ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง |
ราคารับซื้อต่อกรัม |
ราคารับซื้อ/บาท |
ราคาขายออก/บาท |
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,550.00 | 19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,266.00 | 19,192.56 | 20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,139.40 | 17,273.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 570.00 | 8,641.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 443.00 | 6,715.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,312.00 | 19,889.92 | n/a |
‘แมกโนเลีย-1.6’ ร่วมกันปั้น ‘เดอะ สแตรนด์’ คอนโดฯหรูย่านทองหล่อ
MQDC ร่วมทุน 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ พัฒนา THE STRAND ตอบโจทย์ที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคนเมือง ต้นซอยทองหล่อ
บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ลงนามการร่วมทุน (MOU) กับ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ (วันพ้อยต์ซิกซ์ ดีเวล็อปเม้นต์) บริษัทอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่โดยผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการหรูสำหรับคนทันสมัย
โครงการแรกที่ทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกันคือ เดอะ สแตรนด์ คอนโดมิเนียมระดับหรู ต้นซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ห่างเพียง 30 เมตรจากบีทีเอสทองหล่อ
ผู้ลงนามในการร่วมทุนโครงการดังกล่าวนี้ นำโดย นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และน.ส.ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด ณ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด
“MQDC มีความตั้งใจมาโดยตลอดที่จะให้การสนับสนุนโครงการอสังหาริมทรัพย์และบริษัทที่มีความมุ่งมั่นเดียวกันในการมอบนวัตกรรมและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าของเรา” วิสิษฐ์ กล่าว
“การเป็นพาร์ทเนอร์กับ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ถือได้ว่าเป็นการร่วมงานที่ลงตัวที่สุด ด้วยทีมบริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์การเป็นผู้นำองค์กรระดับนานาชาติ จึงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการมอบความหรู ผ่านคุณภาพ การบริการ การใช้งาน และการออกแบบ เพื่อตอบสนองรสนิยมชั้นสูงของคนยุคใหม่”
ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหาร และผู้ก่อตั้ง 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ ร่วมกับ ชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ กล่าวว่า การร่วมทุนกับ MQDC ครั้งนี้ จะช่วย 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ในการนำเสนอไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่ให้อิสระและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย
“1.6 ดีเวล็อปเม้นต์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ MQDC ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มคำมั่นสัญญา ‘For all Well-Being” เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม” คุณธัญทิพ กล่าว
“การร่วมทุนกับ MQDC ครั้งนี้ เรามุ่งหวังที่จะร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยมในการออกแบบและการก่อสร้าง และรู้สึกยินดีที่จะได้ร่วมกันพัฒนาโครงการเดอะ สแตรนด์ เพื่อสร้างสังคมและเติมเต็มไลฟ์สไตล์ผ่านการให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบโรงแรม”
http://www.bangkokbiznews.com
ฮ่องกงแลนด์ บุกตลาดอสังหาฯ ไทย เน้นปั้นโครงการหรูกลางกรุงฯ
ฮ่องกงแลนด์ เดินหน้าบุกตลาดอสังหาฯ ไทย อย่างต่อเนื่อง หลังเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยดีขึ้น โดยยังคงบุกผู้บริโภคเซกเมนต์ระดับบน เน้นพัฒนาโครงการสุดหรู เพื่อเสริมศักยภาพทำเลกลางกรุงฯ ให้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม
จากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศที่ส่งสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นต่อตลาดอสังหาฯ ไทย เฉกเช่นเดียวกับนักลงทุนใหญ่ชาวฮ่องกง อย่างฮ่องกงแลนด์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทชั้นนำนด้านการลงทุน บริหารจัดการ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ได้เรียกเสียงฮือฮาในวงการอสังหาฯ เมื่อได้จับมือกับกลุ่มเซ็นทรัล ร่วมกันพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ขนาด 23 ไร่ ของสถานฑูตอังกฤษ เพื่อปั้นคอนโดฯ ซูเปอร์ลักชัวรี เจาะกลุ่มต่างชาติ และผู้บริโภคระดับบน โดยถือได้ว่าเป็นแผนการร่วมทุนโครงการที่สอง หลังจากได้จับมือกับบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี ดิ เอส สุขุมวิท 36 เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
ล่าสุด ฮ่องกงแลนด์ ยังคงเดินหน้าร่วมทุนกับอสังหาฯ ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยได้ผนึกกำลังกับบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เพื่อจับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ในไทย พร้อมนำร่อง 2 โครงการแรก ทำเลแจ้งวัฒนะ และกรุงเทพฝั่งตะวันออก รวมมูลค่าโครงการเกือบ 10,000 ล้านบาท พร้อมวางแผนระยะยาวร่วมกันพัฒนาโครงการต่อเนื่อง
นายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ ฮ่องกง แลนด์ โดยเป็นครั้งแรกของความร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากต่างประเทศ ในการพัฒนาโครงการแนวราบ ทั้งนี้ได้มีการตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท เอชเคแอล เพอร์เฟค จำกัด (HKL Perfect Co.,Ltd.) โดย พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ถือหุ้น 51% และอีก 49% ถือหุ้นโดย ฮ่องกง แลนด์ ในเบื้องต้นจะร่วมกันพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ 2 โครงการ ในทำเลแจ้งวัฒนะ และทำเลโซนตะวันออกของกรุงเทพ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และยังมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกันในระยะยาว โดยมีแผนร่วมทุนพัฒนาโครงการต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมองถึงความร่วมมือกันในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
“บริษัทยินดีอย่างยิ่งที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับ ฮ่องกง แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โดยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของฮ่องกงแลนด์ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และทำให้บริษัทมีโนว์ฮาวใหม่ๆ ในการพัฒนาโครงการ เพื่อสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัยเมืองไทย โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นการร่วมกันพัฒนาสินค้าที่เราไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือ บ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยมที่มีขนาดโครงการใหญ่กว่า 100 ไร่ ที่มีความแตกต่างทั้งคอนเซ็ปท์โครงการ รูปแบบบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งชื่อเสียงของฮ่องกง แลนด์ ยังจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามากขึ้นในเรื่องของมาตรฐานระดับสากล”
มร.โรเบิร์ต หว่อง Chief Executive ฮ่องกง แลนด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ฮ่องกง แลนด์ มีความสนใจในการลงทุนในโครงการแนวราบ และมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมา ฮ่องกง แลนด์ มีผลงานทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในภูมิภาคนี้ สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ เคยมีความสำเร็จในการพัฒนาโครงการในรูปแบบทาวน์ชิพมาแล้วทั้งในประเทศจีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จึงมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้สามารถสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย โดยจะนำประสบการณ์ที่มีมายาวนานกว่า 125 ปี ทั้งในด้านการออกแบบ วางผัง การก่อสร้าง ตลอดจนการบริหารจัดการโครงการ มาใช้ในการพัฒนาโครงการ เพื่อสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย และทำให้ ฮ่องกง แลนด์ เป็นที่รับรู้มากขึ้นในเมืองไทย”
https://www.ddproperty.com
GDPไตรมาสแรก61คาดโตสูงสุด ทั้งปีคงรักษาระดับที่สูงกว่า4.0%
กสิกรฯประเมิน “จีดีพี” ของไทย ไตรมาสแรกของปี61น่าจะโตสูงสุด คาดช่วงที่เหลือของปียังรักษาระดับที่สูงกว่า4.0%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี ที่ร้อยละ 4.8 (YoY) โดยยังได้แรงหนุนจากการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวในระดับสูง ในขณะที่การใช้จ่ายครัวเรือนเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ ผลผลิตภาคเกษตรที่ขยายตัวเร่งขึ้นอย่างมากก็เป็นตัวหนุน GDP ที่สำคัญในไตรมาสนี้
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/2561 น่าจะเป็นระดับที่สูงที่สุดของปี 2561 นี้ โดยในช่วงที่เหลือของปี GDP น่าจะยังคงรักษาระดับการเติบโตที่สูงกว่าร้อยละ 4.0 ต่อปี ในแต่ละไตรมาสไว้ได้ โดยตัวขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากการส่งออกและรายได้จากการท่องเที่ยว ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศทั้งการใช้จ่ายครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนจะทยอยปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ว่ามีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะขยายตัวเข้าใกล้กรอบบนของประมาณการเศรษฐกิจที่ร้อยละ 3.5-4.5 (ค่ากลางที่ร้อยละ 4.0)
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังช่วยให้การส่งออกและท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 1/2561 ขยายตัวดี แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นรวมถึงนำเข้าที่เร่งตัว ฉุดให้การขยายตัวของการส่งออกสุทธิติดลบ การเติบโตของการส่งออกสินค้าและรายได้จากการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 1/61 ที่ขยายตัวในระดับสูงยังเป็นแรงส่งการขยายตัวของ GDP หากแต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในช่วงต้นปี 2561 ทำให้การขยายตัวของการส่งออกสินค้าเมื่อคำนวณกลับมาเป็นเงินบาทเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับการนำเข้าสินค้าที่เร่งตัวขึ้นส่งผลให้การส่งออกสุทธิในไตรมาส 1/2561 ขยายตัวติดลบ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้ในระดับสูงต่อเนื่องทั้งปีนี้ ประกอบกับค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าตั้งแต่ในช่วงเดือนเม.ย. 2561 น่าจะช่วยทำให้การส่งออกสินค้าในช่วงที่เหลือของปีเมื่อคิดเป็นเงินบาทกลับมาหนุนการเติบโตของ GDP ได้ในไตรมาสต่อๆ ไป
สัญญาณการใช้จ่ายครัวเรือนดีขึ้น โดยการใช้จ่ายสินค้าคงทนยังเป็นตัวหนุนหลักของการใช้จ่ายครัวเรือน สอดคล้องไปกับยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ขยายตัวร้อยละ 12.1(YoY) อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายสินค้ากึ่งคงทนและสินค้าไม่คงทนเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการเติบโตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเสื้อผ้า อาหาร และของใช้ส่วนบุคคล ซึ่งในช่วงที่เหลือของปี 2561 นี้ ภาพการใช้จ่ายครัวเรือนยังคงได้รับแรงหนุนจากการซื้อรถยนต์ ในขณะที่การใช้จ่ายในหมวดสินค้าอื่นๆ จะทยอยปรับตัวดีขึ้น
ผลผลิตภาคเกษตรเร่งตัวตามสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวย ซึ่งบางส่วนไปหนุนการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลัง ผลผลิตภาคเกษตรไตรมาส 1/2561 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูกทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือก ปาล์ม ยางพารา และผลไม้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และในขณะเดียวกันผลผลิตสินค้าเกษตรบางส่วน เช่น ยางพารา เข้าไปหนุนให้สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น นอกเหนือไปจากสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยานยนต์ และทองคำ ซึ่งมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1/2561 ให้อยู่ในระดับสูง
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/2561 น่าจะเป็นระดับที่สูงที่สุดของปี 2561ในขณะที่การขยายตัวของ GDP ในช่วงที่เหลือของปีน่าจะยังคงรักษาระดับการเติบโตที่สูงกว่าร้อยละ 4.0 ต่อปี ในแต่ละไตรมาสไว้ได้ โดยตัวขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากการส่งออกและรายได้จากการท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจหลักของโลก ในขณะที่การใช้จ่ายในประเทศทั้งการใช้จ่ายครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชนจะทยอยปรับตัวดีขึ้น จากบรรยากาศการลงทุนที่ดี ทั้งจากการเร่งกระบวนการก่อสร้างของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ตลอดจนการบังคับใช้ พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศ ดังนี้
ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่แม้ว่าจะมีความคืบหน้าที่ดีในการเจรจาหาทางยุติการตอบโต้ทางการค้า แต่ยังคงมีรายละเอียดในรายการสินค้า และข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ต่อจีนที่จะต้องผ่านกระบวนการเจรจา ซึ่งความไม่แน่นอนก็ยังคงปรากฎอยู่ระหว่างทางจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นและสภาพคล่องทางการเงินของโลกที่เริ่มตึงตัวมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินในประเทศให้ปรับตัวตาม แม้ว่าทิศทางดอกเบี้ยนโยบายยังคงไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงทิศทางค่าเงินบาทที่แม้จะมีทิศทางอ่อนค่า แต่ความผันผวนยังคงเกิดขึ้นจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศที่อาจจะส่งผลต่อดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ ให้ผันผวนอ่อนค่า
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น จากประเด็นที่สหรัฐฯ กลับมาคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งมีความกังวลว่าจะกระทบปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากอิหร่านและกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปี (จนถึง 21 พ.ค. 2561) อยู่ที่ 66.6 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล และคาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงที่เหลือของปีน่าจะแกว่งตัวในช่วง 65-75 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งน่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2561 สูงกว่าระดับ 55 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองไว้เมื่อต้นปี 2561 ทั้งนี้ แรงกดดันราคาพลังงานที่สูงขึ้นอาจจะส่งผลต่อกำลังซื้อของครัวเรือนในช่วงที่เหลือของปี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 มีความเป็นไปได้สูงขึ้นที่จะขยายตัวเข้าใกล้กรอบบนของประมาณการเศรษฐกิจที่ร้อยละ 3.5-4.5 (ค่ากลางที่ร้อยละ 4.0) จากองค์ประกอบทางเศรษฐกิจทั้งภาคต่างประเทศ และการใช้จ่ายในประเทศมีทิศทางการเติบโตที่ดี ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกประเทศซึ่งน่าจะมีผลจำกัดต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีกำหนดการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยในช่วงเดือนมิถุนายน 2561นี้
http://www.bangkokbiznews.com
ค่าบาท ‘แข็งค่า’ ตลาดหวั่นการเมืองต่างประเทศ
บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า “32.15 บาทต่อดอลลาร์” ตลาดกังวลการเมืองในอิตาลี หนุนเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยระยะสั้นและระวังดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าต่อได้
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.15บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 32.23 บาทต่อดอลลาร์
ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินกลับมามีความสดใส หลังจากที่สหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวบวกขึ้น 0.7% และบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปีปรับตัวลงมาที่ระดับ 3.06%
อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินยังคงมีความกังวลกับปัญหาการเมืองในอิตาลี ซึ่งล่าสุดส่งผลให้บอนด์ยีลด์อิตาลีอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นแตะระดับ 2.37% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017
ภาพรวมดังกล่าวยังเป็นตัวหนุนให้เงินดอลลาร์กลับเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในระยะสั้นและแข็งค่าขึ้นได้อย่างน้อยเมื่อเทียบกับเงินยูโร ไปจนกว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐจะชะลอตัวลง
ในฝั่งเอเชียเรามองว่าค่าเงินมีโอกาสผันผวนในกรอบที่กว้างขึ้น เนื่องจากภาพเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะกดดันประเทศที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจไม่แข็งแกร่ง แต่กระแสเงินลงทุนไหลเข้าจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวในประเทศแถบเอเชียตะวันออกก็ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกกับสกุลเงินเอเชียในระยะยาวอยู่
แนวโน้มเงินบาทวันนี้ถ้าทรงตัวได้ในช่วงเช้าน่าจะยังมีแรงซื้อจากต่างชาติกลับมาบ้างหลังจากบอนยีลด์ไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้านี้ ต้องระมัดระวังเพียงในระยะสั้นค่าเงินดอลลาร์ยังอาจมีทิศทางแข็งค่าได้ต่อเช่นกัน มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.05- 32.15บาทต่อดอลลาร์
http://www.bangkokbiznews.com
เตือนงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ช่วงฝนตกหนัก เสี่ยงฟ้าผ่าได้
กรมอนามัย เตือนช่วงฝนตกหนักเสี่ยงฟ้าผ่าได้ เพื่อความปลอดภัยควรงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสื่อเหนี่ยวนำไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงอยู่ในบริเวณพื้นที่โล่งแจ้ง
นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การก่อตัวของพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดฟ้าผ่า และนำภัยอันตรายมาสู่ชีวิตได้ ประชาชนจึงต้องรู้จักวิธีป้องกันตนเองและลดความเสี่ยงจากการถูกฟ้าผ่าได้ โดยขณะเกิดฝนฟ้าคะนองให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่ง เช่น ทุ่งนา สนามฟุตบอล สระว่ายน้ำ สนามกอล์ฟ หากเลี่ยงไม่ได้ ต้องไม่อยู่ใกล้ที่สูง เช่น ต้นไม้สูง เสาโทรศัพท์ เสาไฟฟ้า ห้ามกางร่มที่มีปลายโลหะยอดแหลม และอย่าถือวัตถุที่ชูสูงขึ้นไปจากตัว เช่น เบ็ดตกปลา ไม้กอล์ฟ เป็นต้น ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากมีวัสดุจำพวกโลหะเป็นส่วนประกอบ ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำคลื่นไฟฟ้า มีผลให้แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรและระเบิดได้ รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ด้วย และถอดวัตถุหรือเครื่องประดับที่เป็นโลหะออกจากร่างกาย ถ้าหากหลบอยู่ในรถยนต์ ให้จอดรถห่างจากต้นไม้ใหญ่ ตึกสูง เสาไฟฟ้าหรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ดับเครื่องยนต์ ปิดกระจก และอย่าสัมผัสกับส่วนใดส่วนหนึ่งของรถที่เป็นโครงโลหะ ควรนั่งกอดอกหรือวางมือบนตัก เมื่ออยู่ในอาคาร ควรปิดประตูหน้าต่างทุกบาน และอยู่ห่างจากผนังอาคาร ประตูและหน้าต่าง ห้ามใช้โทรศัพท์บ้านหรือเล่นอินเทอร์เน็ต ถอดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าออกให้หมดและดึงเสาอากาศของโทรทัศน์ออกเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดอัคคีภัยหากเกิดฟ้าผ่าลงมาที่บ้าน
“ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้ที่ถูกฟ้าผ่า ให้สังเกตบริเวณที่เกิดเหตุว่ายังมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าหรือไม่ ถ้ามีให้เคลื่อนย้ายผู้ถูกฟ้าผ่าไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันตัวจากการถูกฟ้าผ่า โดยสามารถแตะต้องตัวผู้ถูกฟ้าผ่าได้ทันที เนื่องจากคนที่ถูกฟ้าผ่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ในตัวซึ่งต่างจากผู้ที่ถูกไฟฟ้าดูดหรือไฟฟ้าซ็อต รีบโทรแจ้งเหตุสายด่วนช่วยชีวิต 1669 พร้อมให้ข้อมูลสถานที่เกิดเหตุและอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้องต้นจากศูนย์รับแจ้งเหตุในการดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บระหว่างรอรถฉุกเฉินมารับ กรณีที่ผู้ถูกฟ้าผ่า หมดสติ ไม่พบชีพจรหรือไม่หายใจ จำเป็นต้องทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ หรือซีพีอาร์ (CPR) และรีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 22/05/2561
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 22/05/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร |
||||||||||
ปตท PTT |
บางจาก BCP |
เชลล์ Shell |
เอสโซ่ Esso |
คาลเท็กซ์ Caltex |
ไออาร์พีซี IRPC |
พีทีจี เอนเนอยี่ PTG |
ซัสโก้ Susco |
ระยองเพียว Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers |
|
แก๊สโซฮอล 95 |
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
30.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
27.74
|
27.74
|
27.74
|
27.74
|
27.74
|
– |
27.74
|
27.74
|
27.74
|
27.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 | 21.74 | 21.74 | – | – | – | – | – | 21.74 | 21.74 | – |
แก๊สโซฮอล 91 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 | 29.98 |
เบนซิน 95 | 37.36 | – | – | – | 37.81 | – | 37.86 | 37.36 | 37.36 | 37.36 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
29.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม | 32.79 | 33.66 | 33.66 | 33.66 | 33.66 | – | – | – | – | – |
มีผลตั้งแต่ | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 | 19 May 05:00 |