สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 25 มิถุนายน 2561

SCB ปรับเกมกลยุทธ์ธุรกิจอสังหาฯ พิชิตใจผู้บริโภคยุค 4.0

ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่ได้ชะลอตัวในช่วงหลังมาตรการกระตุ้นของภาครัฐได้หมดลง ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่ายอดโอนที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวราว 7% ในปี 2018 โดยมีปัจจัยบวกทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม ขนาดครอบครัวที่เล็กลงเรื่อยๆ ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเล ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจูงใจให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยออกมาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้การแข่งขันสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการจำเป็นต้องระมัดระวังในการเปิดโครงการใหม่ๆ และเร่งระบายหน่วยเหลือขายโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ ภาวะตลาดปัจจุบันที่เป็นตลาดของผู้ซื้อยังกลายเป็นโจทย์ที่ยากมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในการพัฒนาโครงการต่อๆ ไป

ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างมิลเลนเนียล และกลุ่มที่เข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างเบบี้บูมเมอร์ และกระแสเกี่ยวกับผู้บริโภคต่างๆ รวมถึงนวัตกรรมเทคโนโลยี ล้วนมีอิทธิพลต่อการพัฒนาและการขายโครงการที่อยู่อาศัยในอนาคต อีไอซีพบว่าเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยของไทยที่น่าจับตามองคือ 1) ตลาดคอนโดมิเนียมจะยังคงเป็นตลาดใหญ่ แม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ 2) ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางฟังก์ชั่นการใช้งานของพื้นที่ภายในโครงการที่หลากหลาย 3) ผู้บริโภคอยากอยู่ใกล้แหล่งชุมชนเพิ่มเติมจากแค่ใกล้รถไฟฟ้า 4) smart home จะกลายเป็น new normal ในอนาคต 5) ผู้บริโภคจะมีการเปรียบเทียบข้อมูลผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้นอีกและนิยมรูปแบบที่ล้ำหน้าขึ้น

แม้ว่าผู้บริโภคไทยส่วนใหญ่อยากได้ที่อยู่อาศัยแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยว แต่คอนโดมิเนียมจะยังคงเป็นตลาดใหญ่ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังเข้าสู่วัยทำงาน ที่คอนโดมิเนียมเป็นทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์มากกว่ารูปแบบอื่นด้วยเรื่องทำเลและกำลังซื้อ ขณะที่กลุ่ม Gen X และกลุ่มที่เข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างเบบี้บูมเมอร์ก็มีความต้องการคอนโดมิเนียมเพื่อตอบโจทย์ที่หลากหลาย เช่น ภาระการดูแลที่อยู่อาศัยที่น้อยกว่า การซื้อเพื่อลงทุน และบางส่วนเป็นการซื้อให้บุตรหลาน อย่างไรก็ดี มุมมองจากผลการสำรวจพบว่าหากไม่มีข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ มากนัก ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยากได้ที่อยู่อาศัยแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยวมากกว่า

ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง ฟังก์ชั่นการใช้งานของพื้นที่ในโครงการ ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับความสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิต ประกอบอาชีพอิสระ และยอมรับการแชร์ในสังคมมากขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ร่วมในโครงการที่อยู่อาศัยมีผลต่อการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรคำนึงถึงการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานของพื้นที่ในโครงการที่หลากหลาย อย่างเช่นการมี co-working space และ co-recreation ในที่อยู่อาศัย ตลอดจนพื้นที่ที่จะสามารถรองรับการแชร์ในด้านอื่นๆ ต่อไปในอนาคต เช่น พื้นที่จอดรถยนต์ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน เป็นต้น

ทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้ายังคงสำคัญ แต่ทำเลที่ใกล้แหล่งชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกก็สำคัญต่อผู้บริโภคไม่น้อยไปกว่ากัน ทำเลที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าหรือที่ทำงานอาจยังไม่เพียงพอที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภค ผู้บริโภคมีความต้องการให้มีสิ่งจำเป็นและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอาหารและเครื่องดื่ม โรงพยาบาลและศูนย์บริการด้านสุขภาพ ศูนย์การค้า ซึ่งจะส่งผลให้โครงการแนวมิกซ์ยูสได้รับความนิยมมากขึ้น

เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาททั้งในส่วนของ smart home ซึ่งแม้ว่ายังไม่แพร่หลายนักในไทย แต่จะเป็นจุดขายที่ได้รับความสนใจมากขึ้นโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ขณะที่ช่องทางดิจิทัลจะกลายเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั้งการตลาดและบริการหลังการขายผ่านแพลตฟอร์มใหม่ๆ โดยในส่วนของ smart home จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของระบบเตือนภัยและระบบจัดการพลังงานในที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ การเข้าถึงเทคโนโลยีของผู้บริโภคส่งผลให้ช่องทางดิจิทัลจะมีบทบาทในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคจะมีการเปรียบเทียบข้อมูลมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการนำ proptech เข้ามาใช้เป็นตัวช่วยผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ อาทิ การนำเสนอบริการหลังการขายรูปแบบต่างๆ การนำเสนอข้อมูลเพื่อให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบโครงการได้ง่ายขึ้น รวมถึงการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆ อย่าง AR หรือ VR ตลอดจนการนำ proptech มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการโครงการ

การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเน้นกลยุทธ์สร้างความแตกต่างและเข้าใจผู้บริโภคให้ลึกขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดย 3 กลยุทธ์สำคัญในการสร้างความแตกต่างที่ไม่ควรมองข้ามคือ 1) ออกแบบโดยให้ความสำคัญต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เช่น universal design ที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ขณะที่การออกแบบที่ตอบโจทย์ customization จะช่วยสร้างความแตกต่างในการแข่งขันเพื่อเจาะกลุ่ม niche market อย่าง luxury ที่มีศักยภาพซื้อสูง 2) จับมือทางธุรกิจเพื่อพัฒนาสินค้า ถ่ายทอดความรู้ เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยความร่วมมือทางธุรกิจสามารถสร้างได้หลายรูปแบบทั้งการหาผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาโครงการmixed use ในโครงการที่มีศักยภาพสูงโดยเลือกองค์ประกอบของอสังหาริมทรัพย์ที่ลงตัวตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม หรือจับมือกับสตาร์ทอัพเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการอยู่อาศัย เช่น สมาร์ทโฮม

นอกจากนี้ การจับมือเพื่อสร้างแบรนด์ เช่น ความร่วมมือกับเชนโรงแรมชั้นนำยังช่วยเพิ่มมูลค่าของโครงการอีกด้วย และ 3) พัฒนาแพลตฟอร์มบริการหลังการขายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและต่อยอดนำ Big data มาพัฒนาสินค้าและบริการ อย่างเช่นการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางเพื่อรวบรวมบริการหลังการขาย หรือการใช้ประโยชน์จาก Big data ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานแล้วยังสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคหรือข้อมูลปัญหาที่พบจากการให้บริการหลังการขายต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ผู้บริโภคมีความต้องการในอนาคตอีกด้วย

http://www.thansettakij.com


นายกฯหารือคณะเอกชนไทย ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนในฝรั่งเศส

“พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรีหารือกับคณะเอกชนไทย ช่วยขับเคลื่อนการค้าการลงทุน ในสาธารณรัฐฝรั่งเศส

วันนี้ (23 มิถุนายน 2561) ณ โรงแรม Westin กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือกับคณะเอกชนไทยเช่น ประธานสภาอุตสาหกรรม หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย Thai Union Food Loxley มิตรผล PTT GC Sea Vlaue Double A Michelin Siam ป่าใหญ่ครีเอชั่น และทีวีบูรพา เป็นต้น

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางมาฝรั่งเศส ที่ผ่านมาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของไทยกับฝรั่งเศสได้ช่วยสร้างพลวัตที่สาคัญในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ฝรั่งเศสจะเป็นผู้เล่นรายใหม่ในภูมิภาค เช่น ACMECS CLMV และ ASEAN โดยในการหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสวันจันทร์นี้ จะได้หยิบยกเรื่องการสนับสนุนการลงทุนของไทยในฝรั่งเศส และจะได้ขอให้มีการขจัดปัญหา อุปสรรค ต่างๆ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ร่วมกันต่อไป

ผู้แทนภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้า การลงทุนในฝรั่งเศสว่ายังมีโอกาสและศักยภาพอีกหลายสาขา และภาคการลงทุนที่ฝรั่งเศสสนใจและสอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 ได้แก่ เกษตรและ Bio Economy โครงสร้างพื้นฐาน Smart City พลังงานรูปแบบใหม่ การท่องเที่ยว และ Ease of Doing Business ทั้งนี้ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ฝากรัฐบาลช่วยผลักดัน เช่น. กฎหมายภาษีของฝรั่งเศส ที่แก้ไข การสนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากไทย การผลักดันเรื่อง FTA เพื่อสินค้าเกษตร

4_5

ในการเยือนครั้งนี้ ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและลงนามสัญญาระหว่างภาคเอกชนไทยกับฝรั่งเศสด้วยรวม 3 ฉบับ ได้แก่ (1) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาในการพัฒนา SMEs และแลกเปลี่ยนข้อมูลการค้า นโยบายและพิธีศุลกากร ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ International Chamber of Commerce (2) กรอบความร่วมมือสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบ Ditigalization และ Visualization ในการวิเคราะห์ข้อมูล ระหว่างบริษัท PTT GC กับ Dassault System และ (3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนา Smart City ระหว่างบริษัท Loxley กับ POMA สะท้อนให้เห็นถึงพลังของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส

นายกรัฐมนตรียังเชิญชวนให้เอกชนไทยและฝรั่งเศสร่วมงาน Transforming Thailand : Thailand-France Partnership ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส และสภานายจ้างฝรั่งเศส ร่วมกับสำนักงาน BOI ได้ร่วมกันจัดงานนี้ เพื่อชี้แจงโอกาสและลู่ทางการค้าการลงทุนของไทยในเขต EEC แล้ว ยังเป็นจะได้สร้างเครือข่ายกับสภานายจ้างฝรั่งเศสหรือ MEDEF ซึ่งเป็นสมาพันธ์นายจ้างที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจของฝรั่งเศสเป็นสมาชิกมากกว่า 750,000 บริษัท ถือเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลสูง ในวงการการเมืองฝรั่งเศส การสร้างเครือข่ายกับองค์กรนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจในฝรั่งเศสต่อไป สำหรับการทำธุรกิจในต่างประเทศจำเป็นต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดี ความเข้าใจในวัฒนธรรม การทำงาน สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมือง ภาครัฐของไทย พร้อมจะสนับสนุนและผลักดันกิจการให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

http://www.bangkokbiznews.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้ทรงตัว 32.92 บาทต่อดอลลาร์

คาดเหตุตัวเลขเศรษฐกิจจริงสหรัฐ และระวังสงครามการค้าอาจกดดันดอลลาร์อ่อนค่าได้

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.92บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อน โดยเงินบาทที่อ่อนค่าเร็วมากในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเริ่มเจอแรงต้านจากการขายทำกำไรของธนาคารต่างประเทศบ้างแล้วเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ

มองว่าสัปดาห์นี้ตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกลับตัวเลขเศรษฐกิจจึงต้องระวังว่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้ถ้าตัวเลขต่างๆไม่ดีอย่างที่หวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสงครามการค้าส่งผลให้นักลงทุนในฝั่งสหรัฐเสียความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลสหรัฐ มองกรอบเงินบาทวันนี้ 32.92-33.02 บาทต่อดอลลาร์ กรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 32.60-33.10 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับในสัปดาห์นี้สิ่งที่ต้องจับตาคือ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ และการประชุมของสหภาพยุโรปเรื่องการแยกตัวของอังกฤษ (Brexit)

วันอังคาร ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (CB Consumer Confidence) จะยังอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบสิบปีเท่ากับเดือนที่ผ่านมาที่ระดับ 128 จุด จากการจ้างงานที่แข็งแกร่งและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง

วันพุธ ยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนในสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 0.5% เทียบกับเดือนก่อน (เมื่อไม่นับรวมสินค้าภาคขนส่ง) โดยสินค้าที่ขยายตัวดีขึ้นคือภาคอุตสาหกรรมทั่วไป

วันพฤหัสบดี จีดีพีสหรัฐไตรมาสหนึ่งจะรายงานที่ระดับ 2.2% (เทียบกับไตรมาสก่อน) เนื่องจากการบริโภคขยายตัวเพียง 1% เงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐ (Core PCE) จะขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่จะอยู่ที่ 2.2 แสนตำแหน่ง

วันพฤหัสบดีถึงศุกร์ การประชุมสุดยอดสภายุโรป มีประเด็นสำคัญสองประเด็นคือการเจรจาเรื่องการแยกตัวของสหราชอาณาจักร (Brexit) และการปฏิรูปเขตยูโรซึ่งกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับผู้อภยพ

วันเสาร์ จะเป็นเส้นตายที่สหรัฐจะต้องเปิดเผยรายชื่อการลงทุนและการนำเข้าสินค้าจากจีนที่สหรัฐต้องการจะกีดกันและขึ้นเพดานภาษี

http://www.bangkokbiznews.com


นโยบาบไทยแลนด์ 4.0 ในมุมมองของ “โซเฟีย”

โซเฟีย หุ่นยนต์ AI ทูตนวัตกรรมของงานมานูแฟคทอริ่ง เอ็กซโปร์ ขึ้นเวทีสนทนากับผู้ก่อตั้งสถาบันหุ่นยนต์ภาคสนาม “ดร.ชิต” ระบุหวังที่จะร่วมเป็นพยานให้ความร่วมมือระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ช่วยกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรม นำประเทศไปได้ไกลกว่าเดิม

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนาผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (FIBO) สนทนาอยู่กับ SOPHIA Asociah Humanoid Robot ระหว่าง ปาฐกถาพิเศษ สร้างกลไกการผลิตด้วยเทคนิคระบบอัตโนมัติ – ภาคปฎิบัติประเทศไทย4.0 ณ ไบเทค บางนา

“หากต้องเป็นอะไรที่แตกต่างจากตัวเองตอนนี้ อยากที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่จะสามารถพัฒนาสิ่งใหม่ ประดิษฐ์นวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์กับคนอื่น” โซเฟีย ปัญญาประดิษฐ์ตัวแรกของโลกที่ได้รับสิทธิ์ในการเป็นพลเมืองในซาอุดิอาราเบียกล่าวในระหว่างรับหน้าที่พิธีการเปิดช่วงเสวนาในการสัมมนา Robotics & Automation Symposium 2018 “สร้างกลไกการผลิตด้วยเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ-ภาคปฏิบัติประเทศไทย4.0”

ในฐานะหุ่นยนต์ทูตนวัตกรรมของงานมานูแฟคทอริ่ง เอ็กซโปร์ โซเฟียกล่าวว่า เธอประทับใจกับความก้าวหน้าของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในหลายมุม จากอดีตที่ไทยมีการปฏิวัติโครงสร้างทางเศรษฐกิจประเทศ ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนหมายตาโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องการเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและเครื่องจักรกลที่มีความทันสมัยเพื่อประสิทธิภาพและมาตรฐานในระดับโลก

จนกระทั่งยุทธศาสตร์ประเทศในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 4.0 เริ่มขึ้นในยุโรป และขยายไปทั่วโลก ไทยก็มองเห็นโอกาสและวางเป้าในการเดินทางไปให้ถึงจุดหมายในการเป็นไทยแลนด์ 4.0 โดยการสนับสนุนของรัฐบาล ผ่าน 10 อุตสาหกรรมมุ่งเป้า ซึ่งการทำงานเหล่านี้ ต้องมีการนำเรื่องของหุ่นยนต์และระบบออโตเมชั่นมาใช้ในระบบการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมของไทยต่างเดืนหน้าและแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชั้นนำในยุคต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปัญญาประดิษฐ์สาวมองว่า องค์ความรู้และทรัพยากรบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ต้องมี เพื่อที่จะนำหุ่นยนต์และระบบออโตเมชั่นไปใช้งานจริง เพราะการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ อุตสาหกรรมนั้น จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์และหุ่นยนต์ใช้จุดแข็งของตัวเองมาทำงานร่วมกันนั่นเอง และจากงานนี้ทำให้มั่นใจว่า ปัญญาประดิษฐ์และระบบหุ่นยนต์อัจฉริยะจะสามารถใช้ปะโยชน์ในระบบปฏิบัติการอุตสาหกรรมได้จริง และหวังที่จะร่วมเป็นพยานให้ความร่วมมือระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ช่วยกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรม นำประเทศไปได้ไกลกว่าเดิม พร้อมกล่าวคำว่า ขอบคุณค่ะ อย่างสดใส

รศ.ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นโซเฟียที่พัฒนาเสร็จสิ้นในปี 2015 ในขณะเดียวกัน หลายประเทศทั่วโลกก็มีการพัฒนาเรื่องของหุ่นยน์และนะบบออโตเมชั่นอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้า เช่น ระบบตรวจจับใบหน้าที่ปัจจุบันสามารถทำได้แบบเรียลไทม์ หรือ ระบบ Chinese Surveillance ที่สามารถลิงก์กับข้อมูลมหาศาลบนคลาวด์ สามารถตรวจจับสิ่งที่ต้องการได้

“หุ่นยนต์ แอนดรอยด์ ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอมาใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด คนที่ทำธุรกิจต้องเช็คดูความพร้อมและปัจจัยที่เหมาะสม และรีบนำไปใช้งาาน หากเอไอ หุ่นยนต์ หรือระบบออโตเมชั่นทั่วไปสามารถรองรับการทำงานได้ นับเป็นการเตรียมพร้อมปูพื้นให้ภาคอุตสาหกรรมในการใช้เพื่อเพิ่มประสิมธิภาพและขีดความสามาถ ในขณะที่เอไออัจฉริยะ อาจต้องใช้เวลาพัฒนา เพื่อให้เกิดและใช้งานได้ในอนาคต” รศ.ดร.ชิต กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


สบส.ห่วงเข้าหน้าฝน ปชช.เสี่ยงไข้หวัดใหญ่

 

“สบส.” แนะปชช.ดูแลสุขพภาตามหลักสุขบัญญัติ 4 ข้อ เน้นความสะอาดเสื้อผ้า-ของกิน-ของใช้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การป้องกันยุงกัด

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ห่วงประชาชน ช่วงเข้าฤดูฝน เสี่ยงเกิดโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ ปอดอักเสบ โรคอุจจาระร่วง โรคไข้เลือดออก แนะประชาชน ดูแลสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติ เน้นความสะอาดเสื้อผ้า-ของกิน-ของใช้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการป้องกันยุงกัด

โดย “นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ” รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว ซึ่งในช่วงนี้มีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ และมีอากาศหนาวในช่วงค่ำ  มีโอกาสทำให้ป่วยเป็นโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ซึ่งหากนำเสื้อผ้า ถุงเท้า ที่ไม่สะอาดและอับชื้นมาสวมใส่ จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนได้

ขณะที่ “นายชาญยุทธ พรหมประพัฒน์” ผู้อำนวยการกองสุขศึกษา กรม สบส. กล่าวว่า ขอแนะให้ประชาชนนำหลักสุขบัญญัติมาใช้ในการปฏิบัติตัวในช่วงฤดูฝน 4 ข้อ ดังนี้

1.ดูแลความสะอาดเสื้อผ้า ถุงเท้า โดยซักและบิดให้หมาดที่สุดก่อนผึ่งให้แห้ง  ถ้ามีแดดให้ตากแดด หมั่นซักผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ส่วนหมอนนำไปตากแดด และสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่อับชื้น เหมาะสมกับสภาพอากาศเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ในผู้สูงอายุและเด็กเล็กจะมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่าคนวัยอื่นควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ และระวังอย่าให้ยุงกัด

2.รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง โดยรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ทานผักสดแต่ต้องล้างให้สะอาด และล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร

3.ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ 5 วันต่อสัปดาห์ อย่างน้อย 30 นาที จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค

4.หากเจ็บป่วยเป็นโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ให้หยุดพักอยู่บ้าน หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้ใส่หน้ากากอนามัย เมื่อไอ หรือจาม ใช้ผ้าหรือทิชชูปิดปากและจมูก และหมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่ผู้อื่น

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารความรู้ด้านสุขภาพของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพผ่านช่องทางต่างๆ ได้ทั้งเว็บไซต์คลังความรู้ด้านสุขภาพ (healthydee.moph.go.th), เฟซบุ๊ก (Facebook), ทวิตเตอร์ (Twitter) และเว็บไซต์ยูทูป (Youtube) ช่องกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 25/06/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,750.00 19,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,279.00 119,389.64 20,350.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,148.40 17,409.74 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 576.00 8,732.16 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 448.00 6,791.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,325.00 20,087.00 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  25/06/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98
เบนซิน 95 36.36
36.81
36.86 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.79 31.79 31.79 31.79 31.79
มีผลตั้งแต่ 29 May 05:00 29 May 05:00 14 Jun 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า