สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2562

“อุตตม” สั่งคลังสรุปชิมช้อปใช้ก่อนลุยเฟส 2 ตอกเพื่อไทยไม่ได้ผลาญงบเหมือนจำนำข้าว

“อุตตม” สั่งคลังสรุปชิมช้อปใช้ก่อนลุยเฟส 2 ตอกเพื่อไทยไม่ได้ผลาญงบเหมือนจำนำข้าว

          2 ต.ค.2562 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินผลของโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการในเฟสที่ 2 ส่วนรายละเอียดว่าจะมีการให้วงเงินเพิ่มอีกเป็นจำนวน 1 พันบาทกับผู้ลงทะเบียนเดิม 10 ล้านคน หรือ เปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มรอบใหม่ ยังไม่ได้ข้อสรุป

         “มาตรการชิมช้อปใช้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ซึ่งทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทย ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมีปัญหาในขณะนี้ โดยมาตรการดังกล่าว รวมถึงชุดมาตาการอื่นๆ เช่น การสนับสนุนต้นทุนการผลิตเกษตรมีเงินออกไปสู่เกษตรการแล้ว 2 หมื่นล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 4 หมื่นล้านบาท และกองทุนช่วยเหลือเอ็มอี 1 หมื่นล้านบาท ก็เริ่มมีเงินออกไป เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งกระทรวงการคลังยังหวังว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ 3%” นายอุตตม กล่าว

          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า คาดว่าจะมีเม็ดเงินในโครงการชิมช้อปใช้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เป็นการอุดหนุนจากรัฐ 1.9 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการใช้จ่ายจากประชาชนในกระเป๋า 2 เพื่อขอรับเงินแคชแบ็คคืน 15% ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ในส่วนนี้ประมาณ 3 ล้านราย วงเงินเฉลี่ยรายละ 13,500 บาท โดยคาดว่าจะส่งผลกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ให้ขยายตัวเพิ่มได้ไม่ต่ำกว่า 0.2-0.3% จากเป้าหมาย 3% ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการระยะยาวสิ้นสุด 30 พ.ย. นี้ โดยการใช้จ่ายในช่วง 3 วันแรกที่ 300 ล้านบาทจึงไม่ใช้น้อยเกินไป เพราะเป็นการทยอยใช้

          ทั้งนี้ กรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้มีการปรับลดคาดการณ์จีดีพีในปี 2562 ลงเหลือ 2.7% นั้น เป็นทิศทางเดียวกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีการคาดการณ์ว่าจีดีพีไทยปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 2.8% บวกลบ ส่วนผลของมาตรการชิมช้อปใช้จะเริ่มมีเม็ดเงินลงสู่ระบบและมีผลกับเศรษฐกิจ ตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย. นี้ ซึ่งเชื่อว่าจากผลตอบรับของมาตรการดังกล่าวจะมีแรงจูงใจมากพอ และจากความพยายามของกระทรวงการคลัง ทำให้ยังมีความหวังอยู่ว่าตัวเลขจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 3%

          นอกจากนี้ ได้ประสานงานไปยังธนาคารกรุงไทย เพื่อปรับปรุงระบบยืนยันตัวตน โดยคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน ทำให้การถ่ายรูปตัวตนในมาตรการชิมช้อปใช้ สะดวกมากขึ้น หลังจากที่เกิดปัญหา ผู้รับสิทธิ์ถ่ายรูปไม่ผ่านหลายครั้ง ซึ่งจากการประเมิน ปัญหาไม่ได้มาจากภาพ แต่เป็นในเรื่องของความสว่างของภาพถ่าย ก็ได้ให้ไปดูให้ดี ควบคุมความสว่างของภาพไม่ให้ระบบสแกนภาพยากจนเกินไป

          “โทรศัพท์รุ่นใหม่ ที่ภาพถ่ายออกมาสวยมาก ๆ หรือใช้แอพลิเคชั่นทำให้ภาพหน้าฟรุ้งฟริ้ง ไม่ตรงกับบัตรประชาชน ทำให้ถ่ายภาพไม่ผ่านเป็นจำนวนมาก ก็ได้สั่งให้ไปปรับปรุงระบบให้เสร็จภายใน 1-2 วัน” นายลวรณ กล่าว

          นายลวรณ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่ามาตรการชิมช้อปใช้ไม่ได้เอื้อกับผู้ประกอบการรายใหญ่ จากการใช้จ่ายในช่วง 5 วันแรกที่ 628 ล้านบาท มีการใช้จ่ายผ่านห้างขนาดใหญ่แค่ 142 ล้านบาทหรือ 22% เท่านั้น ขณะที่ยอดลงทะเบียนชิมช้อปใช้ 7 วันแรก อยู่ที่ 5.5 ล้านราย ส่งเอสเอ็มเอสยืนยันสิทธิ์แล้ว 4.7 ล้านราย เหลือส่งเอสเอ็มเอส 8 แสนราย โดยใน 4.7 ล้านราย มีจำนวน 2.7 ล้านรายที่โหลดแอพลิเคชั่นเป๋าตังแล้ว อีก 8.2 แสนรายยังไม่ได้ทำอะไรเลย และอีก 1.1 ล้านรายอยู่ระหว่างดำเนินการสแกนภาพหน้าผ่านสิทธิ์

          “ยืนยันว่ามาตรการชิมช้อปใช้ ไม่ได้เป็นการเอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งจากยอดใช้จ่าย 628 ล้านบาท จากการเก็บข้อมูล เป็นการใช้กับร้านค้า ห้างขนาดใหญ่ แค่ 20% ส่วนใหญ่จะใช้จ่ายผ่านร้านค้าชุมชน เป็นผลมาจากการวางระบบ ที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการ 1 ราย สามารถเปิดจุดชำระเงินได้ 20 จุด เพื่อต้องการให้คนไปใช้สิทธิ์กับร้านเล็กๆ มากขึ้น” นายลวรณ กล่าว

          ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเปิดให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ 1 พันบาท จากมาตรการชิมช้อปใช้ต่อไปอีก หลังจากที่ครบกำหนดลงทะเบียนในช่วง 10 วันแรก (23 ก.ย.-2 ต.ค.2562) ที่ 10 ล้านคน แต่ปรากฏว่าเป็นผู้ขอใช้สิทธิ์ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ เฉลี่ยวันละ 2 แสนราย หรือ อีกประมาณ 2 ล้านคน ก็จะเปิดรับสมัครเพิ่มอีกวันละ 1 ล้านคน จนครบกำหนดที่ 10 ล้านคนตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลามาตรการ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 พ.ย.2562

          อย่างไรก็ตามตัวเลขผู้ใช้สิทธิ์ 10 ล้านคน มีที่มาที่ไป มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลาง วัยทำงาน ชัดเจน ซึ่งมีจำนวนกว่า 10 ล้านคน เพราะกลุ่มอื่นไม่ใช้เป้าหมายโดยตรงของมาตรการ เช่น กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน กลุ่มเกษตรกรที่มีมาตรการชดเชยอยู่เดิม 15 ล้านคน กลุ่มผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี อีก 13 ล้านคน และกลุ่มผู้สูงอายุ 70-80 ปี อีก 13 ล้านคน ซึ่งมีข้อจำกัดในการเข้าร่วมมาตรการ แต่อย่างไรก็ดี พบว่าประชาชนทุกกลุ่มให้ความสนใจกับมาตรการมาก เช่น มีผู้สูงอายุเกิน 100 ปีมาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ชิมช้อปใช้ จำนวน 5-6 ราย

          นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.การคลัง กล่าวถึงมาตรการกระต้นเศรษฐกิจชิมช้อปใช้ ว่า มาตรการนี้ประชาชนตอบรับเป็นอย่าง ส่วนปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ หน่วยงานก็เข้าไปดูแลแล้ว ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบนั้นทุกอย่างเรียบร้อยดี ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. นี้ นายอุตตม จะลงพื้นที่ติดตามมาตรการชิมช้อปใช้ที่ จ.ระยองด้วย

          พร้อมทั้ง ระบุว่า ไม่เข้าใจว่า ทำไมแกนนำพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ต่างออกมาโจมตีมาตรการดังกล่าวว่าไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยนายทุน  ช่วยคนรวย ทั้ง ๆ ที่ประชาชนได้ประโยชน์ เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ตั้งข้อสังเกตุว่า อะไรที่รัฐบาลทำแล้วเกิดผลตอบรับที่ดีกับประชาชน ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยหมด

          “น่าเศร้าใจมากที่มีวิธีคิดแบบนี้ ที่สำคัญ รัฐบาลไม่ได้ผลาญงบเหมือนที่ฝ่ายค้านเคยทำในอดีต ไม่ว่าจะเป็นโครงการจำนำข้าว และบ้านเอื้ออาทร ยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้จะทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทุกคน จะไม่ทำเพื่อนายทุนเด็ดขาด” นายธนกร กล่าว

          นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่ามาตรการ100 เดียวเที่ยวทั่วไทยนั้น มีขั้นตอนง่ายกว่ามาตรการชิมช้อปใช้ เพื่อหวังต่อยอดจากมาตรการชิมช้อปใช้ ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มออกไปใช้สิทธิ์ท่องเที่ยวในช่วงแรก เป็นการหนุนให้เกิดการท่องเที่ยว เงินกระจายออกสู่ต่างจังหวัด รวมทั้งยังมาตรการเที่ยววันธรรมดา ราคาช็อคโลก  เพื่อเน้นดูแล 6 กลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้สูงอายุ สุภาพสตรี และวัยรุ่นจบใหม่เริ่มเข้าทำงาน ยังมีเวลาท่องเที่ยวได้ ไมมีปัญหาออกเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา

          “แนะนำผู้ลงทะเบียนชิมช้อมใช้เตรียมตัวกดคีย์บอร์ดลงทะเบียนผ่าน Official Line ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เตรียมรองรับเอาไว้ 4 หมื่นแพ็คเกจ มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายวันรุ่นยุคดิจัทัล กลุ่มเจน X-Y หรือคนระดับกลางมีกำลังซื้อ ซึ่งหากกลุ่มผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้ สนใจโปรโมชั่นของรัฐบาลที่ออกมาครั้งนี้ จะส่งผลต่อการกระจายเม็ดเงินออกสู่การท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง ส่งผลต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะมีเงินหมุนต่อไปอีกหลายรอบ และพยุงเศรษฐกิจปลายปีให้ดีขึ้น” นายชาญกฤช กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost.net


“ออนิกซ์” ลุยปรับโฉม”อมารี วอเตอร์เกท”

“ออนิกซ์” ลุยปรับโฉม

นายดักลาส มาร์เทล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า แม้ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวปี 2563 จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความยากลำบากและท้าทายต่อเนื่องจากปีนี้ เพราะต้องเผชิญความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากสงครามการค้าโลก การแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (เบร็กซิต) สถานการณ์ชุมนุมในฮ่องกง และภาวะเงินบาทแข็งค่าที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของตลาดต่างชาติเที่ยวไทย

แต่เครือออนิกซ์ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมและที่พักแห่งใหม่อย่างต่อเนื่องอีก 6-9 แห่งในปีหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาว คือการมีโรงแรม รีสอร์ท และเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์รวม 99 แห่งในปี 2567 ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ อมารี, ชามา และโอโซ่ เติบโต 2 เท่าจากปัจจุบันที่เปิดให้บริการแล้ว 50 แห่ง คิดเป็นห้องพักรวมเกือบ 8,000 ห้อง กระจายใน 30 เมือง 7 ประเทศ 

ได้แก่ ไทย สปป.ลาว มาเลเซีย จีน มัลดีฟส์ ศรีลังกา และบังคลาเทศ และอยู่ระหว่างการพัฒนาแล้วกว่า 20 แห่ง จึงมั่นใจว่าจะไปถึงเป้าหมาย สู่การเป็นบริษัทขนาดกลางด้านการบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ท และเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

สำหรับหนึ่งในไฮไลท์ของโรงแรมใหม่ที่เครือออนิกซ์รับบริหารคือ อมารี นิเซโกะ เป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเกาะฮอกไกโด ขนาด 126 ห้องพัก หลังได้ลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรนักลงทุน บริษัท เมโทรโพลี โฮลดิงส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติฮ่องกง เตรียมเปิดให้บริการในปี 2567

และเมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ลงนามรับบริหารโรงแรม ให้แก่ บริษัท รัตนากร แอสเซท จำกัด จำนวน 3 แห่งในพัทยา รวม 773 ห้องพัก ภายใต้แบรนด์หลักทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ อมารี จอมเทียน พัทยา ขนาด 400 ห้องพัก, ชามา วงศ์อมาตย์ พัทยา 250 ห้องพัก และโอโซ่ พระตำหนัก พัทยา 123 ห้องพัก ทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2565-2568

นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิด โอโซ่ พัทยา ขนาด 406 ห้องพัก กลางปี 2563 ในพื้นที่แปลงเดียวกับ อมารี พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือออนิกซ์ หลังเปิดให้บริการมากว่า 47 ปี และเพิ่งลงทุนปรับโฉมครั้งใหญ่ไป ทำให้มีห้องพักรวมจากสองแห่งนี้ 752 ห้องพัก หนุนให้เครือออนิกซ์เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักมากที่สุดในพัทยา รวม 11 แห่ง

“ในปี 2563 เครือออนิกซ์จะปรับปรุงห้องพักและพื้นที่ Back of House ของโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ใช้งบฯลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท หลังได้ทยอยปรับปรุงบางส่วนแล้วก่อนหน้านี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พร้อมๆ กับโรงแรมภายใต้แบรนด์อมารีที่เครือออนิกซ์เป็นเจ้าของ ทั้งในภูเก็ต เกาะสมุย และพัทยา รวมทั้งหมด 4 แห่ง ซึ่งใช้งบฯลงทุนรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท” นายดักลาสกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ชงรัฐเพิ่มหลักสูตรดูแลผู้สูงวัย พร้อมสร้างคนป้อนภาคอุตสาหกรรมขับเคลื่อนไทยแลนด์4.0

ชงรัฐเพิ่มหลักสูตรดูแลผู้สูงวัย พร้อมสร้างคนป้อนภาคอุตสาหกรรมขับเคลื่อนไทยแลนด์4.0

หอการค้าไทยเสนอพัฒนาบุคลากรป้อนภาคอุตสาหกรรม แนะเปิดหลักสูตรดูแลผู้สูงวัย ส่งเสริมเอสเอ็มอีเพิ่มทักษะ หนุนรัฐพัฒนาเศรษฐกิจด้วยแนวคิด BCG

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังนำคณะกรรมการหารือร่วมกับ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. เพื่อนำเสนอประเด็นต่างๆ ของภาคเอกชนต่อการผลักดันเศรษฐกิจ โดยประเด็นหารือที่สำคัญคือ1. การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เสนอให้มีการจัดทำระบบศูนย์กลางประสานความร่วมมือ (Clearing House)เพื่อนำข้อมูลด้านความต้องการกำลังคนของภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า ภาคบริการ และข้อมูลด้านหลักสูตรของสถาบันการศึกษาต่างๆ มาพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้สอดคล้องกับตามความต้องการที่แท้จริง

รวมทั้งเสนอการจัดทำหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุแบบเชิงลึกและหลักสูตรบริหารจัดการสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุ สำหรับการยกระดับทักษะและความรู้ (Upskill Reskill)ขอให้หน่วยงานภายใต้ อว. เป็นกลไกพัฒนาทักษะเรียนรู้แก่ผู้ที่ทำงานแล้ว เพื่อรองรับลักษณะงานที่เปลี่ยนแปลงโดยสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการพัฒนาทักษะตนเองมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 2 เท่า

ทางกระทรวงฯ เห็นด้วยกับข้อเสนอของหอการค้าและมีความเห็นว่าในด้านหลักสูตรจะให้ความสำคัญทั้งหลักสูตรสำหรับเด็กเล็กและผู้สูงวัย ส่วนในด้านการพัฒนาทักษะ Upskill Reskill นั้นควรดูแลทั้งกลุ่มคน ที่อยู่ในระบบและกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนลักษณะอาชีพ (Career Migration) โดยจัดแบ่งเป็นประเภท Degree และ Non Degree และให้ความสำคัญกับความรู้พื้นฐานของการบริหารจัดการและการสร้างผู้นำชุมชน สำหรับค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะนั้นจะได้รับการลดหย่อนภาษี 2.5 เท่า และกำลังพิจารณาการ ออก education coupon เพิ่มอีกทางหนึ่ง

2. การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEขอให้ปรับปรุงกฎระเบียบและการปฏิบัติตามเงื่อนไขของกองทุนด้านวิจัยและนวัตกรรม พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการเข้าใจชัดเจนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สนับสนุนการประกอบธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งการจัดตั้งกองทุน Startup Fund ของกระทรวงฯ เป็นประโยชน์อย่างมาก ในส่วนการส่งเสริม Talent Mobility ควรส่งเสริมให้อาจารย์และนักศึกษาได้มีโอกาสทำงานระหว่างเรียน เพื่อเรียนรู้และเพิ่มทักษะจากการปฏิบัติงานจริง รวมทั้ง สนับสนุนทุนให้แก่นักศึกษา และอาจารย์ในการทำ Startup IDE

ด้านการส่งเสริม Local economy เสนอให้ส่งเสริมนักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือ YEC(Young Entrepreneur Chamber) รวมกลุ่มเป็นนวัตกรรมชุมชน และสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มให้เกิดการแข่งขันนวัตกรรม รวมถึงสร้างช่องทางการเข้าถึงงานวิจัยและนวัตกรรม โดยขอให้ Regional Science Park ที่อยู่ในภูมิภาคทำงานเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ หอการค้าจังหวัด และ YEC เพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยใช้งานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดรับกับความต้องการของตลาดผู้บริโภค

สำหรับปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนนั้น กระทรวงฯทราบปัญหาและอยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์สำหรับกลุ่มจังหวัดให้น้อยลงเพื่อให้รับเงินกองทุนได้ง่ายขึ้น และได้มีการจัดตั้งกองทุน Young Startup Fundรองรับการพัฒนา Startup IDE ไว้แล้ว พร้อมทั้งได้วางแนวทางการพัฒนา IDE (Innovation Driven Enterprise)เป็น 3 กลุ่มคือ 1. Startup IDE 2. กลุ่ม SME ที่จะพัฒนาเป็น IDE และ 3. กลุ่มชุมชนนวัตกรรมซึ่งจะมีนักศึกษาและอาจารย์ร่วมด้วย โดยทั้ง 3 กลุ่มจะขอให้กลุ่ม YECของหอการค้าซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศร่วมเป็นผู้สนับสนุน สอดคล้องกับแนวทางของหอการค้า โดยจะจัดการประชุมกับกลุ่ม YEC ของหอการค้าเพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกันในเดือนตุลาคมนี้

3. การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยกลไก BCG(Bioeconomy , Circular Economy , Green Economy)หอการค้าไทยสนับสนุนการสร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำเพื่อยกระดับศักยภาพและสร้างรายได้เกษตรกรให้สูงขึ้น โดยสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงฯ ในการทำวิจัย เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตร โครงการ 1 ไร่ 1 ล้าน และจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย พืชเป้าหมาย และระยะเวลาดำเนินการ

 ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เปิดตัวเลข ความจุแบตเตอรี่ใน iPhone 11 ทุกรุ่น

เมื่อวันที่ Apple เปิดตัว iPhone 11 ทีมงานของ Apple ได้บอกถึงสเปคและการใช้งานต่าง ๆ ที่ทำให้ (สาวก) ได้ว้าวไปพร้อม แต่สิ่งสำคัญที่แอปเปิลไม้ได้บอกคือขนาดความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งบอกเพีนงแค่ว่าใช้งานได้นานกว่า iPhone 10 มากขึ้นเท่าไหร่

วันนี้เว็บไซต์ Tom guide ได้ทำการทดสอบการใช้งานใน iPhone 11 ทุกรุ่น  โดยได้ตั้งค่าหน้าจอโทรศัพท์ทั้งหมดให้สว่างมากี่สุ และให้เปิดท่องเว็บอย่างต่อเนื่องผ่านเครือข่ย 4G LTE โดยใช้ เครือข่ายของ T-Mobile และการทดสอบจะโหลดเว็บไซต์ใหม่โดยอัตโนมัติทุก ๆ 30 วินาทีจนกระทั่งแบตเตอรี่หมด

และพวกเขายังได้คำนวนค่าต่าง ๆ ออกมาเป็นความจุแบตเตอรี่ หากใครมีแผนจะซื้อ iPhone 11 แล้ว ข้อมูลนี้นับบว่าเป็นประโยชน์มาก

ขอบคุณข้อมูลจาก aripfan.com


ไทย VS ยูเออี บอลกินโค้ช

ไทย VS ยูเออี บอลกินโค้ช

ศึกลูกหนังฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบสอง กลุ่ม จี ขุนพลนักเตะทีมชาติไทย จะลงสนามเป็นเกมที่ 3 เปิดบ้านรับการมาเยือน ยูเออี ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 15 ต.ค.62 หลังจากก่อนหน้านี้ 2 เกมเก็บมา 4 แต้ม จากการเปิดบ้านเสมอเวียดนาม 0-0 และ บุกเอาชนะ อินโดนีเซีย 3-0 ด้าน ยูเออี ลงสนามไป เกมเดียวสามารถบุกชนะ มาเลเซีย 2-1

    สำหรับการลงสนามพบกันของทีมชาติไทยกับยูเออี 3 เกมล่าสุดก่อนหน้านี้และเกมที่กำลังจะพบกันในวันที่ 15 ต.ค.62 ทั้งสองทีมใช้บริการโค้ชรวมกันไปแล้วถึง 8 ราย ทุกครั้งที่ลงสนามพบกันจะใช้โค้ชไม่ซ้ำหน้าโดยเฉพาะฟุตบอลโลกใช้ไปฝั่งละ 3 ราย และอีกหนึ่งรายการเอเซียนคัพ 2019 ใช้ไปอีกฝั่งละราย

ยูเออี 3-1 ไทย ฟุตบอลโลก2018 รอบคัดเลือกเอเชีย รอบสุดท้าย

    เกมวันที่ 6 ต.ค.2016 ยูเออี เปิดบ้านพบกับ ไทย นัดนั้นยูเออี ใช้บริการ อาลี มาห์ดี้ ที่คุมขุนพลยูเออีมาตั้งแต่รุ่น 19 ปี ก่อนโยกตามนักเตะสู่ชุดใหญ่ พบกับไทย ที่มี “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทัพ เวลาดังกล่าวซิโก้ก็สานงานตัวเองต่อเนื่องจากซีเกมส์ 2015 ที่เมียนมา เกมดังกล่าวมีสักขีพยานแฟนบอลกิตติมศักดิ์อย่าง “เสือเตี้ย”ดิเอโก้ มาราโดน่า เจ้าของฉายาหัตถ์พระเจ้ามานั่งชมเกมถึงจองสนาม ก่อนที่จะจบเกม ยูเออี เอาชนะไทย 3-1 

ไทย 1-1 ยูเออี ฟุตบอลโลก2018 รอบคัดเลือกเอเชีย รอบสุดท้าย 

    13 มิ.ย.2017  เกมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกช่วงโค้งสุดท้ายของทั้งสองทีมที่ราชมังคลากีฬาสถาน เป็นการประเดิมเปลี่ยนโค้ชในรายการนี้ทั้งคู่ ไทย เจ้าถิ่นใช้ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย  ขณะผู้มาเยือนใช้ เอดการ์โด เบาซา กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ นัดดังกล่าวกุนซือเลือดเซิร์ฟเกือบประเดิมได้สวยจากลูกยิงออกนำของ มงคล ทศไกร น.69 แต่สุดท้ายโดนตีเสมอช่วงทดเวลาครึ่งหลังจาก อาลี มับคุต จบเกมแบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม

ยูเออี 1-1 ไทย เอเซียนคัพ 2019 รอบแรก 

    14 ม.ค.2019 เกมนัดสุดท้ายรอบแรก ศึกลูกหนังเอเซียนคัพ 2019 ยูเออี ลงสนามพบ ไทย ทั้งสองทีมหวังเก็บชัยชนะเพื่อโอกาสเข้ารอบต่อไป ก่อนลงสนามเกมนั้น ยูเออี มี 4 แต้ม ขณะที่ไทย มี 3 แต้ม แต่ไทยมีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชกลางทัวร์นาเมนต์ แยกทาง มิโลวาย ราเยวัช หลังประเดิมพ่าย อินเดีย 1-4 ดัน “โค้ชโต่ย”ศิริศักดิ์  ยอดญาติไทย คุมทัพ ด้านเจ้าภาพยูเออี ใช้โค้ชชื่อใหญ่เบอร์บิ๊กเนมอย่าง อัลเบอร์โต ซัคเคโรนี กุนซือชาวอิตาลีคุมทัพ แม้ยูเออีจะออกนำไปตั้งแต่ต้นเกมแต่สุดท้าย ฐิติพันธ์  พ่วงจันทร์ ก็ตีเสมอให้กับไทยได้สำเร็จ พร้อมกับผ่านเข้ารอบ 16 ทีมด้วยกันทั้งคู่

ไทย-ยูเออี ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกเอเชีย รอบสอง

    15 ต.ค.2019 ไทย จะพบกับ ยูเออี อีกครั้งในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย นี่คือเกมที่ 4 ติดต่อกันที่ทั้งไทยและยูเออีพบกันมีการเปลี่ยนแปลงตัวเฮดโค้ชอีกครั้ง ไทย เลือกใช้ อากิระ  นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น เข้ามาคุมทีม ซึ่งฟุตบอลโลก 2018 ล่าสุดเพิ่งคุมทัพญี่ปุ่น ด้านยูเออี เลือกใช้ เบิร์ต ฟาน มาไวค์ กุนซือชาวดัตซ์ เข้ามาคุมทัพใหม่เช่นเดียวกัน และบรมกุนซือรายนี้ก็เพิ่งพาทีมออสเตรเลีย ไปโลดแล่นในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยก่อนหน้านั้นพาซาอุดิอาระเบีย คว้าตั๋วเอเชียไปรอบสุดท้ายแต่แยกทางกันก่อน ครั้งนั้น เบิร์ต ฟาน มาไวค์ พาซาอุดิอาระเบีย ชนะไทย 2 เกม ในบ้านชนะ 1-0 และเกมเยือน ชนะ ไทย 4-0

ไทย VS ยูเออี บอลกินโค้ช

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


แนะลดจุดธูป แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5

แนะลดจุดธูป แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 thaihealth

หลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในช่วงเทศกาลกินเจต้องจุดธูปเป็นจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุข แนะเปลี่ยนมาใช้ธูปที่มีขนาดเล็กหรือสั้นลง เพื่อลดการเพิ่มฝุ่น สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องไปในพื้นที่ที่มีปริมาณค่าฝุ่นสูง ควรสวมหน้ากากอนามัย  ปิดปากและจมูก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในขณะนี้ในหลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กำลังกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจนี้ คนไทยเชื้อสายจีนจะมีการจุดธูปไหว้เจ้าหรือประกอบพิธีกรรมตามศาลเจ้า รวมถึงการไหว้พระขอพรที่ต้องจุดธูปเป็นจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขส่งผ่านความห่วงใยถึงประชาชนในพื้นที่ โดยขอความร่วมมือเปลี่ยนมาใช้ธูปที่มีขนาดเล็กหรือสั้นลง เพื่อลดการเพิ่มฝุ่น ซึ่งศาสนสถานเมื่อเสร็จพิธีการควรดับหรือเก็บธูปให้เร็วขึ้น และต้องมั่นใจว่าดับสนิท

นอกจากนี้ควรทำความสะอาดบริเวณกระถางธูปเป็นประจำเพื่อลดฝุ่นละอองจากควันธูปที่ตกค้าง รวมถึงหลีกเลี่ยงการจุดธูปในบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ห้องแอร์ ห้องที่ไม่มีประตูหน้าต่าง เพราะหากสูดดมเข้าไป อาจทำให้ระคายเคืองตาและส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ อาการที่พบบ่อย คือ ตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหล จาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก และอาจเกิดอาการปวดศีรษะ เป็นลมหมดสติได้ หากสูดดม เป็นเวลานานๆ

“ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างยังคงต้องติดตามสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างใกล้ชิดจากเฟซบุ๊กเพจ ‘คนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM2.5’ สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสควัน และขอความร่วมมือสถานพยาบาล ศูนย์เด็กเล็ก ควรจัดห้องสะอาด ปลอดฝุ่น (Clean Room) เพื่อป้องกันและลดสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและประชาชนกลุ่มเสี่ยงหรือกลุ่มที่แพทย์ให้คำแนะนำ

สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องไปในพื้นที่ที่มีปริมาณค่าฝุ่นสูง ควรสวมหน้ากากอนามัย  ปิดปากและจมูก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ และคอยสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก แน่นหน้าอก คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,700.00 21,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,406.00 21,314.96 22,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,265.40 19,183.46 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,124.80 17,051.97 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 633.00 9,596.28 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 492.00 7,458.72 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,457.00 22,088.12 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/10/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85 26.85
แก๊สโซฮอล์ 91 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58 26.58
แก๊สโซฮอล์ E20 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84 23.84
แก๊สโซฮอล์ E85 19.64 19.64 19.64
เบนซิน 95 34.26 34.71 34.76 34.56 34.56
ดีเซล 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69 25.69
ดีเซลพรีเมี่ยม 23.69 23.69
แก๊ส NGV 15.49 15.49
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า