สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 29 มิถุนายน 2561

ตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง61ยังคึก ผู้ประกอบการเร่งผุดโครงการใหม่ดันรายได้โต

ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องมา 2 – 3 ปีติดต่อกันนั้นอาจจะยังไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นหรือว่ากำลังซื้อของคนไทยมากนัก เพราะว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะมีการขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากเพิ่งจะมีการขยายตัวในอัตรามากกว่า 4% เมื่อช่วงปลายปี2560 เท่านั้นเอง และมีการขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่1/2561 และคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งปี2561 จะอยู่ที่ประมาณ 4.2  – 4.7  มากที่สุดในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกำลังซื้อของคนไทยหรือว่าความเชื่อมั่นของคนไทยอาจจะยังไม่ได้เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ เพราะยังคงมีปัจจัยลบด้านอื่นๆ อีก เช่น ภาวะหนี้สินครัวเรือนของคนไทยที่ยังค่อนข้างสูง ซึ่งมีผลต่อการใช้จ่ายและการก่อหนี้สินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนไทย อีกทั้งมีผลต่อการขอสินเชื่อต่อธนาคารต่างๆ ซึ่งทำได้ยากมากขึ้น เพราะธนาคารเข้มงวดในการพิจารณาการขอสินเชื่อ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อภาวะตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมค่อนข้างชัดเจน

 

นายสุรเชษฐ กองชีพ  ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด บริษัท ไรส์แลนด์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพมหานครอาจจะมีการขยายตัวค่อนข้างมากในช่วงไตรมาสที่ 1/2561 ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกประมาณ 21,500 ยูนิต และเป็นจำนวนที่ไม่ได้แตกต่างจากปีก่อนหน้านี้มากนัก โดยนอกเหนือจากทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และที่กำลังก่อสร้างจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการแล้ว พื้นที่เมืองชั้นในตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินปัจจุบันก็เป็นที่สนใจของผู้ประกอบการหลายรายเช่นกัน แต่ไม่ได้มากเหมือนในอดีต เพราะผู้ประกอบการเลือกเปิดเฉพาะในทำเลที่น่าสนใจที่ทุกคนรับรู้ว่าที่ดินราคาแพงเพราะว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องเปิดขายโครงการในราคาสูง เช่น หลังสวน ทองหล่อ ราชเทวี เป็นต้น ผู้ประกอบการหลายรายยังคงชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี2561 แต่ถ้าพิจารณาจากจำนวนโครงการที่พวกเขามีแผนจะเปิดขายใหม่ในปี2561 นั้นผู้ประกอบการทุกรายมีแผนเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันมากกว่าปีก่อนหน้านี้ทุกราย นอกจากนี้ผู้ประกอบการทุกรายยังคงมีแผนเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้นเช่นกันเพื่อสร้างรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยให้คงที่เพราะตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะยังคงมีความผันแปรในเรื่องกำลังซื้อ และความเชื่อมั่นของคนไทยที่ยังไม่สูงมาก อีกทั้งอุปทานเหลือขายในตลาดที่ยังคงมีอยู่ไม่น้อยในตลาด ซึ่งอุปทานเหลือขายนี้เป็นตัวกำหนดราคาขายไม่ให้สูงเกินไป และเป็นตัวกดดันให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องพิจารณาทำเลในการเปิดขายโครงการใหม่รวมไปถึงรูปแบบโครงการมากขึ้น

 

ส่วนตลาดบ้านจัดสรรอาจจะเป็นตลาดที่มีความคึกคักมากมายในช่วงครึ่งแรกของปี2561 ต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านี้ เพราะว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น แม้ว่าจำนวนของบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ในกรุงเทพมหานครจะลดลงต่อเนื่องในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ผู้ประกอบการยังคงหาที่ดินไม่ไกลจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างเพื่อเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรขนาดเล็กจำนวนยูนิต 200-300 ยูนิตหรือน้อยกว่านี้ โดยผู้ประกอบการเลือกเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรขนาดใหญ่ในจังหวัดอื่นๆ รอบกรุงเทพมหานคร เพราะราคาที่ดินในกรุงเทพมหานครนั้นไม่เหมาะในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่เหมาะกับกำลังซื้อส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครที่ต้องการที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท พื้นที่กรุงเทพมหานครรอบนอกเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการในการเปิดขายโครงการบ้านจัดสรรขนาดไม่ใหญ่นักมากขึ้น โดยรูปแบบบ้านที่เปิดขายค่อนข้างมากคือ ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวในบางทำเล

สำหรับภาพรวมในช่วงครึ่งหลังปี2561 นั้น คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะมีความคึกคักมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งเปิดขายโครงการใหม่ให้มากขึ้นเพื่อให้รายได้และอัตราการเติบโตเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ซึ่งทำเลที่น่าสนใจนั้นมีทั้งพื้นที่เมืองชั้นใน เช่น ทองหล่อ พญาไท ราชเทวี และพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างอื่นๆ โดยเฉพาะสายสีเขียวตอนเหนือ (หมอชิต – คูคต) และตอนใต้ (แบริ่ง – สมุทรปราการ) สายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง) แต่ก็คงต้องจับตามองภาวะเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วยเพราะว่าความเชื่อมั่น และกำลังซื้อนั้นผันแปรกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ตลาดที่คาดว่าจะมีการเปิดขายโครงการมากก็ยังคงเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคา 80,000 – 120,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ก็จะมีโครงการระดับราคาขายมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรเปิดขายอีกหลายโครงการรวมไปถึงบ้านจัดสรรราคาแพงที่มีราคาขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิตที่ยังคงมีโครงการเปิดขายใหม่ออกมาต่อเนื่อง

ผู้ซื้อคนจีนจะยังคงเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจและเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่ผู้ประกอบการไทยเลือกเป็นผู้ซื้อหลักในกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นั้นเลือกจะไม่บอกกับผู้ซื้อโดยทั่วไปโดยตรงว่ากลุ่มผู้ซื้อหลักในโครงการเป็นคนจีน เนื่องจากคนจีนนั้นเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 1 และมีแนวโน้มมากขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ทำเลที่เป็นที่สนใจของกลุ่มผู้ซื้อคนจีนยังเป็นทำเลตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินปัจจุบัน เช่น สุขุมวิท พระราม 9 รัชดาภิเษกตอนต้น นอกจากนี้ในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ก็มีกลุ่มผู้ซื้อคนจีนเข้าไปในพื้นที่มากขึ้นในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่ยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับ กรุงเทพมหานคร

http://prop2morrow.com


ผู้ประกอบการระยองปรับตัวรับมือรายใหญ่บุกชิงส่วนแบ่งตลาด

นายกสมาคมการค้าอสังหาฯระยองเผยหลังภาครัฐให้ความสำคัญEEC ส่งผลผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอำเภอบ้านฉาง มากสุดถึง70% มั่นใจผู้บริโภคในพื้นที่ยังเชื่อมั่นผู้ประกอบการในท้องถิ่น ทั้งปรับตัวรับมือการแข่งขันเดือด ระบุราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิท ราคาพุ่ง15ล้านบาท/ไร่ ล่าสุดเตรียมผนึกหลายองค์กรดึงรถไฟความเร็วสูง เฟส1 สถานีที่10 กลับคืน


 

นายเปรมสรณ์ ศรีวิบูลย์ชัย  นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ “พาวีน่า โฮเทล”ในพื้นที่อ.เมือง จ.ระยอง และโครงการแนวราบ ภายใต้แบรนด์ The Pano เปิดเผยว่าจากการที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ซึ่งระยอง ถือเป็น 1ใน 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ และเริ่มมีผู้ประกอบการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับดีมานด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยพื้นที่ที่อยู่ใกล้ระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐมากที่สุดจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นลำดับแรก นั่นก็คืออำเภอบ้านฉาง โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเข้าไปลงทุนมากถึง 70% ที่เหลืออีก 30% จะเป็นนักลงทุนในท้องถิ่น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาลงทุนในจ.ระยอง เป็นจำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีความได้เปรียบในการทำตลาดและการขาย100% เพราะผู้บริโภคยังมีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในท้องถิ่น ส่วนผู้บริโภคจากกทม.และจังหวัดอื่นๆอาจจะยังมีความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้าของผู้ประกอบการจากในกทม. ซึ่งก็จะถูกชิงส่วนแบ่งตลาดไปบ้าง แต่บ้านระดับราคา 2-4 ล้านบาท ยังมีช่องว่างตลาดอยู่ เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่จะไม่เจาะตลาดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการในพื้นที่มีความได้เปรียบในการทำตลาด  แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขันด้วย ด้วยการอัพเดทข้อมูลทางการตลาด และศึกษาวิธีการทำอสังหาฯอย่างต่อเนื่อง  สำหรับราคาที่ดินในจ.ระยอง หากติดถนนสุขุมวิท ราคาจะสูงถึง 15ล้านบาทขึ้นไป/ไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเล จากเดิมที่ราคาอยู่ที่ประมาณ7-8 ล้านบาท/ไร่ ปรับสูงขึ้นมา1เท่าตัว

ด้านนายนิธิ นาคะเกศ กรรมการบริหาร สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง กล่าวเสริมว่า ภายหลังจากที่ทางสมาคมฯได้มีการคัดเลือกนายกฯคนใหม่เข้ามาดำรงแหน่ง เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งทีมงานใหม่ก็พยายามที่จะสานต่อนโยบายเดิมที่นายกฯคนเดิมดำเนินการไว้ และสิ่งแรกที่จะต้องเร่งดำเนินการคือ การพยายามที่จะดึงรถไฟความเร็วสูงกลับมาจากเดิมที่ภาครัฐได้มีการลงพื้นที่เปิดรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวจ.ระยอง มาอย่างต่อเนื่อง ว่าโครงการเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เฟส1 สถานีที่10 มาถึงจ.ระยองอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าเมื่อประกาศออกมาแล้ว กลับไม่มีชื่อสถานีระยองอยู่ในโครงการ โดยสถานีสุดท้ายของเฟส1 กลับสิ้นสุดที่สนามบินอู่ตะเภา ดังนั้นทางสมาคมและหน่วยงานต่างๆในจังหวัดได้ล่ารายชื่อประชาชนชาวจ.ระยอง กว่า 10,000 คน และยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาบรรจุสถานีระยอง เข้าไว้ในโครงการรถไฟความเร็วสูง เฟส1 ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในจ.ระยอง กลับมาคึกคักมากขึ้น

ขณะนี้สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง มีสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการมากกว่า 70 ราย ซึ่งมีทั้งรายกลาง-เล็ก โดยสมาคมฯได้มีการจัดสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลของสมาคมอสังหาฯแต่ละจังหวัดเกือบทุกเดือน รวมไปถึงการร่วมมือกับองค์กรต่างๆในต่างประเทศ ล่าสุดสมาพันธ์การค้าเอสเอ็มอีฮ่องกง ได้ติดต่อสมาคมฯในการขอดูงาน ศึกษาการลงทุนอสังหาฯในรูปแบบการร่วมทุน หรือลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากมองว่าที่อยู่อาศัยในเมืองไทยมีราคาถูกกว่าในฮ่องหลายเท่าตัว

“ปัจจุบันผู้ประกอบการในท้องถิ่นมีการปรับตัวรับมือในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในระยองอย่างต่อเนื่อง ด้วยการอัพเดทข้อมูลการทำธุรกิจ รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นคนไทย โดยโซนที่มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วคือ ย่านปลวกแดง เพราะมีนิคมอุตสาหกรรมมากมาย โดยทาวน์เฮาส์ราคา 1 ล้านบาทต้นๆยังขายได้ดี”นายนิธิ กล่าวในที่สุด

http://prop2morrow.com


USABC เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทย

USABC เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทย พร้อมแจ้งหลายบริษัทอเมริกาสนใจลงทุนใน EEC

วันนี้ (28 มิ.ย. 2561) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน 2561

โดยมีผู้เข้าร่วม ดังนี้ รัฐมนตรีประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  สำหรับนักธุรกิจสหรัฐฯ และผู้บริหารของ USABC ประกอบด้วย 39 บริษัทจาก 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ (1) ด้านพลังงาน/โครงสร้างพื้นฐาน (2) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (3) ด้านสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ (4) ด้านอาหารและการเกษตร (5) ด้านการผลิต/ภาษี และ (6) ด้านบริการทางการเงิน อาทิ Google, Netflix, American Express, Citi, Harley-Davidson, 3M, Ford, Microsoft, AIG, Chevron และ eBay เป็นต้น

นายกรัฐมนตรียินดีต้อนรับคณะนักธุรกิจ USABC โดยปีนี้เป็นปีที่ 13 ที่ USABC ก่อตั้งสำนักงานและนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ เดินทางเยือนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความสำคัญที่ USABC มีให้กับประเทศไทย จนทำให้สหรัฐฯเป็นคู่ค้าที่มีมูลค่าการค้ากับไทยมากเป็นลำดับต้นมาโดยตลอด รัฐบาลยังทราบถึงข้อห่วงใยของนักธุรกิจสหรัฐฯ และพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งการพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล การเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการพื้นฐานหลักในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรูปและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการมุ่งไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยมุ่งเน้นที่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นสาขาที่สหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร ยานยนต์และอากาศยาน อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและการลงทุนของบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากมีฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และสามารถเป็นประตูและศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายการคมนาคมทั่วประเทศ รวมทั้งเชื่อมต่อไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศในภูมิภาคเอเชีย กลุ่มประเทศ CLMV รวมไปถึงกลุ่มความร่วมมือต่างๆ เช่น ACMECS, IORA เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเอเชีย โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนนักธุรกิจสหรัฐฯ พิจารณาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของไทยใน EEC

โอกาสนี้ USABC แสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิรูปของไทย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯเชื่อมั่นและประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของไทย การสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและการลงทุน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เป็นต้น

USABC ยังพร้อมเป็นหุ้นส่วนในการผลักดันการดำเนินนโยบายประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล และสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมและเทคนโนโลยีของไทย ทั้งนี้ บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ อาทิ Dow Chemical ยังแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขต EEC โดยเฉพาะในสาขาการออกแบบ (Design) นวัตกรรม R&D ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การส่งเสริม นอกจากนี้ คณะนักธุรกิจ USABC และสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในฐานะประธานอาเซียน โดยเห็นว่าไทยมีบทบาทสำคัญต่ออาเซียนอย่างมาก

โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวในนามของรัฐบาลและประชาชนว่า สหรัฐฯขอส่งกำลังใจและขอแสดงความห่วงใย กรณีนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนสูญหายเข้าไปภายในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย โดยสหรัฐฯ ได้จัดส่งทีมช่วยเหลือเพื่อค้นหาและกู้ภัย ครั้งนี้ด้วย สำหรับการนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ มาในครั้งนี้ เพื่อยืนยันถึงความร่วมมือในด้านการค้าการลงทุน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณ USABC และนักธุรกิจสหรัฐฯ อีกครั้ง และหวังว่า USABC จะได้รับทราบและเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศในทุก ๆ ด้าน และยืนยันว่าไทยยังคงมีศักยภาพที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ได้อีกมาก นายกรัฐมนตรีเห็นว่า นักธุรกิจสหรัฐฯทุกคนเป็น “Friends of Thailand” ไทยยินดีรับฟังข้อชี้แนะ รวมทั้งพร้อมร่วมมือด้านการท่องเที่ยวตามนโยบาย Thailand +1 เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค และหวังว่าการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้จะได้รับประโยชน์จากการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

http://www.bangkokbiznews.com


บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่าที่ 33.15 บาทต่อดอลลาร์

ลุ้นเงินหยวนปรับทิศแข็งค่าตามดอลลาร์ หากหยวนอ่อนค่าเร็วอาจเกิดแรงเทขายสกุลเงินเอเชีย

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.15บาทต่อดอลลาร์   อ่อนจากปิดตลาดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 33.12 บาท ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินสหรัฐเริ่มหาที่พักได้ หุ้นในฝั่งสหรัฐบวกขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10ปีที่ทรงตัวที่ 2.84% สวนทางกับฝั่งยุโรปที่ยังมีปัญหาการเมืองส่งผลให้ตลาดหุ้นยังปรับตัวลง และค่าเงินยูโรก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ

อย่างไรก็ตามตลาดการเงินเอเชียไม่ได้เจอแต่ความผันผวนของดอลลาร์แต่ความเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนก็เป็นเรื่องที่ตลาดกำลังสนใจ ล่าสุดเงินหยวนที่ซื้อขายในระดับ 6.62 หยวนต่อดอลลาร์หรืออ่อนค่า 3.7% ในเดือนนี้ เป็นแนวโน้มการอ่อนค่าต่อเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สูงที่สุดในรอบกว่า 30ปี จนทำให้สกุลเงินอื่นๆในเอเชียอ่อนค่าตามทันทีด้วยความกังวลว่าทางการจีนอาจเข้าสู่สงครามค่าเงินกับสหรัฐแล้ว

เรามองว่า มีความกังวลกับสงครามค่าเงินอยู่บ้าง แต่ยังเชื่อมั่นว่าทางการจีนกำลังปรับเงินหยวนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับการแข็งค่าของดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจุดที่นักลงทุนจะต้องระมัดระวังคือระดับ 6.70 หยวนต่อดอลลาร์เป็นต้นไป ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นการอ่อนค่าที่ “เท่ากับ” การแข็งค่าของดอลลาร์กับสกุลเงินหลักอื่นๆแล้ว ถ้าค่าเงินหยวนอ่อนค่าต่อเร็วก็เกิดความกังวล และเกิดแรงขายในสกุลเงินเอเชียอื่นๆ และเงินบาทด้วยแน่นอน

นอกจากนี้ ในตลาดทุนไทยก็ยังไม่ดีมากนัก นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นและบอนด์ต่อไป ด้วยภาพรวมดังกล่าว เป็นไปได้ยากที่จะเห็นเงินบาทจะกลับมามีทิศทางแข็งค่าได้ในระยะสั้น มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 33.10-33.20 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


สรรพคุณสับปะรดมีดีกว่าที่คิด

หมอเผยสรรพคุณสับปะรดมีดีกว่าที่คิด ช่วยย่อยได้ดี แนะประชาชนบริโภคมีประโยชน์ต่อร่างกาย

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้สัมภาษณ์ว่าสถานการณ์ผลผลิตสับปะรด ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561 พบว่าผลผลิตปีนี้มีมากส่งผลทำให้มีสับปะรดล้นตลาด เกษตรกรผู้ปลูกเดือดร้อนราคาต่ำ ไม่มีที่ระบายและจำหน่ายสับปะรดได้ทันเวลา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ขอร่วมรณรงค์ส่งเสริมการนำสับปะรดมาใช้ประโยชน์ เป็นอีกทางเลือกในการระบายผลผลิตสับปะรด เพราะหลายท่านอาจไม่ทราบถึงสรรพคุณของสับปะรด ในเชิงสุขภาพซึ่งมีกล่าวและบันทึกไว้ในตำรายาไทย รวมถึงผลจากการศึกษาวิจัยและพัฒนา พบว่าสับปะรดมีสรรพคุณทางยา คือ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดสาเหตุการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดบวม ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ส่วนแกนสับปะรดที่ คนส่วนใหญ่มักจะไม่กิน มีเอนไซม์บรอมีเลน (BROMELIAN) ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นเฟ้อได้อย่างดี

จึงอยากเชิญพี่น้องชาวไทยหันมาบริโภคสับปะรดซึ่งเป็นผลไม้ตามฤดูกาลมีประโยชน์ต่อร่างกาย สับปะรด 100 กรัม ให้พลังงาน 50 กิโลแคลลอรี่ การรับประทานสับปะรด ควรหั่นเนื้อและแกนกลางด้วย จะได้รับประโยชน์สูงสุด ข้อควรระวังในการรับประทานสับปะรด 1. ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร 2. ไม่ควรรับประทานสับปะรดดิบ เพราะมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ข้อแนะนำ เพื่อป้องกันอาการแสบลิ้นจากการรับประทานสับปะรด หลังจากปอกเสร็จควรนำสับปะรดไปแช่ในน้ำเกลืออ่อน 2-3 นาที เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยากับอวัยวะในปาก

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวในตอนท้ายว่า การบริโภคพืช ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากเป็นการส่งเสริมผลผลิตของเกษตรกรแล้ว เราสามารถมั่นใจได้ว่า ได้บริโภคของดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นสมุนไพรที่ป้องกันการเกิดโรคในฤดูกาลนั้น ๆ ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาเพื่อให้เกิดความสมดุล

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 29/06/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  29/06/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
29.25
แก๊สโซฮอล E-20
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
26.74
แก๊สโซฮอล E-85 21.14 21.14 21.14 21.14
แก๊สโซฮอล 91 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98 28.98
เบนซิน 95 36.36
36.81
36.86 36.86 36.86 36.86
ดีเซลหมุนเร็ว
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.79 31.79 31.79 31.79 31.79
มีผลตั้งแต่ 29 May 05:00 29 May 05:00 14 Jun 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00 29 May 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า