“พลัส”ตั้งเป้า3ปีขยายตลาดบี-บีบวก มั่นใจปี61กวาดลูกค้า16รายมูลค่า2หมื่นล้าน
พลัสฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯระดับกลาง-บนยังเติบโตต่อเนื่อง ผู้ประกอบการมีความต้องการ Sole Agent มืออาชีพ ตั้งเป้า 3 ปีรุกขยายตลาดบี-บีบวกมากขึ้นจาก 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก มั่นใจสิ้นปี61 กวาดลูกค้า 16 ราย รวมมูลค่า 20,000 ล้านบาทตามแผน ทั้งยกระดับ มาตรฐานเป็น Sole Agent 360˚นำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics ประยุกต์ใช้การทำงาน พัฒนาศักยภาพสร้างความแกร่ง
นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากภาพรวมทางเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2560 ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ Sole Agent ในปี2561นี้มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2561 พบว่าไม่เพียงแต่ตลาดระดับบนเท่านั้นที่มีกำลังซื้อที่ดีแต่ตลาดระดับกลางก็เริ่มมีการขยายตัว ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นทิศทางการเดินทางในอนาคตอันใกล้ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันอย่างครอบคลุม อีกทั้งภาครัฐยังมีการลงทุนด้านคมนาคมเชื่อมโยงหัวเมืองต่างๆ ทำให้ตัวเมืองขยายออกไป ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการอสังหาฯก็ยังมีความต้องการ Sole Agent ที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น ซึ่งในส่วนของพลัสฯเอง เข้ามีไปส่วนร่วมในการวางกลยุทธ์ขยายตลาดไปสู่โครงการระดับบนมากขึ้นนั้น ถือเป็นการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องไปตามอุปทานของตลาด เนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นตลาดระดับบนที่เติบโตต่อเนื่องและได้ขยายตัวมาถึงปัจจุบัน และที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทฯมีการใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในระดับซีและซีบวก ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท และภายในระยะ 3 ปีนี้จะขยายตลาดไปยังลูกค้าระดับบี ราคา 1.3-1.6 แสนบาท/ตร.ม.ราคา หรือราคายูนิตละ 5-8 ล้านบาท,บีบวก ระดับราคา 1.6-2 แสนบาท/ตร.ม. ราคายูนิตละ 8 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก 1.ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่ส่วนใหญ่เป็นทายาทผู้ประกอบการอสังหาฯรุ่นเก่า คิดเป็นสัดส่วน 40% 2.กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30%
ซึ่งในปี2561 นี้บริษัทตั้งเป้าลูกค้าทั้งสิ้นรวม 16 ราย ซึ่งเน้นโครงการในกทม.คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2561 มีลูกค้าแล้วรวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท โดยเป็นลูกค้าเก่าสัดส่วน 30% และลูกค้าใหม่สัดส่วน 70%คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถรับบริหารงานโครงการได้อีก 3 โครงการ มูลค่า 4,500 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้ จากทั้งปี 2560 ที่มีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 25%
“ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นภาพตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา และผู้ประกอบการรุ่นใหม่มักจะให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงนำกลับมาวางแผนก่อนที่จะพัฒนาโครงการ เพื่อให้สินค้าออกมาตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ต่างจากผู้ประกอบการในอดีตที่จะพัฒนาตามความต้องการของตนเองเป็นหลัก ซึ่งหากภาพรวมตลาดอสังหาฯยังเป็นเช่นนี้ จะทำให้มีอัตราการเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง”นางสาวสมสกุล กล่าว
นางสาวสมสกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯได้พยายามยกระดับการวางแผนการขายให้ทันต่อยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกวันนี้ภาคอสังหาฯทุกรายพร้อมที่จะยกระดับ มีการแข่งขันในความเป็นมืออาชีพของตนเองมากขึ้น ด้วยการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ สร้างสินค้าแล้วเสร็จตามที่สัญญากับลูกค้า ซึ่งพลัสฯได้พัฒนาการทำงานของ Sole Agent ด้วยการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็น Sole Agent 360˚ พัฒนาศักยภาพของพนักงานขายจากเดิมที่มีความเชี่ยวชาญในระดับท็อปให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะนำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำมาแสดงผลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายและชัดเจนขึ้น โดยจัดฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างการเข้าใจตลาดในเชิงลึกมากขึ้น เดินหน้าขยายการให้บริการSole Agent ให้ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นก่อนการพัฒนาโครงการ ขั้นบริหารงานขาย และมีแผนจะขยายการให้บริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ใช้วิธีการขายที่หลากหลายและครอบคลุม เช่นการทำ Co-Agent เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างโอกาสในการปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
“ปัจจุบัน Sole Agent มีการแข่งขันกันมาก แต่หากเป็นมืออาชีพจริงจะต้องเข้าไปร่วมวางแผนกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นที่จะพัฒนาโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ราย ที่เหลือจะเป็นเอเย่นต์ที่รับสินค้าไปขายต่อเท่านั้น ซึ่งพลัสฯได้ใช้จุดแข็งด้าน Big Data นำเอาฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่จำนวนมากมาช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจและงานขายให้เหมาะสมกับกุล่มลูกค้า จนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จในหลายโครงการ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช, โครงการคอนโดมิเนียมโมนีค สุขุมวิท 64 บริษัท ซันเคียวโฮม และเคฮัง เรียลเอสเตท กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น, โครงการซีเอกมัย และล่าสุดโครงการคอนเนอร์ ราชเทวี ของเดอะครีเอเตอร์ส เอชคิว และในปีนี้กลุ่มลูกค้าเดิมก็มีการวางแผนเปิดโครงการใหม่ก็ยังคงใช้บริการพลัสฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ซันเคียวโฮมและเคฮัง เรียลเอสเตท ที่ล่าสุดได้เปิดโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย และยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มในย่านสุขุมวิท ภายใต้การบริหารงานขายโดยพลัสฯ เช่นกัน”นางสาวสมสกุล กล่าวในที่สุด
www.prop2morrow.com
พหลโยธิน-ประดิพัทธ์ ทำเลใหม่ในย่านสุดคลาสสิค
เน็กซัสชี้พหลโยธิน-ประดิพัทธ์เป็นตลาดคอนโดมิเนียมทำเลใหม่ในย่านสุดคลาสสิค สนนราคาขายถูกกว่าทำเลใกล้เคียงกันบนถนนพหลโยธิน ทำเลศักยภาพที่มีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คุ้มค่าทั้งในแง่ของการซื้อไว้เป็นทรัพย์สินและการลงทุนในอนาคต
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ทำเลประดิพัทธ์เป็นทำเลใหม่ที่น่าจับตามอง ภาพรวมของย่านพหลฯ-ประดิพัทธ์ยังคงความคลาสสิค เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนเก่าแก่ โรงแรม เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งประกอบกิจการในอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น เป็นช่วง ๆ ตลอดแนวถนนประดิพัทธ์ การเจริญเติบโตของเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ศักยภาพในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของย่านนี้เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันราคาที่ดินในตลาดตลอดแนวถนนเสนอขายที่ราคาตารางวาละ 600,000 – 800,000 บาท โดยบริเวณข้างเคียง ได้แก่ บริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์ บริเวณถนนพหลโยธินตั้งแต่ช่วงจตุจักรไปจนถึงสถานีบีทีเอสสะพานควาย และช่วงสถานีบีทีเอสสะพานควายไปตลอดจนถึงอนุสาวรีย์ฯ เสนอขายที่ดินที่ราคาตารางวาละ 600,000 –800,000 บาท 900,000 – 1,000,000 บาท และ 1,200,000 – 1,500,000 บาท ตามลำดับ
ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในทำเลพหลฯ-ประดิพัทธ์ปัจจุบันเสนอขายที่ราคาตารางเมตรละ 170,000 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาเฉลี่ยที่ต่ำกว่าราคาคอนโดมิเนียมบนถนนเส้นหลักพหลโยธินตั้งแต่ช่วงสถานีบีทีเอสสะพานควายไปจนถึงอนุสาวรีย์ที่เสนอขายในราคา 218,000 บาท/ตารางเมตร โดยทั้งสองทำเลมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกัน ทั้งในแง่ของขนาดถนน การคมนาคม และสาธารณูปโภค
สำหรับคอนโดมิเนียมในบริเวณข้างเคียง ได้แก่ บริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์ และบนถนนพหลโยธินในทำเลจตุจักร มีระดับราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 154,000 บาท และ166,000 บาท ตามลำดับ แม้ว่าทำเลดังกล่าวจะอยู่ห่างจากทำเลพหลฯ-ประดิพัทธ์ในระยะที่ไม่แตกต่างกัน แต่ระดับราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำกว่า ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยทางด้านกายภาพของบริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์ ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็ก ขนาดอาคารที่อยู่อาศัยไม่เกิน 8 ชั้น และที่ตั้งโครงการคอนโดมิเนียมทำเลจตุจักรมีระยะการเข้าถึงกรุงเทพฯ ชั้นในมากกว่า เมื่อเทียบกับทำเลอื่นข้างต้น
ทำเลใกล้กัน ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน
ทำเลพหลฯ-ประดิพัทธ์ สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง และหลายรูปแบบ อยู่ในระยะเดินทางไปยังเส้นทางหลักถนนพหลโยธินและถนนพระรามที่ 6 โดยใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีด้วยรถยนต์ หรือในระยะเดินเท้า 10-15 นาที ใช้เส้นทางลัดไปยังทำเลอารีย์ได้จากซอยย่อยต่าง ๆ การเข้าถึงสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดทั้งสถานีสะพานควายและอารีย์ อยู่ในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันกับทำเลที่ตั้งที่อยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบนถนนพหลโยธิน นอกจากนี้การใช้บริการทางพิเศษทั้งการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพชั้นใน กรุงเทพฝั่งเหนือหรือวงแหวนรอบนอก ก็สามารถใช้บริการได้ในระยะรัศมี 2 กิโลเมตร
พื้นที่โดยรอบทำเลมีสาธารณูปโภคอื่น ๆ ครบครัน มีห้างสรรพสินค้าและ คอมมูนิตี้ มอลล์กว่า 10 แห่ง สถานศึกษาขนาดใหญ่ 2 แห่ง โรงพยาบาล 6 แห่ง สถานที่ราชการ 7แห่ง และอาคารสำนักงานอีกนับไม่ถ้วนทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ยังไม่นับรวมถึงร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านสะดวกซื้อที่กระจายตัวอยู่อีกจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับทำเลใกล้เคียง จะพบว่าสิ่งแวดล้อมโดยรอบแทบจะเป็นสิ่งแวดล้อมเดียวกัน
ทำเลที่มีแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่มีโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวเปิดให้บริการ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นแรกของประเทศไทยเชื่อมพื้นที่กรุงเทพฝั่งเหนือ (จตุจักร) กรุงเทพชั้นใน และฝั่งตะวันออก (แบริ่ง) การปรับเปลี่ยนผังเมืองตามการเจริญเติบโตของเมือง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีน้ำตาลและมีสีแดงเป็นบางช่วง นั่นทำให้พื้นที่โซนนี้มีศักยภาพในการพัฒนาในอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน สามารถพัฒนาได้ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง รวมไปถึงเพื่อการพาณิชย์ โรงแรมและสำนักงาน เป็นต้น
ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะเปิดใช้บริการในปี 2563 ได้แก่ ส่วนคมนาคม คือรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลอดแนวถนนกำแพงเพชร 5 โดยสถานีที่ใกล้กับทำเลนี้ที่สุดคือ สถานีประดิพัทธ์ ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และส่วนที่เป็นอาคาร 2 โครงการ คือ เดอะไรส์ บาย ศรีศุภราช เป็นโครงการมิกซ์ ยูสของกลุ่มศรีศุภราชกรุ๊ป รวมค้าปลีก ช็อปปิ้งมอลล์และโรงแรมระดับ 4 ดาว โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุตติ ของบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพ บนพื้นที่รวม 7 ไร่เศษ นอกจากนี้ยังมีโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการภายใน 5-15 ปีนี้ ได้แก่ เดอะ ยูนิคอร์น โครงการมิกซ์ ยูส ของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มีแนวคิดจะสร้างให้เป็นศูนย์กีฬา รวมร้านค้าปลีกและพื้นที่สำนักงานไว้ด้วยกัน และโครงการ บางกอก เทอร์มินอล อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ดินให้เป็นมิกซ์ ยูส มีพื้นที่สำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ที่จอดรถ และพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสถานีขนส่ง สุดท้ายคือโครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ บนพื้นที่กว่า 218 ไร่ ตามแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ตามโครงข่ายสถานีขนส่งมวลชนแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็นแหล่งศูนย์รวมคมนาคมทางรางระดับอาเซียน
http://www.bangkokbiznews.com
“ค่าครองชีพ” ไทยถูกสุดใน “อาเซียน”
หากพูดถึงค่าครองชีพของไทยเชื่อว่าหลายๆคนคงบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า “แพง” ที่สุด แต่ถ้าเทียบประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วค่าครองชีพของไทยถือว่าถูกกว่าอย่างมาก โดยสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ อย่าง ไก่สดชำแหละ ไข่ไก่ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ปลากระป๋อง นมสดพาสเจอร์ไรส์ น้ำมันปาล์ม ข้าวสาร เนื้อหมู และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ราคาจำหน่ายของไทยมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด เมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายในประเทศอาเซียนเกือบทุกสินค้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าจำเป็นของไทย มีราคาถูกกว่าและมีค่าครองชีพที่ต่ำกว่าชาติอาเซียนอื่น
https://www.sanook.com
“ต้นไม้” ก็เป็น “หลักประกัน” ทางธุรกิจได้ด้วย
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมีสาระสำคัญกำหนดให้ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ต้นไม้ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่า รวม 58 ชนิด เช่น สัก พะยูง ชิงชัน แดง และเต็ง เป็นต้น เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความสะดวกและมีโอกาสในการประกอบธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งร่างกฎกระทรวงฯนี้จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
https://www.sanook.com
“10 ผลเสียต่อสุขภาพ” จากการเล่นสมาร์ทโฟนนานเกินไป
ทุกวันนี้ “สมาร์ทโฟน” เป็นมากกว่าแค่โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันแล้ว เพราะเราสามารถรับข้อมูลข่าวสาร เสพความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ถ่ายรูป บันทึกวิดีโอ ได้จากมือถือเพียงเครื่องเดียว
นอกจากนี้ ผู้ปกครองบางรายก็ยังใช้สมาร์ทโฟนเป็นเพื่อนแก้เหงาให้บุตรหลาน จนเด็กบางคนติดงอมแงมชนิดที่ไม่ยอมวาง และส่งผลเสียต่างๆ ตามมา ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะจ้องจอนานเกินไปจนส่งผลต่อกล้ามเนื้อตาที่ยังไม่แข็งแรง
และนี่คือ 10 ผลเสียที่เกิดขึ้นกับสุขภาพที่หลายคนอาจมองข้าม จากการใช้สมาร์ทโฟนนานเกินไป
1.รบกวนการนอนหลับ
แสงจากจอมือถือหรือแท็บเล็ตที่สว่างๆ ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” ที่ช่วยควบคุมการนอนหลับ เนื่องจากการปล่อยฮอร์โมนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแสงสว่างเป็นสำคัญ การเล่นมือถือก่อนนอนจึงส่งผลต่อการนอนหลับไปด้วย
2.เกิดความเครียด
การใช้สมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลา เท่ากับว่าเราต้องพร้อมที่จะรับโทรศัพท์ ตอบข้อความต่างๆ ที่แจ้งเตือนเข้ามาจากช่องทางต่างๆ ทั้งไลน์ อีเมล และโซเชียลมีเดียตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จึงทำให้เกิดความเครียดได้โดยไม่รู้ตัว
3.ทำลายจอประสาทตา
แสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟนสามารถทำลายจอประสาทตา (เรติน่า) จนนำไปสู่โรคจอประสาทตาเสื่อมได้ ซึ่งสูตรที่ใช้กันเพื่อดูแลสุขภาพตา คือ 20-20-20 โดยมองจอแค่ 20 นาที จากนั้นพักสายตามองที่อื่น 20 วินาที โดยมองสิ่งที่อยู่ไกลจากตัวเอง 20 ฟุต เพื่อคลายความล้าจากการใช้สายตา
4.ปวดคอ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่ก้มมองจอโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ข้อความต่างๆ คนเรามักจะก้มคอราว 60 องศา ซึ่งเป็นท่าที่ไม่เหมาะสม เพราะจะส่งให้เกิดอาการปวดคอได้หากก้มเป็นเวลานานๆ
5.พฤติกรรมก้าวร้าว
คนที่ติดการใช้มือถือและไม่ได้ใช้ในเวลาที่ต้องการ มักจะเกิดอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว เพราะไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กๆ ที่ติดเล่นเกมในสมาร์ทโฟน
6.เสียสมาธิ
การใช้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้เสียสมาธิได้ เพราะแทนที่จะจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ลุล่วง ก็ต้องมาพะวงกับเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ที่เข้ามาจนขาดสมาธิ
7.Cellphone Elbow
Cellphone Elbow คือ อาการปวดชา หรือเหน็บชาบริเวณปลายแขนและมือ จากการถือสมาร์ทโฟนด้วยท่าทางที่งอแขนเป็นมุมแคบกว่า 90 องศานานเกินไป ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขก็อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดข้องอติดแข็งที่นิ้วนางกับนิ้วก้อยได้
8.นิ้วล็อก
การใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งพิมพ์ข้อความหรือเล่นเกมในมือถือนานเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการนิ้วล็อกได้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่ใช้ในการงอนิ้วข้อมือตรงบริเวณโคนนิ้ว ทำให้เกิดอาการปวดบวม โดยส่วนใหญ่มักเป็นกับนิ้วหัวแม่มือที่ใช้งานมากกว่านิ้วอื่นๆ
9.ซึมเศร้าและวิตกกังวล
คนที่ใช้มือถือจนติดมักจะมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลตามมาได้ อันเนื่องมาจากการรอคอยหรือคาดหวังเสียงโทรศัพท์ หรือการตอบกลับข้อความต่างๆ และหากวันไหนลืมมือถือมาด้วยก็จะยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น
10.ปวดศีรษะ
การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน จะส่งให้ได้รับรังสีจากคลื่นโทรศัพท์ที่แผ่ออกมามากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งรังสีดังกล่าวส่งผลต่อระบบประสาทด้วยทำให้เกิดอาการข้างเคียงตามมา นั่นคือปวดศีรษะ ปวดไมเกรน หรือบางรายก็อาจจะมีอาการที่รุนแรงกว่านั้น
https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 26/07/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,300.00 |
19,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,250.00 |
18,950.00 |
19,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,125.00 |
17,055.00 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
563.00 |
8,535.08 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
438.00 |
6,640.08 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,295.00 |
19,632.20 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 26/07/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
29.55
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
26.64
|
26.64
|
26.64
|
26.64
|
– |
26.64
|
26.64
|
26.64
|
26.64
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.84 |
20.84 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.84 |
20.84 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
29.28 |
เบนซิน 95 |
36.66 |
– |
– |
– |
37.11
|
– |
37.16 |
36.66 |
36.66 |
36.66 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
–
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
31.99 |
32.86 |
32.86 |
32.86 |
32.86 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |
24 Jul 05:00 |