สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 26 กรกฎาคม 2561

“พลัส”ตั้งเป้า3ปีขยายตลาดบี-บีบวก มั่นใจปี61กวาดลูกค้า16รายมูลค่า2หมื่นล้าน

พลัสฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯระดับกลาง-บนยังเติบโตต่อเนื่อง ผู้ประกอบการมีความต้องการ Sole Agent มืออาชีพ ตั้งเป้า 3 ปีรุกขยายตลาดบี-บีบวกมากขึ้นจาก 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก มั่นใจสิ้นปี61 กวาดลูกค้า 16 ราย รวมมูลค่า 20,000 ล้านบาทตามแผน ทั้งยกระดับ มาตรฐานเป็น Sole Agent 360˚นำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics ประยุกต์ใช้การทำงาน พัฒนาศักยภาพสร้างความแกร่ง 

นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากภาพรวมทางเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2560 ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ Sole Agent ในปี2561นี้มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2561 พบว่าไม่เพียงแต่ตลาดระดับบนเท่านั้นที่มีกำลังซื้อที่ดีแต่ตลาดระดับกลางก็เริ่มมีการขยายตัว ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นทิศทางการเดินทางในอนาคตอันใกล้ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันอย่างครอบคลุม อีกทั้งภาครัฐยังมีการลงทุนด้านคมนาคมเชื่อมโยงหัวเมืองต่างๆ ทำให้ตัวเมืองขยายออกไป ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

 

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการอสังหาฯก็ยังมีความต้องการ Sole Agent ที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งในส่วนของพลัสฯเอง เข้ามีไปส่วนร่วมในการวางกลยุทธ์ขยายตลาดไปสู่โครงการระดับบนมากขึ้นนั้น ถือเป็นการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องไปตามอุปทานของตลาด เนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นตลาดระดับบนที่เติบโตต่อเนื่องและได้ขยายตัวมาถึงปัจจุบัน และที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทฯมีการใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในระดับซีและซีบวก ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท และภายในระยะ 3 ปีนี้จะขยายตลาดไปยังลูกค้าระดับบี ราคา 1.3-1.6 แสนบาท/ตร.ม.ราคา หรือราคายูนิตละ 5-8 ล้านบาท,บีบวก ระดับราคา 1.6-2 แสนบาท/ตร.ม. ราคายูนิตละ 8 ล้านบาทขึ้นไป  ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก 1.ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่ส่วนใหญ่เป็นทายาทผู้ประกอบการอสังหาฯรุ่นเก่า คิดเป็นสัดส่วน 40% 2.กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30%

 

ซึ่งในปี2561 นี้บริษัทตั้งเป้าลูกค้าทั้งสิ้นรวม 16 ราย ซึ่งเน้นโครงการในกทม.คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2561 มีลูกค้าแล้วรวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท โดยเป็นลูกค้าเก่าสัดส่วน 30% และลูกค้าใหม่สัดส่วน 70%คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถรับบริหารงานโครงการได้อีก 3 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้ จากทั้งปี 2560 ที่มีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 25%

“ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นภาพตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา และผู้ประกอบการรุ่นใหม่มักจะให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงนำกลับมาวางแผนก่อนที่จะพัฒนาโครงการ เพื่อให้สินค้าออกมาตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ต่างจากผู้ประกอบการในอดีตที่จะพัฒนาตามความต้องการของตนเองเป็นหลัก ซึ่งหากภาพรวมตลาดอสังหาฯยังเป็นเช่นนี้ จะทำให้มีอัตราการเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง”นางสาวสมสกุล กล่าว

 

นางสาวสมสกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯได้พยายามยกระดับการวางแผนการขายให้ทันต่อยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้ภาคอสังหาฯทุกรายพร้อมที่จะยกระดับ มีการแข่งขันในความเป็นมืออาชีพของตนเองมากขึ้น  ด้วยการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ สร้างสินค้าแล้วเสร็จตามที่สัญญากับลูกค้า  ซึ่งพลัสฯได้พัฒนาการทำงานของ Sole Agent ด้วยการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็น Sole Agent 360˚ พัฒนาศักยภาพของพนักงานขายจากเดิมที่มีความเชี่ยวชาญในระดับท็อปให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะนำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำมาแสดงผลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายและชัดเจนขึ้น โดยจัดฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างการเข้าใจตลาดในเชิงลึกมากขึ้น เดินหน้าขยายการให้บริการSole Agent ให้ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นก่อนการพัฒนาโครงการ ขั้นบริหารงานขาย และมีแผนจะขยายการให้บริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ใช้วิธีการขายที่หลากหลายและครอบคลุม เช่นการทำ Co-Agent เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างโอกาสในการปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

 

“ปัจจุบัน Sole Agent มีการแข่งขันกันมาก แต่หากเป็นมืออาชีพจริงจะต้องเข้าไปร่วมวางแผนกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นที่จะพัฒนาโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ราย ที่เหลือจะเป็นเอเย่นต์ที่รับสินค้าไปขายต่อเท่านั้น ซึ่งพลัสฯได้ใช้จุดแข็งด้าน Big Data นำเอาฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่จำนวนมากมาช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจและงานขายให้เหมาะสมกับกุล่มลูกค้า จนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จในหลายโครงการ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช, โครงการคอนโดมิเนียมโมนีค สุขุมวิท 64 บริษัท ซันเคียวโฮม และเคฮัง เรียลเอสเตท กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น, โครงการซีเอกมัย และล่าสุดโครงการคอนเนอร์ ราชเทวี ของเดอะครีเอเตอร์ส เอชคิว  และในปีนี้กลุ่มลูกค้าเดิมก็มีการวางแผนเปิดโครงการใหม่ก็ยังคงใช้บริการพลัสฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ซันเคียวโฮมและเคฮัง เรียลเอสเตท ที่ล่าสุดได้เปิดโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย และยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มในย่านสุขุมวิท ภายใต้การบริหารงานขายโดยพลัสฯ เช่นกัน”นางสาวสมสกุล กล่าวในที่สุด

www.prop2morrow.com


พหลโยธิน-ประดิพัทธ์ ทำเลใหม่ในย่านสุดคลาสสิค

เน็กซัสชี้พหลโยธิน-ประดิพัทธ์เป็นตลาดคอนโดมิเนียมทำเลใหม่ในย่านสุดคลาสสิค สนนราคาขายถูกกว่าทำเลใกล้เคียงกันบนถนนพหลโยธิน ทำเลศักยภาพที่มีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คุ้มค่าทั้งในแง่ของการซื้อไว้เป็นทรัพย์สินและการลงทุนในอนาคต

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ทำเลประดิพัทธ์เป็นทำเลใหม่ที่น่าจับตามอง ภาพรวมของย่านพหลฯ-ประดิพัทธ์ยังคงความคลาสสิค เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนเก่าแก่ โรงแรม เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งประกอบกิจการในอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น เป็นช่วง ๆ ตลอดแนวถนนประดิพัทธ์ การเจริญเติบโตของเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ศักยภาพในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของย่านนี้เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันราคาที่ดินในตลาดตลอดแนวถนนเสนอขายที่ราคาตารางวาละ 600,000 – 800,000 บาท โดยบริเวณข้างเคียง ได้แก่ บริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์ บริเวณถนนพหลโยธินตั้งแต่ช่วงจตุจักรไปจนถึงสถานีบีทีเอสสะพานควาย และช่วงสถานีบีทีเอสสะพานควายไปตลอดจนถึงอนุสาวรีย์ฯ เสนอขายที่ดินที่ราคาตารางวาละ 600,000 –800,000 บาท 900,000 – 1,000,000 บาท และ 1,200,000 – 1,500,000 บาท ตามลำดับ

1_9

ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในทำเลพหลฯ-ประดิพัทธ์ปัจจุบันเสนอขายที่ราคาตารางเมตรละ 170,000 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาเฉลี่ยที่ต่ำกว่าราคาคอนโดมิเนียมบนถนนเส้นหลักพหลโยธินตั้งแต่ช่วงสถานีบีทีเอสสะพานควายไปจนถึงอนุสาวรีย์ที่เสนอขายในราคา 218,000 บาท/ตารางเมตร โดยทั้งสองทำเลมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกัน ทั้งในแง่ของขนาดถนน การคมนาคม และสาธารณูปโภค

สำหรับคอนโดมิเนียมในบริเวณข้างเคียง ได้แก่ บริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์ และบนถนนพหลโยธินในทำเลจตุจักร มีระดับราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 154,000 บาท และ166,000 บาท ตามลำดับ แม้ว่าทำเลดังกล่าวจะอยู่ห่างจากทำเลพหลฯ-ประดิพัทธ์ในระยะที่ไม่แตกต่างกัน แต่ระดับราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำกว่า ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยทางด้านกายภาพของบริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์ ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็ก ขนาดอาคารที่อยู่อาศัยไม่เกิน 8 ชั้น และที่ตั้งโครงการคอนโดมิเนียมทำเลจตุจักรมีระยะการเข้าถึงกรุงเทพฯ ชั้นในมากกว่า เมื่อเทียบกับทำเลอื่นข้างต้น

 

ทำเลใกล้กัน ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน

ทำเลพหลฯ-ประดิพัทธ์ สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง และหลายรูปแบบ อยู่ในระยะเดินทางไปยังเส้นทางหลักถนนพหลโยธินและถนนพระรามที่ 6 โดยใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีด้วยรถยนต์ หรือในระยะเดินเท้า 10-15 นาที ใช้เส้นทางลัดไปยังทำเลอารีย์ได้จากซอยย่อยต่าง ๆ การเข้าถึงสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดทั้งสถานีสะพานควายและอารีย์ อยู่ในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันกับทำเลที่ตั้งที่อยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบนถนนพหลโยธิน นอกจากนี้การใช้บริการทางพิเศษทั้งการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพชั้นใน กรุงเทพฝั่งเหนือหรือวงแหวนรอบนอก ก็สามารถใช้บริการได้ในระยะรัศมี 2 กิโลเมตร

พื้นที่โดยรอบทำเลมีสาธารณูปโภคอื่น ๆ ครบครัน มีห้างสรรพสินค้าและ คอมมูนิตี้ มอลล์กว่า 10 แห่ง สถานศึกษาขนาดใหญ่ 2 แห่ง โรงพยาบาล 6 แห่ง สถานที่ราชการ 7แห่ง และอาคารสำนักงานอีกนับไม่ถ้วนทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ยังไม่นับรวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อที่กระจายตัวอยู่อีกจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับทำเลใกล้เคียง จะพบว่าสิ่งแวดล้อมโดยรอบแทบจะเป็นสิ่งแวดล้อมเดียวกัน

ทำเลที่มีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่มีโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นแรกของประเทศไทยเชื่อมพื้นที่กรุงเทพฝั่งเหนือ (จตุจักร) กรุงเทพชั้นใน และฝั่งตะวันออก (แบริ่ง) การปรับเปลี่ยนผังเมืองตามการเจริญเติบโตของเมือง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีน้ำตาลและมีสีแดงเป็นบางช่วง นั่นทำให้พื้นที่โซนนี้มีศักยภาพในการพัฒนาในอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน สามารถพัฒนาได้ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง รวมไปถึงเพื่อการพาณิชย์ โรงแรมและสำนักงาน เป็นต้น

 

ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะเปิดใช้บริการในปี 2563 ได้แก่ ส่วนคมนาคม คือรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลอดแนวถนนกำแพงเพชร 5 โดยสถานีที่ใกล้กับทำเลนี้ที่สุดคือ สถานีประดิพัทธ์ ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และส่วนที่เป็นอาคาร 2 โครงการ คือ เดอะไรส์ บาย ศรีศุภราช เป็นโครงการมิกซ์ ยูสของกลุ่มศรีศุภราชกรุ๊ป รวมค้าปลีก ช็อปปิ้งมอลล์และโรงแรมระดับ 4 ดาว โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุตติ ของบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง  จำกัด (มหาชน) เป็นโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพ บนพื้นที่รวม 7 ไร่เศษ นอกจากนี้ยังมีโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการภายใน 5-15 ปีนี้ ได้แก่ เดอะ ยูนิคอร์น โครงการมิกซ์ ยูส ของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มีแนวคิดจะสร้างให้เป็นศูนย์กีฬา รวมร้านค้าปลีกและพื้นที่สำนักงานไว้ด้วยกัน และโครงการ บางกอก เทอร์มินอล อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ดินให้เป็นมิกซ์ ยูส มีพื้นที่สำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ที่จอดรถ และพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสถานีขนส่ง สุดท้ายคือโครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ บนพื้นที่กว่า 218 ไร่ ตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ตามโครงข่ายสถานีขนส่งมวลชนแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็นแหล่งศูนย์รวมคมนาคมทางรางระดับอาเซียน

http://www.bangkokbiznews.com


“ค่าครองชีพ” ไทยถูกสุดใน “อาเซียน”

“ค่าครองชีพ” ไทยถูกสุดใน “อาเซียน”

หากพูดถึงค่าครองชีพของไทยเชื่อว่าหลายๆคนคงบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “แพง” ที่สุด แต่ถ้าเทียบประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วค่าครองชีพของไทยถือว่าถูกกว่าอย่างมาก โดยสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ อย่าง ไก่สดชำแหละ ไข่ไก่ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ปลากระป๋อง นมสดพาสเจอร์ไรส์ น้ำมันปาล์ม  ข้าวสาร เนื้อหมู และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ราคาจำหน่ายของไทยมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด เมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายในประเทศอาเซียนเกือบทุกสินค้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าจำเป็นของไทย มีราคาถูกกว่าและมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าชาติอาเซียนอื่น

12

https://www.sanook.com


“ต้นไม้” ก็เป็น “หลักประกัน” ทางธุรกิจได้ด้วย

"ต้นไม้" ก็เป็น "หลักประกัน" ทางธุรกิจได้ด้วย

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีสาระสำคัญกำหนดให้ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ต้นไม้ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่า รวม 58 ชนิด เช่น สัก พะยูง ชิงชัน แดง และเต็ง เป็นต้น เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความสะดวกและมีโอกาสในการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งร่างกฎกระทรวงฯนี้จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง

https://www.sanook.com


“10 ผลเสียต่อสุขภาพ” จากการเล่นสมาร์ทโฟนนานเกินไป

“10 ผลเสียต่อสุขภาพ” จากการเล่นสมาร์ทโฟนนานเกินไป

ทุกวันนี้  “สมาร์ทโฟน”  เป็นมากกว่าแค่โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันแล้ว  เพราะเราสามารถรับข้อมูลข่าวสาร เสพความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ถ่ายรูป บันทึกวิดีโอ  ได้จากมือถือเพียงเครื่องเดียว

นอกจากนี้ ผู้ปกครองบางรายก็ยังใช้สมาร์ทโฟนเป็นเพื่อนแก้เหงาให้บุตรหลาน จนเด็กบางคนติดงอมแงมชนิดที่ไม่ยอมวาง และส่งผลเสียต่างๆ ตามมา  ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะจ้องจอนานเกินไปจนส่งผลต่อกล้ามเนื้อตาที่ยังไม่แข็งแรง

และนี่คือ 10 ผลเสียที่เกิดขึ้นกับสุขภาพที่หลายคนอาจมองข้าม จากการใช้สมาร์ทโฟนนานเกินไป

1.รบกวนการนอนหลับ
แสงจากจอมือถือหรือแท็บเล็ตที่สว่างๆ ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” ที่ช่วยควบคุมการนอนหลับ เนื่องจากการปล่อยฮอร์โมนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแสงสว่างเป็นสำคัญ การเล่นมือถือก่อนนอนจึงส่งผลต่อการนอนหลับไปด้วย

2.เกิดความเครียด
การใช้สมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลา เท่ากับว่าเราต้องพร้อมที่จะรับโทรศัพท์ ตอบข้อความต่างๆ ที่แจ้งเตือนเข้ามาจากช่องทางต่างๆ ทั้งไลน์ อีเมล และโซเชียลมีเดียตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จึงทำให้เกิดความเครียดได้โดยไม่รู้ตัว

3.ทำลายจอประสาทตา
แสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟนสามารถทำลายจอประสาทตา (เรติน่า) จนนำไปสู่โรคจอประสาทตาเสื่อมได้  ซึ่งสูตรที่ใช้กันเพื่อดูแลสุขภาพตา คือ 20-20-20  โดยมองจอแค่ 20 นาที จากนั้นพักสายตามองที่อื่น 20 วินาที  โดยมองสิ่งที่อยู่ไกลจากตัวเอง 20 ฟุต เพื่อคลายความล้าจากการใช้สายตา

4.ปวดคอ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่ก้มมองจอโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ข้อความต่างๆ  คนเรามักจะก้มคอราว 60 องศา ซึ่งเป็นท่าที่ไม่เหมาะสม เพราะจะส่งให้เกิดอาการปวดคอได้หากก้มเป็นเวลานานๆ

5.พฤติกรรมก้าวร้าว
คนที่ติดการใช้มือถือและไม่ได้ใช้ในเวลาที่ต้องการ มักจะเกิดอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว เพราะไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กๆ ที่ติดเล่นเกมในสมาร์ทโฟน

6.เสียสมาธิ
การใช้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้เสียสมาธิได้ เพราะแทนที่จะจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ลุล่วง ก็ต้องมาพะวงกับเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ที่เข้ามาจนขาดสมาธิ

7.Cellphone Elbow
Cellphone Elbow คือ อาการปวดชา หรือเหน็บชาบริเวณปลายแขนและมือ จากการถือสมาร์ทโฟนด้วยท่าทางที่งอแขนเป็นมุมแคบกว่า 90 องศานานเกินไป ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขก็อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดข้องอติดแข็งที่นิ้วนางกับนิ้วก้อยได้

8.นิ้วล็อก
การใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งพิมพ์ข้อความหรือเล่นเกมในมือถือนานเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการนิ้วล็อกได้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่ใช้ในการงอนิ้วข้อมือตรงบริเวณโคนนิ้ว ทำให้เกิดอาการปวดบวม โดยส่วนใหญ่มักเป็นกับนิ้วหัวแม่มือที่ใช้งานมากกว่านิ้วอื่นๆ

9.ซึมเศร้าและวิตกกังวล
คนที่ใช้มือถือจนติดมักจะมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลตามมาได้ อันเนื่องมาจากการรอคอยหรือคาดหวังเสียงโทรศัพท์ หรือการตอบกลับข้อความต่างๆ และหากวันไหนลืมมือถือมาด้วยก็จะยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น

10.ปวดศีรษะ 
การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน จะส่งให้ได้รับรังสีจากคลื่นโทรศัพท์ที่แผ่ออกมามากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งรังสีดังกล่าวส่งผลต่อระบบประสาทด้วยทำให้เกิดอาการข้างเคียงตามมา นั่นคือปวดศีรษะ ปวดไมเกรน หรือบางรายก็อาจจะมีอาการที่รุนแรงกว่านั้น

https://www.sanook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 26/07/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,300.00 19,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,250.00 18,950.00 19,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,125.00 17,055.00 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 563.00 8,535.08 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 438.00 6,640.08 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,295.00 19,632.20 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  26/07/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
29.55
แก๊สโซฮอล E-20
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28 29.28
เบนซิน 95 36.66
37.11
37.16 36.66 36.66 36.66
ดีเซลหมุนเร็ว
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.99 32.86 32.86 32.86 32.86
มีผลตั้งแต่ 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00 24 Jul 05:00

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า