สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2561

เปิดตัวบ้านเดี่ยว ‘คริสตัล โซลานา’ ราคา 60-300 ล้าน เจาะตลาดA+

 

 

เค.อี.กรุ๊ป เปิดตัวบ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ระดับ 6 ดาว “คริสตัล โซลานา” ราคา 60 – 300 ล้านบาท ชูจุดขายหรูที่สุดในไทย เจาะตลาดA+

เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ระดับ 6 ดาว “คริสตัล โซลานา” หรูที่สุดในเมืองไทย มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท มาพร้อมดีไซน์และสถาปัตยกรรมหรูหรา ครบครันด้วยฟังก์ชั่นที่เป็นเอกลักษณ์วัสดุเวิลด์คลาส คลับเฮ้าส์เหนือระดับ และสังคมที่มีคุณภาพบนทำเลที่ดีที่สุดติดถนนประดิษฐ์มนูธรรม ราคา 60 – 300 ล้านบาทต่อหลัง เปิดจองในเดือนสิงหาคมนี้ (2561) มั่นใจตลาดบ้านหรูยังมีกำลังซื้อสูง ขณะที่ราคาที่ดินย่านกรุงเทพฝั่งตะวันออกพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวในรอบ 5 ปี

นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เค.อี.กรุ๊ป เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดบ้านหรูในเมืองไทยยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 พบว่าเติบโตกว่า 10% และจากข้อมูลปี 2560 พบว่าฐานลูกค้าประเภทไฮเน็ตเวิร์คในกรุงเทพฯ มีประมาณ 91,000 คน ไม่นับรวมลูกค้าต่างชาติ ซึ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% โดยมูลค่าตลาดรวมของบ้านหรูในกรุงเทพฯ ที่มีราคาขายตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ในระยะสามปีที่ผ่านมามีประมาณ 25,000 ล้านบาท หรือปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท

โดยราคาที่ดินบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เติบโตขึ้น 12-15 % จากราคาที่ดินในปี 2559 อยู่ที่ 250,000-300,000 บาทต่อตารางวา และในปี 2560 ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 350,000 บาทต่อตารางวา อาทิ ราคาบ้านที่ โครงการ คริสตัล พาร์คราคาเริ่มต้นตอนก่อสร้างเมื่อปี 2549 ราคาอยู่ที่ 65 ล้านบาท แต่ปี 2561 นี้ มีการซื้อขายอยู่ที่หลังละ 125 ล้านบาท เติบโตกว่าหนึ่งเท่าตัวหรือปีละ 12 % ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนทางการเงินทั่วไป และจากการศึกษาพบว่าประชากรในบริเวณนี้ มีรายได้ต่อครอบครัวเฉลี่ยสูงกว่าบริเวณอื่นของกรุงเทพฯ ประมาณ 17%

และ ล่าสุด เค.อี.กรุ๊ป ได้เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ระดับ 6 ดาว “คริสตัล โซลานา” บนทำเลที่ดีที่สุดในถนนประดิษฐ์มนูธรรม เน้นการออกแบบดีไซน์ฟังก์ชั่นการใช้งานของบ้านภายใต้แนวคิดการผสมผสานสถาปัตยกรรมและแนวคิดระดับโลกมารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์เหนือระดับ เจาะกลุ่มตลาดเอบวก

โดยชูจุดเด่นเป็นโครงการบ้านหรูที่สุดในเมืองไทยระดับ 6 ดาว ได้แก่ 1) ที่สุดเรื่องทำเล ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมซึ่งนับเป็นทำเลบ้านหรูของกรุงเทพฯ และ เป็นโครงการบ้านหรูโครงการเดียวของเมืองไทย ที่ติดถนนใหญ่ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน เพียง 1 นาที อยู่บนทำเลหัวมุมที่มีรถไฟฟ้าถึงสองสาย คือ สายสีเทา และสายสีชมพู 2) ที่สุดเรื่องการออกแบบสถาปัตยกรรมโดยมีเอกลักษณ์ที่เน้นความหรูหรา สง่างามเหนือระดับ สไตล์ลักชัวรี่คอนเทมโพรารี่ 3) ที่สุดเรื่องดีไซน์การออกแบบพื้นที่แบบไฮคลาส นำเสนอแนวคิดการจัดสรรพื้นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในบ้านหลากหลายฟังก์ชั่น อาทิ ห้องรับแขกขนาดใหญ่ (Great Room), โถงต้อนรับ (Foyer), มุมน้ำชา (Tea Corner), มุมสังสรรค์และพักผ่อน (Library and Game Room) มุมปาร์ตี้ แอนด์ บาร์บีคิว เทอเรซ (Loggia and Terrace), ห้องนอนขนาดใหญ่ และทุกห้องในบ้านสามารถสัมผัสกับพื้นที่สีเขียว กรีน สเปซ (Green space) รอบตัวบ้านบางแบบมีพอร์ท เทโคเชร์ (Porte Cochere) ที่จอดรถยนต์ส่วนตัว จอดได้สูงสุดถึง 10 คัน 4) ที่สุดเรื่องการเลือกใช้วัสดุระดับโลกที่ผ่านการคัดสรรอย่างดีที่สุด ประสบการณ์จากการทำโครงการ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี) ทำให้สามารถคัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลได้จากทั่วทุกมุมโลก อาทิ การใช้หินอ่อนทราเวอร์ทีนและไลม์สโตนคัดพิเศษจากอิตาลี ตุรกี และโปรตุเกส, การใช้สุขภัณฑ์รุ่นหรูจากโคห์เลอร์ (Kohler) สุขภัณฑ์อันดับหนึ่งของอเมริกา, สีเชอร์วินวิลเลียมส์ สีอันดับหนึ่งของอเมริกา, ไม้มะค่าแท้จากแอฟริกา เป็นต้น 5) ที่สุดของคลับเฮ้าส์สโมสรและสวนบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ด้วยการเนรมิตให้การสังสรรค์และการออกกำลังกายอยู่ร่วมกับการพักผ่อนได้อย่างลงตัว คลับเฮ้าส์ตกแต่งอย่างหรูหราขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วย ห้องไลบรารี่, ห้องจัดงานสโมสร, ห้องประชุม, ห้องยิมออกกำลังกายขนาดใหญ่, ห้องสปา, ห้องโยคะ, ห้องซาลอน, สระว่ายน้ำขนาด 25 เมตร พร้อมสระเด็กและสไลเดอร์, สนามเทนนิส, กอล์ฟไดร์ฟแพรคทิส, สวนพักผ่อน, สนามเด็กเล่น, สวนบาร์บีคิว, เส้นทางลู่วิ่ง 1-2.5 กิโลเมตรกับทุกเส้นทางสีเขียว6) ที่สุดของสังคมที่มีคุณค่า การคัดสรรเพื่อนบ้านและสังคมให้กับทุกคนในครอบครัว ผนวกกับการดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างสูง และระบบรักษาความปลอดภัยอันทันสมัย

“เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากความสำเร็จที่ผ่านมาในการทำ โครงการบ้าน คริสตัล พาร์ค และแกรนด์ คริสตัล ตลอดจนการทำ โครงการ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี) อาณาจักรของแต่งบ้านและงานดีไซน์ระดับโลก ทำให้เชื่อมั่นว่า คริสตัล โซลานา จะเป็นหมู่บ้านที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด เนื่องจากเป็นโครงการบ้านหรูโครงการเดียวของเมืองไทย ที่ติดถนนใหญ่ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน อยู่บนทำเลหัวมุมที่มีรถไฟฟ้าถึงสองสาย คือสายสีเทาและสายสีชมพู และบริษัทมีข้อได้เปรียบเรื่องต้นทุนที่ดินที่มีอยู่แล้ว จึงทำให้เราสามารถเพิ่มมูลค่าการเลือกสรรวัสดุคุณภาพระดับโลกที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้อย่างเต็มที่” ด้าน นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ เค.อี.กรุ๊ป กล่าวว่า โครงการบ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ระดับ 6 ดาว “คริสตัล โซลานา” ราคาขายเฉลี่ย 60-300 ล้านบาท/ยูนิต มีทั้งหมด 51 แปลง ขนาดที่ดิน 123-800 ตารางวา เป็นบ้านสั่งสร้างที่มีทั้งแบบ 2 ชั้น, 3 ชั้น และ  4 ชั้น สามารถปรับต่อเติมขยายตามความต้องการที่แท้จริงได้ ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดังของเมืองไทย 3 บริษัท คือ บริษัท เคทีจีวาย อินเตอร์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด (KTGY), บริษัท พีไอเอ อินทีเรีย จำกัด (PIA) และ บริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด (P LANDSCAPE) โดยมีทั้งหมด 4 แบบ ประกอบด้วย

1. แบบเอ็มเมอรัลด้า (Emeralda) มีพื้นที่ใช้สอย 1,010 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 89.5 – 300 ล้านบาท

2. แบบเพอร่า (Perla) มีพื้นที่ใช้สอย 745 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 75 – 300 ล้านบาท

3. แบบซาฟิร่า (Zafira) มีพื้นที่ใช้สอย 685 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 71.5 – 300 ล้านบาท

4. แบบไดมอนเต้ (Diamonte) มีพื้นที่ใช้สอย 490 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 61 – 300 ล้านบาท

 

6_11

 

ทั้งนี้ โครงการบ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ระดับ 6 ดาว “คริสตัล โซลานา” จะเปิดให้จองตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 นี้ เป็นต้นไป ขณะที่คลับเฮ้าส์จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปลายปี 2561 นี้ และบ้านตัวอย่างจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2562ส่วนการก่อสร้างทั้งโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-101-5775 หรือ www.crystalsolana.com

ทั้งนี้ นางศุภานวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนงานในอนาคตของบริษัทฯ เค.อี.กรุ๊ป มีแผนเตรียมจะซื้อที่ดินในทำเลสำคัญเพื่อก่อสร้างโครงการบ้านหรูอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายเป็นบริษัท อันดับ 1 เรื่องโครงการบ้านหรูของประเทศ, นอกจากนี้ยังมีแผนจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) บริหารจัดการด้าน  การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่นๆ ทั้งบริษัทในเครือ และ บริษัทอื่นๆ ที่มีศักยภาพ

ขณะเดียวกันยังมีแผนทำโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญ คือ การก่อสร้าง “โครงการมิกซ์ยูส” มูลค่า 50,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกระหว่างถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจ หรือถนนเกษตรนวมินทร์ ทำเลที่มีข้อดีเชิงเศรษฐกิจสูงที่สุดของถนนเส้นนี้ บนพื้นที่ 800,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย สำนักงาน, โรงแรม, คอนโดมิเนียม, อาคารจัดงานแสดงสินค้า, ศูนย์กลางการขนส่งทางรถทุกรูปแบบ (Transportation Hub), อาคารที่จอดรถสำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าเข้าสู่ถนนสายธุรกิจหลักเพื่อรองรับรถไฟฟ้าสายสีเทา เส้นทางจากวัชรพลไปทองหล่อผ่านบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com


“ส.สินเชื่อที่อยู่อาศัย”เล็งจัดงาน“อภิมหกรรมบ้าน – คอนโดฯและสินเชื่อแห่งปี2018”

 

สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด เตรียมจัดงาน “อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018” พบกับบ้านจัดสรร-คอนโดฯ มาลดสูงสุด พร้อมด้วยสินเชื่อบ้านสุดร้อนแรงจากธนาคารชั้นนำ พลิกโฉมการเลือกซื้อมหกรรมที่อยู่อาศัย ชูไฮไลต์เด็ดยุคดิจิทัล สมาร์ทโฟนเครื่องเดียว ได้ครบทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น ลงทะเบียน เก็บโบรชัวร์ ร่วมกิจกรรม รับโปรโมชั่นต่างๆ หรือการเลือกชมบ้านตัวอย่างเสมือนจริง 360 องศา มากกว่า 100 โครงการ รวมถึงในปีนี้ยังมีโซนพิเศษ “Hot Deal” นำสินค้าจาก 20 แบรนด์ชั้นนำขายราคาพิเศษเฉพาะภายในงานเท่านั้น

นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยว่า ในปีนี้ทาง สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้ร่วมกับ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด จัดงาน อภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2018 ระหว่างวันที่ 16 – 19 ส.ค. 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งได้จัดมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 งานสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์ประจำปีนี้จะเป็นการรวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเล บ้านมือสอง ในทำเลศักยภาพต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษจากสถาบันการเงิน พิเศษสำหรับงานปีนี้คือ การจัดโซนพิเศษ “Hot Deal” สินค้าราคาพิเศษเฉพาะภายในงานเท่านั้น

นายอลงกต บุญมาสุข เลขาธิการสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารพันธมิตรและส่งเสริมการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับ งาน Home Buyers Expo 2018 ทางธนาคารได้รับความร่วมมือจากกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในส่วนของงาน NPA Grand Sale มี 8 สถาบัน ได้แก่ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM), บมจ.กรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM), ธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมนำสินทรัพย์ดี บนทำเลเด่น มาให้เลือกซื้ออย่างมากมาย ส่วนงาน Home Loan บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 6 สถาบันการเงินชั้นนำ เตรียมนำข้อเสนอด้านดอกเบี้ย และโปรโมชั่นดีๆ มาให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาทรัพย์สินทั้งที่เพื่ออยู่อาศัย และเพื่อการลงทุนด้วย

นายบริสุทธิ์ กาสินพิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาของการจัดงานทั้ง 4 วัน นอกจากจะมีกิจกรรมและโปรโมชั่นมากมายแล้ว งาน Home Buyers Expo 2018 ปีนี้จะเป็นการพลิกโฉมครั้งสำคัญด้วย สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวได้ครบทั้งงาน ไม่ว่าจะเป็น ลงทะเบียน เก็บโบรชัวร์ กิจกรรมเสวนา รับโปรโมชั่นต่างๆ หรือสามารถดูย้อนหลังได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน พบกับ Digital Exhibition โครงข่ายรถไฟฟ้า ที่กำลังจะเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เทคโนโลยีดูบ้าน-คอนโดฯ เสมือนจริง ผ่าน VR 360 ซึ่งทั้งหมดได้มาไว้เพื่อเพิ่มความ

สะดวกให้แก่ผู้เข้าชมงาน และเพื่อให้ผู้บริโภคได้ศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอย่างดีที่สุด และไฮไลต์เด็ดกับโซนต่างๆ มากมายภายในงาน อาทิ Hot Deal นำบ้าน คอนโดฯ ราคาพิเศษมานำเสนอ, IoT Smart Home นวัตกรรมเอาใจคนรุ่นใหม่กับการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นด้วยสมาร์ทโฮม, Innovation Project นวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ของที่อยู่อาศัย และ Aging Society นวัตกรรมบ้านสำหรับผู้สูงอายุ โดยในปีนี้ได้รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเล อาทิ ซีเอ็มซี กรุ๊ป, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ , บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ , บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ , บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ , บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด และอีกหลากหลายแบรนด์ ทั้ง NPA บ้านมือสอง ในทำเลศักยภาพต่างๆ ที่มาพร้อมสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ และโปรโมชั่น บ้าน คอนโดฯ และสินเชื่อพิเศษจากธนาคาร ที่เข้าร่วมงาน มากมาย

ที่มา : https://siamrath.co.th


 “คลัง” เตรียมคืน “VAT” ให้คนจน พร้อมชงเข้า ครม. 2-3 สัปดาห์นี้

 

"คลัง" เตรียมคืน "VAT" ให้คนจน พร้อมชงเข้า ครม. 2-3 สัปดาห์นี้

 

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2561 จะเริ่มทดลองใช้ระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ให้กับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรในร้านธงฟ้า โดยระบบจะส่งข้อมูลการซื้อขายสินค้าให้กับกรมสรรพากรเป็นผู้รวบรวมแทนการเก็บใบกำกับภาษี และจ่ายคืนเข้าบัตรสวัสดิการให้กับประชาชน ซึ่งรูปแบบในการคืนควรจะเป็นแบบรายเดือน เบื้องต้นเพดานการคืนภาษีจะไม่เกิน 7,000 บาท มาตรการดังกล่าวจะเป็นการทดลองใช้ชั่วคราวเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ส่วนเงินจากภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นสามารถกดออกมาใช้เป็นเงินสดได้

นอกจากนี้ นายอภิศักดิ์ ระบุว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน เพิ่มเติม เรื่องของการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องจ่ายเงินในโครงการบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค ซึ่งจะใช้เงินกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐชดเชยให้กับกระทรวงสาธารณสุข โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกันยายน 2561

ที่มา : https://www.sanook.com


ไม่น่าเชื่อ! คน “ว่างงาน” สูงปรี๊ดราว 1.65 แสนคน

 

ไม่น่าเชื่อ! คน “ว่างงาน” สูงปรี๊ดราว 1.65 แสนคน

 

ระทรวงแรงงาน โดยกองเศรษฐกิจการแรงงาน รายงานภาวะการจ้างงานในตลาดแรงงานเดือนมิถุนายน 2561 ว่าการจ้างแรงงานในระบบประกันสังคม มีผู้ประกันนตน (มาตรา 33) จำนวน 11,454,211 คน เพิ่มขึ้น 852,840 คน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2560 ที่มีอยู่ 10,601,317 คน

สำหรับการว่างงานจากตัวเลขผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในระบบประกันสังคมเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวน 165,310 คน เพิ่มขึ้น 5.57% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2560 ที่มีจำนวน 156,587 คน และเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 มีจำนวน 160,180 คน อัตราเพิ่มขึ้น 3.2% หากเทียบกับอัตราการว่างงานเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ 1.41%

ส่วนอัตราการเลิกจ้างลูกจ้างในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ผู้ประกันตนที่สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน จากสาเหตุเลิกจ้างเดือนมิถุนายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 23,707 คน คิดเป็น 0.21% มีอัตราชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 ที่มีอัตราการเลิกจ้างลูกจ้างที่ 0.22%

สถานการณ์การจ้างงานจากข้อมูลเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 มีลูกจ้างที่มีรายจ้างในระบบประกันสังคม (มาตรา 33) จำนวน 11,454,211 คน อัตราการขยายตัว 8.04% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปี 2560 ที่มีจำนวน 10,601,371 คน หากพิจารณาอัตราการเปลี่ยนแปลงเดือนมิถุนายน 2561 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 พบว่าเดือนมิถุนายน 2561 อัตราการขยายตัวอยู่ที่ 8.04% เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งอยู่ที่ 7.8% สถานการณ์การจ้างงานขยายตัวมากกว่า 1% ถือว่าสถานการณ์การจ้างงานยังอยู่ในภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลอัตราการว่างงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ 1.1% สะท้อนให้เห็นว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2561 อยู่ที่ 1%

 ที่มา : https://www.sanook.com


แพทย์เผย…โรคไตตรวจพบเร็วรักษาได้ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ

 
แพทย์เผย…โรคไตตรวจพบเร็วรักษาได้ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ

ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน เป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายประมาณ100,000 คน ที่ต้องได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือล้างไตทางช่องท้อง และมีจำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 20,000 คนต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 15-20 ต่อปี หากไม่รีบแก้ไข คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มสะสมเป็นกว่า 2 แสนราย แพทย์จึงชี้แนะโรคไตตรวจพบเร็วสามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันโรคเบื้องต้นที่นำมาซึ่งโรคไต เช่น เบาหวาน ความดัน ควบคุมการกินอาหารรสเค็มหรือรสจัดมากเกินไป รวมถึงหลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเอที่ไม่ได้ผ่านการรับรองว่าปลอดภัยต่อไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานย

นพ.กำธร ลีลามะลิ หัวหน้าศูนย์ไตเทียม นายแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่า โรคไตโดยทั่วไปจะมี ประเภทคือแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง

1.โรคไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะการศูนย์เสียการทำงานอย่างรวดเร็ว เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะช็อครุนแรง การเสียเลือดในปริมาณมาก การได้รับสารพิษที่มีผลต่อไต เป็นต้น แต่หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไตก็สามารถกลับมาทำงานได้ภายใน 1 เดือน  

2. โรคไตแบบเรื้อรัง เป็นภาวะการทำลายไตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยจะไม่แสดงอาการในระยะแรกๆ ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยคือโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะอุดตัน และโรคไตอักเสบ โดยไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ซึ่งส่วนมากจะมาแสดงอาการในระยะท้ายๆ การวินิจฉัยโรคไตนั้น ัจจุบันวินิจฉัยจาก อาการและโรคประจำตัวของผู้ป่วย การตรวจจากห้องปฏิบัติการ ทั้งปัสสาวะและเลือด และการอัลตร้าซาวน์ไตว่าผิดปกติหรือไม่ หากพบว่าเป็นโรคไต แพทย์จะหาสาเหตุว่าเกิดจากสาเหตุใดเช่น จากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทางเดินปัวะอุดตัน หรือไตอักเสบ ถ้าทราบสาเหตุและได้รับการรักษาตั้งแต่ในระยะแรก โรคไตที่เป็นอยู่ก็มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าตรวจพบในระยะที่เป็นมากแล้วเช่น โรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 การรักษาให้หายขาดจะยาก แต่จะช่วยชะลอการเสื่อมของไต ลดโอกาสที่ผู้ป่วยต้องล้างไตได้  โดยการคุมน้ำและอาหาร หลีกเลี่ยงการกินยาที่มีผลทำให้ไตเสื่อม เช่น ยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูกบางชนิดรวมทั้งยาที่ไม่ได้มีการพิสูจน์หรือรับรองว่าปลอดภัยกับไต เช่นยาสมุนไพรต่างๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียนไว้ว่ามีความปลอดภัยต่อไตหรือไม่

6F6BF90C-2AD3-4675-BE46-50696DE3860F

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ในระยะที่ 5 ที่ต้องทำการรักษาโดยการฟอกเลือดผ่านเครื่องฟอกไตเทียมนั้น จะต้องมีการทำเส้นฟอกเลือด เพื่อใช้ในการนำเลือดออกจากร่างกายของผู้ป่วยไปยังเครื่องฟอกเลือดเพื่อกำจัดพิษต่างๆ และนำเลือดที่ฟอกสะอาดแล้วกลับคืนเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยผ่านทางเส้นฟอกเลือดนี้ ข้อเสียของการรักษาด้วยวิธีนี้คือเส้นฟอกเลือดอาจเกิดการตีบและอุดตันได้ ซึ่งทาง รพ.ราชวิถี มีแพทย์ผู้ชำนาญการสามารถแก้ไขเส้นฟอกเลือดที่ตีบหรืออุดตันให้สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องไปทำเส้นใหม่ หรือลดการใส่สายที่คอได้

การรักษาโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุด คือการปลูกถ่ายไต ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้คนไข้กลับมามีใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด และอยู่ได้ยาวนานที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกัการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรือการล้างไตทางช่องท้องเพียงแต่ปัจจุบันมีการบริจาคไตค่อนข้างน้อย ในอนาคตถ้ามีการบริจาคไตมากขึ้น คนไข้ที่ล้างไตอยู่ก็มีโอกาสที่ได้รับการปลูกถ่ายไตมากขึ้น แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยากดภูมิต้านทานไปตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้ร่างกายต่อต้านเนื้อไตของผู้บริจาค

ปัจจุบันโรคไตป้องกันได้ โดยหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ควบคุมโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงให้ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางตัวที่มีผลเสียต่อไต เช่น การใช้ยาแก้ปวด แก้อักเสบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน  หรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาสมุนไพรที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องได้มาตรฐาน แต่ถ้าเกิดโรคไตขึ้นแล้ว โรคไตหลายอย่างสามารถรักษาให้หายได้ ถ้าตรวจพบตั้งแต่ในระยะแรกๆ ซึ่งมักจะตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองโรคไตในการตรวจสุขภาพประจำปี

106D1102-EF84-4B54-8727-4474BCF5DDDC

โรงพยาบาลราชวิถี ได้รักษาผู้ป่วยโรคไตมากว่า 50 ปี มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษากว่า 12,000 คนต่อปี โดยปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่ทำการรักษาที่ศูนย์ไตเทียมโรงพยาบาลราชวิถีกว่า 1,500 คนต่อปี เนื่องจาก รพ.ราชวิถี มีพื้นที่ที่จำกัด ทำให้ผู้ป่วยโรคไตที่เข้ามารับการรักษาที่ รพ.ราชวิถี ต้องรอรับการรักษาเป็นเวลานาน และปัจจุบันเทคโนโลยี่สำหรับการวินิจฉัยและรักษาโรคไตมีการพัฒนาไปมาก ดังนั้นศูนย์โรคไตครบวงจร ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี แห่งใหม่จึงถูกออกแบบเพื่อตอบปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย หน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วยคือ (1)คลินิกโรคไต (Kidney Disease Clinic) ที่ทำการวินิจฉัย รักษาโรคไตให้หาย หรือ ชะลอความเสื่อมในกรณีที่รักษาไม่หายขาด (2) คลินิกล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis Clinic) สำหรับผู้ป่วยไตวาย  ที่ต้องรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้องซึ่งเป็นการรักษาด้วยตนเองที่บ้านเป็นหลัก จึงต้องมีทีมที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านและดูแลให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง (3) หน่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis Unit)ที่ทำการฟอกเลือดให้กับผู้ป่วยไตวายทั้งแบบวิกฤติ เฉียบพลัน และ แบบเรื้อรัง (4) คลินิกเส้นฟอกเลือด (Vascular Access Clinic) ที่ทำการเฝ้าติดตามประสิทธิภาพของเส้นฟอกเลือดและสายฟอกเลือด สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อดูแลรักษาเส้นฟอกเลือดให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานที่สุด และ (5)ศูนย์ปลูกถ่ายไต ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ก่อนปลูกถ่ายไต และดูแลต่อเนื่องหลังปลูกถ่ายไต ศูนย์โรคไตครบวงจรนี้ จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น ลดระยะเวลาการรอคอย และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ซึ่งหน่วยงานต่างๆที่กล่าวมานี้ ยังขาดแคลนอุปกรณ์ และต้องการรับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา นพ.กำธร กล่าวในท้ายสุด

ล่าสุดทางมูลนิธิ รพ.ราชวิถี จะจัดงานโครงการ เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี ขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ ทางด้านสาธารณสุขเพื่อประชาชนคนไทยมาอย่างยาวนาน

ผู้มีจิตศรัทธาสามารถ ร่วมปันน้ำใจสมทบทุนสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ โดยร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ต่างๆ    หรือร่วมทำบุญตามศรัทธา และร่วมฟังเทศน์มหาชาติ เวชสันดรชาดกทั้ง13 กัณฑ์ (1,000 พระคาถา) กับโครงการ เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี ถวายเป็นพระราชกุศลฯ” โดยร่วมบริจาคได้ที่ ศูนย์การแพทย์ราชวิถี ในมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี” ธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 051-2-69056-1หรือ สอบถามโทร 023547997-9 ต่อ101104 และ 109 หรือที่เว็บไซต์http://www.rajavithihospitalfoundation.org

ที่มา : http://bangkok-today.com

ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 3 สิงหาคม 2561

 

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,150.00 19,050.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,650.00 18,707.44 1,234.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,389.64 1,279.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,836.70 1,110.60
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,965.95 987.20
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,413.80 555.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,549.12 432.00

 

ราคาน้ำมันศุกร์ 3 สิงหาคม 2561

 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.65 29.65 30.25 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65
แก๊สโซฮอล์ 91 29.38 29.38 29.98 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38
แก๊สโซฮอล์ E20 26.74 26.74 27.14 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74
แก๊สโซฮอล์ E85 21.14 21.14 21.14 21.14
เบนซิน 95 36.76 37.21 37.26 36.96 36.86 36.96
ดีเซล 29.09 29.09 29.49 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09 29.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.09 32.96 33.36 32.96 32.96
แก๊ส NGV 14.29 14.29
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า