สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 27 กันยายน 2561

มิกซ์ยูส (Mixed-Use) จะเปลี่ยนโฉมที่อยู่อาศัยอย่างไร

มิกซ์ยูส (Mixed-use) จะเปลี่ยนโฉมที่อยู่อาศัยอย่างไร

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ารูปแบบการอยู่อาศัยกำลังเปลี่ยนไปสู่รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ที่ผสมผสานอสังหาริมทรัพย์หลายรูปแบบไม่ใช่เพียงที่พักอาศัยเท่านั้นมารวมอยู่ด้วยกัน ปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนโฉมที่อยู่อาศัยรูปแบบนี้คือราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง และทำเลใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้เกิดเทรนด์ในการพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสขึ้น ซึ่งตอบรับทั้งฝั่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ในระยะยาว และตอบรับทางฝั่งผู้บริโภคที่ได้ไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยมากกว่าโครงการรูปแบบเดิม 

3 จุดเด่นของโครงการมิกซ์ยูสที่เหนือกว่าโครงการรูปแบบอื่น

สำหรับจุดเด่นของโครงการมิกซ์ยูสมีอยู่แบ่งเป็น 3 ข้อใหญ่ ๆ ได้แก่

1.ทำเลศักยภาพ โครงการมิกซ์ยูสส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเดินทางที่สามารถเดินทางได้สะดวก และรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก  

2.สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ โครงการมิกซ์ยูสจะไม่ใช่โครงการที่มีเพียงที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่จะครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย เรียกได้ว่าเพียงเดินออกจากบ้านก็สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกได้ง่ายขึ้นกว่าโครงการรูปแบบอื่น

3.เพิ่มมูลค่าได้มากกว่าโครงการรูปแบบเดิม จากศักยภาพของทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ทำให้ที่อยู่อาศัยในรูปแบบมิกซ์ยูสสามารถเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าโครงการรูปแบบเดิม ๆ จึงเหมาะทั้งการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าหรือขายต่อ

โครงการมิกซ์ยูสส่วนใหญ่มักถูกพัฒนาในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ตอบรับกับไลฟ์สไตล์สังคมเมือง แต่ปัจจุบันเริ่มมีโครงการมิกซ์ยูสในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับพักผ่อนตากอากาศ และลงทุน ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของการพักผ่อนซึ่งมีทั้งที่พักอาศัย ที่กิน และที่เที่ยว

หนึ่งตัวอย่างโครงการที่พัฒนารูปแบบมิกซ์ยูสในจังหวัดท่องเที่ยวอย่างชะอำ-หัวหิน คือ โครงการทิวทะเลเอสเตท (Thew Talay Estate) ซึ่งเป็นโครงการการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อบริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก การันตีคุณภาพด้วยรางวัล “Best Mixed Use Development” จาก PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 โครงการมิกซ์ยูสที่รวบรวมทั้งโครงการบ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียม โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ห้องประชุม สถานที่จัดเลี้ยง บนเนื้อที่ประมาณ 110 ไร่ โดดเด่นด้วยพื้นที่หน้าหาดยาวถึง 160 เมตร พร้อมบริการแบบมืออาชีพภายใต้การบริหารจากศรีพันวา

ถือเป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยในอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถทำกำไรในระยะยาวที่คุ้มค่ากว่าไม่ควรมองข้าม

ขอบคุณที่มา ddproperty.com


ตลาดพื้นที่สำนักงาน ขึ้น หรือ ลง ดูจากอะไร ?

จากการสำรวจภาพรวมของข้อมูลสถานการณ์พื้นที่สำนักงานในเขตกรุงเทพมหานคร ปี 2561 ช่วงครึ่งปีแรกนั้น บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด ในเครือ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป พบว่ามีพื้นที่สำนักงานที่ปล่อยเช่าและพร้อมให้บริการประมาณ 8.6ล้านตารางเมตร และคาดว่าจะมีพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 200,000 ตารางเมตรตลอดทั้งปี หรือคิดเป็นพื้นที่สำนักงานประมาณ 8.8 ล้านตารางเมตรภายในปี 2561 นี้ โดยส่วนใหญ่ปัจจัยที่ทำให้ตลาดพื้นที่สำนักงาน “ขึ้น” หรือ “ลง” นั้น มาจากการเติบโตของทำเลล้วนๆ เพราะจะช่วยทั้งควบคุมต้นทุน และสร้างโอกาสการลงทุนในอนาคต

แนวโน้มการพัฒนาพื้นที่สำนักงานบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ

ทำเลที่มีการพัฒนาพื้นที่สำนักงานนี้ ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มกันอยู่บริเวณศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District หรือ CBD) เช่น สีลม สาทร วิทยุ เพลินจิต อโศก สุขุมวิทช่วงต้น และพระราม 4 ส่วนที่เหลือกระจายตัวออกไปยังบริเวณเส้นทางเดินรถไฟฟ้า (BTS) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจใหม่ เช่น รัชดาภิเษก พระราม 9 พหลโยธิน วิภาวดีรังสิต และจนถึงปัจจุบัน พื้นที่สำนักงานบริเวณ CBD และศูนย์กลางธุรกิจใหม่เหล่านี้ มีอัตราการเช่าพื้นที่มากกว่าร้อยละ 90 ในภาพรวม ซึ่งในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นแตกต่างจากปีที่ผ่านมา

การปรับขึ้นค่าเช่าของพื้นที่สำนักงานบนทำเลชั้นนำ

เมื่อพิจารณาอัตราค่าเช่าของพื้นที่สำนักงาน พบว่าบริเวณถนนสุขุมวิทมีอัตราการเปลี่ยนแปลงค่าเช่า (Y-o-Y) สูงที่สุดโดยประมาณ คือ 11% บริเวณพระราม 9 ประมาณ 7% บริเวณถนนพหลโยธินและวิภาวดี ประมาณ 5% โดยอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด A ประมาณ 900-1,200 บาท/ตารางเมตร/เดือน ในขณะที่อัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด B อยู่ที่ประมาณ 750 บาท/ตารางเมตร/เดือน ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่สำนักงานทั้งเกรด A และ B มีอัตราค่าเช่าพื้นที่สูงขึ้นทุกปีในบริเวณ CBD และคาดว่าในอนาคตค่าเช่าเฉลี่ยจะมีการปรับขึ้นอีกโดยประมาณ 3-5 %

การเติบโตของอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด และ B

หากเปรียบเทียบข้อมูลการเติบโตของอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด A และ B จะพบว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด B มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอีก ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะความต้องการพื้นที่สำนักงานเกรด B นั้นมีอยู่มาก ขณะที่พื้นที่สำนักงานเกรด A มีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาดจำนวนมากในช่วง 1-5 ปีนี้ แต่อัตราค่าเช่าก็สูงมากเช่นกัน โดยเฉพาะในบริเวณ CBD จึงเป็นโอกาสที่พื้นที่สำนักงานเกรด B จะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการพื้นที่สำนักงาน

การแบ่งเกรดสำนักงานนั้น นอกจากจำแนกด้วยเกณฑ์ด้านทำเล และขนาดอาคารแล้ว สำนักงานเกรด A ยังมีส่วนประกอบอาคาร  งานระบบ  และงานสถาปัตยกรรม เช่น การใช้ระบบทำความเย็นจากส่วนกลาง (Central Chiller) โดยมีระบบที่ปรับแรงลมได้อัตโนมัติสำหรับระบบปรับอากาศ รวมถึงการจัดให้มีเครื่องปรับอากาศเพื่อรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมตลอด 24 ชั่วโมง แยกเฉพาะสำหรับห้อง Server ซึ่งการออกแบบให้มีลิฟต์แยกในแต่ละโซน รวมถึงการติดตั้งลิฟต์ขนของแยกออกจากลิฟต์โดยสาร ฝ้าเพดานภายในสำนักงานมีความสูงอย่างน้อย 2.8 เมตรจากพื้น และการได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว ขณะที่สำนักงานเกรด B และ C จะมีส่วนประกอบอาคาร งานระบบ และงานสถาปัตยกรรมดังกล่าวไม่ครบทุกรายการ

ความต้องการพื้นที่สำนักงานที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ทำให้มีโครงการพัฒนาอาคารสำนักงานมากขึ้นโดยส่วนใหญ่เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ต่อชั้นประมาณ 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป อย่างไรก็ดี รูปแบบพื้นที่สำนักงานที่เติบโตเร็วที่สุดประเภทหนึ่งตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันคือ พื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Space) และออฟฟิศสำเร็จรูป (Serviced Office) ขนาดเล็ก ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นแบบทวีคูณจาก 20 แห่ง จนปัจจุบันมีมากกว่า 100 แห่ง สอดคล้องกับแนวโน้มการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น และการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อย โดยเฉพาะธุรกิจ E-commerce และ Trading รวมถึงธุรกิจการให้บริการทางวิชาชีพ (Professional Service) อาคารสำนักงานที่มีพื้นที่ต่อหน่วยไม่ใหญ่มาก (ไม่เกิน 300 ตารางเมตร) ตั้งอยู่บนเส้นทางคมนาคมที่สะดวก ใกล้กับย่านพักอาศัย รวมถึงใกล้กับศูนย์กลางธุรกิจ ในอัตราค่าเช่าที่ไม่สูงเกินไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำนักงานที่ยังเป็นช่องว่างทางการตลาดได้

ทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวเชิงพาณิชยกรรม

เมื่อพิจารณาทำเลช่วงต้นของถนนวิภาวดีรังสิตพบว่า เป็นทำเลที่มีแนวโน้มการขยายตัวเชิงพาณิชยกรรม เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งโครงสร้างอยู่บนแนวถนนพหลโยธิน และมีจุดตัดกับถนนวิภาวดีรังสิตตรงบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ที่กำลังก่อสร้างอยู่มีกำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2563 โดยรถไฟฟ้าสายนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง รวมทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการแล้วจะกลายเป็นเส้นทางเชื่อมโยงเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย อีกทั้งแผนการลงทุนของภาครัฐที่จะให้มีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านโครงข่ายคมนาคมที่สำคัญคือ ศูนย์คมนาคมพหลโยธินหรือสถานีกลางบางซื่อ โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของกรุงเทพมหานคร (Bangkok Metropolitan Transportation Hub) ให้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทุกระบบ โดยเฉพาะระบบรางทุกรูปแบบ ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รถไฟความเร็วสูง และรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง สามารถเชื่อมต่อกรุงเทพมหานครกับพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก (EEC) และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เช่น ลาว จีน และมาเลเซีย

อย่างไรก็ดี ถนนวิภาวดีรังสิตเป็นทำเลที่ใกล้กับที่พักอาศัยขนาดใหญ่ และแหล่งสาธารณูปโภคมากมาย อาทิ ศูนย์การค้า สถานีขนส่ง ตลอดจนสวนจตุจักร แหล่งพักผ่อนที่มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ทั้งในย่านวิภาวดี จตุจักร ลาดพร้าว ครอบคลุมต่อไปยังบางเขน หลักสี่ รามอินทรา ประกอบกับมีพื้นที่สำนักงานในทำเลนี้ไม่มากนัก และพื้นที่สำนักงานยังมีอัตราการครอบครองสูงกว่าร้อยละ 90 ทำให้ช่วงต้นของถนนดังกล่าวเป็นทำเลที่มีศักยภาพเหมาะกับการพัฒนาพื้นที่สำนักงาน

ขอบคุณที่มา banmuang.co.th


DIY จัดพอร์ตลงทุน ยังไง ให้ เลือดข้น เงินไม่จาง

 

เงินในกระเป๋าก็พร้อมแล้ว ศึกษาการลงทุนมาเป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะจัดพอร์ตลงทุนของตัวเองยังไงดี!

เรียกได้ว่าเป็นความกังวลใจของเหล่านักลงทุนหน้าใหม่เลยก็ว่าได้ ต่อให้ศึกษาข้อมูลดีมากขนาดไหน ก็ยังกังวลกับเรื่องการจัดพอร์ตลงทุนของตัวเองอยู่ดี ไม่ต้องคิดมาก คิดหนัก หรือกังวลไป

เพราะวันนี้ rabbit finance มี how to ขั้นพื้นฐานในการจัดพอร์ต มาฝาก มาดูสิว่าจะจัดยังไงดีนะ?

DIY จัดพอร์ตลงทุน ยังไง ให้ เลือดข้น เงินไม่จาง

จัดพอร์ตลงทุน
Cr. – จากซีรีส์ เลือดข้น คนจาง

เริ่มต้นกันยังไง ก่อนออกแบบพอร์ต

จะเริ่มต้นจัดพอร์ต ก่อนอื่นเราก็ต้องเตรียมพร้อมกันก่อนเลย ว่าแต่มีอะไรบ้างนะเราจำเป็นต้องเรียนรู้ และเข้าใจก่อนจะเริ่มต้นจัดพอร์ต

  • เช็กไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ก่อนที่จะเริ่มต้นลงทุน หรือจัดพอร์ตอะไร ลองสำรวจตัวเองกันดูหน่อยสิว่า ไลฟ์สไตล์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ทัศนคติต่อการลงทุน อายุ ฐานะ และการเงิน

เช่น หากคุณอยู่ในวัยเริ่มทำงาน อายุน้อย ไม่มีภาระ โสดซิง มีระยะเวลาในการลงทุนค่อนข้างยาวนานกว่าจะเกษียณ แสดงว่าสามารถรับความเสี่ยงได้สูง

แต่กลับกัน หากเป็นวัยกลางคน เป็นพ่อบ้านใจกล้า ที่มีภาระเยอะ เหลือเวลาลงทุนไม่นาน ก็จะรับความเสี่ยงได้ต่ำ ไม่เหมาะกับการลงทุนที่เสี่ยงเสียเท่าไหร่ เหมาะกับการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ และได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอจะดีกว่า

จัดพอร์ตลงทุน
Cr. – จากซีรี่ย์ เลือดข้น คนจาง
  • กำหนดเป้าหมายของพอร์ตการลงทุน

รู้ไลฟ์สไตล์ของตัวเองแล้ว สิ่งที่ควรคิดถึงต่อมาคือ เราควรตั้งเป้าหมายเสียก่อน ว่าต้องการจัดพอร์ตลงทุนไปเพื่ออะไร เพราะการตั้งเป้าหมายเหล่านี้ จะมีผลต่อการเลือกประเภทกองทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่คาดหวังของแต่ละพอร์ตฯ เช่น

ต้องการเก็บเงินดาวน์เพื่อซื้อบ้าน 300,000 บาท ในอีก 3 ปี เป็นเป้าหมายระยะสั้น ก็ไม่ควรเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะมีโอกาสขาดทุนสูง

ต้องการเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ 3,000,000 บาท ในอีก 30 ปี แสดงว่าเป็นเป้าหมายระยะยาว มีเวลาในการลงทุนนาน สามารถเลือกลงทุนในกองทุน ที่มีความเสี่ยงสูงได้ เพราะหากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลังระยะเวลาจะช่วยเฉลี่ยความเสี่ยง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า

ดังนั้น ลองคิดถึงเป้าหมายในการจัดพอร์ตดู จะช่วยให้คุณเลือกพอร์ตที่ต้องการลงทุนได้ง่ายดาย และสอดคล้องกับการเงินของตัวเอง ตอบโจทย์ความต้องการต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น !

 

อ่านไปไม่เห็นภาพ ขอตัวอย่างหน่อยสิ

สำหรับใครที่มีเป้าหมายชัดเจน อยากจะจัดพอร์ตลงทุนให้ถึงฝั่งฝันไวๆ อาจจะลองจัดพอร์ตให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุน อย่าง

เป้าหมายเก็บเงินดาวน์เพื่อซื้อบ้าน 300,000 บาท ในอีก 3 ปี ไม่อยากให้เงินเก็บก้อนนี้เสี่ยงมาก ก็อาจจะจัดพอร์ตแบบระมัดระวัง (Conservative) ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5.9% ต่อปี แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนรวมตราสารเงิน 30%
  • กองทุนรวมตราสารหนี้ 40%
  • กองทุนรวมตราสารทุน 30%

จัดพอร์ตลงทุน

หรือใครที่มีเป้าหมายเก็บเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ มีระยะเวลายาว สามารถจัดพอร์ตตามช่วงวัยได้ เช่น

วัยเริ่มทำงาน รับความเสี่ยงสูงได้ ยังไม่ค่อยมีภาระ อาจจัดพอร์ตเชิงรุก (Aggressive) ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9.5% ต่อปี แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนรวมตราสารเงิน 10%
  • กองทุนรวมตราสารหนี้ 20%
  • กองทุนรวมตราสารทุน 70%

จัดพอร์ตลงทุน

วัยกลางคน รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เพราะมีภาระครอบครัวมากขึ้น อาจจัดพอร์ตเชิงปานกลาง (Moderate) ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7.7% ต่อปี แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนรวมตราสารเงิน 20%
  • กองทุนรวมตราสารหนี้ 30%
  • กองทุนรวมตราสารทุน 50%
จัดพอร์ตลงทุน
Cr. – จากซีรี่ย์ เลือดข้น คนจาง

DIY มาลองจัดพอร์ตเองดีกว่า

นี่เป็นแค่ตัวอย่างการจัดพอร์ตง่ายๆ หลายคนอาจจะอยากจัดพอร์ตในระยะยาวๆ เน้นที่รสนิยม และความชอบแบบส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีเงินทุนแบ่งไว้ลงทุนอย่างชัดเจน ก็สามารถเลือกจัดกันได้ ตามตัวอย่างที่เราจัดไว้ให้ ดังนี้


สายไม่ชอบโลดโผน นับว่าเป็นการจัดพอร์ตสำหรับผู้ต้องการเก็บเงินต้น รับความเสี่ยงได้น้อย ไม่ค่อยชอบลงทุนอะไรที่เสี่ยงมากจนเกินไป โดยพอร์ตนี้ มีผลตอบแทนที่คาดหวัง 5.33% มีค่าความผันผวนประมาณ 6.35% แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนตลาดเงิน หรือเงินฝาก 25%
  • พันธบัตร หรือหุ้นกู้ 33%
  • อสังหาริมทรัพย์ (ได้รับค่าเช่า) 20%
  • หุ้นไทย 10%
  • หุ้นต่างประเทศ 10%
  • ทองคำ 2%

จัดพอร์ตลงทุน

สายซ่า แบบสั่นๆ ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจ เป็นพอร์ตสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เริ่มกล้าที่จะเสี่ยง มีผลตอบแทนคาดหวัง 6.83% และมีค่าความผันผวนประมาณ 7.9% แนะนำให้ลงทุนใน

  • กองทุนตลาดเงิน หรือเงินฝาก 15%
  • พันธบัตร หรือหุ้นกู้ 28%
  • อสังหาริมทรัพย์ 20%
  • หุ้นไทย 20%
  • หุ้นต่างประเทศ 15%
  • ทองคำ 2%

จัดพอร์ตลงทุน

สายมั่น เพิ่มได้คือความเสี่ยง สำหรับพอร์ตประเภทนี้ จะเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้เพิ่ม มีผลตอบแทนที่คาดหวัง 7.47% และมีค่าความผันผวนประมาณ 8.55% แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนตลาดเงิน หรือเงินฝาก 15%
  • พันธบัตร หรือหุ้นกู้ 20%
  • อสังหาริมทรัพย์ 20%
  • หุ้นไทย 20%
  • หุ้นต่างประเทศ 20%
  • ทองคำ 3%
  • โภคภัณฑ์ หรือการลงทุนทางเลือกอื่นๆ 2%

จัดพอร์ตลงทุน

สาย (พ่อบ้าน) ใจกล้า เป็นพอร์ตเหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง รู้จักการลงทุนในเรื่องของหุ้นและทองคำ มีผลตอบแทนที่คาดหวัง 8.13% และมีค่าความผันผวนประมาณ 9.35% แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนตลาดเงิน หรือเงินฝาก 12%
  • พันธบัตร หรือหุ้นกู้ 15%
  • อสังหาริมทรัพย์ 20%
  • หุ้นไทย 25%
  • หุ้นต่างประเทศ 20%
  • ทองคำ 5%
  • โภคภัณฑ์ หรือการลงทุนทางเลือกอื่นๆ 3%

จัดพอร์ตลงทุน

สายเสี่ย สายเจ๊ เหมาะกับใครที่รับความเสี่ยงได้สูงมากๆ มีเงินต้นเหลือมากพอ หรืออาจจะเชี่ยวชาญเรื่องหุ้น ซึ่งพอร์ตนี้มีผลตอบแทนที่คาดหวัง 9.0% และมีค่าความผันผวนประมาณ 10.1% แนะนำลงทุนใน

  • กองทุนตลาดเงิน หรือเงินฝาก 10%
  • พันธบัตร หรือหุ้นกู้ 10%
  • อสังหาริมทรัพย์ 15%
  • หุ้นไทย 30%
  • หุ้นต่างประเทศ 25%
  • ทองคำ 5%
  • โภคภัณฑ์ หรือการลงทุนทางเลือกอื่นๆ 5%

จัดพอร์ตลงทุน

แน่นอนว่านี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น สำหรับใครที่อยากจะจัดพอร์ตแยกเอง หรือมีไอเดียในการลงทุนแบบใหม่ๆ อาจจะไม่ชอบเล่นหุ้น หรืออยากลงทุนในแง่ของอสังหาริมทรัพย์ เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัด หรือตามที่ใจชอบ

บอกเลยว่า แค่ศึกษาให้ดี การจัดพอร์ตด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก

อย่าลืม! แยกเงินเก็บออมส่วนตัว ออกจากเงินลงทุนให้ดีล่ะ เพราะถ้าเกิดพลาดท่าขึ้นมา จะได้เสี่ยงแบบไม่เข้าเนื้อตัวเองยังไงล่ะ!

ขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com


12 เทคนิคช่วยคุณ “ลดน้ำหนักได้ง่ายๆ” เห็นผลลัพธ์ภายใน 12 สัปดาห์

การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าไม่มีเทคนิคต่าง ๆ เข้ามาช่วยด้วยล่ะก็ มันอาจจะกลายเป็นเรื่องยากสุดๆ ก็เป็นได้ วันนี้ทางสำเร็จดอทคอมมีเทคนิคลดน้ำหนักมาแนะนำ โดยคุณไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดทุกข้อในวันเดียว แต่ให้ลองค่อยๆ ฝึกเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง เช่นทำสัปดาห์ละ 1-2 ข้อก็ได้ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1. ห้ามงดอาหารเช้า

การงดกินอาหารมื้อเช้าไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักเลย เพราะจะทำให้คุณขาดสารอาหารที่สำคัญไป แล้วอาจจะทำให้คุณหันไปกินของจุกจิกระหว่างวันแทนเพราะคุณรู้สึกหิวนั่นเอง

2. ทานอาหารให้ตรงเวลา

การทานอาหารตรงเวลานั้นเป็นผลดีต่อร่างกายของคุณแน่ๆ แถมยังช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดโอกาสที่คุณจะกินของจุกจิกที่มีแต่ แป้ง น้ำตาล และไขมันอีกด้วย

3. ทานผักและผลไม้เป็นประจำ

ผักและผลไม้ให้แคลอรี่และไขมันที่ต่ำ และมีไฟเบอร์สูง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุ และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย ทานผักผลไม้นอกจากจะช่วยให้หุ่นดีแล้ว สุขภาพก็ดีขึ้นตามด้วยนะ

4. เคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกายบ่อยๆ

 

การเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ คือหัวใจสำคัญของการลดน้ำหนัก และทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น การลดน้ำหนักที่ดีต้องออกกำลังกายควบคู่ไปกับการคุมอาหาร ซึ่งออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องออกอย่างหนัก ขอเพียงให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงาน เช่นกัน การควบคุมอาหารก็ไม่จำเป็นต้องลดหรืออดอาหาร ขอเพียงเลือกกินอย่างเหมาะสม ดังนั้น ลองหากิจกรรมที่คุณชื่นชอบสำหรับการออกกำลังกายดูสิ หรือถ้าคิดไม่ออก การเดินขึ้นบันไดแทนที่จะใช้ลิฟท์ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ

การลดน้ำหนักที่ดีต้อง “ออกกำลังกาย” ควบคู่ไปกับ “การคุมอาหาร”

5. ดื่มน้ำเยอะๆ

 

คนเรามักจะสับสนระหว่างความหิวกับความกระหายน้ำ บางทีการดื่มน้ำอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะไม่ทำให้คุณอยากไปกินอาหารอื่น ๆ ที่มีแคลอรี่สูงอย่างพวกน้ำหวานต่างๆ เช่น น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ฯลฯ แถมการดื่มน้ำที่เพียงพอก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

6. เลือกทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง

 

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า ไฟเบอร์คือสารอาหารสำคัญสำหรับการลดน้ำหนัก อาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องรับแคลอรี่เข้าไปมาก โดยส่วนมากไฟเบอร์จะพบเจอได้ใน ผัก ธัญพืช และผลไม้ต่างๆ

7. หมั่นอ่านฉลากโภชนาการ

การอ่านฉลากโภชนาการจะเป็นการช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรทานอาหารนั้นเข้าไปดีไหม โดยเฉพาะจำนวนแคลอรี่ที่คุณควรจะสังเกตบ่อยๆ ซึ่งมันจะช่วยคำนวณแคลอรี่ที่คุณรับเข้าไปในแต่ละวันได้ และต้องมั่นใจว่ามันจะไม่เกินกว่าที่คุณวางแผนไว้ เพราะอาหารบางอย่างแม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่ก็อาจมีแคลอรี่จำนวนมหาศาล ดังนั้นการเสียเวลาอันน้อยนิดให้กับการอ่านฉลากโภชนาการ จึงเป็นวิธีหนึ่งในการลดน้ำหนักอย่างชาญฉลาด

8. ลองเลือกใช้จานขนาดเล็กลง

อาจเป็นเรื่องของจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่การเลือกใช้จานเล็กๆ ช่วยให้คุณตักและทานอาหารเข้าไปได้น้อยลง อีกทั้งการทานอาหารช้าๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มโดยที่ไม่ต้องรีบทานเข้าไปทีละมาก ๆ จนอิ่มอีกด้วย

9. ไม่ต้องกำหนดอาหารต้องห้ามขึ้นมา

ไม่ต้องกะเกณฑ์หรอกว่าคุณจะไม่กินอาหารชนิดไหนบ้างในขณะลดน้ำหนัก โดยเฉพาะสิ่งที่คุณชอบกิน เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ แต่ขอเพียงแค่ทำให้แน่ใจก็พอว่ามันจะไม่เกินจำนวนแคลอรี่ที่คุณกำหนดไว้ในแต่ละวัน

10. อย่าตุนอาหารขยะไว้

คุณต้องตัดสิ่งล่อใจออกไป การตุนอาหารไว้เยอะ ๆ โดยเฉพาะอาหารที่ไม่มีประโยชน์จะยิ่งทำให้คุณไขว้เขว ลองตุนอาหารที่มีประโยชน์อย่างเช่น ขนมเพื่อสุขภาพ ผักผลไม้ ธัญพืช หรือน้ำผักพลไม้แทนจะดีกว่า

11. ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เบียร์หรือไวน์เพียงแก้วเดียวก็ให้แคลอรี่สูงพอสมควร การดื่มเข้าไปมาก ๆ อาจจะทำให้น้ำหนักเพิ่มโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

12. หมั่นวางแผนอาหารในแต่ละมื้อ

ลองวางแผนว่าอาหารแต่ละมื้อในหนึ่งวันหรือหนึ่งสัปดาห์จะมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะจำกัดแคลอรี่ให้เหมาะสม แถมก็ช่วยให้คุณซื้อของมาตุนได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะพฤติกรรมที่ไม่วางแผนการทานอาหาร ทานตามใจปากนี่แหละ ที่เป็นสาเหตุทำให้คุณน้ำหนักเพิ่มโดยไม่รู้ตัว

หวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น แต่ว่าการลดน้ำหนักที่ดีก็ต้องมีวินัยในตัวเองด้วยล่ะ สู้ๆ ทุกคน!

อบคุณข้อมูลจาก sumrej.com


Microsoft Excel เปิดตัวฟีเจอร์แสนสะดวก ถ่ายรูปเอกสารแล้วแปลงเป็นตารางได้เลย

บางครั้งการทำงานกับตารางและตัวเลขก็ทำให้หลายคนมึนๆ เบลอๆ หนักหน่อยก็อาจส่งผลต่อความผิดพลาดของข้อมูล โดยโปรแกรม Microsoft Excel เป็นหนึ่งในโปรแกรมยอดนิยมที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานและการศึกษา ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Excel บนเดสก์ท็อปส์ไม่ว่าจะเป็น…

-Ideas: เป็นบริการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ Office ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเป็นตัวช่วยคาดเดาสิ่งที่ผู้ใช้งานจะทำ

 

-New data types: สามารถให้ข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือภูมิศาสตร์ ซึ่งสามารถกรอกชื่อประเทศหรือเมือง แล้วให้ Excel พล็อตลงแผนที่เพื่อวาดเป็น visualization ให้อัตโนมัติ

 

-Insert Data from Picture: ทำการแปลงรูปถ่ายตารางบนกระดาษ มาเป็นตารางใน Excel โดยอัตโนมัติ

 

-Dynamic arrays: แปลงข้อมูลหลายเซลล์ให้ง่ายขึ้น

 

ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงฟีเจอร์ Insert Data from Picture ที่จะทำให้การทำงานกับ Excel ของคุณง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก

Insert Data from Picture จะทำการแปลงรูปถ่ายตารางบนกระดาษ มาเป็นตารางใน Excel โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่ต้องลำบากมานั่งกรอกตัวเลขเหมือนอย่างเคย

วิธีการใช้งานนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือนี่แหละถ่ายภาพตาราง ปรับตำแหน่งเส้นตามต้องการ จากนั้น Excel จะใช้ OCR แปลงภาพของคุณให้เป็นตาราง โดยฟีเจอร์นี้จะมาบน Excel for Android ก่อน

 

โดยฟีเจอร์บางตัวเริ่มมีการเปิดให้ใช้ใน Excel เวอร์ชั่น Office 365 แต่บางตัวก็เปิดเฉพาะกลุ่ม

ขอบคุณข้อมูลจาก scholarship.in.th


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27 กันยายน 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 18,450.00 18,350.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 18,950.00 18,025.24 1,189.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 18,677.12 1,232.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,222.72 1,070.10
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,420.19 951.20
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,110.60 535.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,306.56 416.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 27 กันยายน 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15 31.15
แก๊สโซฮอล์ 91 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88 30.88
แก๊สโซฮอล์ E20 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14 28.14
แก๊สโซฮอล์ E85 21.94 21.94 21.94 21.94
เบนซิน 95 38.26 38.71 38.76 38.56 38.36 38.56
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 15.13 15.13
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า