สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2562

กคช. ได้คะแนน ITA เพิ่มติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ซึ่งในปีนี้การเคหะแห่งชาติได้คะแนน 88.02 หรืออยู่ในระดับ A และนับเป็นปีที่ 3 ที่คะแนน ITA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปี 2561 ได้คะแนน 85.53 และปี 2560 ได้คะแนน 77.92 และสำหรับปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐและองค์กรส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมประเมิน 8,299 หน่วยงาน และมีรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมประเมิน จำนวน 54 หน่วยงาน

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติยึดถือและขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนตามหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล จำนวน 7 ด้าน ได้แก่ ด้านความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ (Accountibity) ด้านความสำนึกในหน้าที่ด้วยขีดความสามารถและประสิทธิภาพที่พอเพียง (Responsibility) ด้านการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยสุจริตและให้เกิดความเท่าเทียม (Equitable Treatment) ด้านความโปร่งใสในการดำเนินงาน สามารถตรวจสอบได้ (Transparency) ด้านการมีวิสัยทัศน์ (Vision) ด้านการส่งเสริมพัฒนาการกำกับดูแล มีคุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมองค์กรที่ดีในการดำเนินกิจการ (Ethics) และด้านการมีส่วนร่วม (Participation)

สำหรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 ได้มีการพัฒนากรอบประเมินและรายละเอียดการประเมินต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมด้านคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ รวมไปถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสนับสนุนการประเมิน โดยเปลี่ยนวิธีการประเมินเป็นระบบออนไลน์เป็นปีแรก

ทั้งนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเก็บรวบรวมข้อมูลและบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้สามารถประเมินได้อย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้เกณฑ์การประเมินมีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน เกี่ยวข้องกับคุณธรรม ความโปร่งใส และการทุจริต ทั้งที่มีลักษณะการทุจริตทางตรงและการทุจริตทางอ้อม รวมไปถึงบริบทแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยจำแนกออกเป็น 10 ตัวชี้วัด ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ การใช้งบประมาณ การใช้อำนาจ การใช้ทรัพย์สินของราชการ การแก้ไขปัญหาการทุจริต คุณภาพการดำเนินงาน ประสิทธิภาพการสื่อสาร การปรับปรุงระบบการทำงาน การเปิดเผยข้อมูล และการป้องกันการทุจริต

“… การเคหะแห่งชาติจะรักษามาตรฐานการดำเนินงานต่างๆ ด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ตามหลักธรรมภิบาล และจะปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน และมีความมั่นคงของการอยู่อาศัยในทุกมิติ” ดร.ธัชพล กล่าวในที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thansettakij.com


‘สิงห์’ติดปีกกลุ่มโรงแรม  ทะยานสู่ ‘โกลบัล โฮลดิ้ง’ 

สิงห์เอสเตท ดันกลุ่มธุรกิจโรงแรม สร้างรายได้ระยะยาว เสริมแกร่งพอร์ตอสังหาฯ รับอุตสาห กรรมท่องเที่ยวโลกเติบโต ตั้งเป้า 6 ปี เพิ่มโรงแรม รีสอร์ต ครบ 80 แห่ง เจาะตลาด 3-4 ดาวครึ่ง ผ่านบริษัทในเครือ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หลังดันเข้า ตลท. ระดมทุนขาย IPO ครั้งแรก หวังก้าวสู่เป้าหมาย โกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนี 
เร็วขึ้น

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอาคารสำนักงานค้าปลีก, ธุรกิจโรงแรม และอาคารที่พักอาศัย เปิดเผย หลังจากนำบริษัทในเครือ กลุ่มโรงแรมและบริหารรีสอร์ต “เอสโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และประกาศแผนเตรียมขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ว่า เนื่องจากปัจจุบัน ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวทั่วโลก มีโอกาสและเติบโตสูงต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของ องค์การท่องเที่ยวโลก (UNWTO) พบว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 1.4 พันล้านคน เติบโตจากปีก่อนหน้า 6% ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวสูงราว 343 ล้านคน โซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เติบโตถึง 7% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงอีกในปีนี้ 5-6% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในกลุ่มเชิงอนุรักษ์ มีไลฟ์สไตล์ ซึ่งสอดคล้องกับแผนธุรกิจหลักของบริษัท ที่ต้องการขยายกลุ่มธุรกิจโรงแรม สร้างรายได้แบบต่อเนื่อง (Recurring income) ซึ่งปี 2561 ธุรกิจดังกล่าวสร้างรายได้ได้มากถึง 34% ต่อรายได้รวมทั้งหมด

พร้อมระบุว่า การนำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มโรงแรมอย่างยั่งยืน ในการขยายลงทุนเพิ่ม ทั้งการเข้าซื้อกิจการและลงทุนใหม่ ขณะเดียวกันจะส่งผลดีต่อธุรกิจอื่นๆ ทั้งกลุ่มอาคารสำนักงาน ค้าปลีก และโครงการที่พักอาศัย ให้เดินหน้าได้ง่ายขึ้น ตามเป้าหมาย “โกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนี”

“กลุ่มโรงแรมมีโอกาสและศักยภาพเติบโตสูง ที่ผ่านมามีผู้เข้ามาเสนอขายกิจการให้เลือกต่อเนื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเงิน การดัน SHR เข้า ตลท. จะเพิ่มศักยภาพในการขยายการลงทุนไปยังเมืองท่องเที่ยวใหม่ๆ รวมถึงเสริมแกร่งให้กลุ่มอสังหาฯทั้งเครือ ไปสู่เป้าหมาย โกลบัล โฮลดิ้ง คัมปะนี ได้สมบูรณ์รวดเร็วในอนาคต”

ด้าน นายเดริ์ก อังเดรลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีห้องพักรวมทั้งสิ้น 4,647 ห้อง จากโรงแรมและรีสอร์ต 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และสหราชอาณาจักร เช่น แบรนด์ Outrigger, Mercure และ Holiday Inn โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดมีอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ย 63.1% ต่อปี ล่าสุดปี 2561 มีรายได้อยู่ที่ 2,575 ล้านบาท แต่ละแห่งมีอัตราการเข้าพักเกิน 60% พร้อมมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจโรงแรมอีกกว่าเท่าตัว จาก 39 แห่ง เป็น 80 แห่ง ภายในปี 2568 อัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% หรือลงทุนปีละ 5-8 พันล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้า 3-4 ดาวครึ่ง (ระดับกลาง-บน) ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ สรรหา และเข้าซื้อกิจการใหม่ ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ให้ผลตอบแทนสูง,  การเข้าบริหารจัดการเอง เพื่อทำกำไรให้สินทรัพย์ และการเข้าไปพัฒนาบริหารโรงแรมให้บุคคลอื่น เน้นเมืองเป้าหมายการท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เอเชีย-แปซิฟิก ประเทศไทย แอฟริกา เมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้น ทั้งหมดมุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำในระดับนานาชาติ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก

ขณะที่การพัฒนาโครงการแฟล็กชิพ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” เฟสแรก จำนวน 3 เกาะ ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2 โรงแรม คือ SAii Lagoon Maldiver, Curio  Collection by Hilton และ Hard Rock Hotal Maldives อัตราการเข้าพัก 30-40% ในช่วงเดือนแรก คาดในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี จากกลุ่มลูกค้าครอบครัว, ลูกค้าเชิงธุรกิจ และลูกค้าแนวอนุรักษ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ส่วนการพัฒนาในเกาะที่ 3 คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปี 2563

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thansettakij.com


หุ้น,ทองสหรัฐปิดบวก/น้ำมันพุ่งแรง

หุ้น,ทองสหรัฐปิดบวก/น้ำมันพุ่งแรง

หุ้นดาวโจนส์ปิดบวก 45.85 จุด น้ำมันพุ่งแรง 1.49 ดอลลาร์ ทองคำเพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 45.85 จุด (0.17 %) ปิดที่ 26,833.95 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 8.53 จุด (0.28 %) ปิดที่ 3,004.52 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 15.50 จุด (0.19 %) ปิดที่ 8,119.79 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันที่ 23 ต.ค. เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มธุรกิจของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแคทเธอร์พิลลาร์ และโบอิ้ง แม้ทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าคาดก็ตาม ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทอื่นๆในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และฟอร์ด มอเตอร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 8.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,495.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขอบคุณข้อมูลจาก www.posttoday.com


เตือนหัดระบาด!! กรมควบคุมโรคแนะ พ่อแม่ควรพาลูกน้อยฉีด วัคซีนป้องกันโรคหัด

ป้องกันโรคหัด วัคซีนป้องกันโรคหัด หัด โรคหัด

กรมควบคุมโรค รายงานข่าวว่าพบผู้ป่วยโรคหัดในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 14 ต.ค.2562 พบผู้ป่วยโรคหัด 4,582 คน เสียชีวิต 17 คน โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก คือ นราธิวาส เพชรบุรี ปัตตานี โดยพบมาในโรงเรียน โรงงาน และเรือนจำ โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัส Measles ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมากโดยการไอ จาม หรือพูดใกล้ๆในระยะใกล้ชิด ทั้งนี้โรคหัดสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีด วัคซีนป้องกันโรคหัด

อาการของโรคหัด

  • ไข้ออกผื่น
  • มักมีอาการไข้สูงประมาณ 3 – 4 วัน
  • มีผื่นนูนแดงขึ้น โดยผื่นเริ่มขึ้นจากหลังหูแล้วลามไปยังใบหน้าบริเวณชิดขอบผม แล้วแพร่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา
  • เมื่อผื่นแพร่กระจายทั่วตัว ประมาณ 2 – 3 วัน ไข้จะค่อยๆ ลดลง และผื่นก็จะค่อย ๆ จางหายไป ผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นมากอาจจะลอกเป็นขุย หรือเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นได้

ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ คือ คออักเสบ หลอดลมอักเสบจนถึงปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ ท้องเสีย และสมองอักเสบซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงที่สุด หากป่วยด้วยโรคหัดหรือสงสัยว่าเป็นโรคหัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

วัคซีนป้องกันโรคหัด

ข้อสังเกตสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันโรคหัด

  1.  เคยเป็นโรคหัดแล้ว
  2. รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดครบ 2 เข็ม
  3. เคยเจาะเลือดเพื่อตรวจภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสหัด แล้วพบว่ามีภูมิในระดับที่สามารถป้องกันโรคได้

กรมควบคุมโรคจึงรณรงค์ให้ฉีด วัคซีนป้องกันโรคหัด ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้มากกว่า 95% โรคหัดมักจะเกิดขึ้นในเด็กพบมากที่สุดคือช่วงอายุ 0-4 ปี ทั้งนี้โรคหัดสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน เข็มแรกเมื่อตอนอายุ 9 เดือน และเข็มที่สองเมื่ออายุ 2 ขวบครึ่ง หากพบว่าบุตรหลานยังรับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ผู้ปกครองสามารถพาไปรับวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทุกแห่ง ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com


“ตูน บอดี้สแลม” ชวนวิ่งเพื่อฮีโร่นักกีฬาไทย ก้าวสู่โตเกียว 2020

ตูน อาทิวราห์ นำทัพฮีโร่นักกีฬาไทย ควงศิลปินชื่อดังเชิญชวนคนไทยมาร่วมวิ่งเพื่อสนับสนุน และส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยกับงาน “THE POWER OF UNITY Presents ROAD TO TOKYO 2020” รวมพลังวิ่งเพื่อฮีโร่นักกีฬาไทยก้าวสู่โตเกียว 2020 ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ที่ด้านหน้าอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก 

วันที่ 24 ต.ค.62 สำหรับงานวิ่งครั้งนี้ “ตูน” อาทิวราห์ คงมาลัย ที่เป็นเหมือนตัวแทนของกำลังใจ ที่ทำให้คนไทยทุกคนลุกขึ้นมาสู้เพื่อชาติ จะนำรองเท้าวิ่งมาร่วมประมูลเพื่อนำรายได้สนับสนุนให้ฮีโร่ไทย ไปสู้ศึกในโอลิมปิก และพาราลิมปิก โตเกียว 2020

“ถึงเวลาแล้ว ที่เราคนไทยจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนฮีโร่นักกีฬาไทยด้วยกิจกรรมประมูลด้วยใจ เชียร์ฮีโร่ไทยไปด้วยกัน การประมูลสินค้าของใช้ดาราและนักแสดงผ่านทาง Facebook: TeamThailandOfficial เริ่มการประมูลครั้งแรก วันที่ 25 ต.ค.นี้”

ด้าน “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” หนึ่งในศิลปินชื่อดังที่จะเข้าร่วมกิจกรรมในวันงาน กล่าวเชิญชวนคนไทยรวมพลังวิ่งเพื่อฮีโร่นักกีฬาไทยก้าวสู่โตเกียว 2020 โดยรายได้ทั้งหมดจากการขายบัตรโดยไม่หักค่าใช้จ่ายมอบให้นักกีฬาทีมชาติไทยไปสู้ศึกโอลิมปิกและพาราลิมปิก ณ โตเกียว 2020

ขณะที่ “น้องเทนนิส” พานิภัค นักเทควันโดเจ้าของเหรียญโอลิมปิก และ บุญศักดิ์ พลสนะ อดีตนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ที่จะรวมงานวิ่งในครั้งนี้ก็ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนมารวมพลังวิ่งเพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไทยพร้อมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสนับสนุนนักกีฬาทุกคนที่จะเดินทางไปสู้ศึกในโอลิมปิก และพาราลิมปิก โตเกียว 2020

ภายในงานยังมีโชว์พิเศษที่จากศิลปินชื่อดัง ที่ลานหน้าอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย นำโดย ตูน อาทิวราห์,  , โจอี้ บอย, ป๊อด โมเดิร์นด็อก, แสตมป์ อภิวัชร์ และใบเตย อาร์สยาม ร่วมด้วยนักกีฬาทั้งโอลิมปิกและพาราลิมปิกมาร่วมงานอย่างคับคั่ง

นอกจากนี้ ทางผู้จัดเตรียมรางวัลพิเศษให้กับนักวิ่งผู้โชคดีมากมาย โดยจะแจกนาฬิกา Garmin Forerunner 235 (มูลค่าเรือนละ 8,690 บาท) ให้กับนักวิ่งภายในงานจำนวนทั้งสิ้น 10 รางวัลจากทางโตโยต้า

สำหรับงาน “THE POWER OF UNITY Presents ROAD TO TOKYO 2020” รวมพลังวิ่งเพื่อฮีโร่นักกีฬาไทยก้าวสู่โตเกียว 2020 จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562 นี้ ตั้งแต่เวลา 4.00 น. เป็นต้นไป สมัครได้ที่ : https://www.runlah.com/events/rtt2020 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2562

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thairath.co.th


 ดึงคนรุ่นใหม่ ร่วมมหกรรมบล็อกเชน

ระดมคนรุ่นใหม่  หมู อุ๊คบี – ปริญญ์ พานิชภักดิ์ – เอ คอยน์แมน – ท็อป จิรายุส  เขย่าวงการเทคโนโลยีไทยในงาน Blockchain Thailand Genesis 2019 มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหมุนเวียนกลับมาอีกครั้ง สำหรับ Blockchain Thailand Genesis 2019 มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย หลังได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากการจัดงานในปีแรก โดยในปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของการจัดงาน ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนมาร่วมระดมกำลัง เพื่อขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยีไทย ให้เตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกรรมของคนทั้งโลก พลิกโฉมธุรกิจ การเงิน และการลงทุน หรือแม้แต่บริการภาครัฐ นำความท้าทายมาสู่หลายอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวให้เท่าทัน

Blockchain Thailand Genesis 2019 จะเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future of Financial Disruption  มีกำหนดจัดงานในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ประกอบไปด้วยส่วนจัดแสดงและเจรจาธุรกิจ เวทีสัมมนาหลัก เวทีสัมมนาย่อย และกิจกรรมเวิร์กชอป เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทรนด์ใหม่ๆ อย่างเข้มข้น จากตัวจริงในวงการ อาทิ Cryptomind, Bitkub, SIX network, Carboneum, Smart Contract Thailand, Kulap, Om Platform, Bitcoin Addict, Siam Blockchain, Blockchain Review พร้อมได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐอย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และสำนักงาน กลต.

บล็อกเชนลดตัวกลาง เพิ่มผลประโยชน์ให้ธุรกิจ

นายณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ หรือ หมู อุ๊คบี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัทอุ๊คบี (Ookbee) หนึ่งในเจ้าของโปรเจค SIX network ที่นำเอาบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจด้านคอนเทนต์ กล่าวว่า “การมาถึงของบล็อกเชน มาพร้อมระบบ Decentralized ก็จะช่วยในธุรกิจ ในแง่ของการตัดตัวกลางต่าง ๆ ออกไป เมื่อลดตัวกลางต่างๆ ออกไปจากซัพพลายเชน ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจก็จะมากขึ้นด้วย เพราะว่าตัวกลางส่วนใหญ่โดยปกติจะแบ่งผลประโยชน์ออกไปในแต่ละขั้น อย่างธุรกิจที่ผมทำ มีความเกี่ยวข้องกับคนที่สร้างสรรค์คอนเทนท์เยอะ เมื่อมีระบบบล็อกเชนช่วยเป็นตัวกลางได้ ส่วนแบ่งของนักสร้างคอนเทนท์ต่างๆ ก็จะมากขึ้น

หากพูดถึงเรื่องบล็อกเชนกับโลกของการเงิน คิดว่าทุกคนอาจจะเคยได้ยิน คริปโตเคอเรนซี หรือว่า บิทคอยน์ หรือสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ  ซึ่งในความเป็นจริงระบบการเงินในปัจจุบันมีตัวกลางอยู่เยอะมาก ยกตัวอย่าง เราทำดิจิทัลคอนเทนต์ เวลาคนอยากจะซื้อคอนเทนต์ อยากจะเปลี่ยนเงินที่เขามีในกระเป๋า มาเป็นเงินดิจิทัลก็ต้องผ่านตัวกลางต่าง ๆ อาจจะเป็นวีซ่า มาสเตอร์การ์ด ซึ่งคนที่มีบัตรเครดิตในประเทศไทยมีอยู่ไม่ถึง 10% หรืออาจจะต้องไปใช้วิธีการตัดเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ก็คือตัดเงินค่าโทรศัพท์เพื่อเอาเงินค่าโทรศัพท์มาเติมเป็นเงินดิจิทัลใช้ในการซื้อคอนเทนต์ ซึ่งก็ต้องไปเติมเงินหรือจ่ายเงินสดเข้าไปเพื่อแลกเปลี่ยน ผมเชื่อว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาสร้างดิจิทัลเคอเรนซีที่มีมาตรฐานในอนาคต สามารถช่วยลดตัวกลางเหล่านี้ให้การใช้เงินต่างๆ มีต้นทุนที่ถูกลงครับ”

บิทคอยน์ ไม่ใช่แค่เงินธรรมดา

นายอัครเดช เดี่ยวพานิช หรือ เอ ผู้ก่อตั้งคอยน์แมน (Coinman) ศูนย์กลางข้อมูลความรู้ การลงทุน วิเคราะห์เทคโนโลยีด้านบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี เล่าว่า “โลกเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การมาถึงของอินเทอร์เน็ตในยุคแรก ก็ยังเคยมีคนประณามว่าเอาไว้ส่งของเถื่อน ส่งข้อมูลเถื่อน ส่งรูปโป๊ พอมาในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตสามารถสร้างประโยชน์ได้มากมาย และกลายเป็นสิ่งจำเป็นของผู้คนไปแล้ว ตอนนี้ที่บิทคอยน์มาถึง บางคนก็บอกว่าเป็นเงินเถื่อน เอาไว้ฟอกเงิน เอาไว้ใช้ขายของเถื่อน แต่บิทคอยน์จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่เงินธรรมดา แต่มันเป็นระบบการเงินที่เปิด เปิดให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้ได้ เป็นระบบการเงินที่เท่าเทียม ไม่ว่าใครก็ทุกคนมีสภาพเหมือนกันหมด ไม่มีใครได้เร็วกว่าใคร เป็นเงินที่ไม่มีพรมแดน เราไม่ต้องยึดติดกับเงินที่ต้องถือที่ไหนสักแห่งแล้ว มันอยู่ในโลกดิจิทัลแล้ว เป็นเงินที่ไม่สามารถเซนเซอร์ได้ เงินที่ไม่มีใครบอกว่า ห้ามโอนนะ ต้องอายัดนะ ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินนี้ได้ ที่สำคัญที่สุดนะครับ ระบบนี้ไม่มีเจ้าของ ไม่มีตัวกลาง ไม่มีใครเข้ามาควบคุม ดังนั้นแปลว่าทุกคนมีอิสรภาพในการใช้เงินนี้ อำนาจอธิปไตยของการเงินเนี่ยจะกลับมาเป็นของพวกเราทุกคนในโลก ที่สำคัญที่สุดคือ บิทคอยน์เป็นแค่จุดเริ่มต้น ยังมีสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ที่ใช้คอนเซ็ปต์ของบิทคอยน์ ที่น่าสนใจอีกมาก”

  บล็อกเชนสร้างสังคมโปร่งใสอย่างยั่งยืน

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในสายการเมืองที่มีความสนใจและยกมือสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า “นวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนจะมีบทบาทสำคัญมากในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการนำบล็อกเชนมาใช้เพิ่มความโปร่งใสและการตรวจสอบข้อมูล สำคัญอย่างมากต่อโลกปัจจุบัน ที่ข้อมูลเปรียบเหมือนเหมืองทอง ในยุค 4.0 เราจะจัดเก็บข้อมูลอย่างไรให้มีความเรียบร้อย ปลอดภัย ไม่มีใครมาแฮกหรือมาขโมยข้อมูล และเราเอาข้อมูลนี้มาใช้อย่างไรให้เกิดผลบวกให้แก่บริษัท แก่ตัวเอง และแก่สังคม  บางธุรกิจ เช่น ธุรกิจสตาร์ทอัพส์ วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องและเป็นธรรมได้ บทบาทของระบบบล็อกเชนจะช่วยเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจเล็กๆ ที่มีไอเดียบรรเจิดแต่ขาดสภาพคล่อง กับกลุ่มคนที่มีเงินมาก สภาพคล่องเยอะ ให้มาจับคู๋กันได้ ก็นับว่าเป็นหน้าที่ของบล็อกเชนที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ และก็สามารถเพิ่มความคล่องตัวในการระดมทุนให้กับวิสาหกิจธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อม ได้ด้วย

ในเรื่องความโปร่งใส ผมเชื่อว่าบล็อกเชนเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ได้เข้าถึงเป้าหมายใหญ่ของการพัฒนา การเติบโตอย่างยั่งยืน ที่องค์กรสหประชาชาติระบุไว้ 17 ข้อ ใน UN Sustainability Development Goal  นำมาซึ่งความโปร่งใส ที่มันจะสร้างธรรมาภิบาลที่ดีขึ้นให้กับการทำธุรกิจ ให้กับสังคมไทย ให้กับการพัฒนาบ้านเมืองให้กับสังคม ตรงนี้ผมเชื่อว่าหลายๆ ส่วนใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนได้ไม่ว่าจะเป็น สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ปปง. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในอนาคตสามารถนำมาใช้ตรวจสอบข้อมูล การป้องกันทุจริตคอรัปชั่น การเก็บข้อมูลและดึงมาใช้ได้อย่างทันท่วงที” 

บล็อกเชน…สั่นสะเทือนวงการการเงินโลก

ขณะที่นาย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา   หรือ ท็อป ซีอีโอจาก Bitkub ศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัล พ่วงด้วยตำแหน่งกรรมการบริหารสมาคมฟินเทคประเทศไทย กล่าวว่า “เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างเฟสแรกของโลกเราเรียกมันว่า Personal Computer ตอนปี 1975 ซึ่งนั่นคือ Infrastructure อันแรก ที่ทำให้คนอย่างบิล เกต สร้าง Application ข้างในนั่นคือ Software และก็มาเปลี่ยนแปลงโลกในอีก 50 ปีต่อมา เฟสที่สองของโลก มันคืออินเตอร์เนต หรือ TCPIP ที่เกิดตอนปี 1990 ซึ่งทำให้มาร์ค ซัคเคอร์เบริ์กมาสร้าง Application ที่เรียกว่า Facebook แล้วก็มาเปลี่ยนแปลงโลกต่อไป ทำให้คนอย่างแลรี่ เพจสร้างอีก Application หนึ่งที่เรียกว่า Google แล้วก็มาเปลี่ยนแปลงโลก และปี 2009 เราเพิ่งจะมี Infrastructure ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกครั้งที่ 3 ที่เราเรียกว่าบล็อกเชน แล้วบิทคอยน์ก็เป็นเพียงแค่ Application แรกของเทคโนโลยีบล็อกเชนเท่านั้น โดยบิทคอยนี้เกิดมาได้แค่ 10 ปี สามารถทำให้วงการที่ Disrupt ยากที่สุดในโลกนั่นคือวงการการเงินเกิดการสั่นคลอนแล้ว หรือการที่บล็อกเชนกระโดดมาวงการระดมทุนเมื่อสองปีที่แล้ว หรือที่เรียกว่า ICO มันทำให้คนสามารถระดมทุนผ่าน ICO ได้มากกว่า Venture Capital ทั่วโลกรวมตัวกัน เพราะฉะนั้นบลอกเชนจะไม่ต่างอะไรกับเทคโนโลยีอื่นๆ ตรงที่ว่าในอนาคต ทุกๆ วงการ ทุกๆ บริษัท ต้องใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ไม่ต่างอะไรกับที่อินเทอร์เน็ตมันครอบคลุมไปทุกวงการแล้ว มันเข้ามาเปลี่ยนแปลงในทุกวงการ เพราะฉะนั้นบล็อกเชนในอีก 5-10 ปีข้างหน้า มันก็จะมาเปลี่ยนแปลงทุกวงการเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมาสังเกตว่า TCPIP มันไม่สามารถมากระทบการแลกเปลี่ยนมูลค่าได้ก็เพราะว่ามันเพิ่มสำเนา ไม่ว่าเราจะสื่อสารผ่านการส่งอีเมล การส่งรูปภาพ มันคือการทำสำเนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พอบล็อกเชนมาเราสามารถที่จะอัพโหลดมูลค่าทุกชนิดเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ได้แล้ว และเราสามารถแลกเปลี่ยนกัน 24 ชม. เป็นระบบเปิด ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางอีกต่อไป  ลองคิดภาพนะครับ โลกก่อนบล็อกเชน เวลาเราจะแลกเปลี่ยนมูลค่าครั้งหนึ่ง เราต้องพึ่งพาตัวกลางเต็มไปหมดเลย เวลาจะโอนเงินก็ต้องพึ่งพาแบงก์ เวลาจะซื้อหุ้นก็ต้องไปหาโบรกเกอร์ ซื้อขายทองก็ต้องไปร้านขายทอง ซื้อขายที่ดินก็ต้องไปหานายหน้าขายที่ดิน ซึ่งมูลค่ายังเก็บอยู่ในรูปแบบของ Principle Format แต่พอบล็อกเชนมา มันทำให้เราสามารถอัพโหลดมูลค่าทุกชนิดเข้าไปอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลได้แล้ว และการหมุนของมูลค่าตรงนี้มันจะเร็วขึ้นมากๆ เพราะฉะนั้นในอนาคตการแลกเปลี่ยนมูลค่าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเพชร ทอง ที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา จะอยู่ในรูปแบบของดิจิทัล แล้วมันก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะว่ามันเป็นระบบเปิด ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางอีกต่อไป” 

Blockchain Thailand Genesis 2019: The Future of Financial Disruption มหกรรมงานบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในไทย!  จัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,300.00 21,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,380.00 20,920.80 21,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,242.00 18,828.72 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,104.00 16,736.64 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 621.00 9,414.36 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 483.00 7,322.28 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,430.00 21,678.80 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/10/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85
แก๊สโซฮอล์ 91 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58
แก๊สโซฮอล์ E20 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84
แก๊สโซฮอล์ E85 19.64 19.64 19.64
เบนซิน 95 34.26 34.71 34.76 34.56 34.56
ดีเซล 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69
ดีเซล B10 23.69 23.69 23.69
ดีเซล B20 22.69 22.69 22.69 22.69 22.69 22.69 22.69 22.69
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.54 29.56 29.94 29.94 29.94
แก๊ส NGV 15.73 15.73
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า