แลนด์แอนด์เฮ้าส์จัดทัพลงทุนรุกอสังหาฯเช่า
ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 ปีก่อน ด้วยปัจจัยหนุนการเติบโตเศรษฐกิจที่ระดับ 4% การส่งออกและท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งตลาดหุ้นปรับขึ้นสูงตั้งแต่ต้นปี
นพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าประเมินภาพรวมที่อยู่อาศัยจดทะเบียนใหม่ปีนี้จะเติบโต 5-8% เทียบปี 2560 ที่ประมาณการที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่ม อยู่ที่ 90,030 หน่วย ลดลง 14% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีจำนวน 104,628 หน่วย เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก 2560 ตลาดคอนโดมิเนียมอยู่ในภาวะชะลอตัว หลังจากนั้นฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง แต่คาดว่าทั้งปี 2560 กลุ่มคอนโด มีจำนวน 58,900 หน่วย ลดลง 19.2% เทียบปี 2559
จากแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยกลับมาเติบโตในปีนี้ บริษัทจึงเตรียมงบลงทุน 13,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงบประมาณซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนอสังหาฯเพื่อการเช่า 6,000 ล้านบาท
แผนลงทุนตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ เปิดใหม่ 18 โครงการ มูลค่า 36,300 ล้านบาท แบ่งเป็น พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 16 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ ที่เชียงใหม่และอยุธยา แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 14 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 7 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ ประกอบไปด้วย The Ease พระราม2 มูลค่า 760 ล้านบาท , เดอะรูม สุขุมวิท 38 มูลค่า 3,200 ล้านบาท ,เดอะรูม พญาไท มูลค่า 3,900 ล้านบาท และ The Key เพชรเกษม มูลค่า 2,200 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่จะลงทุนรวม 18 โครงการในปีนี้ มีที่ดินในมือครบทุกแปลงแล้ว อย่างไรก็ตามพบว่าแนวโน้มราคาที่ดินปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมาขยับในอัตราสูง ในทำเลย่านธุรกิจที่ระดับ 20-30%
“แนวโน้มราคาที่ดินปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ ส่งผลให้ต้นทุนที่ดินพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทขยับจาก 12% เป็น 20% ในปีที่ผ่านมา”
นพร กล่าวว่าสำหรับเป้าหมายยอดขายที่อยู่อาศัยปีนี้อยู่ที่ 31,000 ล้านบาท เติบโต 19% โดยมียอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาท โดยมีแบ็คล็อกราว 10,000 ล้านบาท ที่รอรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปี
ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยที่อยู่อาศัยของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 7 ล้านบาทต่อหน่วย ขณะที่ปี 2560 อยู่ที่ 7.5 ล้านบาทต่อหน่วย เนื่องจากปีนี้มีสัดส่วนการเปิดทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากสัดส่วนยอดขายตามมูลค่าที่อยู่อาศัย ปีนี้บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด อยู่ที่ 68% ทาวน์เฮ้าส์ 9% และคอนโด 23%
ทางด้านแผนลงทุนธุรกิจอสังหาฯเพื่อการให้เช่า จำนวน 6,000 ล้านบาทในปีนี้ โปรเจคหลัก คือ เทอร์มินอล 21 พัทยา ที่จะเปิดให้บริการในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะมีทั้งพื้นที่ค้าปลีกและโรงแรม
นอกจากนี้จะใช้งบประมาณบางส่วนสำหรับเซ็นสัญญาเช่าที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิท 10 สัญญา 30 ปี เพื่อพัฒนาอสังหาฯ เช่า รูปแบบ “มิกซ์ยูส” ทั้งพื้นที่ค้าปลีกราว 3,000 ตร.ม.,โรงแรม ขนาด 400 ห้อง และอาคารสำนักงาน พื้นที่รวม 1 แสนตร.ม. คาดโครงการดังกล่าวใช้งบลงทุน 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่องในช่วง 3 ปีครึ่ง ที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ
อดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่านอกจากนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนอสังหาฯเช่า ประเภทอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐต่อเนื่อง โดยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ลงทุนซื้ออาคารอพาร์ตเมนต์มาปรับปรุงใหม่ 5 อาคาร ในซิลิคอนวัลเลย์ และล่าสุดเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซื้ออาคารอพาร์ตเมนต์ ขนาด 168 ห้อง มูลค่า 110 ล้านดอลลาร์ ในซานฟรานซิโก ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาลงทุนอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐไปแล้ว 550 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลตอบแทนดี ทั้งด้านอัตราค่าเช่าที่ปรับขึ้นได้ 5-7% ในปีที่ผ่านมา
อีกทั้งหลังจากปรับปรุงและปล่อยเช่าได้ระยะ 3 ปี สินทรัพย์มีราคาเพิ่มขึ้น สามารถขายทำกำไรได้ดี เห็นได้จากบริษัทซื้ออาคารอพาร์ตเมนต์ มูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ เมื่อนำมาปรับปรุงและปล่อยเช่าไประยะหนึ่ง สามารถขายได้ในราคา 18 ล้านดอลลาร์ ปีนี้กำลังพิจารณาลงทุนอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐเพิ่มเติม รวมทั้งโอกาสขายอาคารที่ปรับปรุงแล้ว หากได้ผลตอบแทนที่ดี
ปีนี้วางเป้าหมายรายได้จากธุรกิจอสังหาฯเพื่อการเช่า 3,700 ล้านบาท เติบโต 19%
ในส่วนของการระดมทุนปีนี้ บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้จำนวน 14,000 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
http://www.bangkokbiznews.com
ปรับค่าจ้างดัน‘รับสร้างบ้าน’ขึ้นราคา5%
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ชี้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 1 เม.ย.นี้ ดันต้นทุนแรงงานเพิ่ม วัสดุส่อขึ้นราคา คาดไตรมาส2 ขยับราคารับสร้างบ้าน 5% ประเมินแนวโน้มตลาดมูลค่า 5 หมื่นล้าน ปีนี้ขยายตัว 5% แรงหนุนเศรษฐกิจฟื้น กระตุ้นผู้บริโภคตัดสินใจสร้างบ้าน
หลังคณะกรรมการค่าจ้าง ประกาศปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 7 อัตรา ระหว่าง 8-22 บาท มีผล วันที่ 1 เม.ย.2561 ส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น
นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าธุรกิจรับสร้างบ้าน ปีที่ผ่านมาอยู่ในภาวะชะลอตัวในครึ่งปีแรก หลังจากนั้นเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง จากเศรษฐกิจมีทิศทางเติบโตชัดเจนทั้งการส่งออก ท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐและตลาดหุ้นปรับขึ้นสูง ส่งผลให้ปี 2560 ตลาดรับสร้างบ้านเติบโตราว 5% มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้สมาชิกสมาคมฯ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีส่วนแบ่ง 20% มูลค่าราว 1.05 หมื่นล้านบาท
จากแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ คาดการณ์จีดีพี เติบโต 4% อีกทั้งยังมีปัจจัยการเลือกตั้ง ที่จะช่วยกระตุ้นการวางแผนลงทุนของภาคเอกชน จากเดิมบางส่วนอยู่ในภาวะชะลอตัว
ประกอบกับการประกาศขึ้นอัตราค่าจ้างขึ้นต่ำทั่วประเทศ ที่ส่งผลให้ธุรกิจที่ใช้แรงงานมีต้นทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่มีทั้งกลุ่มแรงงาน ,กลุ่มแรงงานมีทักษะ รวมทั้งธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ที่มีต้นทุนแรงงานเพิ่ม ที่อาจจะพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้า
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งด้านแรงงานและวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นในไตรมาส2 ราวเดือน เม.ย.นี้ กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะพิจารณาปรับขึ้นราคาประมาณ 5% หลังจากไม่ปรับราคาในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
“ปกติในจังหวะที่เศรษฐกิจขยายตัว ธุรกิจรับสร้างบ้านจะพิจารณาปรับราคา จากต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ปีนี้มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เข้ามาเป็นปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มอีกประการ ผู้ประกอบการจึงพิจารณาขึ้นราคาในไตรมาส 2 นี้ แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบลูกค้า เพราะเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น”
ตลาดรับสร้างบ้านปีนี้โต5%
สำหรับตลาดรับสร้างบ้านปี 2561 มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อนหน้านี้ จากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้บริโภคให้กล้าใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่มากขึ้น หลังจากที่ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน โดยกลุ่มสมาชิกสมาคมฯประมาณการเติบโตปีนี้ 5% หรือมีมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามในโอกาสที่ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจรับสร้าง คนที่ 8 วาระ 2 ปี (2561-2562) ได้วางนโยบายการทำงานมุ่งพัฒนาสมาคมฯ แบบยั่งยืนเพื่อให้ “รับสร้างบ้าน เป็นมืออาชีพที่ผู้บริโภควางใจ” เป็นองค์กรคุณภาพมีความน่าเชื่อถือ เป็นศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับรับสร้างบ้านทั้งในเชิงสถิติและนวัตกรรม
อีกทั้งเป็นผู้นำแนวคิดและเทรนด์การรับสร้างบ้าน โดยให้ความสำคัญกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนในการสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจร่วมกัน ทั้งนี้ สมาคมฯ มีเป้าหมายจะสร้างสมาคมฯ ให้เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการขยายเพิ่มจำนวนสมาชิกทุกประเภทขึ้นอีกอย่างน้อย 10% จากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 127 ราย เป็นผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน 53 ราย และที่เหลือเป็นกลุ่มวัสดุ
นอกจากนี้จะสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพของสมาชิกผ่านกิจกรรมในทุกๆ ด้าน โดยจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจรับสร้างบ้านได้เข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างสมาชิกและเครือข่าย และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ
“บ้านสูงวัย-สมาร์ทโฮม”เทรนด์แรง
นางศิริพร กล่าวว่าสำหรับเทรนด์ธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ คือ บ้านที่สร้างขึ้นสำหรับทุกวัย หรือ “3เจน” โดยเฉพาะบ้านที่รองรับกลุ่มสูงวัย ซึ่งมีทั้งการรีโนเวทบ้านเก่าและสร้างบ้านใหม่ อีกเทรนด์ที่ได้รับความสนใจสูง คือ สมาร์ทโฮม การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะมาในงานภายในบ้าน ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคปัจจุบัน
ปัจจุบันการอยู่อาศัยของคนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นรูปแบบ“มัลติ แฟมิลี่” โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง ที่นิยมสร้างบ้านให้บุตรหลานอยู่ในบริเวณเดียวกับบ้านพ่อแม่ จึงมีลักษณะการใช้ที่ดินเต็มพื้น เช่น การสร้างบ้านหลายชั้น เพื่อให้บุตรอยู่อาศัยคนละชั้น ดังนั้นการออกแบบบ้านจึงต้องพัฒนาไปตามไลฟ์สไตล์ผู้อยู่ศัยในปัจจุบัน
สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านปีที่ผ่านมา แบ่งสัดส่วนเป็น 5 กลุ่ม คือ ราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท 10%, ราคา 2.5-5 ล้านบาท 40%, ราคา 5-10 ล้านบาท 36%, ราคา 10-20 ล้านบาท 9% และ มากว่า 20 ล้านบาท 5%
ชี้โอกาสตลาดอาเซียนโต
นายวรวุฒิ กาญจนกูล เลขาธิการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่าจากการทำวิจัยร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับตลาดรับสร้างบ้านในกลุ่มอาเซียน พบว่าในประเทศ ลาว กัมพูชา และเมียนมา เป็นตลาดที่มีโอกาสขยายตัวจากการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศดังกล่าว ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านในไทยมีการพัฒนาทั้งเทคโนโลยีการก่อสร้าง วัสดุ และการออกแบบบ้านที่โดดเด่น จึงมีโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปขยายธุรกิจในทั้ง 3 ประเทศ
ทั้งนี้ ประเทศที่มีโอกาสสูง คือ กัมพูชา ที่พบว่ามีกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มีความต้องการสร้างบ้านระดับ 20-30 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น และสนใจใช้บริการรับสร้างบ้านจากประเทศไทย ขณะนี้สมาคมฯกำลังศึกษาโอกาสที่สมาชิกจะเข้าไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งการร่วมทุนเป็นพันธมิตรกับธุรกิจท้องถิ่น และการขยายธุรกิจโดยผู้ประกอบการไทย
สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดหลักของสมาคมฯ 2 งาน ในปีนี้ คือ “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Focus 2018 ในเดือนมี.ค.2561 และ “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials Expo 2018 เดือนส.ค. 2561 ได้เพิ่มกิจกรรมที่ช่วยต่อยอดองค์ความรู้ของธุรกิจและช่วยขยายฐานเครือข่าย โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมฯ มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น
http://www.bangkokbiznews.com
มั่นใจราคาสินค้าไม่ปรับขึ้นตามค่าแรง สั่งจับตาทุกพื้นที่
“อธิบดีกรมการค้าภายใน” ชี้ปรับขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนสินค้าไมาถึง 1% มั่นใจราคาสินค้าไม่ปรับขึ้นตามค่าแรง พร้อมจับตาทุกพื้นที่
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการคำนวนผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าหลังมีการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท พบว่าจะกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าไม่ถึงร้อยละ 1 จึงมองว่าไม่ควรมีผลทำให้มีการปรับขึ้นราคาสินค้า และวันที่ 24 มกราคมนี้ จะมีการเชิญผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็กกว่า 100 ราย หารือถึงต้นทุนราคาสินค้า หากผู้ประกอบการรายใดพบว่าการปรับขึ้นค่าแรงส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้า ก็สามารถชี้แจงได้ หลังจากนั้นกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จอีกครั้ง ทั้งนี้ กรมการค้าภายในกำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องทำหนังสือแจ้งก่อนการปรับขึ้นราคา หรือปรับลดปริมาณสินค้ามายังกรมการค้าภายในก่อนทุกครั้ง
ส่วนการลอยตัวน้ำตาลทรายนั้น กระทรวงพาณิชย์ยังคงให้น้ำตาลทรายอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุมและยังคงเพดานราคาขายปลีกไว้ที่ 23.50 บาทต่อกิโลกรัมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนจะมีการปรับออกจากบัญชีสินค้าควบคุมหรือไม่ ยังต้องรอกระทรวงอุตสาหกรรมทำหนังสือ เพื่อให้ยกเลิกการกำหนดราคาเพดานดังกล่าวส่งเข้ามาก่อน และยังจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.) และนำเสนอเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อมีมติออกมาก่อนถึงจะยกเลิกได้
ทั้งนี้ ในช่วงนี้หากพบผู้ค้ารายใดจำหน่ายสูงเกินกว่าราคาเพดานที่ กกร. กำหนดจะมีความผิดข้อหาไม่ปฏิบัติตาม ข้อกำหนดของ กกร. มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และจากแนวโน้มราคาน้ำตาลพบว่าลดลง จึงไม่มีเหตุผลที่จะอ้างปรับขึ้นราคาจำหน่ายได้และตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งมาพบว่าขณะนี้น้ำตาลยังเป็นสตอกเก่า ราคาจึงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
http://www.bangkokbiznews.com
‘มธ.’บูรณาการวิจัยรับยุทธศาสตร์ชาติ
โครงการแปรรูปกล้วยหอมทองปทุมฯ ,โมเดลสมาร์ทฟาร์มเมอร์เกษตรอินทรีย์ ,ระบบวิเคราะห์อัจฉริยะเพื่อป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง , เซรั่มบำรุงผิวหน้าสารสกัดจากมะรุม ผลงานวิจัยจากวิทยาศาสตร์ มธ. สานต่ออุตสาหกรรมเป้าหมาย
โครงการแปรรูปกล้วยหอมทองปทุมฯ ,โมเดลสมาร์ทฟาร์มเมอร์เกษตรอินทรีย์ ,ระบบวิเคราะห์อัจฉริยะเพื่อป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง , เซรั่มบำรุงผิวหน้าสารสกัดจากมะรุม ผลงานวิจัยจากวิทยาศาสตร์ มธ. นำมาสานต่อเมกะโปรเจคปี61 ครอบคลุมอุตสาหกรรมเกษตร – บิ๊กดาต้า – โอทอป/เอสเอ็มอีตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0
รศ. สมชาย ชคตระการ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า งานวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ.ปีนี้ ประกอบด้วย1. วิทย์เพื่อการเกษตร กับโครงการ “กล้วยหอมทองปทุมฯ” และ “เกษตรอินทรีย์ 4.0” 2. วิทย์เพื่อการจัดการข้อมูล กับโครงการ “ระบบวิเคราะห์อัจฉริยะ”และ3. วิทย์เพื่อพัฒนาสินค้า กับโครงการ “โอทอป-เอสเอ็มอี 4.0” เพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอี ด้วยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จากงานวิจัย
พลิกโฉมเศรษฐกิจด้วย วทน.
โดยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มธ. จะให้บริการงานวิจัยและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์มาพัฒนาศักยภาพด้านการเกษตรของประเทศไทยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ง่าย ต้นทุนต่ำ โดยจะเป็นการพัฒนาแบบครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาการเพาะปลูก พัฒนาคุณภาพผลผลิต ยกระดับแพคเกจจิ้ง รวมไปถึงการต่อยอดแปรรูปผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์
ในปีนี้ จะเป็นการนำร่องด้วย 2 โครงการหลัก คือ โครงการกล้วยหอมทองปทุมธานี พืชเศรษฐกิจประจำท้องถิ่นตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ รวมไปถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม และ โมเดลสมาร์ทฟาร์มเมอร์ วิถีเกษตรอินทรีย์ 4.0เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อการทำเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานและใช้ต้นทุนต่ำลงถึง 2 เท่า
ถัดมาจะเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อการจัดการข้อมูล การพัฒนางานวิจัย เพื่อให้ประเทศไทยเท่าทันกระแสเมกะเทรนด์เทคโนโลยีของโลกในเรื่อง บิ๊กดาต้า และคลาวด์ มาสร้างสรรค์ประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคม เน้นการจัดการข้อมูลบิ๊กดาต้าหรือเซ็ตข้อมูลขนาดใหญ่ วิเคราะห์ และประมวลผลออกมาเป็นข้อมูล เพื่อใช้พัฒนาเป็นประโยชน์ ตลอดจนเพื่อใช้แก้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นหรือคาดการณ์สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การพัฒนาระบบวัดระดับแม่น้ำไทย ทำหน้าที่วิเคราะห์ ความสูงของแม่น้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมเฉียบพลันและวิกฤติน้ำแล้ง เป็นต้น
ยกระดับรายได้ให้กับชุมชน
นอกจากนี้ยังนำ วิทยาศาสตร์มาใช้พัฒนาผู้ประกอบการโอทอปและเอสเอ็มอี ซึ่งประกอบด้วย 2 โครงการหลัก คือ 1.ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมความอร่อย บริการวิจัยและพัฒนารสชาติ คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยผู้เชี่ยวชาญทางการทดสอบ และประเมินคุณภาพอาหารด้วยวิธีทางประสาทสัมผัสที่ถูกต้อง รวมทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้การประเมินคุณภาพอาหารฯ แก่ผู้ประกอบการชุมชน โอทอปและผู้ที่สนใจ 2.ศูนย์พัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อยกระดับและพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพและตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ด้วยการสร้างความเข้าใจ ในการพัฒนาสินค้า เทคโนโลยีการเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์ การเลือกวัสดุ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้โดนใจผู้บริโภค จากผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาเทคโนโลยีวัสดุและสิ่งทอ
ยกตัวอย่างงานวิจัยวัสดุนาโนอัจฉริยะกักเก็บสารสำคัญในเครื่องสำอาง ด้วยการนำสารชีวภาพมาทำเป็นอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนผสมผสานเทคโนโลยีการกักเก็บแบบใหม่ที่สามารถให้สาร 2 ชนิดที่แตกต่างกันอยู่ด้วยกัน เพื่อให้เกิดการซึมผ่านผิวหนังได้ในระดับลึก และปลดปล่อยสารออกฤทธิ์ที่สกัดได้จากพืชสมุนไพรในระยะเวลาที่นานขึ้น อนุภาคนี้มีความเสถียรมากขึ้นกว่าวิธีปกติทั่วไป เช่น เซรั่มหน้าใสที่มีสารสกัดจากมะรุมช่วยให้หน้ากระจ่างใสพร้อมกับชุ่มชื้นด้วยวิตามินอี เป็นต้น
http://www.bangkokbiznews.com
รายแรกของโลก! วิจัยเปลือกไข่-ถั่วเน่าผลิตแคลเซียม รักษาป่วยติดสุรา
ทีมเภสัชกร รพ.สวนปรุง วิจัยเปลือกไข่-ถั่วเน่า ผลิตเป็นแคลเซียมให้วิตามินK2 สู่กระดูกโดยตรงไม่ถูกดูดซึมระหว่างทางสำเร็จเป็นรายแรกของโลก ตั้งโจทย์ใช้สมุนไพรเป็นแพทย์ทางเลือกรักษาผู้ป่วยติดสุรา ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าแคลเซียมจากต่างประเทศ
ภญ.ดร.วนิดา พุ่มไพศาลชัย หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลสวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อการแพทย์ทางเลือกแบบผสมผสาน พบว่าคนไข้ที่ติดสุราจะมีปัญหาขาดแคลเซียม ดังนั้นจึงได้ตั้งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรที่จะใช้วัตถุดิบธรรมชาติ และหาได้จากภายในท้องถิ่นของภาคเหนือ โดยเฉพาะกลุ่มสุมนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กระทั่งทางทีมเภสัชกรได้ค้นพบว่า ในเปลือกไข่ไก่มีแคลเซียมสูง และในถั่วเน่า ซึ่งเป็นพืชผักที่คนภาคเหนือบริโภคกันอยู่แล้ว เมื่อนำมาเข้าสู่กระบวนการวิจัย และตรวจสอบวิเคราะห์แร่ธาตุต่างๆ พบว่า มีแคลเซียมสูง และดูดซึมในร่างกายได้ดี จึงได้ผลิตแคลเซียมจากเปลือกไข่ไก่ และถั่วเน่าใส่แคบซูลให้คนไข้ภายในโรงพยาบาลสวนปรุง ซึ่งได้ใช้เวลาในการวิจัยเกือบ 2 ปี จนขณะนี้พบว่า มีความเสถียร และคุณสมบัติเทียบเท่ากับแคลเซียมที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
โดยพบว่ามีวิตามิน K2 ที่นำพาแคลเซียมสู่กระดูกได้โดยตรงไม่ถูกดูดซึมระหว่างทาง ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการ ยังไม่พบว่าที่ใดในโลกมีการนำเอาเปลือกไข่กับถั่วเน่ามาผลิตเป็นแคลเซียม ซึ่งทางทีมวิจัยได้วิเคราะห์สารตกค้างโลหะหนัก อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เกินมาตรฐาน จึงถือว่าได้ทีมเภสัชรกรของโรงพยาบาลสวนปรุง คิดค้นได้เป็นรายแรกของโลก โดยขณะนี้ได้นำไปให้ผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลสวนปรุงช่วยฟื้นฟูร่างกาย และคนไข้ที่ต้องการแคลเซียมดังกล่าว ก็สามารถนำเปลือกไข่มาขายให้กับทางโรงพยาบาลสวนปรุงในกิโลกรัมละ 50 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อแคลเซียมที่มีราคาถูกกว่าแคลเซียมนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะนี้มีจำหน่ายเป็นกระปุกราคา 150 บาท บรรจุ 60 เม็ด และยังได้มีการทำแปลงสาธิตปลูกถั่วเน่าภายในโรงพยาบาลสวนปรุงด้วย เพื่อให้ความรู้กับผู้ป่วยจิตเวชภายในโรงพยาบาลก็จะเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมการฟื้นฟูด้วย
ภญ.ดร.วนิดา กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับทางโรงพยาบาลของทหาร เพื่อช่วยในการผลิตแคลเซียมดังกล่าว ซึ่งหากว่าดำเนินการได้ จะช่วยลดการนำเข้าแคลเซียมจากต่างประเทศมูลค่าหลายร้อยล้านบาท และสามารถผลิตให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศได้ใช้ประโยชน์ด้วย โดยตอนนี้ทางโรงพยาบาลสวนปรุงผลิตตามความต้องการของผู้ป่วยจิตเวชเท่านั้น และยังมีกำลังการผลิตค่อนข้างน้อย และไม่สามารถดำเนินการในเชิงการตลาดด้วยกฎระเบียบของทางราชการ แต่หากว่ามีผู้ป่วยเกี่ยวกับกระดูก หรือจิตเวชที่สนใจก็สามารถเข้ามาติดต่อซื้อได้ที่ร้านปลายฟ้าภายในโรงพยาบาลสวนปรุง ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าะเป็นกาแฟ ไอศกรีม คุ๊กกี้ และแคลเซียม ซึ่งล้วนแต่เใช้สมุนไพรที่เป็นสารสกัดมาผลิต เพื่อให้เกิดประโยชน์ และมีีความปลอดภัยต่อร่างกย ซึ่งถือเป็นการแพทย์ทางเลือกแบบผสมผสาน
นอกจากนั้นแล้ว ทางทีมเภสัชกรยังได้คิดค้น วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และได้สร้างแบรนด์ชื่อว่า “ปลายฟ้า” โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมานั้น เน้นการใช้สมุนไพรเป็นหลักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ เพื่อสุขภาพแบบผง และแบบทรีอินวัน, ช็อคโกแลตมิกซ์โก้โก้, และคุ๊กกี้ผักที่ล้วนแต่มีส่วนผสมของสารสกัดผักและเครื่องเทศที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ไม่ชอบกินผักผลไม้ และส่งเสริมให้เด็กๆได้บริโภคขนมที่เป็นประโยชน์ ขณะเดียวกัน ยังได้ผลิตไอศกรีมน้ำนมถั่วเหลืองเครื่องเทศไม่ใช้น้ำตาล แต่ใช้น้ำเชื่อมเข้มข้นจากพืชที่ทางทีมเภสัชกรได้วิจัยขึ้นมา เพื่อให้เหมาะสมสำหรัับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยที่รสชาติไม่ได้แตกต่างจากไอศกรีมทั่วไป ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยเสริมพลังให้กับสมองนอกจากการใช้ยาของผู้ป่วยได้อีกทางหนึ่ง
พร้อมกันนี้ กระบวนการผลิตคุ๊กกี้ หรือไอศกรีม จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมฟื้นฟูให้กับผู้ป่วยจิตเวชที่มีความพร้อมที่จะเข้ามาบำบัด และจะได้รับการเรียนรู้ว่าการผลิตอาหารเหล่านี้ทำอย่างไร ใช้วัตถุดิบแบบไหนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กับผู้ป่วยจิตเวชได้มีสมาธิ การตอบสนองในการเรียนรู้ระหว่างที่ทำการรักษาแล้ว ยังสามารถนำความรู้ที่ได้กลับไปต่อยอดเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัวเมื่อกลับไปสู่สังคมตามปกติ
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 22/1/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,050.00 |
20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,299.00 |
19,692.84 |
20,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,169.10 |
17,723.56 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
585.00 |
8,868.60 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
455.00 |
6,897.80 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,346.00 |
20,405.36 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22/1/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
28.45 |
28.45 |
– |
27.95 |
28.45 |
28.45 |
28.45
|
28.45
|
28.45
|
28.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.94
|
25.94
|
25.94
|
25.44
|
25.94
|
– |
25.94
|
25.94
|
25.94
|
25.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.94 |
20.94 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.94 |
20.94 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
28.18 |
เบนซิน 95 |
35.56 |
– |
– |
– |
36.01 |
– |
36.06 |
35.56 |
35.06 |
35.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
27.59 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
30.59 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |
18 Jan 05:00 |