รายใหญ่กำ Cash Flow ชิงเดือด ตลาดแนวราบ
อสังหาฯรายใหญ่โควิด-19 ไม่กระทบ สภาพคล่อง เดินเกมชิงดีมานด์ใหม่ตลาดแนวราบ รับ New Normal บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์แข่งเดือดทุกระดับราคา ศุภาลัย-เอพี-แสนสิริ ประเมินสถานการณ์ปัจจัยลบในตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น ลูกค้าเรียลดีมานด์ ยังมองหาบ้านหลังแรก สบโอกาสชิงมาร์เก็ตแชร์เพิ่ม
ในทุกมิติของวิกฤติ มีทั้งโจทย์ที่เป็นความท้าทายใหม่สำหรับผู้ประกอบการให้ฟันฝ่า และช่องว่างทางโอกาสที่ซ้อนอยู่มากสำหรับรายที่มีความพร้อม โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เผชิญมาแล้วทุกวิกฤติ ทั้งเศรษฐกิจ, น้ำท่วม, ความข้ดแย้งทางการเมือง และโรคระบาด พบบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง ไร้ปัญหาสภาพคล่องทางเงิน มักไปต่อได้เร็ว ท่ามกลางความระแวดระวังของผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ถอดใจพับแผนเปิดโครงการใหม่ เพิ่มโอกาสกินส่วนแบ่งของตลาดได้มากยิ่งขึ้น คราวนี้ก็เช่นกัน แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อให้เกิดภาวะช็อกของเศรษฐกิจ อาจติดลบ 5.6% อสังหาฯ คงเลี่ยงผลกระทบได้ยาก แต่ด้วยการปรับตัวที่ถูกและไวของผู้ประกอบการก่อนหน้า เทกระจาดของพร้อมอยู่ ดัมพ์ราคาต่ำสุดในรอบ 8 ปี ทำให้บางบริษัทยังสามารถสร้าง New high ในแง่ยอดขายได้ ทั้งนี้ ตลาดที่น่าจับตาถึงการแข่งขันมากสุด หลังโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้ซื้อ และตอกย้ำเรียลดีมานด์ คือ ตลาดแนวราบ ซึ่งประเมินจากแผน 14 บริษัทใหญ่ จะมีมูลค่าเปิดตัวรวมกันมากกว่า 2 แสนล้านบาท ขณะภาพการรุกของรายใหญ่ในช่วงไตรมาส 2 มีความชัดเจน แข่งขันมากขึ้นรายวัน ภายใต้เป้าหมาย ผู้นำตลาดชิงดีมานด์ลูกค้ามีความพร้อม
เริ่มที่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ที่เปิดแผนรุกตลาดแนวราบ รับ New Normal ผ่านการเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ นำร่องโครงการ “ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4” บ้านเดี่ยวมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท โดยนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัท ระบุว่า บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการหักหัวกลับของตลาดอสังหาฯ แล้ว หลายกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจกลับมาคล้ายภาวะปกติ เหลือเพียงการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ที่ต้องอาศัยระยะเวลาอยู่บ้าง ซึ่งแม้ปี 2563 คงไม่ใช่ปีที่สดใสของตลาดอสังหาฯไทย เพราะคาดจำนวนโครงการเปิดใหม่ โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ คงเหลือการเปิดตัวใหม่ ไม่ถึงจำนวน 3 หมื่นหน่วยเท่านั้น เข้าสู่โหมดพักฐานปรับสมดุลเป็นระยะ 1-2 ปี ส่วนตลาดแนวราบ ซึ่งได้รับผลกระทบน้อยกว่า ยังไปได้ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ อาจทำให้การเปิดตัวโครงการตลอดทั้งปี ลดลงประมาณ 20-30% อย่างไรก็ตาม ยังมีดีเวลอปเปอร์อีกหลายราย ไม่ได้รับผลกระทบจากยอดขายหรือรายได้ที่ลดลง โดยเฉพาะรายที่มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถเดินหน้าเปิดโครงการได้ต่อ ท่ามกลางรายกลาง-รายเล็ก กระทบพับโครงการคืนเงินลูกค้า
ซึ่งบริษัทกำลังให้ความสนใจในกลุ่มโครงการแนวราบ หลังจากพบวิกฤติโควิด-19 ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ของกลุ่มมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาด 70% อีกทั้ง ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบจำนวนลูกค้าวอล์กอินเข้าเยี่ยมชมโครงการใกล้เคียงช่วงเวลาปกติ สะท้อนถึงความต้องการที่ยังมีอยู่มาก มองหาโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ ทำให้บริษัทคงยังเดินหน้าตามแผนเปิดโครงการใหม่ในกลุ่มแนวราบ 25 โครงการ มูลค่า 19,200 ล้านบาท
“คนบอก สถานการณ์แบบนี้ต้องเลื่อนเปิดโครงการ แต่เรามองว่าควรต้องเร่งสร้างมากกว่า เพราะเดิมบางคนอยู่อพาร์ตเมนต์ ก็ต้องการย้ายมาอยู่ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว ในอัตราเร่งด้วยซ้ำ หลายครอบครัวรีบโอนเข้าอยู่แม้ไม่มีเฟอร์ฯในบ้าน และแม้แนวราบจะมีความน่าสนใจ การแข่งขันในรายใหญ่มีมากขึ้น แต่หลายบริษัทลดการเปิดตัวลง เพิ่มโอกาสในการขายให้กับบริษัทที่พร้อม เก็บเกี่ยวยอดขายใหม่ กินมาร์เก็ตแชร์สูงขึ้น”
ด้านบมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งประกาศก่อนหน้า ว่าปี 2563 นั้น บริษัทจะบุกพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก หลังจากยอดขาย ในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างท็อปฟอร์มรับรู้รายได้สินค้าบ้านเดี่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยับขึ้นสู่หลัก 1 หมื่นล้านบาท เป็นผู้นำตลาดในหลายกลุ่มระดับราคา ซึ่งล่าสุด 4 เดือนแรกของปี (ม.ค. – เม.ย.) สามารถสร้างยอดขายในกลุ่มแนวราบได้แล้วมากถึง 6.9 พันล้านบาท เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการแข่งขันในตลาดแนวราบปีนี้ มีความท้าทายอยู่มาก เนื่องจากโควิด-19 ได้เข้ามาเป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการมีการปรับแผนธุรกิจ มุ่งเน้นที่การสร้างรายได้ระยะสั้นและควบคุมรายจ่าย รวมถึงความเข้มข้นของผู้ประกอบการต่างจัดแคมเปญโปรโมชันต่างๆ ออกมาแข่งขันในตลาด โดยเฉพาะเซ็กเมนต์กลางถึงบน
“ดีมานด์ลูกค้าแนวราบ เป็นลูกค้าตัวจริงในตลาด ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ๆ สะท้อนจากยอดขายสุทธิต่อสัปดาห์ไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท เราเองแม้ไม่ชัดว่าสถานการณ์โควิด-19 จะจบลงเมื่อไหร่ แต่มองว่าทุกวิกฤติคือโอกาส หวังรักษาความเป็นเบอร์ 1 ผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว”
ขณะ บมจ. แสนสิริ ที่สร้างปรากฏการณ์ให้ตลาดทั้งในแง่ยอดขาย และขึ้นแท่นบริษัทที่มีสภาพคล่องสูง ผ่าน Cash Flow เงินหมุนเวียนในบริษัทถึง 1 หมื่นล้านบาท ประกาศลั่นไกเมื่อตลาดพร้อมนั้น นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เช่นกันว่า บริษัทได้เดินหน้ารุกสู่เป้าหมายผู้นำตลาดแนวราบ เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ ด้วยการวางแผนเปิดตัวโครงการแนวราบในปีนี้ จำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 2 เตรียมเปิดโครงการทาวน์โฮมใหม่จำนวน 2 โครงการ เช่น โครงการสิริ เพลส ประชาอุทิศ 90 โฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์ (Mass Market) ของคนที่อยากมีบ้านหลังแรก ขณะเดียวกัน พร้อมรักษาความเป็นผู้นำในแบรนด์ระดับบน เพื่อรับกลุ่ม New Demand กลุ่มลูกค้าต้องการมีบ้านใหม่ แยกครอบครัว หรือบ้านที่มีพื้นที่กว้างขี้น รวมทั้งโครงการในแนวคิดใหม่ เพื่อตอบโจทย์ insights ของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เบรกคอนโดฯพันล้าน ‘คลังคาซ่า’เลื่อนยาว1ปี
เบรกคอนโดฯพันล้าน ‘คลังคาซ่า’เลื่อนยาว1ปี หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
นายสุดที่รัก พันธ์สายเชื้อ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คลังคาซ่า จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสาน เจ้าของบิ๊กโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส (MIXED-USE COMMERCIAL PROJECT) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา อาคารและห้องพักขายได้ช้ากว่าแผนจึงมีค้างสต๊อกอีกหลายยูนิตผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับ”คลังคาซ่า” ได้ชะลอการก่อสร้างคอนโดมิเนียม เฟส 2 เป็นคอนโดฯพรีเมียมขนาดใหญ่ จำนวน 2 แห่ง รวม 500 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,000 ล้านบาท จากแผนเดิมจะก่อสร้างแท่งแรกในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยโครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อมคลับเฮาส์ เนื้อที่ 2,000 ตารางเมตร ที่จอดรถเกิน 50%
“แผนเดิมเฟสนี้จะเริ่มการก่อสร้างปีนี้ ตอนนี้ทุกอย่างต้องชะลอออกไป 1 ปี เพื่อระบายสต๊อกที่เหลืออยู่ก่อน เพื่อให้กระแสเงินสดเข้าให้เกิดความสมดุลกัน ส่วนโครงการที่ให้เช่าคิดเป็น 10% ของโครงการทั้งหมด ผู้เช่าได้ขอปรับลดค่าเช่าลง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้เช่า จึงทำให้รายได้ที่เกิดขึ้นส่วนนี้ของกิจการหดหายไปด้วย ทุกอย่างกระทบกันไปหมด”
ด้านการขายในช่วงเดือนมีนาคมที่มีการระบาดหนักนั้น ยอดขายคอนโดฯหายไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เดือนถัดมากระเตื้องขึ้นบ้างโดยยอดขายยังหายไป 50 เปอร์เซ็นต์ เดือนพฤษภาคมนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ยอดขายหายไปเหลือ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนยังไม่มั่นใจอนาคต โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงในอาชีพและรายได้
“ปีนี้คลังคาซ่าจะไม่มีสินค้าใหม่ ๆ ออกมา แต่จะเน้นการขายคอนโดฯ อาคารพาณิชย์ และทาวน์เฮาส์ ที่เหลือในสต๊อกประมาณ 180 ยูนิต โดยครึ่งหนึ่งเป็นคอนโดมีเนียมระดับพรีเมียม โดยจะอัดโปรโมชันสุดคุ้มออกมาต่อเนื่อง ถือเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า อาจจะมีโปรโมชันลดราคาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียนในกิจการมากขึ้น คาดว่าถึงสิ้นปีนี้น่าจะดีขึ้น แต่คงไม่เหมือนเดิม และจากนี้ไปต้องปรับสู่แนวปฏิบัติของวิถีปกติใหม่ หรือ New Normal เกิดขึ้น
นายสุดที่รัก กล่าวอีกว่า แม้ภาครัฐจะออกมาตรการมาช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงการระบาดโควิด-19 ทั้งเรื่องมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและการจดจำนอง รวมถึงการลดความเข้มข้นในการปล่อยสินเชื่อบ้าน (LTV) แต่ก็ยังช่วยได้ไม่มาก โดยทุกพื้นที่ต่างเจอปัญหาภาษีการโอนสำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่นิติบุคคล ที่ยังต้องแบกรับภาระจากอัตราภาษีที่สูงมากถึง 3.3% บางรายอยากขายที่ดินเพื่อเปลี่ยนทรัพย์สินมาเป็นเงินสดก็ติดขัด รัฐควรขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและการจดจำนองที่ให้กับนิติบุคคลครอบคลุมถึงบุคคลธรรมดาด้วย
คลังคาซ่าพัฒนาโครง การ “เดอะลิงค์88” บนที่ดินขนาด 300 ไร่ ที่แปลงใหญ่สุดท้ายกลางเมืองโคราช ในรูปแบบโครงการ มิกซ์ยูส คอมเมอเชียล ทั้งโครงการมีมูลค่าลงทุนเฉียด 10,000 ล้านบาท จำนวนที่พัก 4,000 ยูนิต โดยมีทั้งส่วนที่พัฒนาเอง โดยได้ดำเนินการแล้วในเฟสแรก ประกอบด้วย ที่พักอาศัยแนวดิ่ง คอนโดมีเนียม “ซิตี้ลิงค์” 10 อาคารรวม 800 ยูนิต บ้านเดี่ยวทั้งระดับพรีเมียม บ้านแฝด รวมถึงอาคารพาณิชย์ และมีแผนเดินหน้าเฟส 2 เป็นคอนโดฯหรู 2 แท่ง 500 ยูนิตในปี 2563 แต่ปรับแผนเลื่อนไป 1 ปีจากผลกระทบโควิด-19
นอกจากนี้ยังมีโครงการจับมือพันธมิตรเข้ามาพัฒนาพื้นที่ ทั้งการลงทุนโรงแรมบีทู 124 ล้านบาท โรงเรียนนานาชาติแองโกลสิงคโปร์ มูลค่า 400 ล้านบาท และโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอ โดยยังเหลือที่อีก 83 ไร่ รอการพัฒนาในอนาคต โดยจะก่อสร้างเป็นพักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ศูนย์ประชุม (Convention Center) อาคารสำนักงานและคลังซูเปอร์มาร์เก็ต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กูรูทิสโก้ เปิด 4 ธีมการลงทุน รับประโยชน์โลกเปลี่ยนหลัง COVID-19 ระบาด
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และพฤติกรรมของประชาชน ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ประเมินว่าหลังจากนี้จะมี 4 ธีม (Theme) การลงทุนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากโครงสร้างเศรษฐกิจโลกและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดของ COVID-19 ดังนี้
1. ธีมความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากมาตรการ Lockdown เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไปทั่วโลก โดยภาคธุรกิจต้องสูญเสียรายได้มหาศาล ขณะที่ประชาชนหลายล้านคนกลายเป็นคนว่างงาน ภาครัฐจึงใช้กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งด้านการเงินและการคลัง เพื่อช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและป้องกันความเสี่ยงในระบบการเงินไม่ให้ลุกลามไปจนเกิดวิกฤติ รวมถึงช่วยเหลือด้านสวัสดิการต่างๆ แก่ประชาชนที่ว่างงานและขาดรายได้ ให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ และป้องกันปัญหาสังคมในระยะยาว ดังนั้น ความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะป้องกันความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้ขาดว่าประเทศใดจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วจากวิกฤติครั้งนี้
โดยประเทศที่มีความได้เปรียบและความยืดหยุ่นในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ สหรัฐฯ และจีน ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีข้อได้เปรียบจากการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีสถานะเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และหากเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน เช่น ญี่ปุ่นและยุโรปแล้ว พบว่าสหรัฐฯ ยังมีระดับหนี้สาธารณะที่ต่ำ และขนาดของงบดุลของธนาคารกลางเมื่อเทียบกับ GDP ยังต่ำกว่าประเทศอื่น จึงมีความยืดหยุ่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในด้านการเงินและการคลัง ส่วนจีนยังมีหนี้สาธารณะต่ำ และไม่ได้พึ่งพาแหล่งเงินทุนจากนอกประเทศ ขณะที่นโยบายการเงินค่อนข้างเข้มงวด จึงทำให้จีนมีความยืดหยุ่นในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกมาก และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มละตินอเมริกา เพราะมีปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาตกต่ำทำให้ต้องพึ่งพาแหล่งทุนจากต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นข้อจำกัดในการทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
2. ธีม Deglobalization หรือการทวนกระแสโลกาภิวัฒน์ เป็นพัฒนาการทางเศรษฐกิจการเมืองที่มาจากกระแสการเรียกร้องของประชาชนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่ไม่พอใจกับการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชนชั้นแรงงาน ในขณะที่เจ้าของกิจการและนักลงทุนกลับได้ประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ถูกลงอย่างเต็มที่ ซึ่งกระแสดังกล่าวเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่ประชามติ Brexit ในปี 2559 และ 2561 ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มสงครามการค้ากับจีนด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าหลายระลอก ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตในหลายอุตสาหกรรม การระบาดของ COVID-19 ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเสี่ยงของการใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบที่ต้องนำเข้าจากหลายประเทศ และเป็นการเร่งกระแส Deglobalization ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น จากทั้งความพยามของภาคธุรกิจที่ต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการย้ายฐานการผลิต และภาครัฐที่มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายกีดกันทางการค้าและการปกป้องธุรกิจในประเทศที่เข้มข้นขึ้น
“หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากธีมนี้ ได้แก่ กลุ่มหุ่นยนต์ (Robotic) และ ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) เนื่องจากการทวนกระแสโลกาภิวัฒน์ จะส่งผลให้มีการย้ายฐานการผลิตกลับเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อให้ฐานการผลิตอยู่ใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น โดยจะใช้หุ่นยนต์และเครื่องจักรเพื่อทดแทนแรงงานคนในประเทศพัฒนาแล้วที่มีค่าแรงสูง ขณะที่กลุ่มประเทศที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกเป็นหลักแต่มีขนาดในประเทศขนาดเล็กอาจเสียประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต เช่น ไทย มาเลเซีย เป็นต้น” นายคมศร กล่าว
3. ธีมเสถียรภาพทางการเงิน จากการใช้นโยบายการคลังขนาดใหญ่เพื่อบรรเทาผลกระทบของ COVID-19 เช่น การแจกเงินกับผู้ว่างงาน การเรียกร้องสวัสดิการจากภาครัฐเพิ่มขึ้นของภาคประชาชน ซึ่งอาจส่งผลต่อการขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว นอกจากนี้ เมื่อใช้ร่วมกับนโยบายการเงินผ่อนคลาย เช่น การลดดอกเบี้ยต่ำ และอัดฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางจำนวนมหาศาล อาจหนุนให้เงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
“หากเงินเฟ้อกลับมาเพิ่มขึ้นสูงในขณะที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอ จะทำให้ภาครัฐต้องถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเวลา เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะ ‘เศรษฐกิจชะงักงัน’ (Stagflation) คือมีอัตราการว่างงานสูงและเงินเฟ้อสูง ในกรณีนี้แนะนำให้ถือทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนชดเชยเงินเฟ้อได้ดี เพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และหลีกเลี่ยงการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เพราะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต” นายคมศร กล่าว
4. ธีมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม COVID-19 เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนในวงกว้าง เช่น การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ การใช้เทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และการทำงานและเรียนนอกสถานที่ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่กลุ่ม เฮลธ์แคร์ (Health Care), อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) และการศึกษาออนไลน์ (Edutainment) เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
เจาะ 5 เหตุผล “ลิเวอร์พูล” ควรคว้า “ตราโอเร”
ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่า เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ใส่ชื่อ อดามา ตราโอเร ปีกตัวเก่งของวูล์ฟแฮมป์ตันไว้ในลิสต์เสริมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ เรามาดู 5 เหตุผลที่ “หงส์แดง” ควรคว้าแข้งรายนี้เข้ามาสู่ถิ่นแอนฟิลด์กัน
อย่าลืมว่า ตราโอเร เพิ่งอายุ 24 ปี เท่านั้น นั่นหมายความว่าถ้าลิเวอร์พูลซื้อมาจะสามารถใช้งานเขาได้อีกอย่างน้อย 6 ปี เลยทีเดียว บางทีดูจากรูปร่างและความแข็งแกร่งแล้วอาจจะค้าแข้งได้นานกว่านั้นด้วยซ้ำ และฝีเท้าก็ยังพัฒนาไปมากกว่านี้ได้อีก ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
2.เล่นได้หลายตำแหน่ง
ตราโอเร เป็นหนึ่งในนักเตะสารพัดประโยชน์ สามารถเล่นได้ทั้ง ปีกขวา, มิดฟิลด์ฝั่งขวา และกองหน้า และจะส่งผลดีกับลิเวอร์พูลอย่างแน่นอนเมื่อมีนักเตะตัวหลักในตำแหน่งนั้นๆ มีอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะที่ฟิตมาก ไม่ค่อยมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน พร้อมถูกเรียกใช้งานเสมอ
3.เล่นเพื่อทีม
ตราโอเร ถือเป็นนักเตะที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว เราสามารถเห็นได้จากผลงานของเราในฤดูกาลนี้ที่ศัดไปแล้ว 6 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ เป็นนักเตะที่รู้ว่าจังหวะไหนควรจะทำอะไร จังหวะไหนควรยิง จังหวะไหนควรจ่าย ถ้าได้มาเป็นส่วนหนึ่งในแนวรุกของลิเวอร์พูลที่เน้นทีมเวิร์กเป็นหลักก็คงจะเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ
4.เก่งทั้งเกมรุกและเกมรับ
ตราโอเร เป็นนักเตะที่ทำงานหนักมากในสนาม แม้จะเป็นนักเตะสายรุก แต่เมื่อถึงเวลาต้องเล่นเกมรับเขาก็พร้อมบดขยี้คู่แข่งเพื่อเอาบอลกลับมาให้ทีมโดยเร็วที่สุด สามารถเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจะเชื่อมเกมกับเพื่อน หรือกระชากบอลไปเองก็ทำได้หมด แถมยังเป็นผู้เล่นที่แย่งบอลยากเพราะว่าร่างกายแข็งแรงมาก นอกจากนี้ยังเป็นฝันร้ายของแนวรับคู่แข่ง เพราะมีความเร็วที่จัดจ้านสุดๆ
5.คลอปป์ชอบเป็นพิเศษ
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ลิเวอร์พูล บุกไปชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1 โดยชื่นชม ตราโอเร เป็นพิเศษ ว่า“เขาเป็นผู้เล่นที่น่าเหลือเชื่อมาก และสามารถจะสร้างปัญหาให้กับเราได้ตลอดเวลา นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถ และฝีเท้าก็สุดยอดมาก” ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรถ้าเราจะได้เห็น ตราโอเร เปลี่ยนมาสวมชุดสีแดงและกลายเป็นนักเตะใหม่ของลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2020-21
แถมข้อ 6 กระหายความสำเร็จ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้จัดการทีมทุกคนในโลก ล้วนอยากมีนักเตะที่กระหายความสำเร็จอยู่ในทีม และนี่คือเหตุผลที่ลิเวอร์พูลควรมองมาที่ ตราโอเร เพราะเจ้าตัวยังไม่เคยคว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ ได้เลยในอาชีพค้าแข้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ย้ำใช้ชีวิตนอกบ้าน ต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงประชาชนช่วงผ่อนปรนระยะที่ 2 อาจละเลยการป้องกันตนเอง เน้นย้ำมาตรการต่อเนื่อง คุมเข้มการสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน ให้เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันตนเองและสร้างสุขอนามัยที่ดี
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ภายหลังที่รัฐบาลได้ผ่อนปรนกิจการ และกิจกรรมต่าง ๆ ในกลุ่มสีเขียวให้สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง อาทิ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานที่ออกกำลังกาย และกองถ่ายภาพยนตร์ เป็นต้น ส่งผลให้ประชาชนเริ่มทำกิจกรรมนอกบ้านและใช้บริการสถานที่สาธารณะกันมากขึ้น โดยเฉพาะกิจการประเภทศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ซึ่งพบว่าหลังเปิดให้บริการไม่กี่วันมีประชาชนใช้บริการจนต้องเฝ้าระวังและจัดระเบียบกันมากขึ้นนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) มีความห่วงใย ความปลอดภัยของประชาชน จึงเน้นย้ำให้ทุกคนใส่ใจสุขอนามัยตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน พบปะพูดคุยกับผู้อื่น หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในห้างสรรพสินค้า และสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งต้องเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 – 2 เมตร หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ และควรมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อใช้เวลานอกบ้านให้น้อยที่สุด
แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังป้องกันตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบกิจการประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับการผ่อนปรนมาตรการทั้งในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 รวมทั้งประชาชนที่เข้าร่วมใช้บริการด้วย จากการติดตามสถานประกอบกิจการที่ได้รับการผ่อนปรน พบประชาชนมีความกังวลเมื่อต้องไปใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันในเรื่องความแออัด ดังนั้น เมื่อต้องใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้านทุกวัน การสวมหน้ากากยังเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งวิธีการเลือกหน้ากากผ้าที่เหมาะสมนั้น ต้องเลือกขนาดและปรับสายให้กระชับกับใบหน้า สวมให้คลุมทั้งจมูกและใต้คาง เปลี่ยนหน้ากากผ้าทุกวัน หรือเปลี่ยนเมื่อรู้สึกเปียกชื้นในระหว่างวัน เมื่อกลับถึงที่พักให้ซักด้วยสบู่หรือผงซักฟอก และตากแดดให้แห้ง ก่อนนำมาใช้ในครั้งต่อไป
“ส่วนการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้องนั้น ให้หันด้านที่มีสีหรือบานพับคว่ำไว้ด้านนอก และหันด้านที่ไม่มีสีหรือบานพับหงายเข้าหาใบหน้า ซึ่งจะมีลักษณะพื้นผิวนุ่มกว่า เพื่อดูดซับเหงื่อ น้ำมูก น้ำลายจากการไอ จาม โดยให้ขอบที่มีแถบลวดอยู่ด้านบน กดแถบลวดให้แนบสันจมูก และดึงหน้ากากให้คลุมถึงใต้คาง ซึ่งหน้ากากอนามัยเป็นชนิดที่ใช้แล้วทิ้ง หากเกิดการฉีกขาด ใส่แล้วไม่กระชับ เปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลายหรือเปียกน้ำ ให้เปลี่ยนใหม่ทันที โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน หากพบว่าหน้ากากมีความชื้นให้รีบเปลี่ยนใหม่และควรมีหน้ากากสำรองไว้ตลอดเวลา สำหรับวิธีกำจัดหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วนั้นประชาชนทั่วไป และทิ้งลงในถังขยะทั่วไปที่มีฝาปิด หากเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลให้ทิ้งลงในถังขยะติดเชื้อที่มีสัญลักษณ์แสดงให้เห็นชัดเจน ที่สำคัญต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสวมและหลังทิ้งหน้ากาก และห้ามใช้หน้ากากร่วมกับคนอื่น เพื่อสุขอนามัยที่ดี” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
คำศัพท์เมื่อต้องไปออกกำลังกาย
เพราะการที่เราจะเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษได้นั่น เกิดจากการที่ใช้งานเป็นประจำ และแน่นอนว่าในการออกกำลังกาย บางครั้งเราก็หนีไม่พ้นภาษาอังกฤษเช่นกัน วันนี้ วอลล์สตรีทอิงลิช จะเอาคำศัพท์ และประโยค ที่ต้องใช้เมื่อเราต้องออกกำลังกายมาผากกัน ว่าแต่มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
Fitness
ก่อจะเริ่มต้นไปไหน เรามาแก้ความเข้าใจผิด และทำความเข้าใจดีกว่า
คนไทยมักเข้าใจผิดว่า “ฟิตเนส” คือสถานที่ออกกำลังกาย ฝรั่งอาจจะงงกันได้ง่ายๆ เพราะในความเป็นจริงของภาษษอังกฤษ คำนี้แปลว่า “สมรรถภาพของร่างกาย” ไม่ใช่สถานที่ออกกำลังกายอย่างที่เราเข้าใจ และถ้าจะสื่อความหมายของสถานที่ต้องใช้คำว่า “Fitness center” หรือใช้คำว่า “gym” แทนนะ น่าจะดีกว่า
เช่น I’m gonna go to the fitness center. (ฉันอยากจะไปยิมเซ็นเตอร์)
Abs
สำหรับคำศัพท์ Abs หลายคนอาจจะไม่คุ้นตา แต่คำนี้ย่อมาจาก Abdominal muscles หมายถึง กล้ามเนื้อหน้าท้อง และเราเรียกกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ฟิตเฟิร์มว่า six-pack abs นั่นเอง
เช่น I’d like to train my abs. (ฉันอยากฝึกกล้ามหน้าท้อง)
Exercises กับ Work out
จริงอยู่ที่คำว่า exercise แปลว่าออกกำลังกาย แต่ถ้าให้ใช้ในการการตอบคำถาม หรือใช้ในการสนทนาแล้ว เราจะไม่ใช้คำว่า exercise แต่จะใช้คำว่า work out แทน
ถึงแม้ว่า ทั้ง exercise และ work out ทั้งสองตัวเป็นกริยาเหมือนกัน แต่ work out เป็น phrasal verb หรือกลุ่มคำกริยาที่ชาวต่างชาติจะใช้ในความหมายของการออกกำลังกายมากที่สุดนั่นเอง
ดังนั้นถ้าอยากจะตอบว่าชอบออกกำลังกาย ให้ตอบว่า I like to work out. (ฉันชอบออกกำลังกาย) จะดีกว่า
Cardio
คำนี้เป็นศัพท์เฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องของหัวใจ แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกายแล้ว คำว่า cardio นี้ เป็นการเรียกรูปแบบการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต แบบย่อๆ นั่นเอง
โดยเป็นการออกกำลังกายประเภท cardiovascular exercise ครับ โดยจะเป็นรูปแบบการเน้นการออกกำลังกายที่จะทำการเผลผลาญแคลอรี่ในร่างกาย ช่วยเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนดี สามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรงอีกด้วย
Warm up
คือการอบอุ่นร่างกาย เป็นการทำให้ร่างกายอบอุ่นโดยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนโลหิต ทำให้ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย แน่นอนว่านอกจากใช้ในการออกกำลังกาย คำนี้ยังใช้ในเชิงการเตรียมตัว เตรียมพร้อม เพราะรออะไรสักอย่างอีกด้วย
Cool down
cool down คำนี้หลายคนน่าจะคุ้นชินกันดี และถ้าใครที่ชบออกกำลังกายน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า นี่คือการออกกำลังกายให้ช้าลง จนหยุดออก ทำเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนจะเลิกออกกำลังกายนั่นเอง
Body weights
คำนี้จะหมายถึง การออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักของตัวเอง โดยเราสามารถแยกย่อยลงไปได้อีก ตามประเภทของการใช้งาน เช่น
- squat การฝึกท่าสควอท เป็นการนั่งยองๆ เหมือนนั่งเก้าอี้อากาศ
- lunge เป็นการฝึกต้นขา
- crunch ฝึกความแข็งแรงของหน้าท้อง
- push-up การฝึกท่าดันพื้น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วัดพื้น, วิดพื้น นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ข่าวดี “วัคซีนโควิด-19” อีก 12-18เดือน ประเทศไทยจะมีใช้
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยอีก 12-18 เดือน ประเทศไทยอาจจะมี “วัคซีนโควิด-19” ที่ดีและเหมาะสมกับคนไทย และผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยข่าวดีว่า ประเทศไทยกำลังพัฒนา วัคซีนโควิด-19 ซึ่งตั้งเป้าว่า ภายในเวลา 12-18 เดือน จะได้วัคซีนที่ดีและเหมาะสมกับคนไทยและผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้
นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 63 ถึง ความก้าวหน้า “วัคซีนโควิด-19” ว่า ประเทศไทยภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด 19 ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม, สถาบันการศึกษาอีกหลายแห่ง รวมทั้งไบโอเทค สวทช. และบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ขณะนี้มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ผลการวิจัยในรูปแบบวัคซีน mRNA ประสบความสำเร็จในการทดลองในหนูและเริ่มทดลองในลิง ขณะที่นานาชาติมีการวิจัยวัคซีนอีก 114 ชนิด ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดลองในสัตว์ทดลอง และมีวัคซีนอีก 10 ชนิด ที่มีการทดลองในคน ประเทศที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในเวลานี้ ได้แก่ จีน สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมัน และออสเตรเลียทั้งนี้ การจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิด 19ให้คนไทยเข้าถึง ต้องนำศักยภาพของแต่ละหน่วยงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศรวมทั้งการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิจัยและผู้ผลิตทั้งในและนอกประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมด้วย
“ถ้าได้ผลการวิจัยออกมาดีและเป็นไปตามแผน คาดว่าจะได้วัคซีนที่ดีและเหมาะสมกับคนไทยและผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้ ภายในเวลา 12-18 เดือน”นายแพทย์นคร กล่าว
ขณะที่ศาสตราจารย์ นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการโครงการวิจัยวัคซีนโควิด-19 ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเตรียมวัคซีนให้กับประชากรโลกนั้น หากมีประเทศใดที่ผลิตได้สำเร็จ แน่นอนว่าต้องให้ประชากรของประเทศตัวเองก่อน ตอนนี้มีจีนและสหรัฐฯที่มี่ความก้าวหน้าไปมาก 2 ประเทศนี้ประชากรรวมกันประมาณ 1.8 พันล้านคน แค่ผลิตเพียงครึ่งเดียวอาจมากถึง 800-900 ล้านโด๊ส กว่าจะส่งให้ประเทศอื่นจึงต้องรอเวลา สำหรับประเทศไทยมีนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ที่มีความสามารถสูง มีความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเพลซิวาเนียที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีล่าสุด และการได้เห็นตัวอย่างของเทคโนโลยีการวิจัยจากประเทศต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จ จึงมั่นใจว่าเราจะวิจัยและพัฒนาวัคซีนได้ไม่ช้าไปกว่าประเทศอื่น ๆ มากนัก และอยู่ในกรอบเวลาที่ประมาณ 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ขณะนี้จึงได้ประสานโรงงานขนาดเล็กเพื่อผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐานสำหรับการวิจัยในคนเอาไว้แล้ว พร้อมกับการเจรจาเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทวัคซีนในประเทศไทยหากผลการทดสอบวัคซีนในแต่ละขั้นตอนประสบความสำเร็จ
ส่วนนายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด กล่าวถึง “วัคซีน-โควิด19” ว่า เทคโนโลยีการผลิตวัคซีนของบริษัทฯ มีประสบการณ์ มีนักวิจัยที่มีความสามารถและมีความพร้อมที่จะรองรับการผลิตวัคซีนโควิด19 ในระดับอุตสาหกรรมได้หลากหลายรูปแบบตามผลสำเร็จของการวิจัย และพร้อมทำความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยว่าจะได้วัคซีนตัวไหนที่ดีและเหมาะสมที่สุด
นายวิฑูรย์ ระบุอีกว่า เป็นที่น่ายินดีว่าขณะนี้บริษัทสามารถดำเนินการการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ขึ้นมาได้เองได้อย่างรวดเร็วกว่าวัคซีนปกติทั่วไป และเริ่มทำการทดสอบในหนูไปแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผล อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนเพื่อวางแผนความร่วมมือกันถือว่าระบบการผลิตเรามีความพร้อมที่จะสามารถขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นสำหรับวัคซีนที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถป้องกันโรคได้ให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศไทยได้เมื่อถึงเวลานั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สมุนไพรพื้นบ้าน “ชิงช้า ชาลี” สมุนไพรหายาก มากสรรพคุณ
พืชสมุนไพรนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งมีสรรพคุณมากมายที่เราสามารถนำมาใช้ได้ แต่ต้องศึกษาเพื่อให้รู้ถึงประโยชน์ของพืชสมุนไพรชนิดว่า มีสรรพคุณอย่างไรเพื่อสามารถจำแนกได้ว่าควรนำไปใช้แก้อาการแบบใดได้บ้าง ซึ่งสมุนไพรในท้องถิ่นของเรานั้นมีมากมายนับพันชนิด แต่เรารู้จักพืชสมุนไพรกันน้อยมาก อีกทั้งพืชสมุนไพรบางชนิดก็มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ผู้เขียนจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการนำข้อมูลลักษณะและสรรพคุณของสมุนไพรต่าง ๆ มาเผยแพร่ให้ความรู้ เพื่อให้สมุนไพรกลับมาเป็นที่รู้จักและเป็นที่สนใจมากขึ้น ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลของสมุนไพรหายากหนึ่งชนิดมาบอกเล่าให้ข้อมูล สมุนไพรชนิดนี้มีชื่อว่า “ชิงช้า ชาลี” เป็นสมุนไพรเก่าแก่ที่มีสรรพคุณน่าสนใจเป็นอย่างมาก
ลักษณะของ “ชิงช้า ชาลี” จัดอยู่ในประเภทพืชล้มลุกชนิดเป็นเถาวัลย์เลื้อย มักจะเลื้อยไปเกาะตามต้นไม้ต่าง ๆ พืชชนิดนี้จะมีรสขมทุกส่วนของลำต้น ผิวลำต้นเรียบมีตุ่มขรุขระเล็กน้อย มีปมตามข้อ ผิวเปลือกจะมีสีเทาอมเขียว เถาจะเหนียวไม่เปราะหักง่าย ใบจะมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ สีเขียวมีลายเป็นร่องตื้นที่ด้านหน้าใบ ผิวของใบจะด้านทั้งหน้าใบและหลังใบ ปลายใบแหลม โคนใบมนเว้า เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกัน ออกดอกเป็นช่อ โดยช่อดอกจะออกตามเถาและตามซอกใบ ดอกย่อยเป็นสีครีมมีขนาดเล็ก ไม่มีกลีบดอก ผลจะออกเป็นพวงลูกเล็ก ๆ ทรงกลมแกมรีนิด ๆ เมื่อสดจะมีสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะมีสีเหลือง
สรรพคุณของ “ชิงช้า ชาลี” แก้ไข้ บำรุงธาตุ ช่วยให้เจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ใช้เป็นยาแก้มะเร็งได้ แก้พิษไข้ แก้โรคเบาหวาน แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด แก้ร้อนในกระหายน้ำ เป็นยาถ่ายพยาธิ ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้ถอนพิษ ดับพิษทั้งปวง แก้ปวดเมื่อย
สมุนไพรชนิดนี้มักจะพบขึ้นอยู่ตามป่า หรือแหล่งที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น ซึ่งเมื่อสมัยผู้เขียนเป็นเด็ก ปู่ของผู้เขียนเคยพาเข้าไปเก็บ “ชิงช้า ชาลี” มาทำเป็นสมุนไพรและนำมาขายซึ่งได้ราคาดี ผู้เขียนจึงสามารถจดจำลักษณะของสมุนไพรชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี การเก็บสมุนไพรชนิดนี้นั้น จะต้นปีนขึ้นไปตัดเถาบนต้นไม้ ซึ่งมักจะเกาะอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ ต้องใช้มีดที่คมมากเพราะเถาของมันมีความเหนียว
เมื่อได้สมุนไพรมาแล้วนำกลับมาบ้าน ปู่ก็จะสับเถาให้เป็นท่อนประมาณคืบ ล้างน้ำจนสะอาดจากนั้นก็ทุบให้พอแหลก แล้วจึงนำไปต้มใช้เวลาต้มประมาณ 40 นาที ให้ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ก็จะได้นำยาสมุนไพร แก้อาการต่าง ๆ ได้หลายอาการ เนื่องจากเป็นพืชสมุนไพรที่มีรสขมมาก วิธีการนำมาดื่มจึงต้องทำให้อุ่นแล้วตักใส่แก้ว จากนั้นผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวลงไปจะทำให้ดื่มง่ายขึ้น เมื่อดื่มแล้วจะรู้สึกชุ่มคอช่วยแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี สาใารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง หากใครเป็นโรคปวดข้อ ปวดกระดูกก็จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น แต่หากท่านใดที่เป็นเบาหวานไม่ควรใส่น้ำผึ้งลงไป ควรดื่มเฉพาะน้ำสมุนไพร ให้อมมะขามเปียกตามทีหลังเพื่อแก้ขม
ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงเรื่องราวบางส่วนของสมุนไพรชนิดนี้ที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์มา ซึ่งนอกจากนี้ “ชิงช้า ชาลี” ยังมีประโยชน์ทางยาอีกมาก และมีการค้นคว้าวิจัยตัวยาเพิ่มเติมโดยกรมการแพทย์เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมของยาแผนปัจจุบัน ซึ่งผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับพืชสมุนไพรมากขึ้น เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก cities.trueid.net
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,950.00 | 26,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,681.00 | 25,483.96 | 26,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,512.90 | 22,935.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,344.80 | 20,387.17 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 756.00 | 11,460.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 588.00 | 8,914.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,742.00 | 26,408.72 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/05/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 | 20.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 | 19.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 18.74 | 18.74 | 18.74 | 18.74 | 18.74 | – | 18.74 | 18.74 | 18.74 | 18.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 16.99 | 16.99 | – | – | – | – | – | 16.99 | – | – |
เบนซิน 95 | 27.66 | – | – | – | 28.11 | – | 28.16 | 27.66 | – | 27.66 |
ดีเซล | 20.39 | 20.39 | 20.39 | 20.59 | 20.39 | 20.39 | 20.39 | 20.39 | 20.39 | 20.39 |
ดีเซล B10 | 17.39 | 17.39 | 17.39 | 17.59 | 17.39 | 17.39 | 17.39 | 17.39 | 17.39 | 17.39 |
ดีเซล B20 | 17.14 | 17.14 | 17.14 | 17.34 | 17.14 | – | 17.14 | 17.14 | – | 17.14 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 24.24 | 24.26 | 26.24 | 26.44 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |