‘เพอร์เฟค-เสนา-ริซี่’ รอดูท่าทีตลาดอสังหาฟื้น
แม้ค่ายใหญ่อสังหาริมทรัพย์ ขยับขึ้นโครงการใหม่ ในช่วงครึ่งปีหลัง หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคจำกัด (มหาชน) นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการบริษัท ให้มุมมองแตกต่างออกไปว่า แม้ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยมีสัญญาณดีขึ้น แต่คาดเป็นเพียงยอดขายที่เกิดจากดีมานด์อัดอั้น ยังต้องจับตาสถานการณ์อีกอย่างน้อย 2 เดือน ถึงจะมีความมั่นใจ ฉะนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะไปเน้นเพิ่มยอดขายในโครงการเดิม หยุดการซื้อที่ดินใหม่ และลดจำนวนโครงการเปิดใหม่ จากเดิมทั้งปีวางไว้ 12 โครงการ มูลค่ามากกว่า 1.85 หมื่นล้านบาท (รวมร่วมทุนกับต่างชาติ) เหลือเปิดใหม่เพียง 3 โครงการ มูลค่า 5.65 พันล้านบาทเท่านั้น (เปิดไปแล้ว 1 โครงการ “เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สุขุมวิท 77”) ซึ่งยอมรับว่า เป็นปีที่บริษัท เปิดโครงการน้อย ที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี เนื่องจาก ขณะนี้พบยอดปฎิเสธสินเชื่อสูงขึ้นแตะ 35% ในบางโครงการเพราะวิกฤติโควิดทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดขึ้นอีก กลู่มลูกค้าเกรด A อย่างนักบิน กลุ่มการโรงแรม และเจ้าของกิจการร้านอาหารขนาดใหญ่กลายเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด กู้ไม่ผ่าน 100% มองสภาวะตลาดขณะนี้ ไม่เหมาะกับการลงทุนใหม่
“ขณะนี้ต้องรักษาสภาพคล่องให้ดี บริษัทจึงเลื่อนการเปิดโครงการออกไป เพราะเปิดขายแต่ละโครงการใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้าน สร้างบ้านตัวอย่าง สาธารณูปโภคภายใน แม้แต่การทำสต็อก ก็ต้องระมัดระวัง ไม่ให้เงินจม เพราะเราไม่แน่ใจว่ายอดขายจะเกิดขึ้นหรือไม่”
สอดคล้องกับหญิงแกร่งแห่งวงการ อย่าง นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ให้ข้อคิดการทำธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนไว้ว่า บริษัทเองต้องคำนึง ว่าอุตสาหกรรมที่กำลังแข่งขันอยู่นั้น ในช่วงไหนของวงจรธุรกิจ “ขยายตัว” หรือ “อิ่มตัวแล้ว” เพื่อให้โฟกัสให้ถูกจุด โดยหลักสำคัญ พบว่า ส่วนใหญ่ล้วนต้องการสร้างการเติบโต แต่อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการลดภาระรายจ่ายก็ไม่ควรมองข้าม
เช่นเดียวกับนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย ระบุว่า บริษัทยังคง เน้นพัฒนาโครงการในเฟสต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านแนวราบ โดยยังไม่เปิดโครงการใหม่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เช็กที่นี่ “กรมที่ดิน”เปิดบริการแอปพลิเคชันไลน์
เช็กที่นี่ “กรมที่ดิน”เปิดบริการแอปพลิเคชันไลน์ ห่างไกลโควิด-19
เป็นเพราะการแพร่ระบาดของไวรรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลต้องหามาตรการป้องกันไวรัสเพื่อหยุดการแพร่ระบาด นั่นจึงเป็นที่มาที่ กรมที่ดิน เปิดบริการในรูปแบบใหม่ (New Normal) บนแอพพลิชั่นไลน์ (LINE เป็นเพราะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รัฐบาลจึงได้มีมาตรการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ทุกคนต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ที่มีความสำคัญเพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างบุคคล ทำให้โอกาสในการติดเชื้อ COVID-19 ก็จะลดน้อยลงด้วย
กรมที่ดิน เล็งเห็นความสำคัญในการให้บริการประชาชนได้อย่างราบรื่น ควบคู่กับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน จึงได้Official Account) เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง ยังไม่ต้องเดินทางไปสำนักงานที่ดิน ลดการแออัด รักษาระยะห่างทางสังคม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชาชนในยุคปัจจุบัน โดยเปิดให้บริการ จำนวน 6 ด้าน ได้แก่
1. การนัดหมายทำธุรกรรมล่วงหน้า ผ่านระบบ LINE Official Account ของสำนักงานที่ดิน โดยสามารถนัดหมายและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรง กับสำนักงานที่ดินที่ต้องการไปทำธุรกรรมได้ทั่วประเทศ ผ่านระบบ LINE Official Account : @teedin
2. การคำนวณภาษีที่ดิน สามารถตรวจสอบค่าธรรมเนียมและภาษีอากรในการทำนิติกรรมต่าง ๆ เช่น ขาย ขายเฉพาะส่วน ขายฝาก ให้ โอนมรดก จำนอง หรือเช่า ได้จากเว็บไซต์กรมที่ดิน ผ่านระบบ LINE Official Account : @teedin
3. การตรวจสอบราคาประเมิน สามารถตรวจสอบราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินของตนเองได้ทั่วประเทศ จากเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ ผ่านระบบ LINE Official Account : @teedin
4. การค้นหารูปแปลงที่ดิน สามารถตรวจสอบตำแหน่ง ภาพแปลงที่ดิน สภาพแวดล้อมที่ดินข้างเคียง ข้อมูลผังเมือง เส้นทางเพื่อเดินทางไปยังแปลงที่ดินดังกล่าว และตรวจสอบสถานที่ตั้งสำนักงานเขตที่ดินที่เกี่ยวข้อง บนแอพพลิเคชั่น LandsMaps ผ่านระบบ LINE Official Account : @teedin
5. การค้นหาประกาศกรมที่ดิน สามารถตรวจสอบประกาศสำนักงานที่ดินทั่วไทย เพื่อการรักษาสิทธิ์ในที่ดิน บนเว็บไซต์ e-LandsAnnoucement ผ่านระบบ LINE Official Account : @teedin
6. การร้องทุกข์ร้องเรียน สามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียนเกี่ยวกับที่ดินด้วยระบบ E-Contact DC ของศูนย์ดำรงธรรมกรมที่ดิน จากโทรศัพท์มือถือของท่านได้ทันที ผ่านระบบ LINE Official Account : @teedin
บริการทั้ง 6 ด้านดังกล่าว เปิดให้บริการแล้ววันนี้ โดยท่านสามารถใช้บริการผ่าน LINE Official Account เพียงแอดไลน์ไอดี : @teedin (มี @ด้วย) หรือคลิกเพิ่มเพื่อนอัตโนมัติได้ที่ : https://lin.ee/xHXz6SG สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง นี่คือ การบริการในรูปแบบ New Normal ของกรมที่ดิน ที่สะดวกสบาย ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่าย และไม่ประมาทการ์ดอย่าตก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กรุงศรีคืบหน้าปล่อยกู้ซอฟต์โลนแบงก์ชาติเฉียดหมื่นล้าน
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรีให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ผ่านการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือลูกค้าจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยล่าสุด กรุงศรีได้ให้สินเชื่อดังกล่าวเป็นจำนวน 9,300 ล้านบาท แก่ลูกค้า SME มากกว่า 4,500 ราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าในยามวิกฤต ตอกย้ำเป้าหมายการเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME ที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าทุกสถานการณ์ มาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินเพื่อให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้
นายสยาม กล่าวว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้ประกอบการ SME ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญก่อให้เกิดการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจไทยและเป็นกลุ่มลูกค้าที่กรุงศรีให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น กรุงศรีจึงได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ลูกค้าผู้ประกอบการ SME มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การยืดระยะเวลาชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย การปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ได้ดำเนินการร่วมกับธนาคารออมสิน นอกจากนี้ กรุงศรียังมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำตามโครงการช่วยเหลือลูกค้าจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยล่าสุดกรุงศรีให้สินเชื่อดังกล่าวแก่ลูกค้าผู้ประกอบการมากกว่า 4,500 ราย เป็นจำนวน 9,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของวงเงินปัจจุบันที่ ธปท.ให้แก่สถาบันการเงินต่างๆ นับเป็นการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพิ่มเติม หลังจากที่ได้ให้สินเชื่อโครงการดอกเบี้ยต่ำออมสินจำนวน 8,800 ล้านบาทในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่กรุงศรีได้ให้การสนับสนุนนี้สอดคล้องกับผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME ล่าสุดที่กรุงศรีได้สำรวจเกี่ยวกับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อทราบสถานการณ์ที่ลูกค้าเผชิญและเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อเร่งนำเสนอมาตรการช่วยเหลือต่างๆ อย่างต่อเนื่องได้ตรงจุดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกอบการ 70% คาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงิน โดยเฉพาะวงเงินสินเชื่อใหม่และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
จากการสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการ SME จำนวน 297 ราย ยังพบว่าผู้ประกอบการ 89% ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยส่วนใหญ่มีรายได้ปรับลดลงมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และผู้ประกอบการ 43% ไม่ได้มีแผนรับมือผลกระทบในทันที ขณะที่ผู้ประกอบการ 26% กำลังดำเนินการขยายธุรกิจในช่องทางออนไลน์ และ 17% ได้ดำเนินการปรับลดต้นทุนเพื่อรับมือกับวิกฤตดังกล่าว นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการ 67% ปรับแผนธุรกิจเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ได้ดำเนินการปรับปรุงระบบจัดการภายในองค์กรและการพัฒนาโมเดิลธุรกิจใหม่ให้เป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้น และผู้ประกอบการ 53% ได้มีการใช้เทคโนโลยีมาปรับปรุงในด้านการขายและกลยุทธ์การตลาดผ่านทางดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง รวมทั้งการขยายธุรกิจไปยังอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) และแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
“นอกจากมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของแบงก์ชาติที่ยังเปิดดำเนินอยู่จนถึงสิ้นปีนี้ กรุงศรียังคงมุ่งเน้นการเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้า SME ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการต่างๆ ที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตปกติรูปแบบใหม่ (New Normal) เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเนื่องจากลูกค้ามีการใช้การรับ-จ่ายเงินทาง mobile banking หรือ internet banking มากขึ้น หรือ การประกันภัยสินเชื่อทางการค้า ช่วยในการบริหารความเสี่ยงเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด เป็นต้น พร้อมกันนี้กรุงศรียังได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกในการจัดทีมผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ติดต่อพูดคุยเพื่อติดตามสถานการณ์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนและนำเสนอบริการทางการเงินต่างๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า” นายสยาม กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
มาแล้ว ผลประกบคู่ “เอฟเอ คัพ” รอบรองชนะเลิศ มีบิ๊กแมตช์
มาแล้ว ผลประกบคู่ เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ มียักษ์ชนยักษ์ให้แฟนบอลได้ฮือฮากันด้วย
ผลปรากฏว่า มีบิ๊กแมตช์เกิดขึ้นเมื่อ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เอาชนะ “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ มาในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2-1 จะต้องเจอศึกหนักดวลกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่รอบ 8 ทีม บุกไปชนะ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ 1-0
ทั้งนี้ การแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ จะแข่งขันในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 18-19 กรกฎาคม นี้ โดยผู้ชนะจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศวันที่ 1 สิงหาคม 2563 ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม
ผลประกบคู่ เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ 2019-20
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ เชลซี
– อาร์เซนอล พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ขอบคุณฮีโร่! คนไทยที่หายจากโควิดร่วมบริจาคพลาสม่ากว่า200ถุงใช้รักษาผู้ป่วยใหม่
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงสถานการณ์โรคตติดเชื้อโควิด-19 ว่า
ขอขอบคุณ ฮีโร่ ที่หายจากโรคโควิด-19 มาช่วยกันบริจาคพลาสม่า ให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ และ ทางสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และทีมงาน ที่ช่วยกัน ติดตาม เชิญชวน มาตรวจภูมิต้านทาน
อาสาสมัครที่มาทั้งหมด ประมาณ 300 คน
ภูมิต้านทานจะสูงในคนที่มีอาการมาก เช่น มีอาการปอดบวม คนที่มีอาการน้อย ภูมิต้านทานจะต่ำกว่า และมีจำนวนหนึ่งที่ตรวจวัดภูมิต้านทานไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ได้ทำการศึกษาภูมิต้านทาน
ส่วนในรายที่บริจาคพลาสม่า จะมีข้อมูลของการตรวจภูมิต้านทานชนิด neutralizing antibody จากห้องปฏิบัติการคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เรามีแผน ที่จะทำการศึกษาระยะยาว ติดตามภูมิต้านทานไปจนถึง 1 ปี เพื่อจะตอบได้ว่าภูมิดังกล่าวอยู่ได้นานแค่ไหน และระดับสูงเพียงใด เพื่อจะเป็นข้อมูลสำหรับผู้ติดเชื้อโดยธรรมชาติ
ข้อมูลนี้มาประยุกต์ในกรณีที่มี วัคซีนโรคนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ ผลระยะยาวจึงมีความจำเป็นในการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ทางกลุ่มวิจัยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก สํานักอนามัยกรุงเทพมหานคร และศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ต้องขอขอบคุณ ฮีโร่ทั้งหลาย ที่สละเวลามาตรวจเลือด และบริจาคพลาสมา เพื่อการรักษาผู้ป่วยในอนาคตโครงการนี้จะยังคงดำเนินต่อไป ในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
แต่งประโยคภาษาอังกฤษ ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน พร้อมคำแปล
แต่งประโยคภาษาอังกฤษ ง่ายๆ
ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน พูดถึง อดีต ปัจจุบัน อนาคต มีตัวอย่าง พร้อมคำแปล
อยากแต่งประโยคเป็น อ่านก่อน!
บทเรียนในหน้านี้เป็นการสอนแต่งประโยคภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ภาษาอังกฤษหัวข้อต่างๆ ประกอบ แต่ไม่ยากจนเกินไป อ่านแล้วสามารถแต่งประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ ด้วยตัวเองได้ โดยเนื้อหาในบทเรียนนี้จะมีคำอธิบายเพิ่มเติม สำหรับหัวข้อที่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่ม โดยผู้เรียนสามารถกดไปอ่านหัวข้อที่มีคำอธิบายเพิ่มเติม โดยจะมีลักษณะของสีข้อความแบบนี้ >> ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร << สามารถกดอ่านเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความเข้าใจ
1. แต่งประโยคภาษาอังกฤษ ประธาน กริยา กรรม
การแต่งประโยคภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ สามารถทำได้โดยการใช้ประธาน กริยา และอาจมีกรรมหรือส่วนขยายเพิ่มเติม ซึ่งประธานในประโยคภาษาอังกฤษ สามารถเป็นคำนาม หรือคำสรรพนาม อย่างเช่น มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งชื่อว่าโทนี่ เราสามารถใช้คำนามที่เป็นชื่อของเขาได้เลย หรือจะใช้คำสรรพนามเรียกเขาว่า he ก็ได้ ตัวอย่างเช่น
Tony is a teacher. โทนี่เป็นครู
หรือจะใช้คำสรรพนามว่า He is a teacher. เขาเป็นครู ก็ได้
คำสรรพนามเมื่อทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค กับเป็นกรรมของประโยค จะใช้ต่างกัน ตัวอย่างเช่น
I see him. ฉันเห็นเขา [ประธานคือ ฉัน ใช้ I / กรรมคือเขา ใช้ him] He sees me. เขาเห็นฉัน [ประธานคือเขา ใช้ He / กรรมคือฉัน ใช้ me]
อ่านคำอธิบายเรื่องนี้ทั้งหมด ที่ >> คำสรรพนาม (Pronoun)
2. แต่งประโยคภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน
ในภาษาอังกฤษ การแต่งประโยคจะใช้ประธานและคำกริยา โดยคำกริยาจะเปลี่ยนไปตามประธานและเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นๆ เช่น
เมื่อเราต้องการบอกว่า “ฉันไป” ประกอบไปด้วยประธานคือ I (ฉัน) และกริยาคือ go (ไป)
I go ฉันไป (เหตุการณ์ทั่วไป)
I am going ฉันกำลังไป (เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น)
I will go ฉันจะไป (เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)
I went ฉันไปมาแล้ว (เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านไปแล้ว)
แต่ถ้าหากเปลี่ยนประธานเป็น “เขา” คือ “he” จะต้องมีการผันคำกริยาเพิ่มเติม
He goes เขาไป (เหตุการณ์ทั่วไป ใช้ present simple)
He is going เขากำลังไป (เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ใช้ present continuous)
He will go เขาจะไป (เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใช้ future simple)
He went เขาไปมาแล้ว (เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านไปแล้ว ใช้ past simple)
3. แต่งประโยคคําสั่งภาษาอังกฤษ
ลักษณะของการแต่งประโยคคำสั่งหรือคำเตือนในภาษาอังกฤษนั้น จะแตกต่างจากการแต่งประโยคภาษาอังกฤษโดยทั่วไปเล็กน้อย คือมักจะไม่มีประธานปรากฏอยู่ในประโยค เนื่องจากเป็นการละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ เช่น
Tell me! (คุณ) บอกฉันหน่อย
Quiet! (คุณ) เงียบๆ หน่อย
Speak louder! (คุณ) พูดดังๆ หน่อย
Watch out! (คุณ) ระวัง
Call the ambulance! (คุณ) เรียกรถพยาบาลหน่อย
ประโยคเหล่านี้เป็นประโยคที่ผู้พูดสื่อสารกับผู้ฟัง โดยประธานคือ You ซึ่งหมายถึง “คุณ” ในตัวอยู่แล้ว จึงมักไม่ใส่ประธานในประโยค แต่จะเป็นการใช้คำกริยาที่ต้องการสั่งให้ทำไปเลย
4. แต่งประโยคคำถามภาษาอังกฤษ
การตั้งคําถามภาษาอังกฤษแบบที่ง่ายที่สุด คือการแต่งประโยคคำถามโดยให้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ โดยการแต่งประโยคคำถามภาษาอังกฤษ จะใช้คำกริยาขึ้นต้นประโยคก่อน เช่น
4.1 ประโยคที่มี verb to be เป็นกริยาหลัก
ประโยคบอกเล่าคือ He is a teacher. เขาเป็นครู
เมื่อแต่งประโยคเป็นประโยคคำถาม จะนำ verb to be มาขึ้นต้นประโยค เป็น Is he a teacher? แล้วใส่เครื่องหมายคำถามท้ายประโยค เป็นการถามว่าเขาเป็นครูใช่ไหม
4.2 ประโยคที่มีคำกริยาทั่วไป เป็นกริยาหลัก
การแต่งประโยคภาษาอังกฤษในลักษณะนี้ จะต้องใช้ verb to do มาช่วย เช่น
ประโยคบอกเล่าคือ You have a pen. คุณมีปากกา
เมื่อแต่งประโยคเป็นประโยคคำถาม จะนำ verb to do มาช่วยขึ้นต้นประโยค เป็น Do you have a pen? เป็นการถามว่าคุณมีปากกาไหม
5. แต่งประโยคปฏิเสธภาษาอังกฤษ
5.1 ประโยคที่มี verb to be เป็นกริยาหลัก
การแต่งประโยคภาษาอังกฤษเพื่อเป็นการบอกปฏิเสธ กรณีนี้สามารถเติม not หลัง v. to be ได้เลย เช่น
He is a teacher. เขาเป็นครู
He is not a teacher เขาไม่ใช่ครู [เขียนรูปย่อ เป็น He isn’t a teacher.]
5.2 ประโยคที่มีคำกริยาทั่วไป เป็นกริยาหลัก
การแต่งประโยคภาษาอังกฤษเพื่อเป็นการบอกปฏิเสธ กรณีนี้ต้องใช้ v. to do มาช่วย โดยการใส่ v. to do แล้วตามด้วย not วางไว้ข้างหน้าคำกริยานั้นๆ เช่น
I know. ฉันรู้
I do not know. ฉันไม่รู้ [เขียนรูปย่อ เป็น I don’t know.]
ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com
“กู๊ดเยียร์”เปิดตัวยางต้นแบบ“รีชาร์จ”สร้างดอกยางใหม่เองได้
ในอนาคต ผู้ใช้รถอาจจะไม่ต้องเปลี่ยนยางล้อทั้งเส้น เมื่อยางรถยนต์ดอกโล้น หรือเริ่มเสื่อมสภาพ “กู๊ดเยียร์” ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่สัญชาติอเมริกัน เปิดตัวยางต้นแบบ“รีชาร์จ”(reCharge) เปลี่ยนสภาพยางให้เป็นเส้นใหม่ได้ทันที
ยางรถยนต์ต้นแบบ “รีชาร์จ” ของกู๊ดเยียร์คือ แนวคิดการสร้างดอกยางได้เอง ที่สามารถปรับและเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการของผู้ขับขี่ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่เนื้อยางสามารถย่อยสลายทางชีวภาพ และเติมเต็มใหม่ได้ด้วยแคปซูลพิเศษ ที่ทำให้การเปลี่ยนยางสะดวกและง่ายดาย
แคปซูลพิเศษที่บรรจุคอมพาวด์เหลวตามลักษณะการใช้งาน จะทำให้เกิดการสร้างดอกยางขึ้นมาใหม่ และเส้นยางใหม่ที่ได้จะค่อย ๆ ปรับสภาพให้เข้ากับสภาวะอากาศสภาพถนนโดยตอบสนองความต้องการในการเดินทางได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก AI ได้สร้างข้อมูลรายละเอียดของผู้ขับขี่ขึ้นมาให้เหมาะกับการปรับตัวของคอมพาวด์ที่เติมเข้าไป กลายเป็นส่วนผสมคอมพาวด์ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของผู้ขับขี่แต่ละคน
ตัวเนื้อยางหรือคอมพาวด์นั้น ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ เสริมความแข็งแกร่งด้วยเส้นใย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นใยแมงมุม (Spider Silk) หนึ่งในเส้นใยทางธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก จึงทำให้เส้นยางทนทานที่สุดและสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100%
ด้วยแคปซูลที่เติมลงไปในยางเก่าได้แล้ว ดอกยางที่ได้ยังมีนํ้าหนักเบา ไร้ลมยางทรงสูง–แคบทำให้เส้นยางมีทรงที่เพรียว คล่องตัว ดูแลง่าย ช่วยลดปัญหาการดูแลลมยางหรือการที่ยางรั่วจนไม่สามารถใช้การได้
“ยางรถยนต์ต้นแบบ รีชาร์จ ของกู๊ดเยียร์เป็นคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นเหนือใคร คิดค้นมาเพื่อรองรับวิถีแห่งการขับขี่และขับเคลื่อนที่สะดวกสบายยั่งยืน และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับความต้องการของแต่ละคนได้” นายเซบาสเตียน ฟอนเทน หัวหน้าทีมออกแบบประจำศูนย์พัฒนานวัตกรรมของกู๊ดเยียร์ในประเทศลักเซมเบิร์ก กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนที่กู๊ดเยียร์ จะเปิดตัวเทคโนโลยี “รีชาร์จ” ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2018 เคยสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดยางรถยนต์ต้นแบบ “ออกซิเจน” (Oxygene) ที่มีโครงสร้างยางแบบเปิด และดอกยางแบบอัจฉริยะที่มาพร้อมกับต้นมอสที่เติบโตอยู่ภายในแก้มยาง ทำหน้าที่ช่วยดูดซับและระบายความชื้นจากนํ้าบนพื้นผิวถนน แล้วจึงทำการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยปล่อยก๊าซออกซิเจนขึ้นสู่ชั้นอากาศ
ยางล้อต้นแบบสามารถดูดซับความชื้นจากพื้นผิวถนน ด้วยดอกยางที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ เพื่อนำไปหล่อเลี้ยงต้นมอสที่อยู่ในส่วนของแก้มยาง แล้วจึงปล่อยก๊าซออกซิเจนจากขบวนการสังเคราะห์แสง
ด้วยโครงสร้างแบบไม่ใช้ความดันอากาศภายในตัวยาง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ จากผงยางของยางรีไซเคิล ทำให้ยางมีโครงสร้างนํ้าหนักเบา และสามารถรับนํ้าหนักได้ดี อีกทั้งช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้นและไร้รูรั่ว พร้อมเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเสริมสมรรถนะด้านการยึดเกาะของยางบนถนนเปียกอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สรรพคุณและประโยชน์ของต้นตูมกาขาว
ตูมกาขาว
ตูมกาขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Strychnos nux-blanda A.W. Hill จัดอยู่ในวงศ์กันเกรา (LOGANIACEAE หรือ STRYCHNACEAE)[1]
สมุนไพรตูมกาขาว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขี้กา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), มะติ่ง มะติ่งต้น มะติ่งหมาก (ภาคเหนือ), ตูมกาขาว (ภาคกลาง), มะตึ่ง (คนเมือง), อีโท่เหมาะ (กะเหรี่ยงแดง), กล้อวูแซ กล้ออึ กล๊ะอึ้ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), มะปินป่า (ปะหล่อง), ปลูเวียต (เขมร), แสงเบื่อ, แสลงใจ, ตากาต้น, ตึ่ง, ตึ่งต้น เป็นต้น[1],[2]
หมายเหตุ : ต้นตูมกาชนิดนี้เป็นคนละชนิดกันกับ “ต้นตูมกาแดง” หรือที่ภาคกลางเรียกว่า “ต้นแสลงใจ” (มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Strychnos nux-vomica L.)
ลักษณะของตูมกาขาว
- ต้นตูมกาขาว จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ มีความสูงของต้นได้ถึง 15 เมตร เปลือกลำต้นเป็นสีเทาอมสีเหลือง ไม่มีช่องอากาศ เกลี้ยง และไม่มีมือจีบ ตามง่ามใบบางครั้งมีหนาม มักพบขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบแล้ง และป่าหญ้าที่ค่อนข้างแห้ง ส่วนในต่างประเทศพบได้ในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย[1],[4]
- ใบตูมกาขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปรี รูปค่อนข่างกว้างหรือกลม ปลายใบมนหรือเรียวแหลม ปลายสุกมักมีติ่งแหลม โคนใบแหลม หรือกลม หรือเว้าเป็นรูปหัวใจเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-14 เซนติเมตร ผิวใบมันเรียบเป็นสีเขียวเข้ม มีเส้นใบตามยาวคมชัดประมาณ 3-5 เส้น เส้นกลางใบด้านบนแบนหรือเป็นร่องตื้น ๆ ส่วนด้านล่างนูนเกลี้ยงหรือมีขนประปรายตามเส้น ส่วนก้านใบยาวประมาณ 5-17 มิลลิเมตร[1]
- ดอกตูมกาขาว ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบแบบกระจุกแยกแจนง โดยจะออกบริเวณยอดหรือตามปลายกิ่ง ช่อดอกยาวประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร ช่อดอกมีดอกย่อยจำนวนมาก กลีบดอกเป็นสีเหลืองแกมสีเขียวถึงขาว ก้านดอกยาวไมเกิน 2.5 มิลลิเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่แคบถึงรูปใบหอก ยาวประมาณ 1.5-2.2 มิลลิเมตร ด้านนอกมีขนถึงเกลี้ยง ส่วนด้านในเกลี้ยง ส่วนกลีบดอกเป็นสีเขียวถึงขาว ยาวประมาณ 9.4-13.6 มิลลิเมตร โคนติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก หลอดจะยาวกว่าแฉก 3 เท่า ด้านนอกเกลี้ยง หรือมีตุ่มเล็ก ๆ ด้านใน บริเวณด้านล่างของหลอดมีขนแบบขนแกะ แฉกมีตุ่มหนาแน่น หนาที่ปลายแฉก ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ไม่มีก้าน ติดกันอยู่ภายในหลอดดอก ส่วนอับเรณูเป็นรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร เกลี้ยง ปลายมนหรือมีติ่งแหลม ส่วนเกสรเพศเมียยาวประมาณ 8-13 มิลลิเมตร เกลี้ยง ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม[1]
- ผลตูมกาขาว ผลเป็นผลสด ลักษณะเป็นรูปทรงกลม ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5-8 เซนติเมตร เปลือกผลหนาและสาก ผลเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีส้มถึงแดง ไม่แตก ภายในมีเมล็ดประมาณ 4-15 เมล็ด[1]
- เมล็ดตูมกาขาว เมล็ดมีลักษณะกลมแบนคล้ายกระดุม ยาวประมาณ 1.5-2.2 เซนติเมตร และหนาประมาณ 5-15 มิลลิเมตร ผิวเมล็ดมีขนสีอมเหลือง ตำรายาไทยจะเรียกเมล็ดแก่แห้งว่า “โกฐกะกลิ้ง“[1]
สรรพคุณของตูมกาขาว
- ตำรายาไทยจะใช้เมล็ดแก่แห้ง (โกฐกะกลิ้ง) เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้กระษัย ช่วยขับน้ำย่อย แก้อิดโรย (เมล็ด)[1] ส่วนเนื้อไม้และเปลือกต้นก็มีสรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหารเช่นเดียวกับเมล็ด (เปลือกต้น,เนื้อไม้)[1],[2],[4]
- ตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านของจังหวัดอุบลราชธานี จะใช้แก่นของต้นตูมกาขาวเข้ายากับเครือกอฮอ ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้เบาหวาน (แก่น)[1]
- เมล็ดมีรสเมาเบื่อขมจัดมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ (เมล็ด)[1]
- ช่วยกระตุ้นประสาทส่วนกลาง บำรุงประสาท หูตาจมูก (เมล็ด)[1] ส่วนเนื้อไม้มีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาทเช่นเดียวกับเมล็ด (เนื้อไม้)[1],[2]
- ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงหัวใจให้เต้นแรง (เมล็ด)[1] ส่วนเปลือกต้นก็มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจเช่นกัน (เปลือกต้น)[4]
- ช่วยแก้โลหิตพิการ (เมล็ด)[1]
- ลำต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้พิษภายใน (ลำต้น)[1]
- เป็นยาแก้ไข้ ช่วยทำให้ตัวเย็น (เมล็ด)[1] ส่วนเนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ แก้พิษร้อน แก้ไข้เซื่องซึม (เนื้อไม้)[1],[2]
- รากมีรสเมาเบื่อ ใช้เป็นยาแก้ไข้มาลาเรีย (ราก)[1]
- ใช้เป็นยาแก้โรคอันเกิดจากปากคอพิการ (เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ (เมล็ด)[1]
- ชาวกะเกรี่ยงแดงจะใช้เปลือกต้นตูมกาขาว นำมาเคี้ยวกินกับเกลือเป็นยาแก้อาการปวดท้อง (เปลือกต้น)[2] (บางข้อมูลระบุว่าแก่นนำมาต้มกับน้ำดื่มและอาบ เป็นยาแก้บิด)
- รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ (ราก)[4]
- ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อกระเพาะอาหารลำไส้ให้แข็งแรง ช่วยแก้ลมกระเพื่อมในท้อง แก้ลมพานไส้ ช่วยขับลมในลำไส้ (เมล็ด)[1]
- ตำรายาพื้นบ้านจะใช้รากตูมกาขาวผสมกับต้นกำแพงเจ็ดชั้น รากปอด่อน และรากชะมวง นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาระบาย (ราก)[1]
- ช่วยขับพยาธิ (เมล็ด)[1]
- ช่วยขับปัสสาวะ (เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้ลมคูถทวาร (เมล็ด)[1]
- ช่วยบำรุงเพศของบุรุษ (เมล็ด)[1]
- ใช้แก้หนองใน (เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้ไตพิการ (เมล็ด)[1]
- ใบใช้ตำพอกแก้แผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง (ใบ)[1]
- ใบใช้ตำพอกหรือคั้นเอาแต่น้ำทาแก้โรคผิวหนัง แก้ขี้กลาก (ใบ)[3],[4]
- เมล็ดใช้เป็นยาแก้พิษงู พิษตะขาบ พิษแมงป่อง (เมล็ด)[1]
- เปลือกต้นมีรสเมาเบื่อ ใช้เป็นยาแก้พิษสัตว์กัดต่อย พิษงูกัด ฝนกับเหล้าปิดแผลและรับประทานแก้พิษงู (ใช้ได้กับทั้งคนและสัตว์) ส่วนในกรณีใช้แก้อาการอักเสบจากพิษงูกัด อาจจะใช้สมุนไพรก่อนแล้วจึงรีบนำส่งโรงพยาบาล (เปลือกต้น)[1],[3]
- ต้นหรือรากใช้ฝนกับน้ำทาแก้อักเสบจากงูกัด (ต้น,ราก)[1]
- ใบมีรสเมาเบื่อ ใช้ตำพอกเป็นยาแก้ฟกบวม (ใบ)[1]
- ต้นนำมาต้มกับน้ำหรือฝนทาแก้อาการปวดตามข้อ (ต้น)[1]
- แก่นมีสรรพคุณเป็นยาแก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย (แก่น)[1] ส่วนเมล็ดก็มีสรรพคุณแก้อาการปวดเมื่อยเช่นกัน (เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้อัมพาต แก้เส้นตาย แก้เหน็บชา แก้เนื้อชา (เมล็ด)[1]
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรตูมกาขาว
- ทุกส่วนของต้นมีพิษ เป็นยาที่อันตรายมาก ก่อนนำมาใช้เป็นยาจะต้องทำการฆ่าพิษตามกรรมวิธีในหลักเภสัชกรรมไทยเสียก่อน[1]
- เมล็ดมีพิษเมาเบื่อ อาจทำให้ตายได้ การนำมาใช้เป็นยาต้องใช้อย่างระมัดระวัง หากรับประทานเข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อกระตุก เกร็ง ขาสั่น กลืนลำบาก ชักอย่างแรง ทำให้หัวใจเต้นแรง ขากรรไกรแข็งและตายได้ ส่วนในกรณีที่ไม่ตาย พบว่ามีไข้ ตัวชา หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมากติดต่อกันหลายวัน และกล้ามเนื้อเกร็ง ซึ่งในขนาด 60-90 มิลลิกรัม ก็ทำให้ตายได้[1]
- ห้ามประชาชนทั่วไปนำสมุนไพรชนิดนี้มาใช้เอง การนำมาใช้จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ[1]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของตูมกาขาว
- ทุกส่วนของต้นและเมล็ดตูมกาขาลมีสารอัลคาลอยด์ ส่วนเนื้อในผลสุกพบไกลโคไซด์ Laganin ที่ทำให้มีรสขม ส่วนเมล็ดมีสาร Strychnine และ Brucine โดยสาร Strychnine เป็นสารมีพิษ ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดความรู้สึกไวกว่าปกติ กลืนลำบาก กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง มีอาการชักกระตุก[1]
ประโยชน์ของตูมกาขาว
- ผลสุกใช้รับประทานได้ (กินได้แต่เนื้อ ส่วนเมล็ดห้ามกินเพราะมีพิษมาก) (คนเมือง, ปะหล่อง, กะเหรี่ยงแดง)[2],[3]
- ชาวบ้านจะใช้ไม้จากต้นตูมกาขาวเป็นฟืนและถ่าน เพราะเป็นไม้ที่ให้พลังงานสูงมาก[3]
- เนื้อไม้ตูมกาขาวสามารถนำมาใช้ทำที่อยู่อาศัยได้
- ผลตูมกาถูกนำมาใช้เป็นภาชนะใส่น้ำยางเพื่อจุดให้แสงสว่าง หรือที่เรียกว่าการจุด “ไฟตูมกา” โดยนำผลตูมกาขนาดเท่ากำปั้นหรือใหญ่กว่ามาขูดเอาผิวสีเขียวออกและคว้านเอาเนื้อและเมล็ดข้างในออกให้หมด จากนั้นใช้มีดแกะเป็นลายต่าง ๆ ตามความต้องการ หลังจากจุดเทียนที่สอดขึ้นไปจารูที่เจาะไว้ส่วนล่าง แสงสว่างจากเปลวเทียนก็จะลอดออกเป็นลวดลายตามที่แกะเป็นลายไว้
- ต้นใช้ผสมกับรำให้ม้ากินเป็นยาขับพยาธิตัวตืด[1]
- เปลือกต้นใช้ผสมกับผลปอพรานและเหง้าดองดึง นำมาคลุกให้สุนัขกินเป็นยาเบื่อ (การฆ่าสัตว์ถือเป็นบาป ไม่ควรทำครับ)[1]
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,800.00 | 25,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,671.00 | 25,332.36 | 26,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,503.90 | 22,799.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,336.80 | 20,265.89 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 752.00 | 11,400.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 585.00 | 8,868.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,732.00 | 26,257.12 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/06/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | – | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 17.99 | 17.99 | – | – | – | – | – | 17.99 | – | – |
เบนซิน 95 | 28.96 | – | – | – | 29.41 | – | 29.46 | 28.96 | – | 28.96 |
ดีเซล | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 | 21.99 |
ดีเซล B10 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 | 18.99 |
ดีเซล B20 | 18.74 | 18.74 | 18.74 | 18.74 | 18.74 | – | 18.74 | 18.74 | – | 18.74 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.14 | 26.16 | 28.14 | 28.14 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |