sustainnovation
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ประสบความสำเร็จคว้า 5 สาขารางวัลจากเวทีพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้อวอร์ด ครั้งที่ 13 ณ โรงแรม พลาซ่า แอทธินี โดย 5 สาขารางวัลประกอบด้วย Design and construction, CSR, sustainability, Customer care และ Community building
คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่าการได้รับรางวัลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินงานขององค์กรภายใต้หลักการ ‘For all well – being’ ผ่านการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม และการออกแบบ ซึ่ง MQDC เรียกกลยุทธ์นี้ว่า ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ หรือ Sustainnovation
“MQDC รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่านี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถึงการรับรู้ถึงงานออกแบบและงานก่อสร้างของเราที่ให้ความสำคัญกับสังคมและโลกผ่านเทคโนโลยีใหม่ ๆ” คุณวิสิษฐ์กล่าว
“ด้วยปรัชญาขององค์กรคือ ‘For all well-being’ ที่ครอบคลุมถึงความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกนี้ จึงทำให้เรามองหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ดังนั้นทาง MQDC รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กลยุทธ์ ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ หรือ ‘Sustainnovation’ ได้สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการตัดสิน”
ปัจจุบัน MQDC ได้ใช้แนวทาง ‘นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน’ พัฒนาโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) ซึ่งเป็นโครงการขนาด 300 ไร่ บนถนนบางนา – ตราด พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บริเวณชานเมืองของกรุงเทพฯ
“ที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) เราใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงการสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคารหรือ Building Information Modeling (BIM) เพื่อสร้างแนวคิดใหม่ในการรวมที่พักอาศัยเข้ากับระบบนิเวศของธรรมชาติ” คุณวิสิษฐ์กล่าว
“จากมุมมองของงานออกแบบและงานก่อสร้าง องค์ประกอบที่สนใจที่สุดคือ การลดการใช้พลังงาน ซึ่งเรานำเสนอแนวทางใหม่ในประเทศไทยด้วยการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่สาธารณูปโภคส่วนกลาง(CUP) และการสร้างสภาพภูมิอากาศให้เย็นลงด้วย Microclimate ที่สามารถลดอุณหภูมิภายนอกโครงการได้ถึง 3 องศาเซลเซียส”
MQDC มีหน่วยงานที่ทำงานด้านการวิจัยโดยเฉพาะคือ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน หรือศูนย์ RISC โดยเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลและการปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปศึกษาความรู้ได้ ซึ่งศูนย์ RISC ตั้งอยู่บริเวณชั้น 4 โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด
นอกจากนี้ MQDC ยังให้การรับประกัน 30 ปี ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการ เพื่อแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานการออกแบบและการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
อสังหาฯ ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลนเนียล
นักพัฒนาอสังหาฯ รับมือการปรับรูปแบบที่อยู่อาศัยตามความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แม้บางส่วนยังคงโฟกัสกลุ่มตลาดระดับบน เนื่องจากไม่ต้องเผชิญปัจจัยความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ อันมีภาวะหนี้ครัวเรือนเป็นตัวแปรเป็นสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันมีนักพัฒนาอสังหาฯ บางส่วนมองเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อตอบรับผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล (Millennials) ที่กำลังมองหาบ้าน-คอนโดฯ และสถานที่ทำงานในอนาคตตรงกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง ซึ่งกำลังจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของภาคธุรกิจอสังหาฯ
ด้วยจำนวนประชากรมากกว่าครึ่งของประเทศ มักจัดอยู่ในกลุ่มผู้บริโภคมิลเลนเนียล หรือกลุ่มคนที่มีอายุในช่วง 18 – 35 ปี ชอบท่องโลกอินเตอร์เนตเพื่อความบันเทิงและทำงานในเวลาเดียวกัน ว่ากันว่าใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์ถึง 7 ชั่วโมง/วัน เลยทีเดียว อีกทั้งกลุ่มคนเหล่านี้ชอบความอิสระในการทำงาน จึงมักเลือกที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่ไกลเกินเอื้อม แต่จำเป็นต้องมีมุมสนองความต้องการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสภาพตลาดอสังหาฯ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 61 (DDproperty Consumer Sentiment Survey H1 2018) พบว่ากลุ่มมิลเลนเนียล นั้นมีแนวโน้มจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของภาคธุริจอสังหาฯ และจะมีการตัดสินใจซื้อบ้านในอนาคต ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้มีแผนสะสมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อซื้ออสังหาฯ โดยคาดว่ามีกำลังซื้ออยู่ที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1-4 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็น Segment ที่อยู่อาศัยระดับกลาง
บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้หันมาเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล ล่าสุดได้พัฒนาโครงการคอนโดฯ แชปเตอร์วัน อีโค (Chapter One Eco) ให้มีจุดเด่นด้วยการดีไซน์ในสไตล์สแกนดิเนเวียน พร้อมเพิ่มพื้นที่ทำงานและมุมพักผ่อนสำหรับผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว อันประกอบไปด้วย Co-Working Space, Bike Track และ Home Theatre และด้วยจุดเด่นนี้เองจึงทำให้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัล Best Affordable Condo Development (Bangkok) จากงานประกาศผลรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 รวมไปถึงโครงการ The Cuvée ภายใต้การพัฒนาโดยบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) ก็ได้รับรางวัล The Best Affordable Condo Architectural Design (Bangkok) จากจุดเด่นของสถาปัตยกรรมอาคารมีลักษณะโค้งตามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยเช่นกัน >>อ่านรีวิวโครงการ แชปเตอร์วัน อีโค (Chapter One Eco) ได้ที่นี่
ทั้งนี้สำหรับ Co-Working Space นั้นกล่าวได้ว่ากำลังเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในหมู่กลุ่มคนมิลเลนเนียล คนทำงาน รวมไปถึงนักศึกษาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน ทั้งนี้เป็นเพราะจุดประสงค์ของ Co-Working Space นั้นต้องการให้เป็นสถานที่ทำงานของฟรีแลนซ์ ที่สามารถนั่งทำงานได้อย่างสะดวกสบายตลอดวัน ไปพร้อมกับการเชื่อมต่อสังคมคนทำงานรุ่นใหม่ และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ Spaces Chamchuri Square by Spaces ได้รับรางวัล Best Co Working Space Development Award หรือรางวัลชนะเลิศด้านการพัฒนา Co-Working Space ยอดเยี่ยมจากงานประกาศผลรางวัล PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
4 ข้อควรรู้ก่อนทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย
“ก่อนทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ และรายละเอียดความคุ้มครองให้ดี”
บ้านพักอาศัย คำนี้มีความหมายครอบคลุมไปถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมเป็นต้น บ้านพักอาศัยจัดได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและมีคุณค่าทางจิตใจ หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นกับบ้านของเรา เช่น อัคคีภัย หรือภัยพิบัติต่างๆ จะสร้างความเสียหายอย่างมาก เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม
แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนั้น ประกันอัคคีภัยจึงมีบทบาทในการช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น แทนที่เราจะต้องมารับความเสี่ยงไว้เอง ก็โอนความเสี่ยงภัยไปให้กับประกันภัยแทน โดยที่เราจ่ายเพียงค่าเบี้ยประกันให้กับประกันเพื่อซื้อความคุ้มครอง แต่ก่อนที่จะทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยมี 4 ข้อที่เราควรรู้ ประกอบด้วย
1. ทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยควรทำให้ครอบคลุมมูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน แต่ไม่ควรทำประกันเกินมูลค่าบ้านและทรัพย์สินภายในบ้าน
เพราะหลักการจ่ายค่าสินไหมทดแทน จะจ่ายให้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้ทำประกันไว้ สมมติว่า ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน มูลค่า 2,000,000 บาท แบ่งเป็นที่ดิน 1,000,000 บาท และบ้าน 1,000,000 บาท ดังนั้น ทุนประกันอัคคีภัยที่ครอบคลุมมูลค่าบ้าน เท่ากับ 1,000,000 บาท แต่ความคุ้มครองนี้ยังไม่ครอบคลุมกับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน หากเกิดความเสียหายเฉพาะเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ ซึ่งผู้เอาประกันสามารถแจ้งให้คุ้มครองเพิ่มในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ได้ เช่น
• ทุนประกันบ้าน 1,000,000 บาท
• ทุนประกันเฟอร์นิเจอร์ 500,000 บาท
• รวม 1,500,000 บาท
บางกรณีผู้เอาประกันภัยมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน คิดว่าบริษัทประกันภัยรับประกันด้วยทุนประกันที่ต่ำกว่าความเป็นจริง จึงได้ไปทำประกันอัคคีภัยกับบริษัทอื่นเพิ่มอีก 1 แห่ง รวมเป็น 2 แห่ง จากตัวอย่างเดิม ผู้เอาประกันได้ทำประกันกับบริษัท A ทุนประกัน 1,000,000 บาท และได้ไปทำประกันกับบริษัท B เพิ่มอีก 1,000,000 บาท มีทุนประกันรวม 2,000,000 บาท หากเกิดอัคคีภัยประเมินความเสียหายได้ 800,000 บาท กรณีนี้บริษัท A และบริษัท B จ่ายค่าสินไหมทดแทนรวมกันไม่เกิน 800,000 บาท ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่บริษัทละ 800,000 บาท อีกทั้ง ทำให้ผู้เอาประกันอัคคีภัยเสียเบี้ยประกันภัยโดยเปล่าประโยชน์
2. ไม่ควรทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สิน
เป็นข้อยกเว้นเฉพาะประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยเท่านั้น จากตัวอย่างข้างต้น หากผู้เอาประกันไม่ประสงค์ทำเต็มมูลค่าทรัพย์สิน แต่ควรทำทุนประกันไม่ต่ำกว่า 700,000 บาท หรือ 70% ตามหลักเกณฑ์การประกันอัคคีภัย เพราะหากเกิดอัคคีภัยเสียหายทั้งหมดประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามทุนประกันที่ได้ทำไว้คือ 700,000 บาท
แต่หากผู้เอาประกันทำประกันอัคคีภัยทุนประกันต่ำกว่า 70% ของมูลค่าทรัพย์สิน เช่น ต้องการทุนประกันเพียง 600,000 บาท คิดเป็น 60% ต่อมาเกิดอัคคีภัยเสียหายบางส่วน ประเมินความเสียหาย 300,000 บาท ดังนั้น ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนเพียง 180,000 บาท (300,000 X 60%) ตามหลักเกณฑ์ถือว่าผู้เอาประกันภัยรับความเสี่ยงบางส่วนไว้เอง
3. ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม ถ้าผู้เอาประกันภัยพิจารณาแล้วว่าความคุ้มครองปกติที่มีอยู่อาจจะไม่เพียงพอ สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้
ความคุ้มครองที่มักจะซื้อเพิ่มเติม ได้แก่ ภัยโจรกรรม, ภัยน้ำท่วม เป็นต้น การซื้อความคุ้มครองเพิ่ม สิ่งที่ตามมาก็คือมีค่าเบี้ยประกันส่วนเพิ่มนั่นเอง ถ้าผู้เอาประกันภัยต้องการซื้อความคุ้มครองจากภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม แต่พื้นที่นั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ บริษัทประกันอาจพิจารณาไม่รับประกันภัยส่วนเพิ่มนี้ได้ หรือถ้ารับประกันอาจพิจารณาเพิ่มเบี้ยประกันในอัตราที่สูงกว่าปกติได้
สำหรับภัยที่ซื้อเพิ่มเติมได้ เช่น ภัยลมพายุ ภัยจากลูกเห็บ ภายจากควัน ภัยจากแผ่นดินไหว ภัยจราจลและนัดหยุดงาน ภัยเนื่องจากป่าเถื่อนและการกระทำด้วยเจตนาร้าย ภัยระอุ ภัยระอุมีการลุกไหม้/ระเบิด ภัยต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า
4. เลือกระยะเวลาคุ้มครองยาว
แนะนำให้ผู้เอาประกันภัยทำประกันอัคคีภัยระยะเวลา 3 ปี เพื่อที่จะได้รับประโยขน์จากอัตราค่าเบี้ยประกันที่ลดลง ตัวอย่างเช่น
ตามตาราง พบว่า ผู้เอาประกันเลือกทำประกันอัคคีภัยระยะเวลา 1 ปี เสียค่าเบี้ยประกันปีละ 1,100 บาท หากทำแบบต่ออายุปีต่อปี เมื่อระยะเวลาผ่านไป 3 ปี เสียค่าเบี้ยประกัน 3,300 บาท แต่ถ้าตัดสินใจเลือกระยะเวลาคุ้มครอง 3 ปี (ทำระยะยาว) เสียค่าเบี้ยประกัน 2,750 บาท เท่ากับประหยัดได้ 550 บาทต่อสามปี หรือเฉลี่ยต่อปี เท่ากับ 183 บาท คิดเป็น 16.7% ต่อปี แต่หากผู้เอาประกันภัยพิจารณาแล้วเห็นว่าการเลือกระยะเวลาคุ้มครองยาวเป็นภาระทางการเงินมากเกินไป ก็อาจพิจารณาเลือกทำประกันภัยระยะเวลา 1 ปีแทนได้ แต่ถ้าเลือกไม่ทำประกันภัยเลย (กรณีที่บ้านไม่มีภาระการกู้เงินกับธนาคาร) เราต้องรับความเสี่ยงภัยทั้งหมดไว้เองหากเกิดอัคคีภัย ซึ่งต้องมาพิจารณาต่อไปว่าเราจะมีเงินสำรองเพียงพอที่จะรองรับกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่
นอกจากนี้การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันภัยต่างๆ ไว้ภายในบ้าน เช่น อุปกรณ์ดับเพลิง หรือเครื่องตรวจจับควัน เป็นตัวช่วยทำให้มีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยถูกลง และอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที ทำให้ช่วยระงับหรือลดหรือบรรเทาความเสียหายลงได้
ดังนั้น ก่อนเลือกทำประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ และรายละเอียดความคุ้มครองให้ดี เพื่อจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมรอบด้าน
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อบ้าน คู่มือซื้อขาย สามารถเป็นตัวช่วยตอบได้ทุกคำถาม พร้อมบอกรายละเอียดการคำนวณสินเชื่อบ้านให้คุณตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
รู้หรือไม่!? หอสมุดแห่งชาติมีระบบ Digital Library ไว้อ่าน E book แล้ววันนี้
หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าหอสมุดแห่งชาติมีระบบ Digital Library สำหรับอ่าน ebook แล้ว เพื่อความสะดวกในการค้นคว้าหาความรู้ให้ทันกับยุคดิจิตอลในปัจจุบัน โดยระบบนี้เปิดให้ทุกท่านได้มีโอกาสใช้งานได้โดยไม่มีข้อจำกัด ทั้งอาชีพ อายุ หรือเงื่อนไขใดๆ เพียงท่านสมัครเป็นสมาชิกผ่านระบบ เท่านี้ก็สามารถอ่านหนังสือดีๆ มีประโยชน์ได้ง่ายๆ ที่บ้าน
ส่วนขั้นตอนการใช้บริการจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปเรียนรู้พร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
วิธีการสมัครสมาชิก:
สมัครสมาชิกด้วยตนเองได้ง่ายๆ ที่ http://www.2ebook.com/new/library/index/nlt
ช่องทางการใช้งาน:
นอกจากผู้ใช้บริการสามารถอ่านหนังสือผ่านระบบ Digital Library ทางเว็บไซต์ www.2ebook.com แล้ว
เพื่อความสะดวกยิ่งขึ้นห
ขอบคุณข้อมูลจาก scholarship.in.th
AIS ผนึกภาคเอกชนร่วมกับสถาบันระดับโลก จัดสัมมนา ACADEMY for THAIS เพื่อเพิ่มองค์ความรู้โลกดิจิทัลให้คนไทย
AIS Academy ชวนคนไทยร่วมเปิดประสบการณ์ และเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยี ให้สังคมไทยพร้อมที่จะพัฒนาเท่าทันนานาชาติ ในงานสัมมนา ACADEMY for THAIS ที่รวบรวมองค์ความรู้บนโลกยุคดิจิทัล โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Disruption หลากหลายองค์กรชั้นนำทั้งใน และต่างประเทศ ที่จะมาร่วมเปิดมุมมอง และหาคำตอบการเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ในงานสัมมนา ACADEMY for THAIS ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2561 ณ ศูนย์ประชุมอิมแพค ฟอรั่ม, เมืองทองธานี ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้วที่ www.aisacademyforthais.com โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เทคโนโลยีหมุนผ่านเปลี่ยนไวและแรงกว่าที่จะคาดการณ์ การละเลยการพัฒนาและยึดติดในแนวทางเดิมที่เคยประสบความสำเร็จ โดยไม่รับการปรับเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้หลายองค์กรที่เคยประสบความสำเร็จอาจถูกคลื่น Digital Disruption ส่งผลกระทบ กำแพงที่ว่าสูงตระหง่านฟ้า ก็ย่อมพังครืนทลายลงมาเพียงชั่วพริบตาได้เช่นกัน
สำหรับ AIS ได้เตรียมความพร้อมและตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมานานกว่า 3 ปีแล้ว และจัดตั้ง AIS Academy ให้เป็นศูนย์กลางด้านการเรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ จากทั่วโลก รวมถึงการปฏิวัติองค์กรเพื่อรับความพร้อมในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอันมีผลจาก Digital Disruption ผ่านแนวคิด Anytime Anywhere Any Device สำหรับพนักงานในองค์กร โดยอาศัยการใช้ Digital Platform นำส่งองค์ความรู้ที่หลากหลายไปยังพนักงาน เพราะเชื่อมั่นว่า การรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยียุคดิจิทัล เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนองค์กรและแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างมั่นคง และเป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยมิได้ คือการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมไทยร่วมมือภาคเอกชนในการยกความสามารถของคนไทยให้เติบโตไปอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิดผสานกำลังเพื่อสังคมที่เข้มแข็งของการเติบโตร่วมกัน อันเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Digital Transformation ขององค์กรในยุคปัจจุบัน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า “ด้วยความพร้อมของ AIS ในการทำ Digital Transformation ให้กับพนักงานภายในองค์กร ทำให้เกิดองค์ความรู้ และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี จึงมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในฐานะสมาชิกในสังคมไทย โดยมองถึงการเป็นศูนย์กลางด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในยุคดิจิทัลเพื่อคนไทย ด้วยเหตุผลว่า เทคโนโลยีดิจิทัล จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นที่คนไทยสามารถใช้งาน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับศักยภาพมวลรวมของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ทัดเทียมกับนานาประเทศบนเวทีโลกในทุกมิติ ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของการจัดงานสัมมนา ACADEMY for THAIs งานสัมมนาเชิงวิชาการระดับนานาชาติที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับสังคมไทยด้วยหลากหลายความรู้ทางเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและสร้างความพร้อมให้เท่าทันนานาประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยหนุนเสริมให้คนไทยขยับตัวได้เร็วขึ้น คล่องตัวขึ้น ได้มองเห็นศักยภาพของตัวเองให้สามารถเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน”
งานสัมมนา ACADEMY for THAIs เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือจากหลายองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ธนาคารกสิกรไทย, บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ Minor International ซึ่งล้วนเป็นองค์กรที่มีแนวคิดและมุ่งสร้างความพร้อม ความเข้มแข็งด้าน Digital Transformation ให้กับบุคลากรภายในองค์กรและยึดมั่นร่วมมือกันในหมู่พันธมิตรในการสร้างสังคมให้ยั่งยืน โดยภายในงานจะมีการเสวนา ถ่ายทอดประสบการณ์ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับมุมมองและเพิ่มความสามารถในการปรับตัวสู่โลกแห่งเทคโนโลยี ไฮไลท์สำคัญที่จะเกิดขึ้นภายในงานนี้ เราได้รับความร่วมมือจาก South East Asia Center หรือ SEAC ในฐานะศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูงระดับนานาชาติ ประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในการคัดสรรวิทยากรผู้มีประสบการณ์ตรงด้าน Digital Disruption เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ได้แก่ Mr.Hau L. Lee / Mr.Rudy De Waele / Dr.Johan Ugander มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่กำลังอยู่ในความสนใจและจะเกิดขึ้นในอนาคต สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวเองและการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมจึงได้รับเกียรติจากวิทยากรอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้อยู่ในแวดวงธุรกิจที่ได้เรียนรู้และปรับตัวเท่าทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี อาทิ ดร.สุพจน์ ศรีนุตพงษ์ ผู้อำนวยการโครงการภาครัฐ บริษัท ไมโครซอฟต์ (ประเทศไทย) จำกัด, คุณพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด, คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com ร่วมพัฒนาองค์ความรู้และส่งเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีครั้งนี้ไปด้วยกัน
งานสัมมนา ACADEMY for THAIs เปิดโอกาสให้ผู้สนใจจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป สามารถรับฟังและร่วมเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยี นวัตกรรม ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและในระดับภาคธุรกิจมากขึ้นเรื่อยๆ งานสัมมนาในครั้งนี้ จะมีประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนได้เตรียมความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงและสามารถปรับใช้เทคโนโลยีได้อย่างมั่นใจ ปรับกระบวนทัศน์เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยให้ทันโลกดิจิทัลไปด้วยกันได้ในวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ อิมแพค ฟอรั่ม อิมแพค เมืองทองธานี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามรายละเอียดการลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ www.aisacademyforthais.com
ขอบคุณข้อมูลจาก brandbuffet.in.th
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21 กันยายน 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 18,600.00 | 18,500.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,100.00 | 18,161.68 | 1,198.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 18,813.56 | 1,241.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,345.51 | 1,078.20 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,529.34 | 958.40 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,171.24 | 539.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,352.04 | 419.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 21 กันยายน 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.65 | 30.65 | 30.95 | 30.65 | 30.65 | 30.65 | 30.65 | 30.65 | 30.65 | 30.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.38 | 30.38 | 30.68 | 30.38 | 30.38 | 30.38 | 30.38 | 30.38 | 30.38 | 30.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.64 | 27.64 | 27.94 | 27.64 | 27.64 | – | 27.64 | 27.64 | 27.64 | 27.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.64 | 21.64 | – | – | – | – | – | 21.64 | 21.64 | – |
เบนซิน 95 | 37.76 | – | – | – | 38.21 | – | 38.26 | 38.06 | 37.86 | 38.06 |
ดีเซล | 29.59 | 29.59 | 29.89 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.59 | 33.46 | 33.76 | 33.46 | 33.46 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.13 | 15.13 | – | – | – | – | – | – | – | – |