สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2561

“สมคิด” มัดตราสัง “เมกะโปรเจ็กต์” ปูโครงข่ายทั่วประเทศรอเลือกตั้ง

เข้าสู่โค้งสุดท้ายของรัฐบาล คสช. ก่อนจะปรับเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562

สปีดเมกะโปรเจ็กต์ 1.2 ล้านล้าน

สารพัดโครงการที่ยังค้างท่อ จึงถูกขุนพลเศรษฐกิจ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” กระทุ้งให้ตั้งไข่รอรัฐบาลใหม่มาสานต่อ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานรองรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เป็นไฮไลต์ของรัฐบาล คสช.จึงไม่แปลก “สมคิด” จะเพียรปรับสปีดโครงการลงทุนของกระทรวงคมนาคม มีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้าน ยังล่าช้าให้เดินหน้า ไม่เพียงเกาะติดโครงการยักษ์ที่นอนแช่ในแผนมานานนับปี

ล่าสุด นั่งหัวโต๊ะ “คจร.-คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก” เร่งอัดแผนงานโครงการในแผนแม่บททั้งส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และรถไฟฟ้าหัวเมืองใหญ่ รวม 9 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านบาท

เร่งต่อขยายสีชมพู-เหลือง

“ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ” ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุม คจร.มีมติเห็นชอบและรับทราบผลดำเนินการหลายโครงการ ที่ได้รับความเห็นชอบมี 4 โครงการ รวมมูลค่า 34,883 ล้านบาท มีส่วนต่อขยายโมโนเรล 2 เส้นทาง

สายสีชมพู ช่วงศรีรัช-เมืองทองธานี 3 กม. 3,379 ล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว-รัชโยธิน 2.6 กม. 3,779 ล้านบาท

“คจร.ให้บรรจุส่วนต่อขยาย 2 ช่วงในแผนแม่บทรถไฟฟ้าระยะที่ 2 และให้กิจการร่วมค้า BSR ประกอบด้วย บีทีเอส ซิโนไทย และราชบุรีโฮลดิ้งผู้รับสัมปทานเป็นผู้ลงทุน โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. เจรจารายละเอียดตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนต่อไป จะเปิดให้บริการพร้อมกับรถไฟฟ้าสายหลักในปี 2564”

ไฟเขียวรถไฟฟ้าภูมิภาค

คจร.ยังเห็นชอบแผนแม่บทรถไฟฟ้าภูมิภาคที่ จ.ขอนแก่น และพิษณุโลก โดย คจร.ให้ จ.ขอนแก่น เป็นผู้พัฒนาโครงการนำร่องสายสีแดง ช่วงสำราญ-ท่าพระ 22.8 กม. 26,963 ล้านบาท

ส่วน จ.พิษณุโลกมอบ รฟม.ออกแบบรายละเอียด มี 3 ระบบที่เหมาะสม คือ รถเมล์ รถเมล์เล็ก และรถรางล้อยาง ระยะที่ 1 เริ่ม 2563-2565 จำนวน 6 เส้นทาง 80.5 กม. 3,206 ล้านบาท และระยะที่ 2 เริ่ม 2572-2574 จำนวน 2 เส้นทาง 30.1 กม. 911 ล้านบาท นำร่องรถแทรมสายสีแดง ช่วงสถานีขนส่งผู้โดยสาร 2-หมู่บ้านพิษณุโลกเมืองใหม่ 12.6 กม. 762 ล้านบาท

เกาะติดรถไฟฟ้าภูเก็ต-เชียงใหม่

อีก 5 โครงการที่ คจร.รับทราบ มูลค่า รวม 322,927 ล้านบาท มีรถไฟฟ้ารางเบา จ.ภูเก็ต ช่วงบ้านท่านุ่น-ห้าแยกฉลอง 58 กม. 39,406 ล้านบาท รฟม.กำลังออกแบบระบบ tram และทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA)

ขณะที่รถไฟฟ้า จ.เชียงใหม่ ภายในเดือน ธ.ค.นี้ รฟม.จะจ้างที่ปรึกษาศึกษาการร่วมทุน PPP และรายงาน EIA มี 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.สายสีแดง ช่วงโรงพยาบาลนครพิงค์-แยกบิ๊กซีหางดง 12.54 กม. 28,726 ล้านบาท 2.สายสีน้ำเงิน ช่วงสวนสัตว์เชียงใหม่-แยกห้างพรอมเมนาดา 10.47 กม. 30,399 ล้านบาท และ 3.สายสีเขียวแยกรวมโชค-สนามบินเชียงใหม่ 11.92 กม. 36,195 ล้านบาท

ด้าน จ.นครราชสีมา อยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติ ครม.ให้ รฟม.เป็นผู้ดำเนินโครงการ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ 1.สายสีเขียว 11.17 กม. 8,400 ล้านบาท 2.สายสีส้ม 9.81 กม. 5,200 ล้านบาท และ 3.สายสีม่วง 7.14 กม. 4,800 ล้านบาท ยังมีส่วนต่อขยายอีก 3 เส้นทาง 14,200 ล้านบาท รวมมูลค่า 32,600 ล้านบาท

เร่งสรุปสายสีน้ำตาล-ทางด่วน

ในส่วนของรถไฟฟ้าสายใหม่ใน กทม.ได้รายงานความก้าวหน้าผลศึกษารถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี 22.1 กม. 112,505 ล้านบาท จะสร้างคู่กับทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 ระยะทาง 17.2 กม. 37,966 ล้านบาท รวมมูลค่า 150,471 ล้านบาท เชื่อมการเดินทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ โดยทางด่วนพร้อมที่จะก่อสร้างก่อนรถไฟฟ้า ที่ต้องรอออกแบบ

“สนข.กำลังเร่งสรุปพื้นที่สร้างเดโป้รวมถึงเจรจา ม.เกษตรศาสตร์ ใช้พื้นที่บางส่วนวางตอม่อ ซึ่งทางด่วนพร้อมที่จะสร้างก่อนรถไฟฟ้า เพราะนำเสาตอม่อเดิม 281 ต้น มาใช้เป็นฐานรากของโครงการได้ ผลศึกษาจะเสร็จ พ.ย.นี้ และเสนอให้ที่ประชุม คจร.ครั้งต่อไป”

ไฟเขียวทางเลียบเจ้าพระยา

ที่ประชุมยังรับทราบผลศึกษาโครงการทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา มอบ สนข. กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร (กทม.) หารือแนวทางการพัฒนา ตามการศึกษาที่ สนข.จัดทำไว้ครอบคลุมพื้นที่ กทม. ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ เริ่มช่วงสะพานนนทบุรี 1-สะพานพระราม 5 ก่อน

5 ธ.ค.เปิดหวูดแบริ่ง-ปากน้ำ

พร้อมกับแก้ปัญหาส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วง “แบริ่ง-สมุทรปราการ” เปิดบริการ 5 ธ.ค.นี้

โดย คจร.รับทราบแผนการรับโอนหนี้สินและทรัพย์สินส่วนต่อขยายทั้ง 2 ช่วงจากแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 111,175.20 ล้านบาท ระหว่าง กทม. และ รฟม. ซึ่งกลางเดือน พ.ย.นี้จะเสนอร่าง MOU ให้ ครม.อนุมัติ และวันที่ 1 ธ.ค.นี้ “กทม.-รฟม.” จะเซ็น MOU ร่วมกัน ส่วนการรับโอนจะเกิดขึ้นจริงในเดือน มี.ค. 2562

ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


เมินเสียงค้านคมนาคมลุย”เทอร์มินอล2สุวรรณภูมิ”ชง5 โปรเจ็กต์ยักษ์กว่า2แสนล้านเข้าครม.สัญจรเชียงราย-พะเยา

นายชัยวัฒน์​ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม​ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร)​ ที่จ.เชียงราย-พะเยา ระหว่างวันที่ 29-30 ต.ค. 2561 นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอ 5 โครงการสำคัญให้ ครม.พิจารณา รวมมูลค่า 206,201ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 2 เงินลงทุนรวม 114,047 ล้านบาท 2.โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา เงินลงทุนรวม 10,588 ล้านบาท 3.โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ ระยะทาง119 กม. เงินลงทุน 79,006 ล้านบาท 4.ศูนย์​การขนส่งชายแดน จ.นครพนม เงินลงทุน 1,200 ล้านบาท และ5. โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า เชียงของ จ.เชียงราย เงินลงทุน 1,360 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอได้ครบทุกโครงการ เพราะต้องผลักดันให้ได้ภายในเดือนต.ค.นี้ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายไว้

ส่วนการขอขยายกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน (เวนคืน) ในโครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่ – กาญจนบุรี เพิ่มเติมอีก 14,217 ล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขโดยกรมทางหลวง (ทล.) เพราะทล.ในฐานะเจ้าของโครงการต้องชี้แจงให้ได้ว่า ค่าเวนคืนที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากอะไร ยอมรับว่าตนหนักใจกับเรื่องนี้ เพราะทล.ก็ทำการบ้านอย่างหนักมาโดยตลอด แต่รัฐบาลคงไม่มีประเด็นอะไรสอบถามเพิ่ม เพียงแต่ต้องชี้แจงให้ได้เงินที่เพิ่มขึ้นมามีเหตุผลรองรับ ซึ่งกระทรวงก็พยายามเร่งให้ทล.เสนอ ครม. ให้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้

ขณะที่โครงการรถไฟรางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 8 เส้นทาง ยังไม่มีเสนอเข้าครม.อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (บอร์ดสภาพัฒน์) เช่นเดียวกับโครงการส่วนต่อขยายสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา , ตลิ่งชันศิริราช ระยะทางรวม 25.7 กม. เงินลงทุนรวม 19,042 ล้านบาท และสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ธรรมศาสตร์ ระยะทาง 8.9 กม. เงินลงทุน 7,596 ล้านบาท โดยหากทางสภาพัฒน์มีประเด็นสงสัยในเชิงเทคนิค ตนก็พร้อมไปชี้แจงด้วยตัวเอง

ส่วนที่มีการจัดเสวนาคัดค้านโครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสารแห่งที่2สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า4.2หมื่นล้านบาท ของหลายหน่วยงานตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ได้ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. เป็นผู้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ ถือว่าชี้แจงได้ครบทุกประเด็นแล้ว ส่วนกระทรวงฯก็ยังยืนยันที่จะผลักดันโครงการนี้ต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ซีคอน โฮม แนะ 10 ข้อ หลักการสร้างห้องสำหรับผู้สูงวัย

สำหรับผู้ที่กำลังคิดสร้างบ้านสักหลังโดยมีโจทย์ว่าจะต้องเป็นบ้านที่คุณพ่อ คุณแม่ที่มีอายุมาก หรือมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยนั้น การสร้างห้องน้ำเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างแรก เพราะส่วนใหญ่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้สูงวัยมักเกิดขึ้นในห้องน้ำมากกว่าห้องอื่นๆ เนื่องจากห้องน้ำนั้นทั้งลื่น และมีขนาดเล็ก ผู้สูงอายุใช้ไม่สะดวก และไม่ถนัด ดังนั้น ถ้าคิดจะสร้างบ้านทั้งทีให้แฮปปี้กับทุกฝ่าย ซีคอนโฮม แนะนำว่า ควรคำนึงถึงหลัก 10 ข้อในการทำห้องน้ำให้เหมาะกับผู้สูงอายุ ดังนี้

1. พื้นที่ภายในห้องน้ำควรกว้างอย่างน้อย 1.5 x 2 เมตร เพื่อให้รถเข็นหมุนกลับตัวได้สะดวก จะกว้างกว่านี้ก็ได้ แต่กว้างมากไปก็ไม่ดี เพราะผู้สูงอายุอาจต้องเดินนานขึ้น

2. ประตูห้องน้ำควรกว้างอย่างน้อย 90 ซม. เพื่อความสะดวกของผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็น

3.ประตูห้องน้ำควรเป็นบานเลื่อน หรือบานเปิดออก ถ้าเป็นประตูบานเปิดเข้า หากผู้สูงอายุล้มและนอนขวางอยู่บริเวณหน้าประตู ผู้ที่อยู่นอกห้องจะไม่สามารถเปิดเข้าไปช่วยเหลือได้เหมือนการใช้บานเลื่อน หรือบานเปิดออก และควรใช้มือจับประตูแบบก้านโยก เพื่อสะดวกในการเปิด-ปิด โดยไม่ต้องใช้แรงข้อมือในการบิดหมุนแบบประตูลูกบิดทั่วไป

4. พื้นห้องน้ำควรมีระดับเดียวกับห้องนอน เพื่อป้องกันการสะดุดล้ม โดยใช้ตะแกรงกันน้ำบริเวณหน้าประตู และกั้นระหว่างส่วนเปียก ส่วนแห้ง แทนการเปลี่ยนระดับ หรือใช้ขอบกันน้ำ

5. พื้นห้องน้ำควรใช้วัสดุประเภทที่มีผิวฝืด และมีค่าความฝืดที่เหมาะกับพื้นที่ส่วนเปียก และส่วนแห้ง มีการเปลี่ยนสี หรือลายที่แตกต่างสำหรับโซนเปียก โซนแห้ง เพื่อให้เห็นได้ชัด ป้องกันการลื่นล้ม หรือสะดุดล้ม

6. ติดตั้งราวจับเพื่อช่วยพยุงตัว ทรงตัว และป้องกันการล้ม ทั้งจุดที่มีการนั่ง ลุกยืน และเดินในห้องน้ำ

7. อุปกรณ์ในห้องน้ำควรเลือกแบบที่ใช้งานง่าย และสะดวก และควรมีที่นั่งอาบน้ำสำหรับผู้สูงอายุ ก๊อกน้ำอ่างล้างหน้า และวาล์วเปิดปิดน้ำ ใช้แบบก้านปัด เพื่อความสะดวกในการเปิดปิด เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าลบมุมมน ป้องกันอันตรายจากการชน หรือล้มกระแทก อ่างล้างหน้าควรเป็นแบบขอบโค้งเว้า เพื่อให้รถเข็นสามารถเข้าใช้งานได้สะดวก พนักแขนช่วยพยุงตัวบริเวณโถส้วมแบบพับเก็บได้ ไม่เกะกะ ทำความสะอาดพื้นได้สะดวก ฝักบัว/สายฉีดชำระ แบบปรับแรงดันได้ ที่ใส่กระดาษทิชชู ที่สามารถเปลี่ยนกระดาษทิชชูได้ง่าย

8. ควรคำนึงถึงระดับของอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องน้ำที่เหมาะสมกับการใช้งานของผู้สูงอายุ เช่น ระดับฝักบัว มีก้านปรับระดับ ราวแขวนผ้าระดับสำหรับการใช้งานบนรถเข็น เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้สูงอายุ เป็นต้น

9. ควรมีแสงสว่างเพียงพอ ลักษณะการใช้งานภายในห้องน้ำจำเป็นต้องหยิบจับของใช้จำเป็นต่างๆ ควรจัดให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ โดยเลือกใช้แสงสีขาวจะได้มุมมองที่ชัดเจนกว่าโทนแสงอื่นๆ

10. ติดตั้งสัญญาณฉุกเฉินในบริเวณที่สามารถใช้งานได้ง่าย เช่น บริเวณข้างสุขภัณฑ์ ให้คนภายนอกสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติ และเข้ามาช่วยได้ทัน

เพียงเท่านี้เราก็สบายใจหายห่วงได้เปลาะหนึ่งว่า คุณพ่อ คุณแม่ และผู้สูงอายุ จะได้รับความปลอดภัยในการใช้ห้องน้ำ ซึ่งหากทั้ง 10 ข้อที่กล่าวมามันมีรายละเอียดมากเกินไป ก็แค่มาปรึกษาสถาปนิก และวิศวกรของซีคอนโฮม แค่นี้ก็จบเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com


Social Bullying ปัญหาสังคม คล้ายจะตลก แต่ไม่ตลก

พิราภรณ์ วิทูรัตน์ : เรื่อง

ในสังคมไทยสิ่งหนึ่งที่เรามักกระทำจนเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัวก็คือ การพูดล้อเล่น ล้อเลียน หลายครั้งการพูดล้อเล่นในหมู่เพื่อนได้สร้างเสียงหัวเราะความสนุกสนานให้ทั้งฝ่ายล้อและฝ่ายถูกล้อ เพราะต่างรู้กันว่า สิ่งที่ผู้พูดพูดนั้นเป็นเพียงคำพูดหยิกแกมหยอก แต่ก็มีหลายครั้งเช่นเดียวกันที่คำพูดเหล่านั้นไม่ใช่แค่การล้อเล่นที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มรับ แต่เป็นการกลั่นแกล้งที่สร้างแผลให้กับฝ่ายที่ถูกล้อจนเกิดเป็นปมภายในใจ หรือที่เรียกว่า “bully”

หลายคนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะถูกล้อเลียนจากรูปร่างหน้าตาไปจนถึงเรื่องเพศ นานวันเข้าสิ่งเหล่านี้ขยายวงกว้างไปตามยุคสมัย กลายเป็นการล้อเล่น-ล้อเลียน กลั่นแกล้ง ทำร้ายกันผ่านโซเชียลมีเดีย หรือที่เรียกว่า ไซเบอร์ บูลลีอิง (cyber bullying) ซึ่งหลีกหนียากยิ่งกว่าการกลั่นแกล้งกันต่อหน้า เพราะการบูลลี่ต่อหน้า เมื่อหลบเลี่ยง หรือไม่ได้อยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่เจอหน้ากัน ก็จะไม่เกิดการบูลลี่ขึ้น อย่างเช่น ช่วงปิดเทอม เด็กอยู่บ้าน ไม่ได้เจอเพื่อนที่โรงเรียน การบูลลี่ก็ไม่เกิด แต่ในยุคปัจจุบันเมื่อมีโซเชียลมีเดียที่เชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก คนเราจึงสามารถกลั่นแกล้ง-โดนกลั่นแกล้ง ได้ทุกที่ ทุกเวลา

แม้จะไม่ใช่การสาดคำด่าทอกันซึ่งหน้า แต่เจ้าไซเบอร์ บูลลีอิง กลับสร้างหายนะให้กับผู้ถูกบูลลี่ได้มหาศาล อย่างกรณีข่าวมิ้ง-กัปตัน ในช่วงแรกนักแสดงหนุ่มถูกเข้าไปรุมด่าทอด้วยคำพูดรุนแรง (hate speech) หลายคนนำรูปของกัปตันไปตัดต่อล้อเลียนต่าง ๆ นานา จนเจ้าตัวต้องหายไปจากโซเชียลมีเดียระยะหนึ่ง แต่เมื่อความจริงปรากฏ เหล่าชาวเน็ตนักเลงคีย์บอร์ดก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่คำขอโทษให้กับนักแสดงหนุ่มแต่อย่างใด

บูลลี่เพราะขาด “เซลฟ์”

พฤติกรรมการกลั่นแกล้งหรือการบูลลี่ผู้อื่น มักเริ่มขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก โดยเกิดขึ้นที่โรงเรียนเป็นส่วนมาก ส่วนเหตุผล ที่มา สาเหตุของการบูลลี่ผู้อื่นเกิดจากอะไร ? ผศ.ดร.วิมลทิพย์ มุสิกพันธ์ นักวิชาการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายในงานเสวนาเกี่ยวกับการบูลลี่ ณ มิวเซียมสยาม ว่า เด็กที่มีพฤติกรรมชอบแกล้งคนอื่นมีอยู่หลายประเภท หลายคนรู้สึกว่าการแกล้งคนอื่นทำให้ตัวเองมีอำนาจเหนือกว่า หลายคนทำเพราะต้องการปกปิดความอ่อนแอภายในใจ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ทำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ และทำเพราะตัวเองขาด

สิ่งที่เด็กไทยขาด คือ เซลฟ์ (self) หรือความมั่นใจ เด็กที่มีนิสัยชอบบูลลี่คนอื่นถูกลดทอนเซลฟ์ไปจากสถาบันสำคัญสองแห่ง ได้แก่ สถาบันครอบครัว และสถาบันการศึกษา ครอบครัวคือสถาบัน

แรกสุดที่คอยอบรมและขัดเกลาเด็กคนหนึ่ง รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนมองข้าม อาจทำให้เซลฟ์ในตัวเด็กลดลงเรื่อย ๆ อย่างการกอด การอุ้ม หรือคำชมเชย ซึ่งเด็กบางคนไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้ ยกตัวอย่าง เด็กที่เรียนไม่เก่ง เมื่อผลการเรียนไม่ดี หากพ่อแม่พูดกับลูกว่า “ไม่เป็นไร เอาใหม่” เด็กจะรู้สึกรักตัวเอง มากกว่าการที่พ่อแม่ด่าทอ เพราะเขาจะจดจำคำพูดและรายละเอียดเหล่านี้เข้าสู่คลังในสมอง ฉะนั้น เด็กคนหนึ่งจะเป็นอย่างไร ครอบครัวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่ม-ลดเซลฟ์ของเด็ก

ส่วนสถาบันการศึกษาได้สลายเซลฟ์ของเด็กไปตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่รั้วโรงเรียน ด้วยระบบการศึกษาไทยที่วางอยู่บนพื้นฐานของความเหมือนกัน

โรงเรียนไทยมีความพยายามทำให้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย รวมเป็นหนึ่งเข้าสู่ศูนย์กลาง ทั้งวิธีการประเมินวัดผลเด็กด้วยบรรทัดฐานเดียวกัน ไปจนถึงการแต่งกายและทรงผม ซึ่งความจริงแล้ว พื้นที่บนเนื้อตัวร่างกายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล

เมื่อใดก็ตามที่เด็กออกจากบ้านด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ไม่ได้เลือกเอง สิ่งเหล่านี้จะค่อย ๆ กัดกร่อนความมั่นใจของเด็กไปเรื่อย ๆ นี่คือพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับการยอมรับ

“กระทั่งแผนการเรียนในโรงเรียนที่เข้าไปจำกัดขีดความสามารถของเด็ก หลายคนเก่งในเรื่องที่ไม่ใช่วิชาการ หลายคนเก่งในวิชาที่ไม่มีบรรจุเป็นแผนการเรียน ทำให้เด็กคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร การตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองจึงแทบไม่มี ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลไปถึงการสร้างความเคารพ (respect) ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ทั้งหมดล้วนผลักให้เด็กกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจ และไม่มีความเคารพต่อตนเอง รวมถึงต่อผู้อื่นด้วย”

แก้บูลลี่ได้ผลชะงัด แก้ที่ตัว “เหยื่อ”

แนวทางแก้ปัญหาการรังแก การกลั่นแกล้งกัน ในเบื้องต้น ผศ.ดร.วิมลทิพย์ได้เสนอโมเดลการแก้ปัญหาของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งประเทศที่ประสบปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน จนเกิดการฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง

ผศ.ดร.วิมลทิพย์ให้ข้อมูลว่า ญี่ปุ่นค้นพบวิธีการที่เรียกว่า “Victim is not a Victim” คือ ต้องทำให้เหยื่อหรือคนที่ถูกบูลลี่แข็งแกร่งพอที่จะผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้ และในวันข้างหน้าเมื่อโลกเปลี่ยนไป

ปัญหาไซเบอร์บูลลีอิงอาจจะหายไป และมีความรุนแรงอื่น ๆ เข้ามาแทนที่ แต่ถ้าคนแข็งแกร่งพอ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเข้ามา ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ซึ่งแนวทางนี้ใช้ได้ทั้งเก็บเด็กและวัยผู้ใหญ่ เพราะในวัยผู้ใหญ่ ในสังคมการทำงาน ก็มีการบูลลี่เช่นกัน

“เหยื่อหรือคนที่ถูกแกล้งต้องสร้างตัวเราให้แข็งแกร่งพอที่จะรับเรื่องพวกนี้ให้ได้ เมื่อโตขึ้นในวัยผู้ใหญ่ ที่ทำงานก็มีการกลั่นแกล้งเกิดขึ้นอีก ฉะนั้น สิ่งที่ต้องหันกลับมามองที่ตัวเราเอง โดยธรรมชาติเวลาเราแกล้งใครสักคน เราก็หวังจะให้คนที่ถูกแกล้งรู้สึกเจ็บปวด แต่ถ้าคนที่ถูกแกล้งไม่รู้สึกอะไร เขาก็จะเลิกแกล้งไปเอง ต่อไปข้างหน้าจะมีปัญหาอีกมากตามความซับซ้อนของโลก ถ้าคนแข็งแกร่งแล้ว เรื่องนี้ผ่านไปช่างมัน เรื่องใหม่มา ฉันอยู่ได้”

วิธีแก้เผ็ด-หักดิบคนชอบกลั่นแกล้ง

สำหรับการแก้นิสัย แก้พฤติกรรมของคนที่เป็นฝ่ายบูลลี่คนอื่น ผศ.ดร.วิมลทิพย์ยกตัวอย่างการแก้ปัญหาในประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นวิธีการที่อาจจะฟังดูรุนแรงไปหน่อย แต่จากสถิติแล้วได้ผลเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยในโรงเรียนที่เกาหลี หากมีเด็กที่มีนิสัยชอบกลั่นแกล้ง หรือด่าทอเหยียดหยามคนอื่น คณะครูจะใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “โรลเพลย์” คือ การวางแผนพร้อมกับเด็กในห้อง และผู้ปกครองของเด็กที่มีปัญหาว่า จะทำการแสดงท่าทีลักษณะเดียวกันกับที่เขาทำกับเพื่อนคนอื่น ผลปรากฏว่า เด็กที่ชอบบูลลี่คนอื่นสำนึกเมื่อโดนกับตัวเอง และบอกกับครูและเพื่อนว่า จะไม่ทำอีก

“วิธีการแบบนี้อาจจะไม่เหมาะกับสังคมไทยนัก ด้วยความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม และความเป็นสังคมอุดมดราม่าของบ้านเรา ไอเดียดังกล่าวจึงอาจจะเป็นดาบสองคมได้ เกาหลีเองก็ไม่ได้ใช้วิธีการนี้กับเด็กทุกคน เพราะต้องมีการพิจารณากันไปเป็นกรณีตามความหนักเบาของพฤติกรรม และอุปนิสัยของตัวเด็กเองด้วย”

ป้องกันนิสัยบูลลี่ผู้อื่น

ส่วนคนที่เป็นฝ่ายบูลลี่คนอื่น ถ้าตระหนักได้ว่าพฤติกรรมของตัวเองนั้นเป็นสิ่งไม่ดี อยากจะแก้ไข แต่ติดปัญหาว่า เคยชินกับพฤติกรรมนี้ จนบางครั้งทำไปโดยไม่รู้ตัว จะแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองอย่างไร รวมถึงคนที่ยังไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ แต่อยากจะป้องกันไม่ให้ตัวเองเกิดนิสัยนี้ หรือป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว

จะป้องกันอย่างไร อาจารย์บอกหลักการง่าย ๆ ว่า ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ลองคิดกลับกันว่า หากเราโดนคำพูดหรือการกระทำแย่ ๆอย่างที่เราทำกับคนอื่น เราจะรู้สึกอย่างไร คือ ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่ตัวเราไม่ชอบ ก็อย่าไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ฉัน เป็นหนี้!!! แต่เงินไม่มี แม้ไม่หนีก็…ไม่จ่าย

“อิณา ทานัง ทุกขัง โลเก”

การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก

หนี้สิน นับเป็น ปัญหาใหญ่ของใครหลายๆ คน อีกทั้งยังเป็นตัวถ่วงในชีวิตที่ทำให้คุณไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องทำงานหาเงินมาใช้หนี้ ว่ากันแล้ว หากคุณมีหนี้ ไปหยิบ ไปยืมเงินคนอื่นมาใช้ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องใช้คืนเขา 

แต่! หากไม่มีเงินใช้คืนล่ะ จะทำอย่างไร เกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งวันนี้ rabbit finance จะพา (เหล่าลูกหนี้) ทุกคน มาดูกันว่า หากไม่มีเงินใช้หนี้ ควรจะทำอย่างไร ?

 

สถานการณ์ ‘การเป็นหนี้’ ของคนไทย

ต้องยอมรับว่าประชาชน คนไทย ไม่น้อยเลยที่ เป็นหนี้ เป็นสิน ชนิดที่ว่าแทบจะทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้ นับว่านี้เป็นอีกหนึ่งปัญหาทางสังคมที่กำลังต้องการทางแก้ไข

ซึ่งรายงานข่าวจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ(สสช.) แจ้งว่า  ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ในปี 2560 พบว่า ครัวเรือนไทยมีรายได้เฉลี่ย 26,946 บาท/เดือน  ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 21,437 บาท/เดือน ขณะที่มีครัวเรือนร้อยละ 50.7 มีหนี้สิน เฉลี่ย 178,994 บาท/ครัวเรือน (ข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ)

และจากสถานการณ์ในปี 60 นี้เองคาดได้ว่าในปี 61 การเป็นหนี้ของคนไทยอาจจะสูงขึ้น ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นภายในประเทศ จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ต่อไปในอนาคต หากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น อาจจะส่งผลกระทบให้คนไทยมีปัญหาในการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้กันมากขึ้น

เป็นหนี้

กฎหมายการใช้หนี้

แน่นอนว่าการเป็นหนี้ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนไม่ว่าจะเป็นหนี้เพื่อน หนี้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้ใดๆ ก็ตาม ซึ่งหากว่ากันตามกฎหมายแล้ว ถ้าคุณไม่มีเงินที่จะจ่ายคืน หรือไม่จ่ายเงินแก่เจ้าหนี้ อาจต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายได้หลายกรณีเลยล่ะ

  • ถูกฟ้องล้มละลาย

การถูกฟ้องล้มละลาย หรือ บุคคลล้มละลาย เกิดจากการที่มีหนี้สินมากเกิน 1 ล้านบาทหรือเข้าข่ายว่า มีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่สามารถชำระคืนเจ้าหนี้ได้ จึงส่งผลให้ถูกฟ้องล้มละลาย ซึ่งหลังจากถูกฟ้องล้มละลายจะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้ทั้งสิ้น ตลอดจนธุรกรรมทางการเงินด้วย

  • ยึดทรัพย์

เมื่อเกิดคดีความ แล้วเจ้าหนี้ชนะคดี แต่ลูกหนี้ไม่มีเงินมาคืนเจ้าหนี้ภายในระยะเวลา 30 วัน ศาลจะทำการแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อเป็นตัวกลาง ออกหมายยึดทรัพย์ลูกหนี้ เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์ เพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาให้เจ้าหนี้

  • อายัดทรัพย์

การอายัดทรัพย์มีลักษณะคล้ายกับการยึดทรัพย์ แต่การอายัดทรัพย์จะเกิดขึ้นในกรณีที่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินให้ยึด ซึ่งเจ้าหนี้จะต้องไปสืบมาว่าลูกหนี้ทำงานอะไร ที่ไหน เงินเดือนและโบนัสเป็นอย่างไร เพื่อทำการอายัด

ดังนั้น หากคุณไม่อยากถูกข้อกฎหมายต่างๆ ที่ว่านี้ลงโทษ เพื่อบีบบังคับในการใช้หนี้ ก็ควรชำระหนี้สินที่มีให้ครบ จะได้ไม่มีปัญหาวุ่นวายนี้ตามมา

เป็นหนี้

ไม่มีเงินใช้หนี้ ทำอย่างไร

เอาล่ะ หากคุณกำลังเครียดเพราะไม่มีเงินใช้หนี้อยู่ตอนนี้ เรามาดูกันว่า ในเบื้องต้นจะต้องจัดการยังไง

  • แบ่งหนี้เป็นระบบ

การจัดสรรหนี้ให้เป็นระบบ เป็นเรื่องที่ลูกหนี้ทั้งหลายควรรู้ และควรทำ เพราะหากคุณมีหนี้สินหลายอย่าง ควรจัดการเป็นอย่างๆ ไป เลือกเคลียร์หนี้ก้อนใหญ่ไปก่อน โดยเฉพาะหากเป็นหนี้บัตรเครดิต ก็ควรจ่ายหนี้แบบเต็มวงเงิน แต่ก็ควรจะเหลือเงินไว้ใช้จ่ายประจำเดือนด้วยนะคะ

  • รู้ทันการเงิน

รู้ทันการเงินในที่นี้ หมายถึง การรู้เงินค่าใช่จ่าย และเงินรายรับในแต่ละเดือน หากคุณไม่มั่นใจ ควรมีการจดบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้รู้ถึงสถานการณ์ทางการเงินที่แน่นอน อะไรที่ฟุ่มเฟือยก็จะได้ตัดทิ้ง เพื่อให้มีเงินเหลือใช้มากขึ้น

เป็นหนี้

  • รีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์  เพื่อยืดหนี้ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีสำหรับลูกหนี้ที่ไม่มีเงินใช้ เพื่อให้ลูกหนี้อย่างคุณได้มีเวลาที่จะหาเงินเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งควรรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงิน ที่มี ดอกเบี้ยต่ำ แต่อย่างไรก็ดี คุณต้องทำใจนะคะ เพราะการรีไฟแนนซ์จะทำให้คุณเป็นหนี้นานมากขึ้น

  • พึ่งกองทุน

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จำเป็นต้องหาเงินมาใช้หนี้อย่างเร่งด่วน คุณอาจต้องพึ่งพากองทุนดอกเบี้ยต่ำแล้วล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสวัสดิภาพพนักงาน สหกรณ์บริษัท เพื่อเป็นการตัดปัญหาหนี้ดอกเบี้ยสูงที่เพิ่มขึ้นทุกวันไป

  • เปลี่ยนตัวเอง

สุดท้าย การเปลี่ยนตัวเอง ไม่สร้างหนี้เพิ่ม ตั้งใจหาเงินใช้หนี้แบบจริงจัง ไม่เอาเงินจากที่หนึ่งไปใช้ที่หนึ่งวนกันไปเรื่อยๆ อีกทั้งต้อง เปลี่ยนวิธีการใช้เงิน วิธีการใช้จ่าย เพื่อที่จะได้ไม่เกิดหนี้อื่นๆ ตามมา

ทุกวันนี้ แม้จะมีคนเป็นหนี้อยู่มาก แต่ก็มีลูกหนี้จำนวนมากเช่นกันที่สามารถหาเงินมาชดใช้ และใช้หนี้จนหมดหากคุณอยากเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีหนี้ วันนี้จงพยายามให้หนัก เพื่อกำจัดหนี้ กำจัดตัวถ่วงชีวิตนี้ออกไป

เป็นหนี้

การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ

ไม่ใช่แค่การมีสุขภาพดีเท่านั้น ที่เป็นลาภอันประเสริฐ เพราะการไม่มีหนี้ ก็ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐเช่นกัน ต้องยอมรับว่าการเป็นหนี้ ส่วนใหญ่แล้ว เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของทุกคนเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะ

  • สภาพการใช้จ่าย
  • ความอยากได้อยากมี
  • ค่านิยมทางสังคม
  • ความจำเป็นทางการเงิน
  • ความเครียด ยิ่งเครียดยิ่งใช้เงิน

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงิน หรือปัญหาหนี้สินที่ว่านี้ แล้วส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของคุณ ควรมีการจัดสรรการเงินให้รอบคอบ เพื่อเป็นการหยุดปัญหา หยุดการเป็นหนี้ และวงวารการเป็นหนี้ของคุณเองทั้งหมด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก rabbitfinance.com


ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,350.00 19,250.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,850.00 18,904.52 1,247.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,586.72 1,292.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 17,014.07 1,122.30
ทองรูปพรรณ 80% n/a 15,123.62 997.60
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,504.76 561.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,609.76 436.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 30 ตุลาคม 2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85 29.85
แก๊สโซฮอล์ 91 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58 29.58
แก๊สโซฮอล์ E20 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84 26.84
แก๊สโซฮอล์ E85 21.14 21.14 21.14 21.14
เบนซิน 95 36.96 37.41 37.46 37.26 37.06 37.26
ดีเซล 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89 29.89
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 33.76 33.76 33.76 33.76
แก๊ส NGV 15.73 15.73
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า