สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562

เกาะติดอสังหาฯ ปี 62 ปัจจัยลบเพิ่ม ดอกเบี้ยสูง-สินเชื่อเข้ม

เกาะติดอสังหาฯ ปี 62 ปัจจัยลบเพิ่ม ดอกเบี้ยสูง-สินเชื่อเข้ม

แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 จะเดินไปในทิศทางไหน “เติบโตหรือซบเซา” ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ที่มีปัจจัยถาโถมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเก่าและใหม่จำนวนมากที่กำลังทยอยออกสู่ตลาด ที่ดินราคาแพงและหายาก มาตรการ LTV ดอกเบี้ยปรับตัวสูง และผังเมืองกรุงเทพฯ ใหม่ที่กำลังจะประกาศใช้ในปี 2563 ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ที่กำลังวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยและผู้ประกอบการต้องเกาะติดและประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจซื้อและลงทุน

ตลาดอสังหาฯ เผชิญหน้าความเปลี่ยนแปลง

ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ เผยแนวโน้มปี 2562 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลายประการด้วยกัน ทั้งมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เข้มงวดมากขึ้น การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ และผังเมืองใหม่ของกรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในปี 2563 ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด โดยเฉพาะในทำเลที่เป็นจุดเชื่อมต่อของเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ที่ดินมากขึ้น

Mortgage Interest Deduction

คุมเข้มสินเชื่อ กระทบเก็งกำไร-ปล่อยเช่า

มาตรการ LTV ของ ธปท. ทำให้การสร้างผลกำไรจากการปล่อยเช่าและการขายต่อคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นทำได้ยากขึ้น นักเก็งกำไรและนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าจะลดลง เป็นโอกาสของคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ และผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองอย่างแท้จริง

คาดว่าในปี 2562 จะเป็นโอกาสทองของกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุนในระยะยาว เนื่องจากมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวดขึ้น จะทำให้จำนวนผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ลดน้อยลง ในขณะที่ผู้พัฒนาจะต้องแข่งขันที่จะเร่งระบายสินค้าคงเหลือก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ 1 เมษายน 2562 โดยผู้ซื้ออาจสามารถซื้อโครงการที่ใกล้จะสร้างเสร็จในราคาที่เท่ากับตอนที่โครงการเปิดตัวได้

คอนโดฯ ยอดขายชะลอ เร่งเคลียร์สต็อก

ในส่วนของคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จในตลาดที่มีอยู่จำนวนมาก จนหวั่นว่าจะเกิดโอเวอร์ซัพพลายนั้น มีทั้งโครงการที่ขายดีและขายไม่ดี ขึ้นอยู่กับการวางตำแหน่งของสินค้าและราคาที่เหมาะสม หลายโครงการที่ประสบปัญหายอดขายชะลอตัว ได้มีการลดราคายูนิตเหลือขายเพื่อเคลียร์สต็อกสินค้าที่มีอยู่ให้หมดไป

ส่วนคอนโดมิเนียมสร้างใหม่ หากจะแข่งขันกันด้วยทำเลและราคาที่จับต้องได้เหมือนในอดีตนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป จึงเห็นภาพผู้ประกอบการพยายามหาจุดขายที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ เช่น ระบบบ้านอัจฉริยะ การจัดการปล่อยเช่า และการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส ซึ่งเป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งของจุดขายที่มีในตลาดปัจจุบัน

ผู้ประกอบการปรับแผนสู้ดอกเบี้ยสูง-ชะลอซื้อ

อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี จาก 1.50% เป็น 1.75% เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2561 โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น และยังทำให้ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศชะลอการซื้อออกไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับแผนหันไปโฟกัสที่ผู้ซื้อต่างชาติที่ใช้เงินทุนของตนเองในการซื้อคอนโดมิเนียม แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือ ต่างชาติเหล่านี้อาจไม่โอนกรรมสิทธิ์เมื่อโครงการแล้วเสร็จ เนื่องจากผู้ซื้อต่างชาติยังมีความอ่อนไหวจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศของตน

Wooden houses in a supermarket cart and up arrow. Growing demand for housing and real estate. The growth of the city and its population. Investments. concept of rising prices for housing or rent.

ที่ดินใจกลางเมืองหายาก เล็งหาลีสโฮลด์

ไม่เพียงแต่อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเท่านั้น ราคาที่ดินฟรีโฮลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บวกกับการเริ่มชะลอตัวของตลาดคอนโดมิเนียมจากซัพพลายที่ล้นตลาด ทำให้ผู้ประกอบการหันมาพิจารณาที่ดินแบบเช่าระยะยาวมากขึ้น โดยมีการปรับแผนการลงทุน และกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดอื่น ๆ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องพัฒนาบนที่ดินแบบฟรีโฮลด์

อย่างไรก็ตาม ที่ดินฟรีโฮลด์ในทำเลชั้นนำของกรุงเทพฯ ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า การที่แปลงที่ดินชั้นดีในย่านใจกลางธุรกิจหรือซีบีดีเหลือไม่มากนัก ส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นไปอีกจากสถิติราคาสูงสุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินบนถนนหลังสวนที่ราคา 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา จากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น และซัพพลายใหม่จำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังมากขึ้นในการเปิดโครงการใหม่และการซื้อที่ดินในปี 2562

จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 ซึ่งผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จะต้องศึกษาข้อมูลให้มากขึ้น เพื่อประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ หลังจากนี้คงต้องเกาะติดสถานการณ์กันยาว ๆ ว่าหลังจากเหตุการณ์ใหญ่ ๆ อย่างการเลือกตั้ง และมาตรการ LTV ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 จะส่งให้ภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com


เอกชนอสังหาฯจับตาหลังเลือกตั้ง หวังรัฐบาลใหม่สานต่อเมกะโปรเจกต์

24 ก.พ. 2562 นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีการขยายตัวได้ในทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยจากความชัดเจนในการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเรื่องการเมืองเป็นสิ่งสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น โดยหากรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและสานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือรถไฟฟ้า จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการขยายตัวมากขึ้น

“สิ่งที่คาดหวังให้รัฐบาลใหม่ปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับภาคอสังหาฯ มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยกลุ่มลูกค้าชาวไทย ควรส่งเสริมให้คนซื้อบ้านเพื่อเป็นทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เช่าที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจให้เติบโต เช่น การนำดอกเบี้ยการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย มาหักลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน เนื่องจากดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากเดิมที่ลดหย่อนได้เพียง 100,000 บาท ซึ่งมาตรการนี้ ช่วยกระตุ้นคนซื้อบ้าน จะทำให้คนเช่าบ้านหันมาพิจารณาซื้ออยู่อาศัยเองมากกว่า”นายวิทย์ กล่าว

ปัจจุบันการประเมินลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านค่อนข้างประสบปัญหา เนื่องจากระบบในการตรวจสอบฐานะของผู้กู้ จะต้องผ่านบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร และในการตรวจเช็กประวัติลูกค้าแต่ละสถาบันการเงินก็แตกต่าง ทั้งนี้ เครดิตบูโร ก็เปรียบเสมือนหน่วยงานกลางที่มีบทบาทในการให้เครดิตผู้กู้ แทนที่จะเป็นหน้าที่ของธนาคารพาณิชย์ในการตรวจผล โดยใช้เครดิตสกอริ่งของธนาคารในการประเมิน

ด้านนายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ จะเห็นภาพผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระบายสต๊อกสินค้าเพื่อเร่งยอดขาย  แต่สภาพตลาดในช่วงที่ผ่านมายังซบเซา เพราะความเข้มเรื่องนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาพาณิชย์  ทำให้ลูกค้าจำนวนมากไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก บางธนาคารประกาศนโยบาย ไม่รับพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอยากเสนอรัฐบาลใหม่ให้มีการปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในการดูแลลูกค้าผู้ซื้อคนไทย ควรมีนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่ออยู่อาศัย และผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมาตรการลดภาษีและค่าธรรมเนียมในการซื้ออสังหาฯ  โดยปีนี้ ยอดขายภาคอสังหาริมทรัพยือาจจะลดลง โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม แต่จะมียอดขายจากกลุ่มเรียลดีมานต์เพิ่มมากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจทำให้กลุ่มซื้อลงทุนชะลอการลงทุนออกไป.

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net

‘คลัง’ จี้บอร์ดเคลียร์ TMB ควบรวม “ธนชาต” จบ มี.ค. นี้ – ผงาดธนาคารท็อป 5

“กระทรวงการคลัง” จี้บอร์ดบริหารเร่งเซ็นเอ็มโอยูควบรวมธนาคารทหารไทยกับธนชาต ภายใน มี.ค. นี้ หวังผงาดขึ้นแบงก์ใหญ่ติดท็อปไฟท์

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการธนาคารทหารไทยกับธนาคารธนชาต ว่า คณะกรรมการบริหารทหารไทยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด ซึ่งคาดว่าจะได้ขัอสรุปและลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ได้ภายในเดือน มี.ค. นี้ จากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป

ประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง

สำหรับรายบะเอียดที่อยู่พิจารณา คือ จำนวนเงินที่จะเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนของคลัง สินทรัพย์ที่จะมาควบรวม มูลค่าหุ้น จำนวนพนักงาน อัตราเงินเดือน ทั้งนี้ กระบวนการควบรวมจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน เนื่องจากมีรายละเอียดมาก แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี 2562 เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีจากการควบรวมกิจการ

ทั้งนี้ หลังการควบรวม 2 ธนาคาร จะทำให้ธนาคารมีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ขึ้นจากอันดับ 6 ขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ในระบบ และส่งเสริมการทำธุรกิจในแง่รายย่อย และธุรกิจลิสซิ่ง ที่ธนาคารธนาคารไทยไม่มี ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ ในยุคที่ทุกธนาคารตัองปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และมีขนาดใหญ่พอที่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้ เหมือนกับธนาคารอื่น ๆ ขณะเดียวกัน ยังทำให้ราคาหุ้นทหารไทยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จากที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นเพียงเท่าตัวจากพาร์ 1 บาท เพิ่มมาอยู่ที่ 1 บาท เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


8 วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows แก้ปัญหาแรมไม่พอ

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

หนึ่งในปัญหาของคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นประจำก็คือปัญหาแรมเต็ม แรมน้อย ทำให้เครื่องช้า เปิดโปรแกรมอะไรก็อืดไปหมด วันนี้เราก็เลยนำวิธีเคลียร์แรมสำรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows กัน ซึ่งจะช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อแรมเพิ่ม

          ก่อนอื่นเรามีทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าแรม (RAM) ในคอมพิวเตอร์กันก่อน โดย RAM นั้นย่อมากจาก Random Access Memory เป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูลชั่วคราวของโปรแกรมที่กำลังเปิดใช้งาน ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ยิ่งมีแรมมากก็จะยิ่งโปรแกรมเพื่อใช้งานพร้อมกันได้มากขึ้น แต่ถ้าหากเปิดเยอะ ๆ จนแรมเต็มก็จะเจอปัญหาเครื่องอืดเครื่องช้านั่นเอง โดยวิธีการเคลียร์ที่เราจะมาแนะนำกันมีทั้งหมด 8 วิธี ดังนี้

1. รีสตาร์ตคอมพิวเตอร์

          วิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลดีที่สุดก็คือ การรีสตาร์ตเครื่อง ทำให้โปรแกรมทุกอย่างที่เปิดไว้ถูกปิดทั้งหมด ทำให้ได้พื้นที่ในแรมกลับคืนมา จากนั้นก็สามารถเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ตามปกติ

2. เช็กการใช้แรม

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

 

          คลิกขวาที่ Taskbar แล้วเลือก Task Manager หรือกดปุ่ม Ctrl+Shift+Esc ก็ได้เช่นกัน จากนั้นให้คลิกปุ่ม More Details แล้วเลือกไปที่แท็บ Processes จากนั้นให้คลิกที่แถบ Memory ด้านบนเพื่อจัดเรียงให้โปรแกรมที่กินแรมมากสุดอยู่บนสุด เพื่อดูว่ามีโปรแกรมกินแรมมากผิดปกติ แล้วจึงหาวิธีแก้ปัญหาต่อไป หรือถ้าต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ใช้แรมไปแล้วเท่าไร เหลือแรมอีกเท่าไร ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่แท็บ Performance 

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

3. ลบโปรแกรมที่ไม่ใช้งาน

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

 

          บางโปรแกรมแม้ไม่ได้ใช้งาน แต่ถ้ามันถูกติดตั้งไว้ในเครื่องก็อาจมีการทำงานแบบเบื้องหลัง ซึ่งกินแรมไปไม่ก็น้อย การลบโปรแกรมเหล่านี้ออกไปก็จะช่วยประหยัดแรมมากขึ้น หรือถ้าหากบางโปรแกรมยังต้องใช้งานบ้างนาน ๆ ครั้ง ก็ควรเข้าไปตั้งค่าไม่ให้โปรแกรมถูกเปิดเองแบบ Startup ทุกครั้งที่เปิดเครื่อง

4. เลือกใช้โปรแกรมที่ไม่กินแรม

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

          จากการเช็กการใช้แรมในข้อ 2 ถ้าหากพบว่าโปรแกรมไหนกินแรมมากเกินไป ก็อาจเปลี่ยนไปใช้โปรแกรมอื่นที่สามารถใช้งานแทนกันได้แต่กินแรมน้อยกว่าแทน เช่น เปลี่ยนจาก Chrome ที่กินแรมเยอะไปใช้ Firefox แทน รวมทั้งปิดโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เพราะถ้าเปิดทิ้งไว้หลาย ๆ โปรแกรมโดยที่ไม่ได้ใช้งานมันก็จะกินแรมไปโดยเปล่าประโยชน์

5. กำจัดมัลแวร์
          มัลแวร์บางชนิดที่แอบแฝงอยู่ในเครื่องอาจเป็นตัวการที่กินแรมได้ ควรหมั่นใช้โปรแกรมสแกนมัลแวร์อย่าง Malwarebytes เพื่อตรวจหามัลแวร์ในเครื่องและกำจัดทิ้งทันทีเมื่อตรวจพบ

6. ปรับตั้งค่า Virtual Memory

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

          Virtual Memory จะเป็นหน่วยความจำจำลองของระบบ ซึ่งถ้าหากมีการใช้งานจนเหลือน้อยก็จะทำให้เครื่องอืดได้ โดยสามารถเข้าไปปรับเพิ่มขนาดของ Virtual Memory นี้ได้ สำหรับ Windows 10 ให้เข้าไปที่ Control Panel > System > Advanced system settings จากนั้นให้เลือกแท็บ Advanced > Settings ที่หัวข้อ Performance ให้เลือกแท็บ Advanced แล้วคลิก Change ซึ่งตามปกติแล้วในส่วนจอง Automatically manage จะเปิดเอาไว้ แต่ถ้าหากต้องการปรับเพิ่มก็ให้ติ๊กออก แล้วปรับเพิ่มค่า Initial size และ Maximum size ตามที่ต้องการ

7. ใช้ฟีเจอร์ ReadyBoost
          สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ปกติที่ไม่ใช่ SSD จะสามารถใช้ฟีเจอร์ ReadyBoost ของ Windows ได้ ซึ่งจะเป็นการใช้ Flashdrive หรือ SD card ที่เสียบไว้เพื่อใช้เป็นแรมเพิ่มเติมได้ แต่ถ้าหากใช้ฮาร์ดดิสก์ SSD อยู่แล้วการใช้ฟีเจอร์นี้จะไม่ส่งผลใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะ SSD นั้นสามารถทำงานได้เร็วอยู่แล้ว

8. ซื้อแรมเพิ่ม

วิธีเคลียร์แรมสำหรับ Windows

 

          สุดท้ายแล้วถ้าลองมาทุกวิธีอาการก็ยังดีขึ้น ก็คงจะเป็นเพราะแรมในเครื่องมีน้อยเกินไปจริง ๆ ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ก็ควรต้องยอมเสียเงินเพื่อซื้อแรมมาติดตั้งเพิ่ม แต่ก็อย่าเลือกซื้อแรมให้เข้ากับแรมเก่าที่มีอยู่แล้วได้ด้วยล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก men.kapook.com


ทำแผนรับมือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

ทำแผนรับมือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ thaihealth

เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะโลก และสภาวะภูมิอากาศอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมรับมือการระบาดใหญ่โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ มุ่งสร้างศักยภาพระยะยาว และประกันความมั่นคงของประเทศ

          ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัยเพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ

          พลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะโลก และสภาวะภูมิอากาศอย่างมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการระบาดของโรคติดต่ออุบัติใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเช่น โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส โรคไข้หวัดนก รวมถึงโรคติดต่อใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้นเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มแข็ง และมีความพร้อมรับมือโรคอุบัติใหม่ตลอดเวลา คณะกรรมการฯ

ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งหมด 33 หน่วยงาน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และสภากาชาด เป็นต้น จึงได้ร่วมขับเคลื่อนและจัดทำแผนเพื่อเตรียมความพร้อม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถลดการป่วย การตาย และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากโรคติดต่ออุบัติใหม่ โรคติดต่ออุบัติซ้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          ทั้งนี้คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมรับการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่นานาชาติให้ความสำคัญและมีโอกาสเกิดการระบาดใหญ่ได้ง่าย โดยได้มอบหมายให้อนุกรรมการขับเคลื่อนฯ เป็นแกนหลักในการร่วมดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้จัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บท ประเด็น 13 การเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี (แผนย่อย การพัฒนาและสร้างระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ) โดยแผนปฏิบัติการฯ นี้จะเน้นกลไกการบริหารจัดการแบบบูรณาการมาใช้ในการบัญชาการและประสานงาน ทำให้สามารถระดมความร่วมมือและทรัพยากรของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ทุกระดับ รวมทั้งความร่วมมือจากภาคประชาชนอย่างเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์ได้ และสอดคล้องกับการดำเนินการของนานาชาติ

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,650.00 19,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,273.00 19,298.68 20,250.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,145.70 17,368.81 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,018.40 15,438.94 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 573.00 8,686.68 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 446.00 6,761.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,319.00 19,996.04 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 25/02/2562    

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55
แก๊สโซฮอล์ 91 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28
แก๊สโซฮอล์ E20 24.54 24.54 24.94 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54
แก๊สโซฮอล์ E85 19.94 19.94 19.94
เบนซิน 95 34.96 35.41 35.46 35.26 35.26
ดีเซล 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.89 30.16 31.35 31.35 30.35
แก๊ส NGV 16.44 16.44
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า