สร้างเร็วกว่าแผน รถไฟฟ้าสายสีเหลือง “ลาดพร้าว-สำโรง” ตอม่อขึ้นพรึ่บเสร็จปี’64
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านับจากกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป, บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป เซ็นสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง (โมโนเรล) ระยะทาง 30.4 กม. ที่รับสัมปทานก่อสร้าง เดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการ เป็นระยะเวลา 33 ปี ด้วยวงเงิน 45,797 ล้านบาท กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2560 และเริ่มงานก่อสร้างในเดือน พ.ค.2561 หลัง รฟม.ทำหนังสือแจ้งให้เริ่มต้นโครงการ (NTP)
ล่าสุด ณ เดือนสิงหาคม 2562 งานก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้ว 41.77% สร้างเร็วกว่าแผนงาน 13.46% ขณะนี้ผู้รับเหมาก่อสร้าง คือ บมจ.ซิโนไทยฯ กำลังเดินหน้าก่อสร้างอย่างเต็มสูบเพื่อให้เสร็จเปิดใช้ตามสัญญาในเดือนตุลาคม 2564
วันนี้ขอพาดูความคืบหน้างานก่อสร้างช่วง ”ลาดพร้าว-เดอะมอลล์บางกะปิ” ซึ่งในช่วงแยกลาดพร้าวที่เป็นจุดต่อเชื่อมกับสายสีน้ำเงินกำลังเร่งรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค เช่น ท่อประปา ยังไม่เห็นเสาตอม่อขึ้นมากนัก แต่เมื่อมุ่งหน้าไปจนถึงหน้าเดอะมอลล์บางกะปิจะเห็นเสาตอม่อและคานวางสถานีให้เห็นตลอดแนวเส้นทาง
สำหรับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว วิ่งไปตามแนวถนนลาดพร้าว เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเทาของที่แยกฉลองรัช และยกระดับข้ามทางด่วนฉลองรัชจนถึงทางแยกบางกะปิ
จากนั้นจะเลี้ยวขวาไปทางทิศใต้ตามถนนศรีนครินทร์ เชื่อมต่อกับสายสีส้มที่ทางแยกลำสาลี แล้วจะยกระดับข้ามทางแยกต่างระดับพระราม 9 เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์และผ่านแยกพัฒนาการ แยกศรีนุช แยกศรีอุดมสุข แยกศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา จากนั้นจะเลี้ยวขวาไปตามแนวถนนเทพารักษ์ ผ่านจุดเชื่อมต่อกับสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่สถานีสำโรง และสิ้นสุดแนวเส้นทางบริเวณถนนปู่เจ้าสมิงพราย รวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 30.4 กม. มีสถานีทั้งหมด 23 สถานี โรงจอดรถศูนย์ซ่อมบำรุง 1 แห่ง อาคารและลานจอดแล้วจร 1 แห่ง บริเวณทางแยกต่างระดับศรีเอี่ยม
สำหรับ 23 สถานี ได้แก่
1. สถานีรัชดา ตั้งอยู่หน้าอาคารจอดแล้วจรบนถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
2. สถานีภาวนา ตั้งอยู่ปากซอยภาวนา (ลาดพร้าว 41)
3. สถานีโชคชัย 4 ตั้งอยู่หน้าศูนย์การค้าโชคชัย 4 (ลาดพร้าว 53)
4. สถานีลาดพร้าว 71 ตั้งอยู่บริเวณปากซอยลาดพร้าว 71
5. สถานีลาดพร้าว 83 ตั้งอยู่บริเวณระหว่างซอยลาดพร้าว 83 กับซอยลาดพร้าว 85
6. สถานีมหาดไทย ตั้งอยู่บริเวณปากซอยลาดพร้าว 95 บรษัท ฟู๊ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด (สาขาลาดพร้าว)
7. สถานีลาดพร้าว 101 ตั้งอยู่บริเวณปากซอยลาดพร้าว 101 ใกล้ตลาดสดลาดพร้าว
8. สถานีบางกะปิ ตั้งอยู่หน้าห้างแม็คโคร ใกล้กับเดอะมอลล์ บางกะปิ
9. สถานีลำสาลี ตั้งอยู่แยกลำสาลี (ด้านทิศใต้) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม
10. สถานีศรีกรีฑา ตั้งอยู่แยกศรีกรีฑา (ด้านทิศใต้)
11. สถานีพัฒนาการ ตั้งอยู่ระหว่างจุดตัดทางรถไฟและจุดตัดถนนพัฒนาการ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์
12. สถานีกลับตัน ตั้งอยู่หน้าธัญญะ ช็อปปิ้ง พาร์ค และบ้านกลางเมือง ศรีนครินทร์
13. สถานีศรีนุช ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของแยกศรีนุช
14. สถานีศรีนครินทร์ 38 ตั้งอยู่บริเวณปากซอยศรีนครินทร์ 38 ใกล้ธนาคารกรุงไทย
15. สถานีสวนหลวง ร.9 ตั้งอยู่ระหว่างห้างซีคอนสแควร์และห้างพาราไดซ์ พาร์ค
16. สถานีศรีอุดม แยกศรีอุดม (ด้านทิศใต้)
17. สถานีศรีเอี่ยม ตั้งอยู่บริเวณทางแยกต่างระดับศรีเอี่ยม (ด้านทิศเหนือของถนนบางนา-ตราด) จุดจอดแล้วจรและศูนย์ซ่อมบำรุง
18. สถานีศรีลาซาล ตั้งอยู่แยกศรีลาซาล (ด้านทิศใต้)
19. สถานีศรีแบริ่ง ตั้งอยู่แยกศรีแบริ่ง (ด้านทิศใต้)
20.สถานีศรีด่าน ตั้งอยู่ใกล้กับแยกศรีด่าน (ด้านทิศเหนือ)
21. สถานีศรีเทพา ตั้งอยู่ใกล้กับแยกศรีเทพา (ด้านทิศตะวันตก)
22.สถานีทิพวัล ตั้งอยู่ปากซอยหมู่บ้านทิพวัล และ
23. สถานีสำโรง ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดถนนสุขุมวิท เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สำโรงที่สถานีสำโรง
ขอบคุณข้อมูลจาก bkkcitismart.com
“เพอร์เฟค”คาดตลาดคอนโดปีนี้ ติดลบหนักสุดรอบ10ปี
เพอร์เฟค ฟันธงสิ้นปีภาพรวมตลาดแนวราบโต 3-5% ขณะคอนโดติดลบ 25% หนักสุดรอบ10 ปี ผุดแคมเปญ “คอนโด ออฟ เดอะ เยียร์ จองคอนโด โกเจแปน” ระบายสต็อก 6,000 ล้านบาทไตรมาสสุดท้าย คาดว่าช่วยระบายได้ 1,500 ล้านบาท
กกร.หั่นเป้าเศรษฐกิจปีนี้โตแค่ 2.7 % หวั่นมาตรการกระตุ้นเอาไม่อยู่
เอกชนยังห่วงเศรษฐกิจไทยรับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ส่งออกยังทรุดต่อคาดปีนี้แย่สุดติดลบ2% ขณะที่มาตรการชิมช้อปใช้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ 3 หมื่นล้าน
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน(กกร.) ได้แก่ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. จึงปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ในปี 2562 ลงมาเป็น 2.7-3 % จากเดิม 2.9-3.3% เนื่องจากเครื่องชี้เศรษฐกิจในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมพบว่าทิศทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 ยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแรงอย่างต่อเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้มีปัจจัยถ่วงหลักจากความเสี่ยงในภาคต่างประเทศ ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และการแข็งค่าของเงินบาท ฉุดให้การส่งออกยังคงหดตัวเป็นวงกว้างทั้งในรายการสินค้าและตลาดส่งออกหลัก กระทบต่อภาคการผลิต ในขณะเดียวกัน แรงขับเคลื่อนภายในประเทศก็แผ่วตัวลงทั้งการบริโภคและการลงทุน มีเพียงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขยายตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากผลของฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจหลักในโลก, สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยืดเยื้อ, ประเด็น Brexit และทิศทางเงินบาทที่แข็งค่า กกร. ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกในปี 2562 มาที่ -2 % ถึง 0.0% จากเดิม -1. ถึง 1 %
แม้ภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน อาทิ มาตรการชิม ช้อป ใช้, มาตรการประกันรายได้สินค้าเกษตร, มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป็นต้น แต่คาดว่าแรงบวกจะสามารถชดเชยผลกระทบจากหลายปัจจัยกดดันจากภายนอกประเทศได้บ้าง โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ ชิม ช้อป ใช้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยมีการลงทะเบียนเต็ม 1 ล้านคนต่อวันอย่างรวดเร็ว และยังมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ส่งผลให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ภาคเอกชนยินดีช่วยประชาสัมพันธ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการ ชิม ช้อป ใช้ ซึ่งคาดว่าจะโดยมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ประมาณ 20,000 – 30,000 ล้านบาท สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.1-0.2% อย่างไรก็ตาม กกร.คาดหวังจะเห็นมาตรการเสริมจากภาครัฐเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากการเร่งผลักดันกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง เพื่อรับมือกับความท้าทาย โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ นอกจากนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ควรมีการเสนอราคาเป็นสกุลเงินบาทหรือสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายและกระทบต่อเศรษฐกิจ ประมาณ 20,000 – 25,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ก็จะมีผลกระทบจากความเสียหายของบ้านเรือนและพื้นที่เกษตร
ทั้งนี้ จังหวัดอุบลราชธานีประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี จึงขอให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน เพื่อลดภาระและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาสู่สภาพปกติโดยเร็ว ดังนี้ 1.ขอให้องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น งดการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ทุกชนิด อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีป้าย เป็นระยะเวลา 1 ปี แก่ผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
2.ขอให้ภาครัฐพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมธนาคาร สำหรับ SME ที่ประสบอุทกภัยที่ยังมีภาระหนี้อยู่กับสถาบันการเงิน 3.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้มีเงินทุนหมุนเวียน ตลอดจนซ่อมแซมฟื้นฟูสถานประกอบการและเครื่อจักร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 1% หรือต่ำกว่า นาน 2 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
6 วิธีง่าย ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานใน 10 นาที
เคล็ดลับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใน 10 นาที ที่จะช่วยเติมพลังกาย พลังใจให้คนทำงานทุกคน
การทำงานซ้ำ ๆ เดิม ๆ หรือต้องจดจำอะไรมาก ๆ ในทุก ๆ วันอาจดึงพลังงานออกจากร่างกาย ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานตกหล่นไปบ้าง นิตยสาร Secretเลยแนะนำให้ลองใช้วิธีต่อไปนี้เพื่อช่วยเรียกแรงใจกลับมาอีกครั้ง ให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. เขียน 3 สิ่งที่คุณอยากขอบคุณ
หากเรามองย้อนกลับไปในอดีต ย่อมมีผู้คนมากมายที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ เพื่อนฝูง คนรัก หรือแม้กระทั่งศัตรู และปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นเสมือนแรงผลักดันให้เราก้าวมาถึงวันนี้
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่เขียนบันทึกถึงสิ่งที่ตนรู้สึกอยากขอบคุณเป็นประจำทุกวันมักทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กระตือรือร้น มุ่งมั่น และมีพลังงานในการทำงานมากกว่าคนทั่วไป ทั้งยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีและมีความสุขมากกว่าด้วย
2. จัดโต๊ะทำงาน
การจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอนับเป็นวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะการจัดโต๊ะจะทำให้พื้นที่ทำงานดูสะอาดตา เพิ่มพื้นที่ในการใช้สอย เพิ่มความสะดวกในการหยิบใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งยังช่วยเพิ่มความรู้สึกอยากทำงานอีกด้วย
3. พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
การเก็บตัวเงียบ ไม่พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน นอกจากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเพื่อนร่วมงานย่ำแย่แล้ว ยังส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอีกด้วย เพราะการที่คุณไม่สนทนากับเพื่อนร่วมงานเท่ากับปิดหูปิดตาตนเองจากความคิดเห็นและคำแนะนำต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคุณ ดังนั้นการรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อนร่วมงานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
4. เขียนเป้าหมายสูงสุดในแต่ละวัน
การเขียนเป้าหมายสูงสุดในการทำงานในแต่ละวันช่วยทำให้เป้าหมายที่เลือนรางอยู่ในความคิดกลายเป็นเรื่องที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น การกระทำดังกล่าวช่วยให้มีแรงบันดาลใจและกระตือรือร้นในการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่องานที่ทำนั่นเอง
5. จดรายการสิ่งที่ต้องทำ
ในแต่ละวันบางคนอาจมีเรื่องต้องทำนับสิบอย่าง งานบางอย่างต้องทำให้สำเร็จลุล่วงภายในวันนั้น ขณะที่งานบางอย่างสามารถผัดผ่อนไปทำในวันถัดไปได้ เพราะฉะนั้นการเขียนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันโดยจัดเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย จะช่วยให้ชีวิตเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น และทำงานเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด แถมยังทำให้มีเวลาพักผ่อนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
6. อ่านคำคมหรือเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ
การอ่านคำคมหรือเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจจากบุคคลที่ประสบความสำเร็จสามารถช่วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทำงานได้ เพราะเรื่องราวดังกล่าวช่วยจุดประกายในการทำงาน ทั้งยังช่วยปรับทัศนคติและมุมมองให้เป็นไปในแง่บวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นเราอาจได้แนวคิดและวิธีปฏิบัติดี ๆ จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ด้วย
5 กลุ่มโรคที่มากับน้ำในช่วงหน้าฝน
สำนักอนามัย กทม. ห่วงประชาชนให้ระวัง 5 กลุ่มโรคที่มากับน้ำ พร้อมแนะนำดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยด้วยโรคสำคัญ ที่สามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง
นายแพทย์ชวินทร์ ศิรินาค ผู้อำนวยการสำนักอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงนี้ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครมีฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและเกิดแหล่งน้ำขังตามพื้นที่ต่างๆ ประกอบกับสภาพอากาศเปลี่ยนเเปลงบ่อย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เชื้อโรคแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ประชาชนเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ได้
ซึ่งโรคสำคัญที่พบบ่อย คือ 1. กลุ่มโรคทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หรือปอดบวม โดยเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่อยู่ในอากาศ ติดต่อโดยการไอ จาม หากป่วยเป็นโรคปอดบวมอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ อาการสำคัญ คือ มีไข้สูง หายใจเร็วหรือเหนื่อยหอบ
2. โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เช่น โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ ไวรัสตับอักเสบ A อหิวาตกโรค เป็นต้น
3. โรคที่เกิดจากยุงและสัตว์ต่างๆ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคเลปโตสไปโรซิสหรือโรคไข้ฉี่หนู ซึ่งเชื้อของโรคไข้ฉี่หนูจะปะปนอยู่ในดินโคลนที่ชื้นแฉะ โดยทั้ง 2 โรค มีอาการสำคัญ คือ อาการไข้สูง ปวดศีรษะมาก ซึ่งโรคฉี่หนูจะมีอาการเด่น คือ ปวดกล้ามเนื้อ บริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรง
4. โรคที่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น โรคมือเท้าปาก เป็นต้น อาการสำคัญ คือ มีไข้ และมีตุ่มพองใส บริเวณมือ เท้า และปาก มักพบในเด็กเล็ก หากมีภาวะแทรกซ้อนของโรคอาจมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
และ 5. โรคที่มักเกิดในภาวะน้ำท่วม เช่น โรคตาแดง โรคผิวหนังที่เกิดจากน้ำท่วมขัง โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา เป็นต้น รวมทั้งอันตรายที่เกิดจากสัตว์มีพิษ การจมน้ำ และไฟฟ้าดูด
สำหรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรคและภัยที่มากับน้ำ ดังนี้
1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่
2. รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียก และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ควรสวมหน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอ จาม
3. ใช้ฝาชีครอบอาหาร เพื่อป้องกันแมลงวันตอมอาหาร และต้องอุ่นอาหารให้ร้อนก่อนรับประทานทุกครั้ง และควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร ก่อน-หลังการเตรียมอาหาร และหลังขับถ่าย
4. สถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล ต้องหมั่นดูแลรักษาสุขลักษณะของสถานที่และอุปกรณ์เครื่องใช้ ให้สะอาดอยู่เสมอ ต้องจัดให้มีอ่างล้างมือและส้วมที่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงการกำจัดอุจจาระเด็กให้ถูกต้อง
5. ล้างมือและเท้าให้สะอาดทุกครั้งหลังจากเดินย่ำน้ำ อย่าปล่อยให้เท้าอับชื้นเป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงการเดินในพื้นที่ชื้นเเฉะเพื่อป้องกันโรคฉี่หนู ป้องกันอย่าให้ถูกยุงกัดและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย รวมทั้งควรดูเเลบ้านเรือนให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้สัตว์นำโรคเเละสัตว์มีพิษหนีน้ำมาอาศัยอยู่ในบ้าน
6. การช่วยเหลือคนจมน้ำ โดยการเป่าปากตามจังหวะหายใจเข้า – ออก และให้รีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ห้ามอุ้มผู้ป่วยพาดบ่า กระโดด วิ่งรอบสนาม หรือรีดน้ำออก เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยขาดอากาศหายใจได้ ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขณะมีน้ำท่วมขัง สำหรับการช่วยเหลือผู้ถูกไฟฟ้าดูด ควรใช้วัตถุที่ไม่เป็นสื่อไฟฟ้า ได้แก่ ผ้า ไม้ เชือก สายยางหรือพลาสติกที่แห้งสนิท ถุงมือยางหรือผ้าแห้งพันมือให้หนา ผลักหรือฉุดตัวผู้ประสบอันตรายให้หลุดออกโดยเร็วและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,650.00 | 21,750.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,402.00 | 21,254.32 | 22,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,261.80 | 19,128.89 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,121.60 | 17,003.46 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 631.00 | 9,565.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 491.00 | 7,443.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,453.00 | 22,027.48 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/10/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 | 27.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 | 26.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.14 | 24.14 | 24.14 | 24.14 | 24.14 | – | 24.14 | 24.14 | 24.14 | 24.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.79 | 19.79 | – | – | – | – | – | 19.79 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.56 | – | – | – | 35.01 | – | 35.06 | 34.86 | – | 34.86 |
ดีเซล | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 23.99 | 23.99 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.49 | 15.49 | – | – | – | – | – | – | – | – |