สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2561

‘แสนสิริ’ ฝ่าวงรีเจ็กต์! เจาะกลุ่ม ‘สตาร์ตอัพ’

แสนสิริ ออกแบรนด์คอนโดฯใหม่ โฟกัสกลุ่มมิลเลนเนียล วัยเริ่มทำงาน สตาร์ตอัพ-ฟรีแลนซ์ ชี้! เป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดอสังหาฯ สัดส่วน 40% สกัดปัญหายอดรีเจ็กต์พุ่ง

นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มกลุ่มลูกค้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากเปิดตัวแบรนด์ไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ “เอ็กซ์ที” 3 โครงการ ทำเล เอกมัย ห้วยขวาง และพญาไท รวมมูลค่าโครงการ 2.1 หมื่นล้านบาท จำนวน 3,500 หน่วยพร้อมกัน เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ โดยลูกค้าสามารถเลือกออกแบบเองได้ 6 แบบ 6 สไตล์ ราคาเฉลี่ย 1.5-2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร (เซ็กเมนต์ B) ตั้งเป้าปิดการขายในปี 2562 ว่า ขณะนี้ นอกจากกลุ่มผู้ค้าที่มีกำลังซื้อสูงจะเป็นกลุ่มสำคัญของตลาดอสังหาฯ ปีนี้แล้ว กลุ่มที่มาแรงและน่าสนใจอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มคนที่เรียกว่า “มิลเลนเนียล” หรือ กลุ่มประชากรที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2523-2543 อายุ 18-38 ปี เนื่องจากเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณ 60% ของประชากรไทย เกิดมาในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคม การเข้ามาของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ขณะที่ เงินทองหาได้ง่าย ทำให้คนในยุคดังกล่าวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน ครอบคลุมทั้งกลุ่มสตาร์ตอัพ บล็อกเกอร์ ฟรีแลนซ์ คนทำงานออนไลน์ เป็นกลุ่มคนที่ไม่จำเป็นต้องทำงานในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว โดยใช้เวลาในที่พักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตกับสมาร์ทโฟนตลอดเวลา

พบที่ผ่านมา แสนสิริมีกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 21-30 ปี มาซื้อโครงการเพิ่มขึ้นถึง 25% ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นับเป็น 40% ของกลุ่มลูกค้าทั้งหมด แม้กลุ่มดังกล่าวจะถูกมองว่า มีความเสี่ยงจากภาระหนี้ส่วนบุคคลอยู่ในอัตราสูง และเป็นกลุ่มที่มียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงก็ตาม

“ยอดรีเจ็กต์ของแสนสิริในปัจจุบัน ต่ำกว่า 10% เยอะสุดในเซ็กเมนต์กลุ่ม B (1.7 แสน/ตร.ม.) และกลุ่ม C (เฉลี่ย 9.5 แสน/ตร.ม.) เป็นทั้งกลุ่มที่กู้แบงก์ไม่ผ่าน และกลุ่มนักลงทุนที่ถึงเวลาทิ้งโอน แต่ไม่ได้กังวลอะไร แม้โครงการนี้เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะเป็นกลุ่มที่ถูกเรียกว่า สตาร์ตอัพ หรือ กลุ่มฟรีแลนซ์ ที่ในอดีตอาจถูกมองว่ากู้ผ่านยาก หรือ เป็นกลุ่มคนหนี้เยอะก็ตาม แต่มองว่า จริง ๆ คนกลุ่มนี้ ครอบคลุมหลายอาชีพ และปัจจุบันกลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำ ส่วนใหญ่ก็มักเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง มีบุ๊กแบงก์ ที่มีเงินเข้า-ออกตลอดเวลา มีการสร้างเครดิตให้กับตัวเองอยู่แล้ว กลุ่มนี้จึงยังเป็นลูกค้าสำคัญของกลุ่มที่อยู่อาศัย”

ทั้งนี้ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ปัจุบันมีสินเชื่อส่วนบุคคลรวม 16 ล้านบัญชี ยอดคงค้าง 1.96 ล้านล้านบาท มีหนี้เสียราว 2 แสนล้านบาท (เอ็นพีแอล) โดยพบมากในกลุ่มลูกค้าเจนวาย (มิลเลนเนียล) 17-37 ปี มีประมาณ 1.4 แสนบัญชี

http://www.thansettakij.com


อีก 5 ปี กรุงเทพฯ จะก้าวสู่มหานครระบบราง

ปี 2566 เป็นเป้าหมายแห่งความสำเร็จของกระทรวงคมนาคม ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าตามแผนแม่บทระยะที่ 1 (M-Map1) ซึ่งจะทำให้มีเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยาวรวมกันเป็น 464 กิโลเมตร ขึ้นแท่นเป็นเมืองที่มีโครงข่ายรถไฟฟ้ายาวเป็นอันดับ 3 ของโลก ถือเป็นการพลิกโฉมการเดินทางและเปลี่ยนเมืองกรุงเทพฯ เป็นมหานครระบบรางอย่างเต็มรูปแบบ

4 ปีลงทุนโครงข่ายระบบรางกว่า 9 แสนล้านบาท
 
ทั้งนี้เป็นผลจากการเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม โดยมีโครงการสำคัญที่กระทรวงคมนาคมเร่งผลักดันจนได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาลปัจจุบัน (นับตั้งแต่ปี 2558-2561) ทั้งทางราง ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมกัน 21 โครงการวงเงินรวม 1,099,677  ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในส่วนของระบบราง 13 โครงการ วงเงินรวม 916,779 ล้านบาท
จากการเร่งรัดข้างต้น ทำให้การจัดอันดับคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดย International Institute for Management Development (IMD) จัดอันดับให้ไทยมีอันดับคุณภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้นจากปี 2558 ได้แก่ โครงข่ายทางถนนปรับดีขึ้น 21 อันดับ  การขนส่งทางอากาศปรับดีขึ้น 1 อันดับ คุณภาพการขนส่งทางอากาศปรับดีขึ้น 3 อันดับ และโครงข่ายทางรางปรับดีขึ้น 1 อันดับ
เร่งอีก 4 โครงการเสนอ ครม. อนุมัติ
 
และเพื่อให้โครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครอบคลุมตามแผนแม่บทกระทรวงคมนาคมมีโครงการจะผลักดันให้ ครม. อนุมัติในรัฐบาลนี้อีก 4 โครงการ วงเงินรวม 144,700 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศาลายา และช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช โดยคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้เร่งรัดการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาที่เหลืออีก 7-8 เดือนก่อนการเลือกตั้งให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย
โครงการรถไฟฟ้าที่กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ ครม. อนุมัติก่อนการเลือกตั้ง
ส่วนโครงการที่กำลังก่อสร้างก็มีความรุดหน้าไปมาก ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต สายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต สายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี รวมถึงสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง และ สายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ ที่เข้าสู่ขบวนการทดสอบระบบอาณัติ สัญญาณแล้วนั้น ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ผู้รับจ้างเดินรถ ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม 2561 ได้ตามสัญญาจ้างเดินรถ ไม่ว่าภาครัฐจะตกลงกันในเรื่องของการโอนสิทธิความเป็นเจ้าของโครงการได้หรือไม่ก็ตาม ขณะที่สายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ พร้อมที่จะเปิดให้บริการภายในปี 2562
เกิดศูนย์กลางการเดินทาง–ย่านธุรกิจเพิ่ม
 
จากการเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าตามแผนงานของกระทรวงคมนาคม จะทำให้กรุงเทพ-มหานครก้าวสู่การเป็นมหานครระบบราง ในปี 2566 เมื่อเปิดให้บริการครบทุกเส้นทาง ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนเมือง ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองแห่งการเคลื่อนไหวด้วยระบบราง ที่เน้นให้ประชาชนเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย โดยจะเพิ่มสัดส่วนผู้ใช้รถไฟฟ้าจากปัจจุบันประมาณ 1 ล้านเที่ยวคน/วัน เป็น 5 ล้านเที่ยวคน/วัน
นอกจากนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงศูนย์กลางการเดินทางจากหัวลำโพงมาที่สถานีกลางบางซื่อแทน โดยสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 120 ไร่ จะถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟ ซึ่งขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย (TECO) ร่วมกันศึกษาออกแบบรายละเอียดอยู่
ส่วน “สถานีกลางบางซื่อ” จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางด้วยระบบรางยุคใหม่ ที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้กับรถไฟฟ้า 5 เส้นทาง เชื่อมโยงการเดินทางจากในกรุงเทพฯ ไปสู่ต่างจังหวัด รวมถึงโครงข่ายกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย พร้อมกับจะมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อเป็น Smart City ซึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ รวมถึงพัฒนาพื้นที่มักกะสัน ขนาด 150 ไร่ ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการเชื่อมโยงการเดินทางของประชาชน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ไปยังระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ รวมถึงเชื่อมโยงการ  เดินทางไปยังเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกด้วย
นอกจากนั้นยังมีพื้นที่อื่นๆ ตามแนวเส้นทางที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเมืองใหม่ หรือที่อยู่อาศัยได้ตามสถานีต่างๆ ได้ เช่น สายสีส้ม ที่มีแนวเส้นทางพาดผ่านย่านชุมชนดินแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ของโครงการ “ฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง” ที่มีการพัฒนาพื้นที่แบบผสมผสานทั้งพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่สาธารณะ พื้นที่ออกกำลังกาย พื้นที่พาณิชยกรรม รวมถึงโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่รับผิดชอบโดยการเคหะแห่งชาติ เช่น ที่ประชานิเวศน์ ลำลูกกาคลอง 2 รวมถึงจะก่อให้เกิดพื้นที่ย่านธุรกิจ (CBD) เพิ่มขึ้นอีกหลายจุด เช่น รัชดาภิเษก ลาดพร้าว รามคำแหง และพระราม 9 เป็นต้น ส่งผลให้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของภาคอสังหาริมทรัพย์คึกคักตามไปด้วย
เล็งเก็บภาษีลาภลอยจากโครงสร้างพื้นฐาน 
 
อย่างไรก็ตาม จากอานิสงส์ในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้า ที่ส่งผลให้ราคาที่ดินโดยรอบเพิ่มขึ้น อาจมากถึง 5-10 เท่าตัว เจ้าของที่ดินหรือเจ้าของอาคาร ก็เหมือนได้ลาภก้อนใหญ่จากสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ลงทุน ขณะที่รัฐบาลหรือประชาชนที่จ่ายค่าก่อสร้างรถไฟฟ้ากลับไม่ได้ประโยชน์ด้วย จึงมีแนวคิดในการปฏิรูประบบภาษีและสร้างความเป็นธรรม ด้วยการออกกฎหมาย เป็น พ.ร.บ. ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม. แล้วเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยคนที่จะต้องเสียภาษีประเภทนี้ คือบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผู้ครอบครองทรัพย์, ที่ดิน, ห้องชุด, อาคารพาณิชย์ มูลค่าเกิน 50 ล้านบาทขึ้นไป และดำเนินการเชิงพาณิชย์เท่านั้น รวมถึงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรรรอการจำหน่าย ที่ตั้งอยู่รอบพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, ท่าเรือ, สนามบิน, โครงการทางด่วนพิเศษ หรือโครงการอื่นของรัฐ ในรัศมี 5 กิโลเมตร โดยอัตราภาษีจะไม่เกิน 5% คิดจากส่วนต่างของราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ ส่วนผู้ที่ครอบครองเพื่ออยู่อาศัยและการเกษตรจะได้รับการยกเว้น คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในปี 2562  ทั้งนี้รัฐบาลเชื่อว่าจะมีผลดีคือนำภาษีจากส่วนนี้ไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม โดยจะไม่เป็นภาระต่อผู้เสียภาษีเนื่องจากเก็บในอัตราไม่สูง และจะไม่มีผลกระทบกับประชาชนทั่วไปด้วย
คาดอีก 5 ปีเก็บค่าเข้าเมืองจากรถส่วนตัว
 
ขณะที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) คาดการณ์ว่า เมื่อเปิดให้บริการรถไฟฟ้าครบตามแผนแม่บท M-Map 1 จะทำให้การเดินทางในสัดส่วนของระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 30% เป็น 50% แต่สัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะควรจะต้องอยู่ที่ 60% จึงจะทำให้เมืองน่าอยู่ จึงต้องมีการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะด้านอื่นๆ ควบคู่ไปพร้อมกัน รวมถึงการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ที่ต้องปรับระยะทางให้สั้นลงด้วย และเมื่อโครงข่ายรถไฟฟ้าระยะที่ 1 เสร็จสมบูรณ์ จะสามารถเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ส่วนตัวที่จะเข้ามาในเขตเมืองชั้นในที่มีปัญหาการจราจรติดขัดได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมากขึ้น ยังจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดได้ ขณะเดียวกันก็สามารถที่จะนำรายได้จากการเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ส่วนตัวไปสนับสนุนระบบการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะได้ด้วย
สนข. เตรียมทำแอปรถไฟฟ้าช่วยเดินทาง
 
สำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง สนข. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยมหิดลศึกษาการวางแผนเชิงระบบการจัดการการเดินรถ เพื่อให้การใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกต่อการใช้บริการ ใช้เวลาศึกษา 14 เดือน งบประมาณ 17 ล้านบาท โดยจะพัฒนาแอปพลิเคชันมาใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้โดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าพัฒนาเสร็จเดือนธันวาคม 2561 จากนั้นทำการทดลองการใช้งานแอปฯ เพื่อประเมินผลความพึงพอใจของผู้โดยสารและระบบการใช้งาน นำมาปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสารมากสุด และคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานได้อย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2562
อย่างไรก็ดี นอกจากจะเร่งผลักดันการก่อสร้างโครงข่ายรถไฟฟ้าให้เป็นไปตามแผนงานแล้ว รัฐบาลก็ต้องไม่ลืมที่จะเร่งรัดการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ ควบคู่ไปอย่างเป็นจริงเป็นจังด้วย เพื่อให้การเดินทางของรถไฟฟ้าเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ และเชื่อมโยงได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญต้องไม่ลืมพิจารณาถึงการกำหนดราคาค่าโดยสาร ให้อยู่ในระดับที่ประชาชนทุกคน ทุกอาชีพ สามารถจ่ายได้อย่างพอดี ไม่กลายเป็นภาระค่าครองชีพมากกว่าที่เป็นอยู่
คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
 
“การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้ง 10 เส้นทางในระยะที่ 1 ที่กระทรวงคมนาคมผลักดัน ถือเป็นการปฏิรูปการเดินทางอย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการครบตามแผนงานในปี 2566 จะพลิกโฉมกรุงเทพมหานครฯ เป็นมหานครระบบราง ที่มีเส้นทางรถไฟฟ้ายาวเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และจะมีศูนย์คมนาคมพหลโยธิน หรือสถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางการคมนาคมแห่งใหม่ เป็นทั้งศูนย์กลางการขนส่งหลายรูปแบบ เป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการเดินทางเชื่อมต่อไปยังทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงเชื่อมโยงการเดินทางไปประเทศอื่นๆ เช่น ลาว จีน มาเลเซีย และยังมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อเป็น Smart City ด้วย”

http://www.bkkcitismart.com


16 แบงก์เปิดเงินฝากพื้นฐาน ‘ฟรี’ ทุกค่าธรรมเนียม

16 แบงก์ลงนามเปิดบัญชีเงินฝากฟื้นฐาน ฟรีทุกค่าธรรมเนียม ไม่กำหนดวงเงินขั้นต่ำ ให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการรัฐ และผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เริ่มในเดือนต.ค.นี้

ธนาคารพาณิชย์สมาชิกสมาคมธนาคารไทย 14 แห่ง ร่วมกับธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การให้บริการบัญชีเงินฝากเพื่อการเข้าถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐาน หรือ (บัญชีเงินฝากพื้นฐาน) ภายใต้ แนวคิดการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินทุกภาคส่วนเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน และทั่วถึง

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) เปิดเผยว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นมิติสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบริการการเงินได้สะดวกและด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงและใช้บริการทางการเงินมากขึ้น

ซึ่งจากผลสำรวจการเข้าถึงบริการทาง การเงินภาคครัวเรือน ปี 2559 พบว่า ครัวเรือนประมาณ 30% เข้าไม่ถึงและไม่ใช้บริการเงินฝากซึ่ง สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 20% ในปี 2556 ธปท. จึงเห็นว่าการก้าวเข้ามาใช้บริการ ทางการเงินในระบบเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ประชาชนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารเงินขั้นพื้นฐาน สามารถต่อยอดไปใช้บริการผลิตภัณฑ์อื่น ตลอดจนส่งเสริมทัศนคติในการออมของประชาชน

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า บัญชีประเภทใหม่นี้ได้ภายในเดือนต.ค. 2561 นี้ โดยในระยะแรกจะให้บริการสำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้สูงอายุ

ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ ผู้ดูแลรับผิดชอบแผนงานการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินภายใต้แผนยุทธศาสตร์5 ปี กล่าวว่า บัญชีเงินฝากพื้นฐานประเภทใหม่นี้จะมีเงื่อนไขพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ฝากกลุ่มเป้าหมายให้สามารถเปิดและใช้บริการบัญชีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ได้อย่างสะดวกและคล่องตัว

บัญชีเงินฝากพื้นฐานนี้ ธนาคารพาณิชย์จะไม่กำหนดทั้งวงเงินขั้นต่ำในการเปิดและคงบัญชีเงินฝากไว้ และผู้ฝากสามารถฝาก ถอน โอน โดยใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตที่ผูกไว้กับบัญชีได้ โดยจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีเป็นพิเศษ

ในระยะแรก ธนาคารพาณิชย์และธนาคารรัฐอีก 2 แห่งที่ร่วมลงนามในชั้นนี้ จะให้บริการบัญชีนี้แก่ ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนภายใต้โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป โดยผู้ที่ประสงค์จะเปิด บัญชีเงินฝากพื้นฐานสามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากธนาคารที่ร่วมให้บริการต่อไป

http://www.bangkokbiznews.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า 33.35 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดลดความกังวลปัญหาสงครามการค้า กลับมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์ ในคืนที่ผ่านมายังคงเป็นช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐและทั่วโลก ตลาดจึงมีแนวโน้มเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) ต่อ นอกจากนี้ยังมีข่าวบวกเมื่อทั้งจีนและสหรัฐงัดกลยุทธ์การคลังและนโยบายเฉพาะกิจเข้าช่วยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับปัญหาสงครามการค้าทำให้ตลาดคลายความกังวลลงมาก

เช่นในฝั่งจีน มีการเปิดเผยจากทางการว่าจะมีมาตรการลดภาษี และมาตรการการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมกันกับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ฝั่งอเมริกา ก็มีการให้สัญญาว่าจะอัดฉีดเงิน 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบ เพื่อช่วยเหลือชาวนาอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แย่ ราคาสินค้าที่ตกต่ำ และหาตัวช่วยในการส่งออกเพื่อลดความเสี่ยงของสงครามการค้า

ผลตอบรับในตลาดการเงิน ค่อนข้างชัดเจนว่าค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ทันทีที่ตลาดเปิดรับความเสี่ยงและบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปีที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 2.95% สะท้อนได้ว่า ตลาดลดความกังวลกับปัญหาสงครามการค้า แต่ยังมีความกดดันจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดดังนั้น ในระยะสั้นภาพเศรษฐกิจจึงกลับมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ในระยะยาวต้องจับตาว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกับการทำสงครามการค้าจะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นเร็วมากหรือไม่

ฝั่งตลาดการเงินไทย สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ นักลงทุนต่างชาติเริ่มหยุดขายหุ้นและบอนด์เมื่อตลาดกับมาเปิดรับความเสี่ยง แม้ในช่วงสั้นอาจต้องรอความชัดเจนของเงินหยวน แต่ยังเชื่อว่าถ้าเงินหยวนแข็งค่ากลับก็จะเห็นแรงซื้อเงินบาทกลับมาแน่นอนเช่นกัน มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


วิ่งอย่างไรไม่บาดเจ็บ และไม่ทำร้ายสุขภาพ

วิ่งอย่างไรไม่บาดเจ็บ และไม่ทำร้ายสุขภาพ

การเดิน และการวิ่งเป็นกิจกกรรมการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย ประหยัด ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ อาศัยเพียงแค่สถานที่วิ่งที่เหมาะสม มีอากาศถ่ายเทสะดวก แถมยังเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ดีต่อระบบต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอกร่างกาย 

ประโยชน์ที่ได้จากการเดิน และการวิ่ง

การเดิน และการวิ่งเป็นประจำ ส่งผลดีต่อร่างกายทุกระบบ ทั้งร่างกาย และจิตใจ นพ.ภัทรภณ อติเมธิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่ง และอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง กล่าวว่า การวิ่งนั้นดีต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน

ด้านสุขภาพพื้นฐานทั่วไป ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปรกติ การทำงานของหัวใจ ปอด การหายใจดีขึ้น เพิ่มความฟิต และสมบูรณ์ให้กับร่างกาย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น

ช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคประจำตัวต่างๆ เช่นหัวใจ โรคความดันเลือด โรคเบาหวาน ช่วยลดระดับไขมันในเลือด และช่วยในการลดน้ำหนัก และควบคุมน้ำหนักได้

ด้านสุขภาพจิต และอารมณ์ ก็มีรายงานว่าการวิ่งช่วยให้อารมณ์ และสุขภาพจิตดีขึ้น ช่วยทำให้ระดับความเครียดลดลง

กิจกรรมการเดินและวิ่ง เหมาะกับใครบ้าง

คนทุกเพศ ทุกวัย สามารถใช้การเดิน และการวิ่งเป็นกิจกรรมสร้างเสริมการออกกำลังกายได้ เพียงแต่ต้องกำหนดเวลา และระยะทางการวิ่งให้เหมาะสมตามสภาพร่างกาย เช่น กลุ่มช่วงวัยเด็ก ควรวิ่งในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำหนด ระยะเวลา และรูปแบบการวิ่งให้พอเหมาะกับความสมบูรณ์ของร่างกาย

การกำหนดเป้าหมายในการวิ่ง ช่วยให้การวิ่งปลอดภัยขึ้น

นพ.ภัทรภณ ยังให้คำแนะนำต่อว่า การวิ่งนั้นไม่ว่าคนในกลุ่มใดก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อาการบาดเจ็บ และ อาการหัวใจหยุดเต้นได้ อันเนื่องมาจากการวิ่งที่หนักเกินกำลังร่างกาย ขาดการฝึกฝนฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอ และกลุ่มที่ไม่ทราบว่าตนเองป่วย หรือมีโรคประจำตัว ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายในการวิ่งให้ชัดเจน จึงมีส่วนช่วยในการกำหนดการฝึกซ้อม และการเตรียมสภาพร่างกาย

กลุ่มคนที่วิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งไม่หนักมากนัก สามารถสังเกตอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตนเอง และควรเริ่มวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เพิ่มระยะทาง ระยะเวลาตามความพร้อม และความสบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย

กลุ่มคนที่ต้องการวิ่งเพื่อการแข่งขันหรือวิ่งในระดับอาชีพ ที่ต้องการพัฒนาการวิ่งของตนเองให้มีระดับสูงขึ้น วิ่งได้เร็วขึ้น นอกจากการฝึกซ้อมอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสม่ำเสมอแล้ว ควรได้รับการตรวจเช็คสภาพร่างกายก่อน เพื่อดูว่าตนเองมีความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือโรคประจำตัวอะไรหรือไม่

กลุ่มคนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว โรคความดันเลือด โรคหัวใจ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก และข้อต่อ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อกำหนดรูปแบบและระยะเวลาที่เหมาะสม

วิ่งอย่างไรไม่บาดเจ็บ และไม่ทำร้ายสุขภาพ

อาการบาดเจ็บจากการวิ่ง โดยมากมักเกิดขึ้นบริเวณหัวเขา รองลงมาคือส่วนของข้อเท้า ซึ่งอาการบาดเจ็บเหล่านี้สามารถเกิดได้กับนักวิ่งทุกคน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มระยะ และเพิ่มความเร็วในการวิ่ง เร็วเกินไป ในขณะที่สภาพร่างกายยังไม่พร้อม การฝึกซ้อมให้สม่ำเสมอ และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้

ระยะทางและเวลาในการฝึกวิ่งที่เหมาะสม

การฝึกซ้อมการวิ่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสม่ำเสมอ สามารถช่วยพัฒนาการวิ่งได้ ซึ่งระยะทาง และระยะเวลาในการฝึกซ้อมนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อม และความแข็งแรงของร่างกายเป็นหลัก แตกต่างไปตามแต่ละบุคคล ระยะเวลาการฝึกซ้อมวิ่งที่แนะนำ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ อาจเป็นเป็นการเดิน หรือ วิ่ง วันละ 40-50 นาที 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือ หากวิ่งแล้วมีอาการเหนื่อยมาก พักแล้วไม่หาย ให้ลดเวลาวิ่งลงเหลือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 30 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ 

วิธีการสังเกตตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง

การสังเกตตนเองสามารถทำได้ในขณะวิ่ง หากมีอาการเจ็บ หรือปวด หน้ามืด วิงเวียนขณะวิ่ง ให้เบาความเร็วในการวิ่งลง หรือ หยุดเพื่อสังเกตการ ไม่ควรฝื่นวิ่งต่อ อีกกรณีหากวิ่งแล้วมีอาการเจ็บ หรือปวดเรื้อรังเป็นเวลานาน เกิน 3 – 4 วัน ให้ลองหยุดพัก และสังเกตอาการ และบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยการประคบเย็น และยกขาให้สูง หรือหากทำแล้วไม่ดีขึ้น หรือไม่มั่นใจในอาการบาดเจ็บตนเอง ให้ปรึกษาแพทย์รับการวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาต่อไป

นอกจากนี้ควรหมั่นฝึกซ้อม และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพิ่มความเร็ว และระยะในการวิ่ง เร็วเกินไป เพิ่มการฝึกเวทเทรนนิ่ง หรือ บอดี้เวท ที่สามารถทำได้ง่ายๆที่บ้าน เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ก็จะสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการวิ่งได้อีกทาง

ฝากหน่อย มือใหม่นักวิ่ง

นพ.ภัทรภณ กล่าวทิ้งท้ายสำหรับนักวิ่งมือใหม่ว่า การวิ่งเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ควรทำอย่างใจเย็น ไม่ต้องเร่ง หรือวิ่งให้เร็วตามใคร ควรกำหนดการวิ่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเอง กำหนดเป้าหมายให้จัดเจนว่า จะวิ่งเพื่อสุขภาพ หรือ วิ่งเพื่อการแข่งขัน แล้วกำหนดแผนการให้เหมาะสม หมั่นฝึกซ้อม และทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ แบบค่อยเป็นค่อยไป ก็จะช่วยให้การวิ่งมีการพัฒนา สามารถวิ่งได้ตามเป้าหมาย โดยไม่มีอาการบาดเจ็บมารบกวน

https://www.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 25/07/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,300.00 19,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,250.00 18,950.00 19,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,125.00 17,055.00 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 563.00 8,535.08 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 438.00 6,640.08 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,295.00 19,632.20 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  25/07/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
แก๊สโซฮอล E-20
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28
เบนซิน 95 36.66
37.11
37.16 36.66 36.66 36.66
ดีเซลหมุนเร็ว
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.99 32.86 32.86 32.86 32.86
มีผลตั้งแต่ 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า