สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561

‘อัศวิน’ ยันทางเลียบเจ้าพระยาโปร่งใส-ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงกรณีองค์กรภาคประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้มีการยกเลิกโครงการเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนยังไม่ครอบคลุม และต้องการให้กทม.เปิดเผยรูปแบบโครงการ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงแบบก่อสร้างทางเดินทางจักรยานริมแม่น้าเจ้าพระยาความกว้างประมาณ 10 เมตร (ม.) เพื่อให้มีความเหมาะสม ซึ่งกทม. ได้มอบหมายให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นผู้ดำเนินการออกแบบ โดยให้คำนึงถึงผลกระทบในทุกด้าน นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงภูมิทัศน์เขื่อน ท่าเรือ ศาลาท่าน้ำ พื้นที่บริการสาธารณะ และ เส้นทางการเข้าถึง ระบบไฟฟ้า ระบบระบายน้ำ และส่วนประกอบอื่นๆ โดยเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการใน 2 ช่วง โดยช่วงแรก ฝั่งพระนคร จากสะพานพระราม 7 ถึง กรมชลประทาน สามเสน พื้นที่เขตบางซื่อและเขตดุสิต ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณโครงการ 1,770 ล้านบาท และช่วงที่ 2 จากสะพานพระราม 7 ถึง คลองบางพลัด พื้นที่เขตบางพลัด ระยะทางประมาณ 3.5 กม. งบประมาณโครงการ 2,061.5 ล้านบาท

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า เมื่อออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดจะเสร็จสิ้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2562 จากนั้นจะเข้าสู่การร่างประกาศข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (ทีโออาร์) ตามระบบการจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) ซึ่งในขั้นตอนประกาศทีโออาร์ กรมบัญชีกลาง จะเป็นผู้ดำเนินการ ระหว่างนั้นจะมีการเปิดเผยรูปแบบต่อสาธารณชน โดยประชาชนทุกคนสามารถเข้าดูได้ หากใครไม่พอใจหรือเกิดการคัดค้านก็สามารถปรับปรุงแก้ไขตามความเหมาะสม แต่ทุกอย่างจะต้องอยู่บนหลักการและเหตุผล

“ยืนยันว่าทุกขั้นตอนในการดำเนินการ มีความโปร่งใสและเปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ ประมาณ 10,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การดำเนินการต้องละเอียดรอบคอบ เพราะไม่อยากให้เกิดข้อติติง หรือสังคมไม่พอใจ และหากตัวเองยังไม่ถูกปลดจากตำแหน่งเสียก่อน ก็คงจะเริ่มก่อสร้างในยุคสมัยผู้ว่าฯอัศวิน” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว.

ขอบคุณข้อมูลจาก .prachachat.net


กรีนสเปซ เทรนด์ใหม่รับความโหยหาพื้นที่สีเขียวของคนเมือง

กรีนสเปซ เทรนด์ใหม่รับความโหยหาพื้นที่สีเขียวของคนเมือง 

หนึ่งในเทรนด์ระดับโลกอย่าง “เทรนด์สีเขียว” เข้ามามีบทบาทกับทุกภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมก็จะพูดถึง Green Industry สินค้าอุปโภคบริโภคก็ต้องเป็น Green Product สินค้าแฟชั่นก็มี Eco Fashion รวมถึงการให้ความสำคัญกับสังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Low Carbon Society ที่คนในสังคมหันมาร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทุกรูปแบบ จนเกิดการพัฒนา Urban Farming ในหลายพื้นที่ของเมืองใหญ่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

เช่นเดียวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ก็หันมาให้ความสำคัญกับ “เทรนด์สีเขียว” มากขึ้น โดยมีการทำเรื่อง Green Building หรืออาคารเขียวที่พัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานของลีด (LEED : Leadership in Energy & Environmental Design) มาตรฐานอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกา หรือตามเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียวของสถาบันอาคารเขียวไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา   

“เทรนด์สีเขียว” ในภาคอสังหาริมทรัพย์คือการสร้าง “พื้นที่สีเขียว” หรือ “กรีนสเปซ” (Green Space) ในพื้นที่สาธารณะทั้งพื้นที่ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน หมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม พื้นที่ว่างบนทางเดินลอยฟ้า หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่เคยเป็นที่ทิ้งร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็เริ่มใส่พื้นที่สีเขียวเข้าไปมากขึ้นด้วย ภายใต้แนวคิดการสร้างป่าในเมือง หรือ “Urban Forest”

โดยจะเห็นได้ว่าเมืองใหญ่หลายเมืองเริ่มลุกขึ้นมาปรับปรุงพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวมากขึ้น เช่น เกาหลีใต้ปรับปรุงทัศนียภาพของสะพานบริเวณสถานีรถไฟโซล (Seoul Station) ให้เป็นถนนลอยฟ้า “Seoullo 7017” หรือสิงคโปร์ลงทุนถมทะเลเพื่อสร้างสวนขนาดใหญ่ Gardens by the Bay สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่กว่า 250 เอเคอร์ ฯลฯ ซึ่งสวนทั้ง 2 แห่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องไปเมื่อไปเยือนเมืองเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่สีเขียวเป็นได้มากกว่าสวนสาธารณะแล้ว

กรีนสเปซจึงเป็นแนวโน้มที่คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และนักพัฒนาเมืองคาดการณ์ว่าจะเป็นเทรนด์ระยะยาว เพราะคนเมืองมีความโหยหาพื้นที่สีเขียวที่มากขึ้น หลังการอยู่อาศัยในเมืองที่มีแต่อาคารขนาดใหญ่ และความวุ่นวายในการใช้ชีวิต จึงต้องการพื้นที่สีเขียวเป็นพื้นที่สงบ ผ่อนคลายให้กับการใช้ชีวิต

ขณะที่ในกรุงเทพฯ ถือว่ามีพื้นที่สีเขียวน้อยมาก จากรายงานของสำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (กรุงเทพมหานคร) ระบุว่า กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ย 6.18 ตารางเมตร/คน น้อยกว่ามาตรฐานเกือบ 3 เท่า แม้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า กรุงเทพฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวเป็น 9 ตารางเมตร/คน แต่ก็ยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ปัจจุบันมีพื้นที่สีเขียว 66 ตารางเมตร/คน กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีพื้นที่สีเขียว 44 ตารางเมตร/คน >>‘พื้นที่สีเขียว’ สิ่งที่ขาดของคนกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเหมือนจะเป็นข่าวดี เมื่อภาคเอกชนหลายรายที่เป็นเจ้าของอาคารเริ่มเห็นความสำคัญของพื้นที่สีเขียวมากขึ้น หันมาทำสวนบนอาคาร สวนรอบอาคาร และพื้นที่สีเขียวตามจุดต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งในหลายโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นโครงการเปิดใหม่เริ่มมีการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในสัดส่วนที่มากถึง 40-50% ของพื้นที่ทั้งหมด จากเดิมจะมีเพียงตามข้อกำหนดกฎหมายเท่านั้น รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวที่มีแนวคิดในการพัฒนาแบบ Urban Green Space ที่มีพื้นที่สีเขียวภายในตัวบ้าน และพื้นที่รอบโครงการมากขึ้น

Issara-BaanIssaraBangna-HouseA-01

หนึ่งในโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวคือ โครงการบ้านอิสสระ บางนา พัฒนาโดยบริษัท ซี.ไอ.เอ็น.เอสเตท จำกัด ในเครือบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Tropical ที่พัฒนาภายใต้แนวคิด Urban Green Space ดึงธรรมชาติรอบตัวให้เข้าสู่ภายในบ้านด้วยกระจกบานสูง และสวนรอบห้องนั่งเล่น จากจุดเด่นดังกล่าวทำให้โครงการได้รับรางวัล Best Luxury Housing Development (Bangkok) และรางวัล Best Housing Development (Thailand) จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอกย้ำภาพความสำคัญของกรีนสเปซ หรือพื้นที่สีเขียวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com


รู้ยัง! สถานีรถไฟบ้านหินโคน โคราช รับรางวัลสุดยอดส้วมแห่งปี 2560 ในวันส้วมโลก

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ณ โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี การรถไฟฯ เข้ารับรางวัลชนะเลิศสุดยอดส้วมแห่งปี 2560 จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เนื่องในวันส้วมโลก (World Toilet Day 2018) “ส้วมครบวงจร…เสียงสะท้อนจากธรรมชาติ When nature calls”

โดยนายชัชวาล ไชยช่วย นายสถานีบ้านหินโคน เป็นผู้แทนการรถไฟฯ เข้ารับรางวัลจากนายแพทย์ธวัช สุนทรจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีมอบรางวัล โดยมี นายราชพัลลภ ชื่นปรีชา ผู้ตรวจการรถไฟ นายศักดิ์ชัย ทรัพย์ใจเที่ยง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเดินรถภาค 2 นายวุฒิไกร สุทธิกุล หัวหน้ากองจัดการเดินรถเขต 2 นายสมชาย ฤาชา สารวัตรงานเดินรถแขวงอุบลราชธานี และผู้บริหารการรถไฟฯ ร่วมเป็นเกียรติในงาน

โครงการสรรหาส้วมสุดยอดแห่งปี 2560 จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับเจ้าของส้วมสาธารณะที่ได้พัฒนาส้วมสาธารณะเพื่อเป็นต้นแบบที่ดี ให้ผู้ใช้ส้วมเห็นความสำคัญในการบำรุงรักษาส้วมให้มีความสะอาด โดยคณะกรรมการสรรหาสุดยอดส้วมแห่งปีได้ทำการตรวจประเมิน และคัดเลือกให้สถานีรถไฟบ้านหินโคน เป็นสถานีสุดยอดส้วมแห่งปี 2560 ประเภทสถานีขนส่งทางบก (สถานีรถไฟ) ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐานจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เป็น 1 ใน 17 แห่ง ที่ได้รับการคัดเลือก

สถานีบ้านหินโคน ตั้งอยู่ที่ตำบลหินโคน อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา มีระบบการจัดการส้วมสาธารณะและสิ่งปฏิกูลตามเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ (HAS : Healthy Accessibility Safety) มีระบบการทำความสะอาด และมีการตรวจสอบทุกระยะ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ภาชนะเก็บกักน้ำอยู่ในสภาพดี ถังขยะปิดฝามิดชิด บริเวณที่ตั้งส้วมต้องไม่อยู่ที่ลับตาหรือเปลี่ยว และอาคารมีระบบถ่ายเทระบายอากาศได้ดี

การรถไฟฯ ได้จัดโครงการนี้เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานส้วมสาธารณะการของรถไฟฯ ให้ได้ตามมาตรฐาน HAS ของกรมอนามัย และมาตรฐานดับเบิลยูซี โอเค ของกรมการท่องเที่ยว เพื่อช่วยสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้มีห้องส้วมที่สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ซึ่งในปีนี้มีสถานีที่ได้รับรางวัลสุดยอดส้วมแห่งปี

ในปัจจุบันมีห้องส้วมในสถานีรถไฟที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัยแล้ว 267 สถานี จากสถานีรถไฟทั่วประเทศ 443 สถานี โดยตั้งเป้าหมายในอนาคตจะปรับปรุงห้องน้ำสถานีรถไฟให้ได้มาตรฐานครบ 100%

ขอบคุณข้อมูลจาก .prachachat.net


Big Bad Wolf ขึ้นเหนือ ยกทัพหนังสือล้านเล่มจัดงานครั้งแรกที่เชียงใหม่

หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดงาน Big Bad Wolf Book Sale ที่กรุงเทพฯ มาสองสามปี ในวันที่ 30 พฤศจิกายน–9 ธันวาคมที่จะถึงนี้ งานมหกรรมหนังสือนานาชาติ Big Bad Wolf Book Sale จะขึ้นเหนือไปจัดงานครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะนำหนังสือภาษาอังกฤษกว่า 1 ล้านเล่มไปขายในราคาลดจากราคาหน้าปก 50-90 เปอร์เซ็นต์  

การจัดงานที่เชียงใหม่ครั้งนี้ Big Bad Wolf ได้ร่วมมือกับ โครงการงานเทศกาลลิขสิทธิ์และเนื้อหาสำหรับสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน (International Children’s Content Rights Fair: ICCRF) ซึ่งจัดโดย เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ หวังที่จะมอบโอกาสให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในเชียงใหม่ให้สามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของหนังสือภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพ ในราคาถูก นอกจากนี้ก็เพื่อต้องการสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้เริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษตั้งแต่วัยเยาว์

งานนี้นักอ่านจะได้พบกับหนังสือประเภทต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังสือขายดี นวนิยาย ธุรกิจ สถาปัตยกรรมการออกแบบ ศิลปะ สารคดี ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีหนังสือสำหรับเด็กให้ผู้ปกครองได้เลือกหลากหลายประเภท เช่น หนังสือกิจกรรมเกม นิทาน สมุดระบายสี บอร์ดบุ๊ค หนังสือเพื่อฝึกทักษะและความคิด เป็นต้น

งานจะจัดรอบพรีวิวในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10.00 – 22.00 น. ซึ่งจะเปิดให้เข้างานเฉพาะผู้ถือบัตร VIP เท่านั้น ส่วนวันอื่น ๆ สามารถเข้างานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่ www.facebook.com/bbwbooksthailand

ขอบคุณข้อมูลจาก .prachachat.net


การแสดงคำแนะนำด้วย let’s กับ why don’t

Big_02.11.15-engoo

วันนี้อยู่ว่างๆ ชวนเพื่อนฝรั่งไปเที่ยวดีกว่า แต่ว่าฉันควรจะพูดว่ายังไงดีน้า Let’s go….หรือ Why don’t we go…. คำสองคำนี้มันต่างกันยังไงนะ

งั้นเรามาดูวิธีการแสดงคำแนะนำด้วย Let’s กับ why don’t กันเลย

 

Let’s …. กับ why don’t…. มีความหมายเดียวกัน ใช้เพื่อแนะนำกิจกรรม หรือการกระทำทั้งคู่ แต่คำว่า Let’s (Let us) จะให้ความรู้สึกสนิทสนมมากกว่า why don’t

 

Let’s go to the beach. = ไปทะเลกันเหอะ

 

Why don’t we go to the beach? ทำไมเราไม่ไปทะเลกันล่ะ

 

Why don’t you go to the beach? ทำไมเธอไม่ไปทะเลล่ะ

 

ถ้าอยากแนะนำให้ใครทำอะไรแบบให้ดูสุภาพที่สุดก็สามารถใช้คำว่า why don’t you…. ได้

เช่น อยากบอกให้เพื่อนรวมงานมาทำงานเช้าขึ้นก็ให้พูดว่า

 

Why don’t you come to work early? = ทำไมเธอไม่มาทำงานให้เช้าขึ้นล่ะ

 

If you are sleepy, why don’t you take a nap? = ถ้าเธอง่วงทำไมไม่ไปงีบสักหน่อยล่ะ

 

เป็นไงฟังดูดีใช่ไหมล่ะ why don’t you…..

 

จำไว้ใช้ให้เป็นประโยชน์เวลาอยากจะบอกให้ใครทำอะไรสักอย่าง แต่เราอยากให้ประโยคที่พูดดูเป็นมิตรที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก  engoo.co.th


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,150.00 19,050.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,650.00 18,707.44 1,234.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,389.64 1,279.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,836.70 1,110.60
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,965.95 987.20
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,413.80 555.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,549.12 432.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 28.55 28.55 28.55 28.55 28.55 28.55 28.55 28.55 28.55 28.55
แก๊สโซฮอล์ 91 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28 28.28
แก๊สโซฮอล์ E20 25.54 25.54 25.54 25.54 25.54 25.54 25.54 25.54 25.54
แก๊สโซฮอล์ E85 20.49 20.49 20.49 20.49
เบนซิน 95 35.96 36.41 36.46 35.96 35.76 35.96
ดีเซล 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79 28.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.39 32.66 32.66 33.16 32.66
แก๊ส NGV 16.13 16.13
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า