‘เซ็นทรัล’ ซื้อ ‘จีแลนด์’ … “ต้องตกลงที่พหลโยธินกันใหม่”
สัมภาษณ์พิเศษ : สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี)
“บีทีเอสกรุ๊ป” นอกจากเป็นเจ้าอาณาจักรรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครแล้ว ยังใช้ความได้เปรียบเก็บเกี่ยวที่ดินทำเลศักยภาพส่งต่อให้บริษัทลูกพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง ‘แสนสิริ’ ให้โตไปด้วยกัน นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอสซี) พูดคุยผ่าน “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแผนธุรกิจในมือที่น่าสนใจ ว่า
➣ เหนียวแน่นกับ ‘แสนสิริ’
รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียว นอกจากสร้างกำไรจากการเดินรถให้กลุ่มบริษัทแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มที่ดินให้เจ้าของที่ดินตลอดแนวเส้นทางทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะใจกลางเมือง ปัจจุบัน หาซื้อค่อนข้างยาก ทางกลุ่มโดย บริษัท ยูซิตี้ฯ และแสนสิริ ยังเน้นพัฒนาโครงการแนวสูง ทั้งไฮเอนด์กลางใจเมืองและระดับกลาง-ล่าง เช่นเดียวกับปี 2562 ยังคงพัฒนาโครงการร่วมกับแสนสิริ และแม้ว่ายอดขายคอนโดมิเนียมลักชัวรียอดขายช้า แต่มั่นใจกำลังซื้อยังมี
ขณะเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดหัวเมืองใหญ่ บริษัทเข้าร่วมชิงชัยในทุกเส้นทาง พร้อมกับพ่วงดูที่ดินทำเลดีให้กับ ‘ยูซิตี้’ ซึ่งเป็นบริษัทลูก พัฒนาต่อเนื่อง
➣ เก็บที่ดิน ‘ศรีนครินทร์’
นายสุรพงษ์ ยกตัวอย่าง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ซึ่งขณะนี้ก้าวหน้าไป 15% เรียกว่า สร้างไป ดูที่ดินไป โดยเฉพาะเส้นศรีนครินทร์ บริเวณซีคอนสแควร์ มีที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลงมาเสนอขาย ซึ่งมองว่าเป็นทำเลพัฒนาแนวสูงได้ ส่วนถนนลาดพร้าวมีศักยภาพสูง แต่ที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้ประกอบการ ขณะราคาที่ดินยอมรับขยับไปไกล แต่หากพัฒนาแล้วคุ้ม มีกำลังซื้อ ก็น่าสนใจ
เช่นเดียวกับ รถไฟฟ้าสายสีชมพู อยู่ระหว่างก่อสร้าง ยอมรับว่า ศักยภาพด้านการพัฒนาสู้สายสีเหลืองไม่ได้ แต่ทำเลที่สนใจ คือ แจ้งวัฒนะ บริเวณเมืองทองธานี แต่กลับไม่มีใครเสนอขาย เพราะอยู่ในมือดีเวล็อปเปอร์หมดแล้วเช่นกัน อีกทำเลที่สนใจ คือ วงเวียนหลักสี่ มีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) ตัดสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และเส้นรามอินทรา ใกล้เมือง ยังเป็นทำเลขึ้นโครงการแนวสูงได้ ส่วนหลุดจากนั้นพัฒนาได้แค่แนวราบ ซึ่งบริษัทไม่เน้นแนวนี้ แม้มีเจ้าของที่ดินนำที่ดินแปลงใหญ่มาเสนอขายจำนวนมากก็ตาม
➣ รอลุยที่ ‘พหลโยธิน’
สำหรับทำเลส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือมีศักยภาพสูง มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมาก ล้วนตั้งราคาขายสูงทำเลนี้ บริษัทมีที่ดินไม่มาก ที่เด่น ๆ จะเป็นที่ดินเกือบ 50 ไร่ ตรงข้ามแดนเนรมิต มีแผนพัฒนามิกซ์ยูส แต่ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนาซื้อจีแลนด์ จึงต้องเจรจาตกลงที่ดินพหลโยธินกันใหม่
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ คาดว่า ภายในเดือน ส.ค. นี้ จะเปิดเดินรถสถานี 5 แยกลาดพร้าว บริเวณเซ็นทรัลลาดพร้าวและโรงเรียนหอวัง ก่อน 1 สถานี เพื่อนำผู้โดยสารก้าวข้ามแยกหนีปริมาณจราจร และมีคนใช้พื้นที่สูง ทั้งห้างเซ็นทรัล ยูเนียนมอลล์ โลตัส คอนโดมิเนียม โรงเรียน ออฟฟิศของ ปตท. เป็นต้น และประมาณปลายปีถึงต้นปีหน้าจะเปิดอีก 2 สถานี คือ เสนานิคมและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ส่วนส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สำโรง อยู่ระหว่างเปิดทดลองเดินรถ ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างคึกคัก เพิ่มปริมาณผู้โดยสาร เรียกว่า หากเปิดเดินรถทั้งระบบ เชื่อว่าบีทีเอสสายสีเขียวจะสร้างมูลค่าให้กับที่ดินและความสุขของการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘ซีพี’ ส้มหล่น อาจได้บริหารไฮสปีดสามสนามบินเฟส 2 โดยไม่ต้องประมูล
19 ม.ค. 2562 แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ระบุในข้อเสนอการว่าจ้างให้บริษัทเอกชนที่ชนะประมูลโครงการเดินรถในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน อีอีซี เฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา (กลุ่มซีพี) เข้ามาเดินรถในเฟส 2 ช่วงอู่ตะเภา-ตราด ระยะทาง 300-400 กิโลเมตร วงเงินลงทุนมากกว่า 3 แสนล้านบาทด้วย โดยไม่ต้องเปิดประมูล เพื่อความสะดวกสบายของประชาชน หรืออาจมีการจ้างเอกชนรายเดิมเดินรถเหมือนกรณีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เฟส 2 ซึ่งปัจจุบันถือว่าการว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาดูภาพรวมของโครงการเฟส 2 ล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากขั้นตอนจัดซื้อที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายใหม่และเจ้าหน้าที่ขาดประสบการณ์ ดังนั้น รฟท.จึงตั้งเป้าหมายลงนามสัญญาว่าจ้างดังกล่าวให้ได้ภายในเดือนนี้หรือ ก.พ. 2562” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-หัวหิน ระยะทาง 209 กม. วงเงินลงทุน 1 แสนล้านบาท ว่า ขณะนี้ รฟท.ได้สั่งชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากพบว่าระยะทางไม่คุ้มค่าในการลงทุนจึงเกรงว่าเอกชนจะไม่สนใจโครงการ ดังนั้นจึงต้องการพัฒนาเป็นเส้นทางสายยาวแทน ช่วงกรุงเทพ-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 635 กม. วงเงินลงทุนมากกว่า 6 แสนล้านบาท โดยอยู่ระหว่างดำเนินการของบประมาณจ้างเอกชนเข้ามาศึกษาคาดว่าจะได้ตัวภายในปีนี้ และจะดำเนินการศึกษาในปี 2563 ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
อย่างไรก็ตามเส้นทางดังกล่าวถือว่าเป็นรถไฟไฮสปีดสายยาวใช้วงเงินลงทุนเยอะจึงไม่แน่ใจว่าฝ่ายนโยบายในอนาคตจะยังเดินหน้ารถไฟไฮสปีดสายใต้ต่อไปหรือไม่ และหากจะลดเส้นทางเหลือช่วง กรุงเทพ-ประจวบคีรีขันธ์ หรือ กรุงเทพ-ชุมพร ก็ยังคงไม่สะท้อนความคุ้มค่าเท่ากับการจบสถานีสุดท้ายที่จ.สุราษฎร์ธานีเพราะถือเป็นประตูการท่องเที่ยวภาคใต้
แหล่งข่าวจาก รฟท. กล่าวว่าได้มีการเลื่อนงานประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ณ กรุงปักกิ่ง จากเดิมวันที่ 25 ม.ค.นี้ไปเป็นช่วงปลายเดือนหน้า สำหรับความคืบหน้าสัญญา 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 4 หมื่นล้านบาทนั้นคืบหน้าไปได้เยอะแล้ว ซึ่งทางฝ่ายจีนได้ทยอยส่งรายละเอียด การถอดแบบและมูลค่าของสัญญา(BOQ) และตัวเลขค่าใช้จ่ายมาแล้ว
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นที่ตรวจสอบก็เป็นไปตามมาตรฐานที่ฝ่ายไทยศึกษาเกณฑ์ราคากลางมา ดังนั้นจึงคาดว่าไม่น่ามีปัญหาแล้วพร้อมลงนามสัญญาภายในการประชุมครั้งหน้าแน่นอน อย่างไรก็ตามต้องรีบลงนามสัญญาให้จบเพราะรถใช้เวลาผลิตนานถึง 6 ปีและทยอยนำเข้ามาประกอบทีละสิ้นเพื่อให้ทันกับการเปิดเดินรถในปี 2565-2566
ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net
อาหารลดความดันเลือดสูง
เฉลี่ยแล้ว ทุกๆ 5 คนจะมีผู้ที่เป็นโรคความ ดันเลือดสูง 1 คน อายุยิ่งมาก ยิ่งมีโอกาสเป็นโรคความ ดันเลือดสูงมากขึ้นตาม ดังนั้น ผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี ทุกคนควรได้รับการตรวจวัดความดันเลือดอย่างน้อยปีละครั้ง
ความดันเลือดสูงมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น การนอนกรนและหยุดหายใจเป็นระยะ ในเวลาหลับ (sleep apnea) ยาบางชนิด โรคไต โรคหลอดเลือดแดง เป็นต้น แต่อาหาร ก็เป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความดันเลือดสูง เราจึงสามารถจะใช้อาหารในการช่วยลดความดันเลือดที่สูงเกินปกติได้
อาหารที่ได้รับการพิสูจน์ในผู้ป่วยความดันเลือดสูงแล้วว่า สามารถลดความดันเลือดได้ผลดี คือ อาหารแดช (DASH ซึ่งย่อมาจาก Dietary Approach to Stop Hypertension) หรืออาหารหยุดความดันเลือดสูง จากการศึกษาในประชากรชาวอเมริกันที่ความดันเลือดปกติและสูงปานกลางจำนวน 500 กว่ารายในเวลา 8 สัปดาห์ พบว่าอาหารแดชนี้สามารถลดความดันเลือดทั้งตัวบนและความดันเลือดตัวล่างได้อย่างชัดเจน (ได้ผลพอๆ กับกินยาลดความดันเลือดหนึ่งตัว) โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ในขณะที่ผู้ที่กินอาหารอเมริกันทั่วไป ไม่พบว่าความดันเลือดลดลง และถ้ากินอาหารแดชร่วมกับการลดการกินเกลือโซเดียมในอาหาร จะยิ่งลดความดันเลือดได้เพิ่มขึ้น
แต่เนื่องจากวิธีการกินอาหารดังกล่าวใช้วิธีการแบบฝรั่ง ซึ่งแนะนำให้กินอาหารแต่ละประเภทเป็น “serving” (หนึ่ง serving ประมาณหนึ่งฝ่ามือ หรือเป็นปริมาณที่กินใน 1 ครั้ง) เช่น ให้กินผลไม้ 3-4 serving ต่อวัน ซึ่งยากในการปฏิบัติสำหรับคนไทยทั่วไป จึงขอดัดแปลงวิธีการดังกล่าวให้ง่ายในการปฏิบัติ คือ
1.กินอาหารต่อไปนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากเดิมที่เคยกิน คือ
- ผัก หรือ ผลิตภัณฑ์จากพืช โดยเฉพาะผักสด เช่น ผักจิ้มน้ำพริก ส้มตำ ยำ
- ผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้สดจะให้คุณค่าอาหารมากกว่าการคั้นน้ำ หรือที่ทำสำเร็จรูปบรรจุกล่อง (สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน ต้องลดการกินผลไม้ลง ถ้าคุมระดับน้ำตาลไม่ได้)
- ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ถั่ว งาดำ เป็นต้น
- ปลานึ่ง ปลาต้ม (จะดีกว่าปลาทอด หรือแฮมเบเกอร์ปลา ซึ่งจะมีไขมันสูง)
- นมพร่องมันเนย หรือ นมปราศจากมันเนย หรือนมถั่วเหลือง
2. กินอาหารต่อไปนี้ลดลงประมาณครึ่งหนึ่งจากเดิมที่เคยกิน คือ
- อาหารรสเค็มและปริมาณเกลือโซเดียม เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว ผงชูรส อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
- อาหารรสหวาน เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ขนมหวาน ไอศกรีม ขนมเค้ก คุกกี้ ฟาสต์ฟู้ด เป็นต้น
- อาหารรสมัน เช่น ไขมันสัตว์ และผลิตภัณฑ์สัตว์
- เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เป็ด ไก่ ห่าน ไม่ติดหนังติดมัน เป็นต้น
วิธีการเริ่มกินอาหารลดความดันเลือดสูง อาจจะเปลี่ยนชนิดอาหารทีละอย่าง ครั้งละน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ชอบกินอาหารรสจัด ต้องลดการปรุงแต่งเติมเสริมรสชาติลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์กว่าลิ้นของเราจะคุ้นเคยกับอาหารรสปรุงแต่งลดลง และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การจำกัดปริมาณอาหารที่กิน โดยเฉพาะอาหารไขมันและคาร์โบไเดรต และเพิ่มการออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกินในร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลง ถ้าน้ำหนักลดลงได้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว ก็สามารถทำให้ความดันเลือดลดลงได้
นอกจากนี้ คุณผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ควรลดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มลง เช่น ลดลงเหลือ เบียร์วันละ 2 กระป๋อง ไวน์วันละครึ่งแก้ว เป็นต้น (ผู้หญิงลดการดื่มลงครึ่งหนึ่งของผู้ชาย) ส่วนผู้ที่ไม่ได้ดื่ม ก็ไม่แนะนำให้ดื่ม เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นได้
เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในด้านอาหารประมาณ 2-3 สัปดาห์แล้ว ควรจะวัดความดันเลือดเปรียบเทียบกับความดันเลือดก่อนปรับเปลี่ยนอาหาร ถ้าความดันเลือดยังไม่ลดลงอย่างชัดเจน เช่น 5-10 มิลลิเมตรปรอท ก็ควรจะปรับลดอาหารหวาน มัน เค็ม และเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น หรือปรึกษานักโภชนาการ บุคลากรสาธารณสุข เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการลดความดันเลือดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
หิ้วของนอกกลับไทย ต้องเสีย ภาษีนำเข้า อย่างไร?
การไปเที่ยวต่างประเทศ ไปต่างที่ต่างแดน สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ ของฝาก แน่นอนว่าคุณมักจะได้ของติดไม้ติดมือกลับมาด้วย ซึ่งก็อาจจะไม่ได้เป็นของที่ซื้อฝากคนอื่นเสมอไป บางทีก็เป็นของใช้ หรือของกินอื่นๆ ที่ซื้อจากต่างประเทศถูกกว่าที่ไทย เราก็มักจะหิ้วกลับเข้าประเทศมาด้วยเหมือนกัน
แต่รู้ไหมคะ ว่าของที่ว่านี้ บางครั้ง จำเป็นที่คุณจะต้องเสีย ภาษีนำเข้า ด้วยเช่นกัน แต่จะต้องทำอย่างไร และเสียภาษีนำเข้าเท่าไหร่ วันนี้ rabbit finance จะพาเหล่านักช้อปไปดูเรื่องนี้กัน
หิ้วของกลับไทยอย่างไร ถึงต้องเสียภาษี
การหิ้วของกลับไทยไม่ว่าจะเป็นของส่วนตัว หรือว่าของฝาก กรมศุลกากรได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์การหิ้วสินค้าจากต่างประเทศไว้ คือ
- สินค้าที่หิ้วเข้าไทยจะต้องมีมูลค่าไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อคน จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องจ่ายภาษี
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเหล้า ไม่เกิน 1 ลิตร
- บุหรี่ ยาเส้น ซิการ์ ไม่เกิน 200 มวน หรือ 1 ห่อ โดยน้ำหนักรวมไม่เกิน 250 กรัม
- หากซื้อสินค้ารวมกันมากกว่า 3 หมื่น – 4 หมื่นบาทขึ้นไปจะต้องเสียภาษีให้กับกรมศุลกากร
เอาล่ะค่ะ ใครที่ไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วต้องการซื้อของฝากกลับมาให้เพื่อนๆ แต่ไม่อยากจะเสียภาษีก็ต้องคำนวณราคากันให้ดี อย่าให้เกินที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องเสียภาษีแน่นอน
การตรวจของกรมศุลกากร
สำหรับคนที่ชอบซื้อของ รับหิ้วของจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย สิ่งแรกที่คุณต้องคำนึงถึงเลย คือ การเสียภาษีนำเข้า โดยช่องตรวจของศุลกากรจะแบ่งเป็น 2 ช่องด้วยกันคือ
1. ช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (Nothing to Declare)
ช่องนี้มีไว้เพื่อผู้โดยสารที่ไม่มีสิ่งของต้องเสียภาษี ไม่มีสิ่งของต้องห้าม ผู้โดยสารสามารถเดินชิลๆ ผ่านเข้าไปได้เลย
2. ช่องมีสิ่งของต้องสำแดง (Goods to Declare)
มาถึงช่องที่มีไว้สำหรับผู้ที่มีของต้องเสียภาษี ซึ่งในบางครั้งมีผู้โดยสารเยอะ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร อาจจะมีเพียงการสุ่มตรวจเท่านั้น ซึ่งของมีค่าที่ต้องแสดงในช่องนี้ ได้แก่
- ของใช้ส่วนตัวมูลค่ารวมทั้งหมดไม่เกิน 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ต้องไม่ใช่ของต้องห้ามหรือของต้องกำกัด หากเป็นสิ่งของส่วนตัว แต่มูลค่าเกิน 8 หมื่นบาท จะต้องมีการทำเอกสารปฏิบัติพิธีการศุลกากรที่ส่วนบริการภาษีอากรเพิ่มเติม
- สิ่งของ สินค้าที่นำมาเพื่อขาย หรือมีลักษณะทางการค้า
- สิ่งของต้องห้ามผิดกฎหมาย เช่น สารเสพติด วัตถุสื่อลามก ของลอกเลียนแบบ ของละเมิดลิขสิทธิ์ ธนบัตรหรือเหรียญปลอม รวมไปถึงสัตว์ป่าสงวน
- ของต้องกำกับ เช่น พระพุทธรูป อาวุธปืน พืช สัตว์ อาหาร ยา เครื่องสำอาง ชิ้นส่วนยานพาหนะ บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การคิดภาษีสินค้านำเข้า
สำหรับใครที่รู้แล้วว่าตัวเองช้อปเพลิน จนต้องเสีย ภาษีนำเข้า และอยากลองคำนวณเงินภาษีที่จะต้องจ่ายก่อน วันนี้เราจึงมีวิธีคิดแบบคร่าวๆ มาฝาก
(ราคาสินค้า x ราคาอากร)+ Vat 7% = ภาษีอากรที่ต้องจ่าย
** ในส่วนของราคาอากรเจ้าหน้าที่จะทำการประเมินจากประเภทของสินค้า ซึ่งจะมีเรท 30% 20% 5% เช่น กระเป๋าจะมีราคาอากร 20% รองเท้าจะมีราคาอากร 30% เป็นต้น
ตัวอย่าง
หากคุณซื้อกระเป๋าแบรนด์ดัง ราคา 30,000 บาท อัตราภาษีอากรที่คุณจะต้องเสีย เป็นดังนี้
( 30,000 x 20% ) + Vat 7% = ภาษีอากรที่ต้องจ่าย
30,000 x 20% = 6,000 บาท
( 30,000 + 6,000 ) x 7% = 2,520 บาท
รวมค่าภาษีอากรที่ต้องจ่าย 6,000 + 2,520 = 8,520 บาท
สรุปแล้ว ค่ากระเป๋าใบนี้ที่คุณได้ซื้อเข้ามารวมแล้ว 30,000 + 8,520 = 38,520 บาท นั่นเอง
ได้สูตรการคำนวณภาษีแบบง่ายๆ ไปแล้ว ก็ลองนำไปคิดกันดูนะคะ เผื่อเป็นประโยชน์ ในการหิ้วของเข้าไทยสำหรับใครหลายๆ คน
บทลงโทษสำหรับผู้หลีกเลี่ยงภาษี
แน่นอนว่าการเสียภาษีนี้ ไม่ค่อยมีใครอยากจะเสียเท่าไรนักหรอก ดังนั้นการเลี่ยง หลบ หนี มักจะเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเงิน แต่รู้ไหมคะ ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้คุณได้รับบทลงโทษที่อาจทำให้กระเป๋าฉีกได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น
- ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หรือ ถูกยึดของ หากถูกตรวจพบว่ามีของต้องชำระอากร
- ปรับ 4 เท่าของมูลค่า โดยจะต้องบวกค่าภาษีและอากรแล้ว
- จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ของที่หลีกเลี่ยงการชำระอากรจะถูกริบเป็นทรัพย์แผ่นดิน
แหม! เห็นบทลงโทษของคนที่เลี่ยงภาษีแล้ว อยากจะลองโดนสักกระทง 2 กระทงไหมล่ะคะ ใครอยากเสี่ยงก็เชิญได้ตามสบาย แต่ rabbit finance ขอบายจ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com
การใช้ thin, slim, slender, skinny, lean ความผอมบางที่แตกต่าง
ในภาษาอังกฤษมีคำศัพท์ที่มีความหมายโดยนัยของคำ ๆ หนึ่งที่นอกจากความหมายโดยแท้จริงของคำนั้น เรียกคำประเภทนี้ว่า Connotation วันนี้ขอเสนอคำในหมวดผอมบาง thin, slim, slender, skinny, lean แต่ละคำมีความหมายและวิธีใช้แตกต่างกันอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
การใช้ thin, slim, slender, skinny, lean ความผอมบางที่แตกต่าง
Thin
คำนี้เป็น adjective ที่มีความหมายว่า ผอมหรือบาง เป็นคำตรงข้าม (Opposite word) ของคำว่า Thick ที่แปลว่า หนา โดยคำว่า thin เมื่อนำมาใช้ในการบรรยายลักษณะความผอมบางของคน จะใช้ในความหมายกลาง ๆ เพื่อสื่อว่าคนนี้ผอม เช่น
I prefer thin slice of pizza.
(ฉันชอบพิซซ่าแผ่นบางมากกว่า)
Jenny is tall and thin.
(เจนนี่สูงและผอม)
Slim
คำนี้มักใช้บรรยายลักษณะของคนที่เอวบางร่างน้อยแต่เป็นรูปร่างที่ดูสุขภาพดี เหมือนคนรักสุขภาพและออกกำลังกาย เรียกได้ว่าผอมสวยสุขภาพดี จึงเป็นการบรรยายถึงลักษณะความผอมบางในทางบวกนะคะ เช่น
Many women are obsessed with having slim figures.
(ผู้หญิงส่วนใหญ่หลงใหลกับรูปร่างเอวบางร่างน้อย)
Slender
คำนี้ก็เป็นการบรรยายลักษณะรูปร่างผอมบางแง่บวกเช่นเดียวกับ slim ในความรู้สึกของผู้พูดการใช้คำว่า slender จะเป็นการกล่าวชมว่าคนนั้นผอมเพรียว ฟีลลิ่งหุ่นนางแบบหุ่นดีสุด ๆ ไปเลย เช่น
She has a slander shape.
(หล่อนหุ่นดีมาก)
Regular exercise is the best way to stay slender.
(การออกกำลังกายเป็นประจำคือวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้หุ่นดี)
Skinny
คำว่า skin แปลว่า ผิวหนัง ดังนั้นคำนี้เมื่อทำให้อยู่ในรูปคำของ adjective จึงแปลว่า ผิวหนังหุ้มกระดูก ให้ความรู้สึกว่าคนนี้ผอมมาก ๆ จนเหลือแต่กระดูกแล้ว ซึ่งเป็นการพูดถึงความผอมบางในแง่ลบนะคะสำหรับคำนี้ เช่น
I was really skinny when I was a teenager.
(ฉันเคยผอมมาก ๆ เมื่อสมัยวัยรุ่นอะ)
Lean
“ขออกไก่ลีน ๆ ที่นึงค่ะ” คำว่า lean คงคุ้นหูอย่างดีสำหรับสายรักสุขภาพและผู้นิยมรับประทานอาหารคลีน ซึ่งเป็นการบอกถึงลักษณะของเนื้อที่ไม่มีมัน และเมื่อนำมาใช้บรรยายลักษณะรูปร่างของคน คำนี้จึงหมายถึงผอมบางแบบปราศจากชั้นไขมัน ความหมายจะเป็นไปในเชิงบวกนะคะ เช่น
Kevin is as lean as a wolf.
(เควินผอมไร้ไขมันดั่งหมาป่า)
ในภาษาอังกฤษยังมีคำอีกหลายคำนะคะที่ถือว่าเป็น Connotation ให้ทุกคนได้พยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมไว้จะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ ในโอกาสหน้า Ppalmpalmm จะรวบรวม Connotation ในหมวดอื่น ๆ มาฝากกันนะคะทุกคน
ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/01/
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,300.00 | 19,200.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,800.00 | 18,859.04 | 1,244.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,541.24 | 1,289.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,973.14 | 1,119.60 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 15,087.23 | 995.20 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,489.60 | 560.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,594.60 | 435.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22/01/
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 | 26.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 | 26.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.74 | 23.74 | 23.74 | 23.74 | 23.74 | – | 23.74 | 23.74 | 23.74 | 23.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.54 | 19.54 | – | – | – | – | – | 19.34 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.16 | – | – | – | 34.61 | – | 34.66 | 34.06 | – | 34.06 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.69 | 29.96 | 30.15 | 30.15 | 30.15 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.07 | 16.07 | – | – | – | – | – | – | – | – |