Blog Post

“ชิโนไทย-ITD” ชิงกวาดงานรัฐ! “2 บิ๊กรับเหมา” ชนสนั่นปี 62 แข่งประมูลเมกะโปรเจ็กต์

รับเหมายังคึกรับเมกะโปรเจ็กต์ปี 62 เล็งคว้างานใหญ่ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ จับตา “กลุ่มซิโน-ไทย” รุกหนัก ‘ภาคภูมิ’ รับงานยังไม่ล้นมือ พร้อมเปิดรับซับคอนแทร็กต์รายกลาง-รายย่อยเข้าร่วมทีม ด้าน ‘อิตาเลียนไทย’ ยังไม่บุ่มบ่าม เน้นรอบคอบในการรับงาน ‘สุเมธ’ เผย หลายงานทยอยแล้วเสร็จ พร้อมรับงานใหม่เพิ่มได้ทันที

ในปี 2562 รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการพีพีพี) ว่า จะล้นมือหรือรับโครงการไปดำเนินการได้มากน้อยแค่ไหนนั้น

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คงต้องพิจารณาถึงความมั่นคงของแต่ละบริษัท ว่า มีฐานะทางการเงินอย่างไร เครดิตของแต่ละบริษัท แหล่งทุนของแต่ละราย ความเชื่อถือของสถาบันการเงินที่จะสนับสนุน

ทั้งนี้ “ซิโน-ไทย” โชคดีที่กลุ่มบีทีเอสและกลุ่มราชบุรีมีฐานการเงินที่มั่นคง แต่บางกลุ่มกลับพบว่า ไม่มีพันธมิตรประจำเหมือนซิโน-ไทย หากตัดสินใจเข้าร่วมประมูลต้องมั่นใจว่า “มีความพร้อมจริง” โดย “ซิโน-ไทย” ร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง วงเงินรวม 4-5 หมื่นล้านบาท หากมีโครงการอื่นเข้ามาเพิ่ม ก็อาจต้องหาเข้ามาเพิ่มได้อีก ซึ่งการประมูลโครงการใหม่จะต้องคำนวณใส่ผลกำไรอย่างเพียงพอ หากมีการประมูลเข้ามาจำนวนมาก ได้ผลกำไรที่ต้องการ ก็สามารถจัดคนลงไปตามนั้นได้ทันที

“บริษัทยังต้องใช้ซับคอนแทร็กต์จากบริษัทรับเหมารายกลางและรายย่อยจำนวนมาก เบื้องต้น มีบริษัทรับเหมาตอกเสาเข็มมาร่วมงานแล้วหลายราย ปัจจุบัน รายเล็กยังไม่ค่อยมีงาน หรือ “มีแต่ยังน้อย” สู้รายใหญ่ไม่ไหว อีกทั้งยังพบว่า งานของกรมชลประทานยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ โดยความตั้งใจแล้ว อยากเห็นผู้รับเหมาไทยทุกระดับเติบโตขึ้น ไม่อยากเห็นการนำผู้รับเหมาจากต่างประเทศเข้ามารุกตลาดจำนวนมาก เพราะย่อมส่งผลกระทบตามมาแน่ ๆ รัฐบาลควรสนับสนุนผู้รับเหมารายเล็ก-รายกลางของไทยมากกว่า อาจกำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับเหมาไทยได้งานมากขึ้น จึงเป็นห่วงว่า หากกำหนดราคาเป็นเกณฑ์สำคัญ ต่อไปจะสู้ผู้รับเหมาของจีนไม่ได้“

นายสุเมธ สุรบถโสภณ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปกติการลงทุนจะดูผลตอบแทนและความเป็นไปได้ของโครงการ ปัญหาก็จะน้อยลงไป แต่ต้องดูปัญหาที่มีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบต่อการลงทุน ทุนมากทุนน้อยเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ผลตอบแทนการลงทุนจะมีความสำคัญที่ผู้ให้กู้จะพิจารณา

โดยขณะนี้ “งานยังไม่ล้นมือ” บริหารจัดการได้ ไม่ดูที่มูลค่างานมากหรือน้อย แน่นอนว่า มีบางรายจะใช้ซับคอนแทร็กต์เข้ามาร่วมในบางงาน เอกชนมองเพียงผลตอบแทนการลงทุน ไม่ได้มองเรื่องการรับงานมากหรือน้อย ปัจจัยหลักยังมองถึงความคุ้มค่าการลงทุน งานมีความเสี่ยงหรือไม่ ปริมาณผู้โดยสาร ส่วนปริมาณงานมากหรือน้อย เข้าใจว่า เอกชนผู้ยื่นข้อเสนอสามารถบริหารจัดการได้ หาพาร์ตเนอร์หรือซับคอนแทร็กต์มาร่วมได้

“ปัจจุบัน ‘อิตาเลียนไทย’ มีงานโครงการต่างๆ แล้วเสร็จไปแล้วหลายโครงการ จึงพร้อมสำหรับการรับงานใหม่เข้ามาเพิ่มได้ทันที ปี 2562 จึงยังรับงานเพิ่มได้อีก แม้ว่าจะรับงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินหรือไม่ก็ตาม แต่ยังเป็นห่วงเรื่องงานที่ออกมาล่าช้าข้ามปี เช่น ปี 2561 ที่ยังพบว่า มีข้ามปี 2562 หลายโครงการ จึงต้องไปลุ้นรับรู้รายได้ในปี 2562 ต่อไป”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

สมคิด’ สั่งทำโครงการ “บ้านสำหรับผู้สูงอายุหลังเกษียณ”

รองนายกรัฐมนตรีเชื่อวงเงิน 5 หมื่นล้าน โครงการ “บ้านล้านหลัง” ไม่เพียงพอต่อความต่อการ สั่งผู้เกี่ยวข้องหาแนวทางขยายความต้องการ พร้อมกำชับให้มีโครงการ “บ้านผู้สูงอายุหลังเกษียณ”

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ถ้าดูจากจำนวนประชาชนที่มาจองสิทธิ์ที่ ธอส. สำนักงานใหญ่ 6-7 พันคน ในวันนี้ เชื่อว่าวงเงินโครงการ 50,000 ล้านบาท ไม่เพียงพอกับความต้องการได้แน่ จึงมอบหมายให้ ธอส. และผู้ที่เกี่ยวข้องไปคิดต่อ ว่า “จะขยายความต้องการหลังจากนี้อย่างไร” ซึ่งไม่ใช่ผู้มีรายได้น้อย แต่อยากให้ “บ้านสำหรับผู้สูงอายุหลังเกษียณ” ด้วย เพราะเขายังต้องมีชีวิตอยู่และต้องมีสังคม ให้เขามีบ้านในราคาที่ไม่สูงนัก ให้คนในวัยเกษียณอยู่ได้ โดยได้มอบหมายไปแล้วและจะทยอยทำต่อไป

“เราคงไม่หยุดแค่นี้และจะพยายามทำต่อไป แต่สมัยนี้จะทำก็ยาก เพราะต้นทุนที่ดินแพง อย่างไรก็ดี ความสำเร็จในวันนี้จะทำให้เอกชนเข้ามามากขึ้นและเห็นความเป็นไปได้ที่จะมาช่วยกันทำ แต่ก็ขึ้นกับต้นทุนหลายอย่าง ทั้งดอกเบี้ย ราคาที่ดิน แต่อย่างน้อยก็กระตุ้นให้เอกชนเห็นว่า “มันเป็นไปได้” ที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้และคนไม่เอา ก็จะเห็นว่า “ตลาดเยอะแค่ไหน”เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่มีบ้าน ถ้าทุกคนมาช่วยกันก็จะทำได้ดีกว่านี้” นายสมคิด กล่าว

สำหรับบรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดจองสิทธิสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ราคาไม่เกิน 1 บ้านบาท เพื่อผู้มีรายได้น้อย ตามนโยบายรัฐบาล ปรากฏมีประชานมารอตั้งแต่เวลา 21.30 น. ของคืนวันที่ 22 ธ.ค. ก่อนที่ ธอส. จะเริ่มให้คิวแรกในเวลา 04.00 น. ของวันที่ 23 ธ.ค. และเปิดให้จองสิทธิ์ในเวลา 08.30 น. จนถึงเวลา 11.00 น. มียอดจองสิทธิ์จากทั่วประเทศแล้ว 23,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเต็มวงเงิน 50,000 ล้านบาท ภายในวันนี้

ทั้งนี้ สินเชื่อโครงการ “บ้านล้านหลัง” เปิดให้ประชาชนจองสิทธิ์รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ 3% ต่อปี นานสูงสุดถึง 5 ปีแรก เพื่อสนับสนุนนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนวัยทำงาน หรือ ผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

กทม. เร่งฉีดน้ำจุดวิกฤตฝุ่นควัน วอนคนกรุงใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

กทม. เร่งบรรเทาปัญหาฝุ่นควันเกินค่ามาตรฐาน พร้อมขอความร่วมมือประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ลดปัญหาควันจากรถยนต์

นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมเกียรติ นนทแก้ว รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้บริหารสำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักงานเขตปทุมวัน ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนกว่า 50 คน ฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองทางอากาศในพื้นที่วิกฤต โดยใช้อุปกรณ์ฉีดน้ำดับเพลิงขนาดใหญ่ แรงดันสูง ณ สวนลุมพินี บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6

จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (pm2.5) พบว่า ในพื้นที่ 20 เขต มีค่าฝุ่นละอองเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กรมควบคุมมลพิษกำหนด ประกอบกับอยู่ในช่วงฤดูหนาว จึงทำให้มีความกดอากาศต่ำและเกิดเป็นหมอกควัน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความห่วงใยในสุขภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน จึงได้สั่งการให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานเขต 50 เขต เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ พร้อมทั้งฉีดน้ำล้างถนนด้วยอุปกรณ์ฉีดน้ำแรงดันสูง และมอบหมายให้สำนักงานเขตเร่งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือกับประชาชนและภาคเอกชนให้ช่วยกันดำเนินการลดปริมาณฝุ่นละออง รวมถึงให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพของตนเองด้วย หากอยู่ในพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยง หรือ ลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันลดปริมาณฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ ด้วยการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวหากไม่จำเป็น และหันมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะแทน เพื่อลดค่าของฝุ่นละอองที่เกิดจากควันของรถยนต์ โดยผลการดำเนินการในวันที่ 23 ธ.ค. 2561 พบว่า ค่าของฝุ่นละอองลดน้อยลงมาก เนื่องจากเป็นวันหยุดของประชาชนส่วนใหญ่ ทำให้มีการใช้รถยนต์สัญจรในเมืองน้อย รวมถึงเป็นวันหยุด ไม่มีการก่อสร้างต่าง ๆ จึงทำให้มีปริมาณฝุ่นละอองน้อยลง อยู่ในระดับเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพอากาศที่ปกติ

สำหรับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่วิกฤต กรุงเทพมหานครได้เพิ่มความถี่ในการดูดฝุ่น ฉีดพ่นน้ำ และล้างถนน เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในพื้นที่วิกฤต โดยเริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา ณ บริเวณถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง และถนนตก เขตบางคอแหลม วันที่ 22 ธ.ค. 2561 ถนนรัชดาภิเษก เขตธนบุรี และ ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ โดยในคืนนี้วันที่ 23 ธ.ค. 2561 เวลา 21.00 น. กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการดูดฝุ่น ฉีดพ่นละอองน้ำ และล้างถนน โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร และบริเวณสำนักงานเขตคลองเตย, ถนนกล้วยน้ำไทย และถนนอาจณรงค์ เขตคลองเตย และจะดำเนินการเช่นนี้ต่อไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ จนกว่าค่าฝุ่นละอองจะอยู่ในเกณฑ์ระดับมาตรฐานทั้งหมด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

เทรนด์ใหม่ “เที่ยวคลีน” สนุกได้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2561 กันแล้ว หลายคนน่าจะกำลังวางแผนฉลองเทศกาลและวันหยุดยาวปลายปีที่กำลังจะมาถึง โดยเชื่อว่า หนึ่งในกิจกรรมที่อยู่ในท็อปลิสต์ก็คงจะหนีไม่พ้นการเตรียมตัวเดินทางรับอากาศดี ๆ ณ สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติกับเพื่อนฝูง คนรัก และครอบครัว ในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการการพักผ่อนจากการเรียนและทำงานหนักมาตลอดทั้งปี

หากพูดถึงจุดหมายปลายทาง อุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศไทยก็ดูจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังเดินทางสะดวก และในยุคที่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กำลังเป็นที่นิยม คงจะเป็นเรื่องดี ถ้าการไปเที่ยวในครั้งนี้จะทั้งสนุกและรับผิดชอบกับสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน

หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วการเที่ยวที่ทั้งสนุกและรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมไปด้วยนั้นต้องทำอย่างไร บอกเลยว่า “ไม่ยาก”

ก่อนอื่นเลยมารู้จักกับเทรนด์ “เที่ยวคลีน” กันก่อน ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวแบบใหม่ ร่วมปลุกกระแสโดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย ที่ต้องการกระตุ้นจิตสำนึกการท่องเที่ยวแบบไร้ขยะ ลดภาระแก่สิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับโครงการ “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม” ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยการจะร่วมเทรนด์เที่ยวคลีนนั้น ทำได้ง่าย ๆ เพียงไม่นำบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็น กล่องพลาสติกบรรจุอาหาร จานพลาสติก ขวดน้ำที่มีพลาสติกหุ้มฝาขวด แก้วพลาสติก หลอด และช้อนส้อมที่ทำจากพลาสติกแบบที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ถ้ายังนึกไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร ลองนำเอาวิธีง่าย ๆ เหล่านี้ ไปลองใช้ดู

ก่อนเดินทาง เตรียมตัวเที่ยวคลีนได้ด้วยการเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้พร้อม เพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อความสะดวกลองพกทัพเพอร์แวร์หลากหลายไซส์ติดตัวและใช้งานให้เป็นประโยชน์ โดยขนาดใหญ่อาจนำไปใส่อาหารสำหรับรับประทานหลายคน ในขณะที่ ทัพเพอร์แวร์ขนาดเล็กก็สามารถนำมาใช้แทนจานแบ่งได้ อย่าลืมหยิบกระติกน้ำติดตัวไปด้วย

เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้อจานและแก้วกระดาษเข้าไปใช้ให้ธรรมชาติหนักใจอีกต่อไป แต่อย่าเผลอใช้ช้อน ส้อมและหลอดพลาสติกภายในอุทยานแห่งชาตินะ เพราะสิ่งเหล่านี้ คือ พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่สร้างปริมาณขยะมหาศาล ลองพกอุปกรณ์ไปเอง หรือไม่ก็หาอุปกรณ์ที่ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ชุดช้อนส้อมแบบพกพา ที่สามารถล้างและนำมาใช้ซ้ำได้แบบไม่รู้จบ ไปจนถึงหลอดดูดน้ำสแตนเลสที่กำลังเป็นที่นิยม และสามารถล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และอีกหนึ่งคลาสสิคไอเท็มที่ควรมีติดตัว คือ ถุงผ้า นำของจากเหล่าร้านค้าและร้านสะดวกซื้อมาใส่ในถุงผ้าของคุณแทนการใช้ถุงพลาสติก ก็ช่วยโลกได้มากแน่นอน ด้านเครื่องดื่มที่บรรจุอยู่ในขวดพลาสติก หากจะนำเข้าไป ควรเลือกแบบที่ไม่มีพลาสติกหุ้มฝาชวด และเมื่อนำเข้าไปในบริเวณอุทยานแห่งชาติแล้ว ไม่ควรทิ้งขยะเรี่ยราด ควรนำออกมาทิ้งให้ถูกถังและถูกที่ เพื่อที่บรรจุภัณฑ์เหล่านั้นจะได้ถูกนำไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ต่าง ๆ ได้อย่างยั่งยืน

หลังจากรู้จักเทรนด์ “เที่ยวคลีน” เที่ยวอย่างรักษาสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติกันไปแล้ว เพื่อให้การท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติช่วงฤดูหนาวนี้มีความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ลองนำเคล็ด (ไม่) ลับนี้ ไปใช้กันดู เริ่มต้นจาก เลือกอุทยานแห่งชาติที่เหมาะกับฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก และอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี หรือหากใครไม่สะดวกเดินทางไกล อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ รับรองช่วงนี้อากาศดี ได้ภาพสวย ๆ แน่นอน วางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ เช็กจุดแวะพักที่เหมาะสมกับการเดินทางของคุณ เตรียมอุปกรณ์ เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม อุปกรณ์กันยุงและเดินป่าอย่าให้พร่อง เพื่อที่จะได้ลุยทุกสถานการณ์ได้อย่างคล่องแคล่วไปถึงแล้ว ท้ายที่สุด อย่าลืมหามุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ระหว่างเที่ยว ลงโซเชียลได้ทันใจ โดยหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าที่ที่คุณไปมีมุมไหนเก๋ หรือมีมุมไหนที่จะต้องถ่ายมาให้ได้ และอย่าลืมชาร์จโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปให้พร้อม จะได้ไม่พลาดเก็บภาพไว้เป็นความทรงจำ

เทรนด์ “เที่ยวคลีน” เทรนด์ใหม่ล่าสุดที่เข้ามาช่วยจัดการขยะ รวมไปถึงเคล็ด (ไม่) ลับ เล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศกับครอบครัว เพื่อนฝูง และคนรักได้อย่างมืออาชีพ เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเที่ยวเมืองไทยได้อย่างรับผิดชอบ อินเทรนด์ และสนุกสนานไปพร้อม ๆ กัน เพราะนอกจากคุณจะเตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อเที่ยวอย่างเต็มที่แล้ว คุณยังเป็นผู้นำเทรนด์ให้ผู้อื่นได้ เที่ยวคลีน เที่ยวอย่างไร้ขยะ ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย!

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

4 เคล็ดลับที่ช่วยให้คุณ “รับมือกับปัญหา” อย่างมีสติ!

วิธีการรับมือกับปัญหาของคุณ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยวันนี้เรามี 4 เคล็ดลับที่จะเปลี่ยนทัศนคติของคุณให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ มาดูกันเลย!

1. โฟกัสไปที่อนาคต

ไม่ว่าคุณจะพบเจอกับปัญหาอะไรก็ตาม สิ่งที่คุณควรทำคือโฟกัสไปที่อนาคต แทนที่จะกังวลกับเรื่องแย่ ๆ ในอดีตว่ามันเป็นความผิดของใคร คุณควรโฟกัสเกี่ยวกับเรื่องราวในอนาคตไม่ว่าจะเป็นที่ที่คุณต้องการจะอยู่ หรือสิ่งที่คุณต้องการจะทำ ลองวาดภาพอนาคตที่สำเร็จของคุณขึ้นมาในหัว และทำสิ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ ให้ทั้งจิตใจ ความคิด และทัศนะของคุณมุ่งไปยังอนาคตที่ตั้งใจ

“กาลเวลาและสภาวะต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราจึงควรจะตั้งเป้าหมายไปที่อนาคต” – วอลต์ ดิสนีย์ (WALT DISNEY)

2. พิจารณาเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหา

เมื่อไหร่ที่คุณเผชิญกับความยากลำบาก ให้คุณโฟกัสที่วิธีแก้ไขมากกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้ว ลองพิจารณาและพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาสำหรับอุปสรรคและความล้มเหลวที่เกิดมา แทนที่จะเสียเวลาไปกับการทบทวนปัญหาซ้ำไปมา เพราะปัญหาย่อมเป็นพลังงานลบในตัวของมันเอง ในขณะที่การคิดวิธีแก้ไขนั้นคือ พลังเชิงบวก

ลองใช้เวลาสักนิดเขียนเกี่ยวกับรายละเอียดของปัญหา และใช้วิธีที่สมเหตุสมผลที่สุดในการแก้ปัญหาเหล่านั้น

3. มองหาข้อดีของมัน      

4. เรียนรู้อยู่เสมอ

ไม่ว่าสถานการณ์ที่คุณต้องเผชิญ มันจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในท้ายที่สุด มันถูกส่งมาเพื่อให้คุณเรียนรู้ พัฒนาและเติบโต เพราะฉะนั้น จงค้นหาคุณค่าบทเรียนที่คุณได้รับ เขียนบันทึกไอเดียและความรู้ใหม่ๆ ที่คุณได้รับจากความล้มเหลวและความยากลำบาก

ทัศนคติแง่บวกจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ จงคิดถึงอนาคตและด้านดีของสิ่งต่างๆ ยึดคนที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบ และใช้ความคิดในการแก้ปัญหา แล้วคุณก็จะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี ร่าเริง และแน่นอน รวมถึง การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากความสำเร็จด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sumrej.com

ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/12/2561

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 24/12/2561

	ปตท.	บางจาก	เชลล์	เอสโซ่	คาลเท็กซ์	ไออาร์พีซี	พีที	ซัสโก้	เพียว	ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95	27.15	27.15	27.15	27.15	27.15	27.15	27.15	27.15	27.15	27.15
แก๊สโซฮอล์ 91	26.88	26.88	26.88	26.88	26.88	26.88	26.88	26.88	26.88	26.88
แก๊สโซฮอล์ E20	24.14	24.14	24.14	24.14	24.14	–	24.14	24.14	24.14	24.14
แก๊สโซฮอล์ E85	19.94	19.94	–	–	–	–	–	19.94	19.94	–
เบนซิน 95	34.56	–	–	–	35.01	–	35.06	34.86	34.36	34.86
ดีเซล	26.29	26.29	26.29	26.29	26.29	26.29	26.29	26.29	26.29	26.29
ดีเซลพรีเมี่ยม	29.89	30.16	30.16	30.16	30.16	–	–	–	–	–
แก๊ส NGV	16.06	16.06	–	–	–	–	–	–	–	–