“8 บิ๊กเนม” โดดชิงขุมทอง ‘อสมท’
ยันที่ดิน อสมท พร้อมลงทุนไม่ผิดข้อ ก.ม. … บิ๊กเนมไทย-เทศ ทั้ง ซี.พี.แลนด์, อนันดา, แมกโนเลีย, ศุภาลัย, สยามพิวรรธน์ ฯลฯ เสนอตัวชิงปั้นโมเดล Digital Media Center มิกซ์ยูสออฟฟิศ บิลดิ้ง-คอนโดฯ-ฮอลล์-รีเทล
หลังเปิดรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) ครั้งที่ 1 ไปเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา และพร้อมจัดครั้งที่ 2 ในเดือน เม.ย. นี้ เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่ดิน 2 ผืน ของ บมจ.อสมท ได้แก่ ที่ดิน 50 ไร่ บริเวณถนนเทียมร่วมมิตร ติดกับศูนย์วัฒนธรรมฯ ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีส้มและสีน้ำเงิน และที่ดิน 20 ไร่ ที่ทำการของ อสมท ในปัจจุบัน ติดกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยก่อนหน้านี้ ได้จัดประชุมทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) โดยมีกลุ่มทุนใหญ่ที่ให้ความสนใจในที่ดินดังกล่าวเข้าร่วม ประกอบด้วย อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, แมกโนเลีย, ศุภาลัย, ยูนิเวนเจอร์, สยามพิวรรธน์, ซี.พี.แลนด์ บริษัท Chapman taylor Thailand รวมถึงนักลงทุนธุรกิจมีเดียจากประเทศอังกฤษ เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มีเสียงคัดค้านถึงสิทธิ์ในการนำที่ดินดังกล่าวมาใช้เพื่อหารายได้ ว่า จะผิดวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของ อสมท ที่มุ่งเน้นด้านสื่อสารมวลชนเป็นหลัก
นายไพรัช มณฑาพันธุ์ ผู้จัดการโครงการ สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สำนักงานศูนย์วิจัยฯ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า อสมท เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แม้จะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่การดำเนินการการลงทุนยังสามารถกระทำได้เช่นเดียวกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฯ ทั่วไป ดังนั้น การทำที่ดินที่เป็นสินทรัพย์ขององค์กรมาสร้างรายได้ในระยะยาวจึงสามารถกระทำได้
นอกจากนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุน พ.ศ. 2556 (PPP) มาตรา 25 ที่กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเป็นเอกเทศ และสาระสำคัญอื่น ๆ อสมท จึงได้มอบหมายให้สำนักงานศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สำนักงานศูนย์วิจัยฯ) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ และที่ดินที่ทำการของ บมจ.อสมท เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการ Market Sounding ไปแล้วเป็นการภายใน โดยมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง ส่วนการทำ Public Hearing ครั้งที่ 1 มีผู้เข้าร่วมทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ, การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.), กรมควบคุมมลพิษ, ศูนย์วัฒนธรรมฯ, สหภาพแรงงาน และประชาชน ฯลฯ
“ด้วยข้อจำกัดเรื่องของผังเมือง ทำให้พื้นที่ราว 50% ของที่ดิน 50 ไร่ ไม่สามารถสร้างอาคารสูงได้ จึงต้องเลือกโมเดลการพัฒนาที่เหมาะสม”
สำหรับขั้นตอนหลังจากการทำ Publice Hearing จะรวบรวมข้อสรุปเพื่อนำเสนอรายงานผลการศึกษาต่อคณะกรรมการ (บอร์ด) บมจ.อสมท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเดือน พ.ค. – ก.ย. 2562 และเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในเดือน ต.ค. – ธ.ค. 2562
ด้าน นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้น ทิศทางการพัฒนาที่ดิน 50 ไร่ จะเป็นโครงการมิกซ์ยูส เป็นโมเดลเดียวกับ Digital Media City (DMC) ของประเทศเกาหลีใต้และอังกฤษ โดยที่ดิน 50 ไร่ พัฒนาเป็นพื้นที่ใช้สอยประมาณ 4.6 แสนตารางเมตร แบ่งออกเป็น 3 โซน คือ โซน A+ โซน B จะร่วมทุนกับเอกชนในการพัฒนาเชิงพาณิชย์แบบผสมผสาน (Mix Use) ประกอบด้วย พื้นที่สำนักงานให้เช่า พื้นที่สำนักงาน อสมท พื้นที่ศูนย์การค้า พื้นที่โรงแรม ศูนย์การแสดงงานและจัดกิจกรรม และศูนย์การเรียนรู้ โซน C จะแบ่งตามข้อจำกัด และแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่สีเขียวเชื่อมต่อกับศูนย์วัฒนธรรม ขณะที่ ที่ดิน 20 ไร่ มีพื้นที่การใช้สอยประมาณ 2.25 แสนตารางเมตร สามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวสูง หรือ คอนโดมิเนียมได้ เพราะไม่มีข้อจำกัดของผังเมือง ทำให้สามารถสร้างอาคารสูงได้
“ที่ดินย่านรัชดาฯ-พระราม 9 มีศักยภาพสูง และอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ดังกล่าวราคาซื้อขายสูงถึง 1 ล้านบาทต่อตารางวา ทำให้มองเห็นถึงโอกาสในการทำที่ดิน 20 ไร่ ไปตัดขาย เพื่อพัฒนาเป็นสำนักงาน หรือ คอนโดมิเนียม เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านผังเมือง”
ทั้งนี้ อสมท ยังมีที่ดินที่เป็นสินทรัพย์และพร้อมนำออกพัฒนาเพื่อสร้างรายได้อีก ไม่ว่าจะเป็น บริเวณบางไผ่ ฝั่งธนบุรี ใกล้พุทธมณฑล สาย 2 จำนวน 60 ไร่ มีมูลค่าที่ดิน 400-500 ล้านบาท เหมาะกับการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย และที่ดินบริเวณหนองแขม ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งอาคารเครื่องส่งและโรงถ่ายละคร ซึ่งรอการส่งมอบตามสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์สีกับ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (ช่อง 3) ที่จะครบกำหนดสัญญาในปี 2563 จำนวน 40 ไร่ และยังมีที่ดิน อ.เมือง จ.ชุมพร อีก 20 ไร่ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com
บ.แม่ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ปรับทัพ เสริมแกร่งธุรกิจ Asia Property Awards
พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป บริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์แห่งภูมิภาคเอเชีย ประกาศแต่งตั้งให้ มร.จูลส์ เคย์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการดูแลธุรกิจ “PropertyGuru Asia Property Awards” ซึ่งเป็นรางวัลด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของเอเชีย และได้รับการยอมรับจากผู้คนในแวดวงอสังหาฯ ทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยมีคณะกรรมการอิสระที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 80 ท่าน เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งรางวัลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศความเป็นเลิศด้านต่าง ๆ ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในเรื่องของการพัฒนาโครงการ การออกแบบ และนวัตกรรม
โดยในปี 2562 “PropertyGuru Asia Property Awards” ได้เพิ่มบทบาทในวงการอสังหาฯ ยิ่งขึ้น โดยมีการขยายแพลทฟอร์มในตลาดใหม่ ๆ ในทวีปเอเชีย (ที่ยังไม่เคยมีการจัดงานนี้มาก่อน) เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งผู้ชนะจากแต่ละตลาด จะได้รับการพิจารณาและคัดเลือกเป็นผู้ชนะเลิศ ณ เวทีประกาศรอบสุดท้ายซึ่งจะจัดที่ประเทศไทยปลายปี 2562
มร.จูลส์ นำประสบการณ์กว่า 20 ปีในบทบาทผู้นำทีมขายและการตลาดในภูมิภาคจากแบรนด์ธุรกิจชั้นนำต่าง ๆ มากมาย อาทิ อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ธุรกิจบริการ และเทคโนโลยีมาเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพให้กับพร็อพเพอร์ตี้กูรู นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกรางวัล PropertyGuru Asia Property Awards โดยในตำแหน่งนี้ มร.จูลส์ รับช่วงต่อจาก มร.เทอร์รี่ แบล็กเบิร์น ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการคนก่อนหน้า
ทั้งนี้ ที่พร็อพเพอร์ตี้กูรู มร.จูลส์จะนำทีมที่มีความสามารถในด้านการขายและการตลาด การจัดกิจกรรมและการเสนอชื่อผู้ประกอบการเข้าชิงรางวัล รวมถึงกระบวนการตัดสินที่เป็นอิสระ กระบวนการคัดเลือกรางวัล ซึ่งทำให้ PropertyGuru Asia Property Awards นั้นมีความโปร่งใสและเที่ยงธรรมจนได้รับการยอมรับจากผู้คนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 14 ปี ซึ่ง มร.จูลส์ จะเข้ามาสานต่อความเป็นเลิศในด้านนี้ต่อไป
มร.เจเรมี่ วิลเลี่ยมส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ มร.จูลส์ ให้เกียรติมาร่วมงานกับเรา รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นแพลตฟอร์มอันยอดเยี่ยมที่เชื่อมโยงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกประเทศเป็นประจำทุกปี ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้ประกอบการที่เหมาะสมและมีความโดดเด่นในภูมิภาค จากการตัดสินและพิจารณาของคณะกรรมการอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากทั่วภูมิภาค รางวัลนี้จึงถือได้ว่าเป็นการการันตีคุณภาพของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงาน PropertyGuru Asia Property Awards เกือบ 4,000 คน และธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจดังกล่าวและประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคของ มร.จูลส์ จะช่วยเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตและความสำเร็จของรางวัลนี้ให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
มร.จูลส์ เคย์ ในฐานะผู้อำนวยการดูแลธุรกิจคนใหม่ของ PropertyGuru Asia Property Awards กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอันรวดเร็วในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วเอเชีย โดยจะยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคนี้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com
สรรพากรแรงไม่ตกรีดภาษีทะลุเป้า 4 เดือนติด
21 ก.พ. 2562 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของกรมสรรพากรเดือน ม.ค. 2562 ซึ่งเป็นเดือนที่ 4 ของปีงบประมาณ 2562 ยังเกินกว่าเป้าหมายเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและกรมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี
ทั้งนี้ การเก็บภาษี 4 เดือนของปีงบประมาณ 2562 ได้จำนวน 5.55 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 2.76 หมื่นล้านบาท หรือ 5.2% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4.74 หมื่นล้านบาท หรือ 9.3% ซึ่งถือว่าเป็นการเก็บภาษีที่ขยายตัวได้ในระดับที่สูงค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ การเก็บภาษีของกรมสรรพากรยังเกินกว่าเป้าหมายทุกตัว ตั้งแต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเก็บได้ 1.05 แสนล้านบาท เกินกว่าเป้าหมาย 1,058 ล้านบาท 1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 7% ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บได้ 1.3 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1,908 ล้านบาท หรือ 1.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 5.8%
ด้านการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีแวตเก็บได้ 2.76 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6,837 ล้านบาท หรือ 2.5% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6% และภาษีธุรกิจเฉพาะเก็บได้ 2.15 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1,479 ล้านบาท หรือ 7.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 7%
“การเก็บภาษีของกรมสรรพากรได้เกินเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณทุกตัวถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การเก็บได้ภาษีทุกตัวขยายตัวได้มากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน แสดงให้เห็นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยยังดี มีการบริโภคและภาคเอกชนยังมีผลประกอบการที่ดี” นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวว่า เป้าหมายการเก็บภาษีของกรมสรรพากรปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเก็บได้เกินกว่าเป้าหมายภายใต้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ ไม่มีการรีดภาษีแต่จะเป็นการให้ความรู้ให้ผู้เสียภาษีถูกต้อง สำหรับปีงบประมาณ 2563 กรมมีเป้าเก็บภาษีให้ได้ 2.11 ล้านล้านบาท คาดว่าจะทำได้ เพราะเศรษฐกิจยังขยายตัวได้ระดับ 4% และกรมสรรพากรได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com
เปิดตัว Galaxy Watch Active ดีไซน์ใหม่ เน้นไปที่การออกกำลังกายมากขึ้น!
Samsung เปิดตัว Galaxy Watch Active สมาร์ทวอชรุ่นใหม่ที่เน้นการออกกำลังกายและสุขภาพของผู้ใช้งานมากขึ้น แน่นอนว่ารุ่นมาแทนที่ Gear Sport ที่ดีไซน์อาจจะดูเทอะทะไปสักนิด แต่เจอรุ่นนี้ไปเรียกว่าเรียบหรูกว่าเดิมอีกครับ
Galaxy Watch Active ใช้ดีไซน์หน้าจอสัมผัสพร้อมปุ่มกดด้านข้างสองปุ่ม ตัวเรือนเป็นอลูมิเนียม ด้านหลังครอบด้วยกระจกป้องกันเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจเอาไว้
Samsung ปรับปรุงหน้าตาของ TizenOS บน Galaxy Watch Active ใหม่ให้เหมาะสมกับ One UI มากขึ้น พื้นหลังเน้นสีดำ และมีดีไซน์สีที่ฉูดฉาด แต่ยังไม่ยืนยันว่าใช้หน้าจอ AMOLED หรือไม่
ตัวเรือนมีแบตเตอรี่ความจุ 236 mAh เมื่อเทียบกับ Gear Sport ก็ถือว่ามีแบตเตอรี่ที่เล็กลง ใช้ชิปประมวลผลตัวใหม่ Exynos 9110 ประมวลผลสองแกน ส่วนระยะเวลาการใช้งานยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด แต่อย่างน้อยก็ 24 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้งแน่นอนครับ
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า Galaxy Watch Active เน้นไปที่การออกกำลังกายและสุขภาพเป็นหลัก Samsung จึงเพิ่มเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับใหม่เข้ามา ได้แก่ เซ็นเซอร์วัดความดันหรือ Blood Pressure ได้รับการพัฒนาร่วมกับ University of California, San Francisco ซึ่งจะพร้อมให้ดาวน์โหลดในวันที่ 15 มีนาคมนี้ นอกจากนี้ตัวเรือนยังสามารถตรวจจับกิจกรรมต่างๆ ได้กว่า 50 ชนิด และรองรับการกันน้ำได้ถึง 50 เมตร
ตัวเครื่องมีความจุภายใน 4GB เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.2 รองรับ NFC ไม่รองรับ 3G และ 4G ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $199 เริ่มส่งมอบวันที่ 8 มีนาคมนี้ ส่วนประเทศไทยก็รอประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีครับ
เสริม: นอกจาก Galaxy S10 หรือสมาร์ทโฟนของ Samsung แล้ว Galaxy Watch Active รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android ที่ใช้ Android 5 ขึ้นไป และอุปกรณ์ของ Apple ที่เป็น iPhone 5 หรือ iOS 9 ขึ้นไปครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก beartai.com
แพทย์เตือนอย่าวางใจ ฝุ่น PM 2.5
แพทย์ระบุ PM 2.5 แฝงในอากาศมา 20 ปี อย่าวางใจ เผยผลวิจัยสุดช็อค สตาร์ทเครื่องยนต์ดีเซลทิ้งไว้ 30 นาที ให้ค่ามลพิษอันตรายน้อยกว่าจุดบุหรี่ต่อเนื่อง 3 มวน ชี้คนไทยสูบบุหรี่วันละ 100 ล้านมวน สตรีมีครรภ์ได้รับมากถึงขั้นแท้งลูก ด้าน “อภัยภูเบศร” แนะกินใช้สมุนไพรสู้ฝุ่นอย่างถูกวิธี ขณะที่กรมการแพทย์แผนไทยฯพร้อมให้ทุนสนับสนุนวิจัย
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดเสวนาวิชาการ “สมุนไพร ทางออกประเทศไทย คลี่คลายมลพิษ” โดยมีวิทยากรผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ภญ.ดร.อัญชลี จูฑะพุทธิ ผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์ไทยฯ และ ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ หัวหน้าฝ่ายข้อมูลศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ดำเนินรายการโดย ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 มีมานานแล้วเพียงแต่มาส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ทำให้มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะนี้ปริมาณฝุ่นจะลดลง แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ ตราบใดที่ยังไม่สามารถควบคุมปริมาณการใช้เครื่องยนต์ ทั้งจากโรงงานอุตสาหกรรม ยานพาหนะ ตลอดจนถึงจำนวนผู้สูบบุหรี่ 10.9 ล้านคน ทั้งนี้มีผลวิจัยที่น่าตกใจของประเทศอิตาลี ที่ระบุว่า มีการสตาร์ทรถเครื่องยนต์ดีเซลทิ้งไว้ 30 นาที ปริมาณฝุ่นพิษที่มาจากท่อไอเสีย เขม่ารถยนต์ น้อยกว่า ปริมาณควันที่มาจากการจุดบุห-รี่ต่อเนื่องกัน 3 มวน ปัจจุบันคนไทยสูบบุหรี่เฉลี่ยวันละ 10 มวน ต่อคนต่อวัน นั่นแสดงว่ามีจำนวนผู้สูบบุหรี่ต่อวันถึง 100 ล้านมวน ปริมาณมลพิษจึงกระจายไปทั่ว และหากส่งผลต่อเด็ก สตรี คนชา ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน มะเร็ง หัวใจ อัมพฤกษ์ หากได้รับมลพิษเป็นจำนวนมากอาจจะส่งผลเฉียบพลันถึงขั้นเสียชีวิต โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ อาจถึงขั้นแท้งบุตร หรือเกิดมาในลักษณะผิดปกติ
“เคยมีการศึกษาประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ หากวันใดมีการเดินเครื่อง แม้จะมีการแจ้งประชาชนล่วงหน้าเพื่อใส่หน้ากากป้องกันก็ตาม แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ มีผู้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยโรคภูมิแพ้ หืด หวัด ปอดบวม ปอดติดเชื้อ สูงกว่าช่วงที่ไม่เดินเครื่อง ถึง 3 เท่า” นพ.สุทัศน์ กล่าว
นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่รัฐบาลประกาศให้ปัญหาฝุ่นพิษ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าแม้จะแก้ไขอย่างเต็มกำลังก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี เลวร้ายที่สุดอาจยาวนานถึง 20 ปี สำหรับมาตรการระยะสั้นที่อยากฝากไว้เป็นสูตร 4 ข้อคือ 1. รู้ไว คือ ตรวจเช็คปริมาณฝุ่นพิษจากแอพลิเคชันที่มีหลากหลายโดยตลอด เพื่อเตรียมรับมือหากค่าฝุ่นเกิน 100 2. ไม่เผา คือ ไม่เผาไร่ หญ้า ขยะ ตลอดจนถึงสูบบุหรี่ในที่ชุมชน ซึ่งจะก่อให้เกิดมลภาวะต่อส่วนรวม 3. เอาหน้า หมายถึงใส่หน้ากากป้องกันมลพิษ ในวันที่มีปริมาณสูงเกินปกติ และ 4. รักษาสุขภาพ ออกกำลังกายในบ้านแทนกลางแจ้ง รับประทานอาหารถูกสุขลักษณะและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
ภญ.อาสาฬา กล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขอแนะนำสมุนไพรเพื่อช่วยดูแลปอด ในตัวแรกคือ หญ้าดอกขาว เป็นยาล้างปอด ที่ใช้ต่อเนื่องกันมายาวนาน มีงานวิจัยระบุว่าสามารถลดการแพร่กระจายของมะเร็งปอด สอดคล้องกับหมอยาพื้นบ้านที่ใช้ล้างมลพิษที่ค้างในปอด สามารถชงดื่มครั้งละไม่เกิน 2 กรัม 3 เวลา ตัวที่สองที่แนะนำคือ ขมิ้นชัน ช่วยเพิ่มสมรรถภาพให้กับปอด และระบบทางเดินหายใจ โดยรับประทานครั้งละ 3 เม็ด 3 เวลา และควรรับประทานต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน และให้หยุดพัก 1 เดือน ก่อนที่จะมาใช้ใหม่อีกครั้ง ตัวที่ 3.รางจืด ที่ใช้ล้างสารพิษ ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเกิน 5 วันในหนึ่งเดือน ตัวสุดท้ายคือมะขามป้อมสามารถรับประทานทั้งรักษาอาการไอและเพื่อดูแลสุขภาพ มะขามป้อมจะเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูง
ด้าน ดร. อัญชลี แนะนำเพิ่มเติม ในส่วนของกรมการแพทย์นแผนไทยฯ ก็มีทุนสนับสนุนการวิจัยสมุนไพรอีกเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้ผู้สนใจสามารถเขียนโครงการเข้ามาขอได้ เราพร้อมให้การสนับสนุน เพื่อให้สมุนไพรไทย มีงานวิจัยรองรับ สามารถอ้างอิงได้ในอนาคต
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลสมุนไพรต้านมลพิษเพิ่มเติม สามารถร่วมเรียนรู้ได้ที่ งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 16 ในวันที่ 6 – 10 มีนาคม 2562 ณ อิมแพคเมืองทองธานี ฮอลล์ 10-12 หรือ สอบถามเพิ่มเติม ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร 037-211289 ในวันเวลาราชการ หรือ เฟสบุ๊คสมุนไพรอภัยภูเบศร
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 19,550.00 | 19,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,266.00 | 19,192.56 | 20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,139.40 | 17,273.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,012.80 | 15,354.05 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 570.00 | 8,641.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 443.00 | 6,715.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,312.00 | 19,889.92 | n/a |
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 | 27.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 | 27.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.54 | 24.54 | 24.94 | 24.54 | 24.54 | – | 24.54 | 24.54 | 24.54 | 24.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.94 | 19.94 | – | – | – | – | – | 19.94 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.96 | – | – | – | 35.41 | – | 35.46 | 35.26 | – | 35.26 |
ดีเซล | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 | 27.29 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.89 | 30.16 | 31.35 | 31.35 | 30.35 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 16.44 | 16.44 | – | – | – | – | – | – | – | – |