สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562

ตลาดรับสร้างบ้านปี 2562 กำลังซื้อยังหนาแน่น ตั้งเป้ามูลค่าตลาดรวมโต 5-8%

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน มั่นใจตลาดรับสร้างบ้านเติบโตต่อเนื่อง หลังพบกำลังซื้อปีนี้ยังหนาแน่น เศรษฐกิจของประเทศยังคงมีเสถียรภาพ ตั้งเป้ามูลค่าตลาดรวมเพิ่มอีก 5-8% หรือ 12,500 -13,000 ล้านบาท พร้อมลุยจัดงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ  21-24 มีนาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์   ระดมบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำและผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง  กระตุ้นยอดขายไตรมาสแรก คาดยอดขายในงานไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท

นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builders Association: HBA) เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านปี 2561 มีมูลค่าตลาดรวมที่ 12,000 ล้าบาท เติบโตขึ้นจากปี 2560 ที่มีมูลค่าตลาดรวมราว 11,000 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในปี 2562 คาดว่ามูลค่าตลาดรวมทั้งหมดน่าจะเติบโตขึ้นอีก 5-8% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมราว 12,500 – 13,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขการเติบโตดังกล่าวทางสมาคมฯ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้ว่าจะมีการเติบโตไม่สูงมาก แต่มีความมั่นคงและมีทิศทางที่สามารถเติบโตขึ้นไปได้เรื่อย ๆ เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันตัวเลขภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจของประเทศยังคงมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ ทางสมาคมฯ ได้มีการทำสำรวจและวิจัยผู้บริโภคที่มาชมงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 60% มีแผนที่จะปลูกสร้างบ้านในปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจรับสร้างบ้านจะใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านประมาณ 3 เดือนถึง 1 ปี

          “เราดูตัวเลขมูลค่าตลาดรวมมาโดยตลอด ตัวเลขใน 3 ปีที่ผ่านมาแนวโน้มยังคงมีทิศทางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการหันมาใช้บริษัทรับสร้างบ้านในการปลูกสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทรับสร้างบ้านหลายแห่ง มีการเร่งทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาสที่ 1 คาดว่าจะมีผู้บริโภคที่ตัดสินใจจะปลูกสร้างบ้านเป็นจำนวนมากโดยคาดว่าบ้านระดับราคา 2-5 ล้านบาทยังเป็นกลุ่มหลักของตลาด” นางศิริพร กล่าว

          นางศิริพร กล่าวต่อไปว่า  เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 1 สมาคมฯ จะมีการจัดงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Material Focus 2019  ภายใต้คอนเซ็ปต์ ให้การสร้างบ้านเป็นเรื่อยง่ายง่าย  ระหว่างวันที่ 21-24 มีนาคม 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยภายในงานจะเป็นการรวบรวมบริษัทรับสร้างบ้าน

          ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเข้ามาร่วมออกงาน พร้อมด้วยแบบบ้านใหม่ล่าสุด และโปรโมชั่นสุดพิเศษ พร้อมด้วย กลุ่มผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างชั้นนำที่จะนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาแสดงในงาน นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังได้จัดพื้นที่ นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างรักษ์โลก  เพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของสมาคมฯ ที่มุ่งรณรงค์ในกลุ่มสมาชิกให้ความสำคัญในเรื่องของการก่อสร้างที่เน้นดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย โดยผู้ที่จองปลูกสร้างบ้านภายในงานนอกจากจะได้รับโปรโมชันพิเศษจากบริษัทรับสร้างบ้านที่มาแสดงภายในงานแล้ว ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทองคำมูลค่า 100,000 บาทด้วย ผู้ที่สนใจเข้าชมงานสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่https://www.hba-th.org

          สำหรับงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder & Materials 20219 ในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายภายในงานประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับการจัดงานในปีที่แล้ว ขณะที่คาดว่าหลังการจัดงานจะมีผู้ที่ตัดสินใจปลูกสร้างบ้านคิดเป็นมูลค่ารวมอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com


มาตรการ LTV: ความท้าทาย “ใหญ่” อสังหาฯ ปี 62

มาตรการ LTV: ความท้าทาย “ใหญ่” อสังหาฯ ปี 62

จากการประเมินทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 ยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายประการ ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ยังไม่กลับมาโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย อุปทานรอขายสะสมในตลาดจำนวนมาก และที่ดูจะร้อนแรงแซงทุกปัจจัยก็คือ มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-To-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย 

คนกรุงฯ กว่าครึ่ง เมินมาตรการ LTV

ตามที่ ธปท.ได้ประกาศเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่ราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นแห่งที่ 2 ในกรณีที่บ้านหลังแรกยังอยู่ในการผ่อนชำระ จะต้องเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์/เงินสดเป็นร้อยละ 10-20 ของมูลค่าที่อยู่อาศัยนั้น

จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 56 ไม่รู้เรื่องมาตรการ LTV โดยเป็นกลุ่มนี้มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนราว 31,600 บาท และเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วง 1-2 ปีนี้ สูงถึงร้อยละ 91 การที่ไม่รู้เรื่องมาตรการดังกล่าว อาจเป็นอุปสรรคหากมีการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถสำรองเงินได้เพียงพอ ในกรณีที่ได้รับวงเงินสินเชื่อเงินกู้ซื้อบ้านที่อาจน้อยลง

ขณะที่คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 44 รู้เรื่องมาตรการ LTV โดยเกือบ 2 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ยอมรับว่ามาตรการ LTV ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะปรับตัวด้วยการลดระดับราคาที่อยู่อาศัยเพื่อลดภาระเงินดาวน์/เงินสดที่สูงขึ้น รองลงมาคือการชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป 1-3 ปี และมีเพียงส่วนน้อยที่ตัดสินใจยกเลิกการซื้อที่อยู่อาศัยไปเลย

homebuying_iStockphoto.original

มาตรการ LTV กระทบผู้ซื้อ 36%

มาตรการ LTV อาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯ ในช่วง 1-2 ปีนี้ โดยกลุ่มที่ถือครองที่อยู่อาศัยและมีความประสงค์ที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 34 และเมื่อรวมกับกลุ่มที่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย และต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่มีสัดส่วนราวร้อยละ 2 ของภาพรวม ส่งผลให้กลุ่มที่จะเข้าข่ายได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV เบื้องต้น คาดว่ามีสัดส่วนราวร้อยละ 36

ทั้งนี้ หากตัดผู้ซื้อที่น่าจะพ้นภาระการผ่อนชำระจากที่อยู่อาศัยหลังแรกออกไป พบว่า กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV จะอยู่ที่ราวร้อยละ 18-22 และเมื่อพิจารณาข้อมูลจำนวนบัญชีสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ที่เฉลี่ยอยู่ที่ราว 1 แสนบัญชีต่อปี (อ้างอิงข้อมูลจาก ธปท.) จึงกล่าวได้ว่า มาตรการ LTV อาจมีผลต่อการซื้อที่อยู่อาศัยราว 18,000-22,000 บัญชี

ซื้อที่อยู่อาศัยต้องสำรองเงิน 11-22 เท่าของรายได้

นอกจากมาตรการ LTV แล้ว ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดที่อยู่อาศัย อาทิ อุปทานสะสมของที่อยู่อาศัยคงค้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ยังสูงถึง 199,768 หน่วย (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2561) รวมไปถึงการที่พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2563

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 จะเห็นฝั่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งธุรกรรมการซื้อ-ขายของตลาดที่อยู่อาศัย ขณะที่ฝั่งผู้ซื้อก็เพิ่มความระมัดระวัง โดยจะต้องสำรองเงินเพิ่มขึ้นราว 11-22 เท่าของรายได้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนมาตรการ LTV ใช้บังคับ ที่ต้องสำรองเงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยราว 5-11 เท่าของรายได้

แสดงให้เห็นถึงความพร้อม และการวางแผนทางการเงินระยะยาวที่ดีของผู้ที่จะซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับผลจากมาตรการ LTV รวมไปถึงรายจ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าอากรแสตมป์ หรือค่าเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นผู้ซื้อที่อยู่อาศัยอาจจำเป็นต้องปรับตัวโดยเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่สูงจนเกินความสามารถทางการเงินของตัวเอง

Money Saving concept

คาดยอดโอนฯ ปี 2562 หดตัว

จากปัจจัยที่ทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยต้องคำนึงถึงมากขึ้นแล้ว เมื่อประกอบกับทิศทางการซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติที่คาดว่าจะไม่เร่งขึ้นมากในปี 2562 แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เติบโตชะลอลง และบรรยากาศตลาดในประเทศที่มีความระมัดระวังมากขึ้น คาดว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปี 2562 อาจอยู่ที่จำนวน 169,300–177,000 หน่วย หรือหดตัวประมาณร้อยละ 8.5-12.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในปี 2561 ที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก และการทำตลาดของผู้ประกอบการเพื่อเร่งระบายที่อยู่อาศัยคงค้างที่อยู่ในระดับสูง ก่อนที่มาตรการ LTV มีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2562 คงจะต้องคิดและวางแผนกันอย่างระมัดระวัง เพราะมาตรการ LTV ทำให้ผู้ซื้อต้องมีการสำรองเงินมากขึ้น วางเงินดาวน์มากขึ้น แต่ในทางกลับกันก็เชื่อว่าฝั่งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะเร่งปรับกลยุทธ์กันยกใหญ่ ทั้งระบายโครงการเก่าในสต็อก อัดโปรโมชั่นเชื้อเชิญให้เร่งโอนกันตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ซื้อที่มีเงินอยู่ในเมืองจะได้สินค้าราคาถูกลงไปครอบครอง และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคตได้มากขึ้น ส่วนหลังมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้แล้ว คงต้องมาจับตาดูกันอีกครั้งว่าสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์จะไปในทิศทางใด

ขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com


“สรรพสามิต” จ่อชงคลังเปิดพิกัดรีดภาษีกัญชา

28 ก.พ.2562 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงการคลังเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตพืชกัญชา โดยคาดว่าจะเสนอภายในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้มีกฎหมายรองรับไว้สำหรับอนาคตหากมีการอนุญาตให้มีการใช้กัญชาในเชิงพาณิชย์ กรมฯ ก็จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ทันที โดย ร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่ผ่านความเห็นชอบในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แม้ว่าจะอนุญาตให้ใช้กัญชา ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัยและพัฒนา ก็พบว่ามีรายละเอียดครอบคลุมถึงการใช้กัญชาในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในอนาคตไว้ด้วย

ทั้งนี้ กรมฯ ได้ทำรายระเอียดร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตพืชกัญชา ไว้ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งอัตราภาษีทั้งหมด อัตราจัดเก็บเทียบเคียง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยกัญชาถือว่าเป็นสินค้าในกลุ่มควบคุม ในลักษณะเดียวกับใบยาสูบ ซึ่งจะต้องเข้าไปกำกับดูแลในทุกขั้นตอน และอัตราภาษีที่จะใช้ก็ต้องมีความแตกต่างกัน ทั้งระหว่างกัญชากับยาสูบอื่นๆ รวมทั้ง การนำกัญชาไปใช้ ในอุตสาหกรรมต่างๆ  เช่น ยาสูบ เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง ก็ต้องมีอัตราภาษีในการจัดเก็บที่ต่างกัน

“กรมฯ ทำพิกัดภาษีไว้ทั้งหมดแล้ว แต่เร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องอัตราจัดเก็บในชั้นนี้ เพราะกฎหมายเปิดให้ใช้กัญชาได้ในทางการแพทย์และการศึกษาเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าเริ่มมีการอนุญาตให้ใช้ในเชิงพาณิชย์ในอนาคต เราก็จะมีพิกัดจัดเก็บซึ่งสามารถใช้ได้ทันที โดยกัญชา เราไม่เคยมีพิกัดภาษีมาก่อน และเป็นสินค้าในกลุ่มแปลก ๆ กึ่งยาเสพติด เราก็ต้องจัดเก็บภาษีให้เทียบเคียงกับหลักสากลด้วย” นายพชร กล่าว

นายพชร กล่าวอีกว่า กรมฯ ได้ศึกษาอัตราเทียบเคียงการจัดเก็บจากหลาย ๆ ประเทศ ที่มีการใช้กัญชาในเชิงพาณิชย์ อย่างถูกกฎหมาย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดเก็บภาษีกัญชา ทั้งรูปแบบ ของเหลว แบบผง และแบบแห้ง โดยกำหนดอัตราภาษี 15% ของมูลค่า และภาษีในเชิงปริมาณที่ 50 เหรียญ ต่อ ออนซ์ ในส่วนของไทยก็จะต้องปรับให้เหมาะสม สอดคล้อง ไม่ได้ใช้ในอัตราเดียวกัน

อย่างไรก็ดี อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวภายหลังกาประชุมคณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ครั้งที่ 3 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คณะทำงานเร่งรัดเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบที่ได้รับผลกระทบรอบแรกรวม 39 ล้านบาท จากวงเงินช่วยเหลือรวม 159 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรกลุ่มที่ปลูกใบยาขายให้กับการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) โดยตรงรวม 4,253 ราย เป็นการจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจากนี้ ธ.ก.ส.จะไปสำรวจรายชื่อเกษตรกร ถ้าถูกต้องก็ดำเนินการจ่ายได้ทันที ส่วนที่เหลือในกลุ่มที่ขายใบยาสูบให้กับ ยสท. อีกกว่า 7,000 รายและ ขายให้กับเอกชนกว่า 4,000 ราย ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com


 ทรูมูฟ เอช ผู้นำตัวจริง…ครองรางวัล เครือข่าย 4G ที่ดีที่สุดในไทย ประจำปี 2018 3 ปีซ้อน จาก nPerf

ทรูมูฟ เอช เครือข่าย 4G ยอดเยี่ยมในเอเชียแปซิฟิก คว้ารางวัล “เครือข่าย 4G ที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2018” 3 ปีซ้อนจาก nPerf ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ทดสอบความเร็วของเครือข่ายแบบรอบด้านระดับโลก โดยทดสอบความเร็วและคุณภาพการเชื่อมต่อด้วย Mobile Internet ทั้ง 2/3/4/4.5G ของประเทศไทยประจำปี 2018 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2018 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2018 โดยมีผลการทดสอบที่เก็บได้ทั้งหมด 1,197,530 ครั้ง พบว่าทรูมูฟ เอชสามารถทำคะแนนรวมได้สูงที่สุด สำหรับคุณภาพการเชื่อมต่อในทุกด้าน ได้แก่ การวัดผลความเร็ว (Speedtest) การเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ (Browsing Test) และการสตรีมมิ่ง (VDO Streaming) นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2016-2018 ซึ่งรับประกันได้ถึงความแรง ความเสถียรและครอบคลุมที่สุด ตอกย้ำความสำเร็จของทรูมูฟ เอช ในการพัฒนาเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพสูงมาอย่างต่อเนื่อง

นายอดิศักดิ์ ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการโครงข่าย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทรูมูฟ เอชได้รับรางวัล “เครือข่าย 4G ที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2018” 3 ปีต่อเนื่องจาก nPerf บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยผลการทดสอบสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของเครือข่ายโดยรวมที่ผู้ใช้เชื่อมต่อตลอดทั้งปี 2018 พบว่าทรูมูฟ เอช มีคะแนนที่ห่างกว่าผู้ให้บริการรายอื่นอย่างเห็นได้ชัดสำหรับคุณภาพการเชื่อมต่อในทุกด้าน ได้แก่ การวัดผลความเร็ว (Speedtest) การเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ (Browsing Test) และการสตรีมมิ่ง (VDO Streaming) ไม่ว่าจะเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีใดๆก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทรูมูฟ เอช ในการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารของไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมนานาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การสื่อสารที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย โดยเทคโนโลยีที่ทรูมูฟ เอช นำมาใช้งานในปัจจุบัน อาทิ การขยายเครือข่าย 4G+ แบบ 3CA หรือการรวมคลื่น 900/1800/ 2100MHz เข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้ได้ความเร็วสูงระดับ 300 Mbps และยังได้ขยายสัญญาณเพิ่มเติมด้วยการอัปเกรดเครือข่ายให้รองรับการส่งสัญญาณแบบ 4?4 MIMO ตลอดจนขยายเพิ่มเป็น 8?8 MIMO ให้ครอบคลุมทุกจังหวัด รวมถึงการเปิดให้บริการเทคโนโลยีมาตรฐานโลก FDD Massive MIMO 32T32R เป็นรายแรกของโลกโดยมีจุดเด่นที่การกระจายช่องสัญญาณให้สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละคนได้ จึงเสมือนมีช่องสัญญาณส่วนตัว ช่วยเพิ่ม capacity ถึง 4 เท่า ทำให้รองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น โดยเปิดให้บริการแล้วในบริเวณที่มีการใช้งานหนาแน่นและล่าสุดได้นำเทคโนโลยี 5G มาให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ 5G บนสภาพแวดล้อมจริงอีกด้วย”

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ

กับอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ ไอ น้ำร้อนลวก มดกัด ยุงกัด ท้องเสีย ท้องอืด ฯลฯ หลายคนมักจะเลือกใช้ยาแผนปัจจุบัน โดยคิดว่าเป็นวิธีที่รวดเร็วทันใจดี แต่ลองชะเง้อมองซิว่า รอบ ๆ บ้านมีพืชสมุนไพรไทยอะไรปลูกอยู่หรือเปล่า เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้สามารถนำมาใช้รักษาอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ได้ผลชะงัดนักแล แถมบางชนิดยังสามารถรักษาโรคยอดฮิต อย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็งได้ด้วย มาดูสมุนไพรไทย ที่คนรู้จักดี เเละจะมาบอกเล่าเก้าสิบถึงสรรพคุณของมันให้ฟังกัน

ว่านหางจระเข้

01_19

ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์

โดย “วุ้นในใบสด” สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน “ยางในใบ” ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน “เหง้า” ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย

ขมิ้นชัน

Turmeric_001

เรียกกันทั่วไปว่า “ขมิ้น” เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยมนำ”เหง้า” ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุได้ด้วย

นอกจากนั้น “ขมิ้นชัน” ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ”คูเคอร์มิน” ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ “ขมิ้นชัน” ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย

ทองพันชั่ง

tpc-2

เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ “ทองพันชั่ง” หลายพื้นที่อาจเรียกว่า “ทองคันชั่ง” หรือ “หญ้ามันไก่” เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทำยาคือ ใบและราก ที่หากนำปริมาณ 1 กำมือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน ได้ด้วย

นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า “ทองพันชั่ง” มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความดันโลหิตต่ำ โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน

กระเพรา

กะเพรา

แม้จะเป็นผักที่คนไทยนิยมสั่งมารับประทานเวลาที่นึกไม่ออก แต่ก็มีน้อยคนที่จะรู้ว่า กะเพรา มีสรรพคุณอะไรบ้าง ที่เห็นชัด ๆ เลยก็คือ ใบกะเพรา มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุดเสียด แน่นท้อง แก้ปวดท้องอุจจาระ ส่วนน้ำสกัดทั้งต้น สามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหาร สำหรับเมล็ดกะเพรา ก็สามารถพอกตาให้ผงหรือฝุ่นที่เข้าตาหลุดออกมาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้ว รากกะเพราแห้ง ๆ ยังนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคธาตุพิการได้ด้วย

และสรรพคุณเด็ดของกะเพราอีกประการก็คือ ช่วยขับไขมันและน้ำตาล เคยสงสัยบ้างไหมล่ะ ทำไมอาหารตามสั่งต้องมีเมนูผัดกะเพราเนื้อ กะเพราไก่ กะเพราหมู นั่นก็เพราะนอกจากใบกะเพราจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้แล้ว ยังมีฤทธิ์ขับไขมัน และน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย อีกทั้ง กะเพราจะช่วยขับน้ำดีในตับออกมาให้ช่วยย่อยไขมันได้ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น หากบอกว่า รับประทานกะเพราแล้วจะช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ ก็คงไม่ผิดนัก

กระชายดำ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

สมุนไพรแสนมหัศจรรย์ของท่านชาย เพราะสรรพคุณของกระชายดำที่ได้รับการกล่าวขานกันมากก็คือ สรรพคุณเพิ่มพลังทางเพศ หรือแก้โรคกามตายด้าน เนื่องจากฤทธิ์ของกระชายดำจะไปบำรุงกำลัง เพิ่มฮอร์โมนให้หนุ่ม ๆ ทำให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น

แต่ใช่ว่า กระชายดำ จะมีประโยชน์แค่เรื่องเพิ่มพลังทางเพศเท่านั้นนะ เพราะกระชายดำยังสรรพคุณมากมาย ทั้งบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง เป็นยาเจริญอาหาร และบำรุงธาตุ แก้หัวใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียนแน่นหน้าอก แผลในปาก ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผ่องใส ขับปัสสาวะ แก้โรคกระเพาะ ฯลฯ และด้วยสรรพคุณอันแสนมหัศจรรย์มากมายขนาดนี้ กระชายดำ เลยถูกขนานนามว่าเป็น “โสมไทย” ซึ่งนิยมปลูกมากจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเลยทีเดียว

ว่านชักมดลูก

hb_192

มาที่พืชสมุนไพรสำหรับสาว ๆ กันบ้าง แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้ว เหมาะกับคุณสุภาพสตรีเป็นที่สุด เพราะเหง้าของว่านชักมดลูกมีสรรพคุณช่วยขับประจำเดือนในสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่วนผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร ว่านชักมดลูกก็จะช่วยบีบมดลูกให้เข้าอู่เร็วขึ้น ขับน้ำคาวปลา และรักษาโรคมดลูกพิการปวดบวมได้

นอกจากนั้น ว่านชักมดลูก ยังแก้ริดสีดวงทวาร แก้ไส้เลื่อน แก้โรคลม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ขณะที่รากของว่านชักมดลูกสามารถใช้แก้ท้องอืดเฟ้อได้อีกต่างหาก

กระเจี๊ยบแดง

09-47-31-69084585

หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด

แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย

มะขามป้อม

1-44

เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลางที่จัดเป็นยาอายุวัฒนะ เพราะมีสรรพคุณเพียบในแทบทุกส่วนของต้น แต่ที่รู้จักกันดีก็คือ ผลของมะขามป้อมจะมีรสเปรี้ยวมาก ๆ แต่ก็ชุ่มคอ และให้วิตามินซีสูงมากเช่นกัน ดังนั้น จึงมีคนนำผลมะขามป้อมสดมาใช้เป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน

นอกจากนั้นแล้ว ส่วน “ราก” ยังแก้พิษตะขาบกัด แก้ร้อนใน ลดความดันโลหิต แก้โรคเรื้อน ส่วนเปลือก แก้โรคบิด และฟกช้ำ ส่วนปมก้าน ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปาก แก้ปวดฟัน “ผลแห้ง” ใช้รักษาอาการท้องเสียง หนองใน เยื่อบุตาอักเสบ แก้ตกเลือด และส่วน “เมล็ด” ก็สามารถนำไปเผาไฟผสมกับน้ำมันพืช ทาแก้คัน แก้หืด หรือจะตำเมล็ดให้เป็นผง ชงกับน้ำร้อนดื่มแก้โรคเบาหวาน หอบหืด หลอดลมอักเสบก็ได้

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทลายโจร

ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ รักษาโรคตับ เบาหวาน โรคงูสวัด ริดสีดวงทวาร และรสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย

ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A , ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค , มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่ำ และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร  และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้

ใบย่านาง

1-20

ย่านางเป็นสมุนไพรรสจืด เป็นยาเย็น มีฤทธิ์ดับพิษร้อน คนจึงนำใบย่านางไปคั้นเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ เพื่อเพิ่มความสดชื่น ปรับอุณหภูมิในร่างกาย และยังนำใบย่านางไปช่วยดับพิษไข้ ดับพิษของอาหาร แก้อาการผิดสำแดง แก้พิษเมา แก้เลือดตก แก้กำเดา ลดความร้อนได้ด้วย นอกจากใบแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของย่านางก็มีประโยชน์เช่นกัน ทั้ง “ราก” ที่ใช้แก้ไข้พิษ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทับระดู”เถาย่านาง” ใช้แก้ไข ลดความร้อนในร่างกาย

ขณะที่ข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุว่า ย่านาง ยังช่วยต้านมาลาเรีย ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ต้านฮีสตามีน ส่วนข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ย่านางมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย แถมยังอุดมไปด้วยเส้นในอาหาร แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ย่านางจึงเป็นหนึ่งในจำนวนผักพื้นบ้านที่นักวิจัยแนะนำให้นำมาใช้ในรูปแบบอาหารเพื่อรักษาโรคมะเร็ง

มะรุม

original_00749_0

พืชสมุนไพรสุดแสนมหัศจรรย์ เพราะนอกจากจะนำมาปรุงอาหารรับประทานแล้วได้รับสารอาหารอย่างวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม ใยอาหาร แล้ว มะรุม ยังเป็นยาวิเศษรักษาที่ทุกส่วนสามารถใช้รักษาได้สารพัดโรค

เริ่มจาก “ราก” ที่จะช่วยบำรุงไฟธาตุ แก้อาการบวม “เปลือก” ใช้ประคบแก้โรคปวดหลัง ปวดข้อ รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ “กระพี้” ใช้แก้ไขสันนิบาด “ใบ” มีแคลเซียม วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ใช้แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ “ดอก” ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย “ฝัก” ใช้แก้ไข้หัวลม”เมล็ด” นำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้รักษาโรคปวดข้อ โรคเกาท์ รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา และ “เนื้อในเมล็ดมะรุม” ใช้แก้ไอได้ดี รวมทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย หากรับประทานเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควรรับประทานมะรุม

ชุมเห็ดเทศ

1-54

ไม้พุ่มขนาดกลาง มีดอกสีเหลือง จัดเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามาก โดยชุมเห็ดเทศทั้งต้น มีฤทธิ์ขับพยาธิในลำไส้ รักษาซาง โรคผิวหนัง ถ่ายเสมหะ รักษาอาการฟกช้ำบวม รักษาริดสีดวง ดีซ่าน และฝี ส่วนลำต้น จะใช้เป็นยารักษาคุดทะราด กลากเกลื้อน ช่วยขับพยาธิ ขับปัสสาวะ รักษาอาการท้องผูก

นอกจากต้นแล้ว ใบชุมเห็ดเทศก็ได้รับความนิยมในคนที่มีอาการท้องผูกเช่นกัน เพราะสามารถนำใบซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ไปต้มน้ำกินได้ หรือจะใช้อมบ้วนปากก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากโดยเฉพาะโปตัสเซียม รวมทั้งอาจทำให้ดื้อยาได้ด้วย

บอระเพ็ด

บอระเพ็ด1

เมื่อเอ่ยชื่อ “บอระเพ็ด” หลายคนคงรู้สึก “ขม” ขึ้นมาทันที แต่เพราะความที่เจ้าบอระเพ็ดมีรสขมนี่ล่ะ ถึงทำให้ตัวมันเต็มเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางยามากมาย ดังสำนวนที่ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา”

อย่างเช่น “ราก” สามารถนำไปดับพิษร้อน แก้ไข้พิษ ไข้จับสั่น ช่วยให้เจริญอาหาร “ต้น” ก็ช่วยแก้ไข้ได้เช่นกัน และยังช่วยบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ร้อนใน แก้สะอึก แก้เลือดพิการ ส่วน “ใบ”นอกจากจะช่วยแก้ไข้ได้เหมือนส่วนอื่น ๆ แล้ว ยังช่วยแก้โลหิตคั่งในสมอง ขับพยาธิ แก้ปวดฝี ช่วยลดความร้อน ทำให้ผิวพรรณผ่องใส รักษาโรคผิวหนัง ผดผื่นคันตามร่างกาย

มาถึง “ดอก” ช่วยฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู “ผล” ใช้แก้เสมหะเป็นพิษ แก้สะอึกได้ดี แต่ถ้านำทั้ง 5 ส่วน คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล มารวมกัน “บอระเพ็ด” จะกลายเป็นยาอายุวัฒนะเลยทีเดียว เพราะแก้อาการได้สารพัดโรค รวมทั้งโรคริดสีดวงทวาร ฝีในมดลูก เบาหวาน ฯลฯ

เสลดพังพอนตัวเมีย

saledpa w

เสลดพังพอนตัวผู้

saledpa m

“เสลดพังพอน” มี 2 ชนิด คือ “เสลดพังพอนตัวผู้” และ “เสลดพังพอนตัวเมีย” ซึ่งทั้งสองชนิดมีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้ถอนพิษ แต่ “เสลดพังพอนตัวผู้” จะมีฤทธิ์อ่อนกว่า และส่วนใบจะมีรสขมกว่า

ลองไปดูสรรพคุณของ “เสลดพังพอนตัวผู้” กันก่อน “ราก” ช่วยแก้ตาเหลือง ตัวเหลือง กินข้าวไม่ได้ ถอนพิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย แก้ปวดฟัน ส่วน “ใบ” ก็ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย และยังแก้ปวดแผล แผลจากของมีคมบาด แก้โรคฝี โรคคางทูม ไฟลามทุ่ง งูสวัด เริม ฝีดาษ แก้ฟกช้ำ น้ำร้อนลวก ยุงกัด แก้ปวดฟัน เหงือกบวม

ส่วน “เสลดพังพอนตัวเมีย” จะนำรากมาปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน แก้ปวดเมื่อยที่เอว ส่วน “ใบ” ซึ่งมีรสจืดจะนำมาสกัดทำเป็นยาใช้รักษาแผลผิวหนังชนิดเริม แผลร้อนในในปาก แผลน้ำร้อนลวกได้ นอกจากนั้น ส่วนทั้ง 5 คือ ราก ต้น ใบ ดอก ผล สามารถใช้ถอนพิษต่าง ๆ ได้ดี ทั้งพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอักเสบ งูสวัด ลมพิษ แผลน้ำร้อนลวก

มะแว้ง

mawang

มีทั้ง “มะแว้งต้น” และ “มะแว้งเครือ” ที่มีสรรพคุณเด่น ๆ คือ ใช้เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ เราจึงมักเห็นมะแว้งถูกนำมาผสมเป็นยาอมช่วยแก้ไอ ซึ่งตามตำรับยาแก้ไอแล้ว สามารถใช้ได้ทั้ง ราก ใบ ผล นอกจากนั้น ยังช่วยลดน้ำลายเหนียว บำรุงธาตุ รักษาวัณโรค แก้คอแห้ง ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางไตและกระเพาะปัสสาวะ แก้โลหิตออกทางทวารหนัก และแก้โรคหอบหืดได้ด้วย นอกจากนั้น ลูกมะแว้งเครือสามารถนำไปปรุงอาหาร ทานเป็นผักได้ ส่วนลูกมะแว้งต้นก็ใช้ปรุงอาหารได้เช่นกัน แต่คนนิยมน้อยกว่าลูกมะแว้งเครือ

รางจืด

1295187471

เมื่อพูดถึงสมุนไพรถอนพิษ หลายคนนึกถึง “รางจืด” หรือ “ว่านรางจืด” ทันที เพราะส่วนใบและรากของรางจืดสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษยาฆ่าแมลงได้ มีประโยชน์ในเวลาที่หากใครเกิดเผลอทานยาฆ่าแมลง ยาพิษ หรือยาเบื่อเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และอยู่ไกลโรงพยาบาล การทานรากรางจืดก็จะช่วยบรรเทาพิษในเบื้องต้นได้

นอกจากนั้นแล้ว รางจืด ยังสามารถปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ พิษแอลกอฮอล์ พิษสำแดง บรรเทาอาการเมาค้าง บรรเทาอาการผื่นแพ้ เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ แล้วรู้ไหมว่า ยังมีงานวิจัยจากกลุ่มหมอพื้นบ้านพบว่า การนำรางจืดไปต้มแล้วนำมาอาบจะช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง และหากนำรากรางจืดมาฝนกับน้ำซาวข้าวแล้วนำไปทาหน้า จะทำให้หน้าขาว ไม่มีสิวฝ้าอีกด้วย

กระวาน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เป็นสมุนไพรไทยที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ มักพบขึ้นอยู่ตามป่าที่มีความชื้นสูง เช่น ป่าแถบเขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี รวมทั้งแถบจังหวัดตราด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสรรพคุณหลัก ๆ คือ ใช้เป็นยาขับลม บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผสมในยาถ่ายเป็นใช้ช่วยถ่ายท้องได้

นอกจากนั้น “ราก” ยังช่วยฟอกโลหิต แก้ลม รักษาโรครำมะนาด “เมล็ด” ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ “เหง้าอ่อน” ใช้รับประทานเป็นผัก “หัวและหน่อ” ช่วยขับพยาธิในเนื้อให้ออกทางผิวหนัง”แก่น” ใช้ขับพิษร้าน รักษาโรคโลหิตเป็นพิษ “กระพี้” รักษาโรคผิวหนัง บำรุงโลหิต ส่วน “ใบ” ใช้แก้ลมสันนิบาต ขับเสมหะ แก้ไข้เซื่องซึม แก้จุกเสียด บำรุงกำลัง “ผลแก่” มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมคล้ายการบูร มีฤทธิ์ขับลม ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรียบางชนิด

กานพลู

B0003

ใครที่ปวดฟัน นี่คือสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการปวดฟันได้เป็นอย่างดี โดยตามตำรับยา ให้นำดอกที่ตูมไปแช่เหล้าขาว แล้วเอาสำลีไปชุบน้ำมาอุดรูฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ เพราะน้ำมันหอมระเหยในกานพลูมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ หรือจะเคี้ยวทั้งดอกแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟันก็ได้ นอกจากนั้น ยังนำไปผสมน้ำเป็นน้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดกลิ่นปาก แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้รำมะนาดได้

กานพลูยังมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ฉะนั้น ใครที่มีอาการปวดท้อง กานพลู ก็ช่วยลดอาการปวดท้อง ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียดจากการย่อยอาหารได้ เพราะจะไปช่วยขับน้ำดีมาย่อยไขมันได้มากขึ้น แถมยังกระตุ้นการหลั่งเมือก และลดภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหารได้ด้วย

หญ้าหนวดแมว

original_m

ไม้ล้มลุกขนาดเล็กที่มีสรรพคุณไม่น้อย โดย “ราก” สามารถใช้ขับปัสสาวะได้ “ใบ” ใช้รักษาโรคไต ช่วยขับกรดยูริกออกจากไต รักษาโรคเบาหวาน อาการปวดหลัง ไขข้ออักเสบ ลดความดันโลหิต “ต้น” ก็ใช้แก้โรคไต ขับปัสสาวะได้เช่นกัน และยังช่วยรักษาโรคนิ่ว โรคเยื่อจมูกอักเสบได้ โดยนำต้นสด หรือต้นแห้ง หรือใบอ่อน หรือใบตากแห้ง ไปชงกับน้ำ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร ห้ามนำไปต้ม และไม่ควรใช้ใบแก่ หรือใบสด เพราะมีฤทธิ์กดหัวใจ ทำให้ใจสั่นและคลื่นไส้ได้

ข้อควรระวังก็คือ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไต ห้ามรับประทาน เพราะในหญ้าหนวดแมวมีโพแทสเซียมสูงมาก และไม่ควรรับประทานหญ้าหนวดแมวร่วมกับแอสไพริน เพราะจะยิ่งทำให้ยาจำพวกแอสไพรินไปจับกล้มเนื้อหัวใจมากขึ้น

บัวบก

00220_2

หลายคนอาจเคยดื่มน้ำใบบัวบก ที่เมื่อดื่มเข้าไปแล้วช่วยแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ลดการกระหายน้ำได้ดีนักแล ซึ่งนอกจากใบบัวบกจะนำมาคั้นน้ำดื่มได้แล้ว ยังสามารถนำไปทาแผล ช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำของแผลได้ด้วย เพราะในใบมีกรดมาดีคาสสิค (madecassic acid) และกรดเอเซียติก (asiatic acid) ที่มีฤทธิ์สมานแผน ไม่ว่าจะเป็นแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลหลังผ่าตัด ใบบัวบกจะช่วยการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

นอกจากนั้น ใบบัวบกยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดเชื้อเป็นหนองในได้  วิธีการใช้ก็ง่าย ๆ นำใบบัวบกสดทั้งต้น 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด แล้วตำให้ละเอียด เอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็นแผลเป็นบ่อย ๆ ใช้กากพอกด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการอักเสบและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

ส่วนต้นของใบบัวบก ก็มีสรรพคุณทางยามากมายไม่แพ้ใบ โดยสามารถใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า แก้พิษงูกัด แก้ปวดศีรษะข้างเดียว ช่วยขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ ใช้เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน แก้ช้ำในได้เช่นกัน และถ้าใครชอบทำอาหาร อย่าลืมใส่ใบบัวบกลงผสมลงไปในเมนูของคุณด้วย เพราะในใบบัวบกมีสารอาหารเพียบ โดยเฉพาะวิตามินเอที่มีสูงมาก และยังให้คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน และไนอาซีน

ขอบคุณข้อมูลจาก undead69.wordpress.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,600.00 19,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,270.00 19,253.20 20,200.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,143.00 17,327.88 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,016.00 15,402.56 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 572.00 8,671.52 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 445.00 6,746.20 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,316.00 19,950.56 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 28/02/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55
แก๊สโซฮอล์ 91 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28 27.28
แก๊สโซฮอล์ E20 24.54 24.54 24.94 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54
แก๊สโซฮอล์ E85 19.94 19.94 19.94
เบนซิน 95 34.96 35.41 35.46 35.26 35.26
ดีเซล 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29 27.29
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.89 30.16 31.35 31.35 30.35
แก๊ส NGV 16.44 27.29
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า