ฝุ่นตลบโค้งท้ายปี เทกระจาดคอนโด รับมาตรการกระตุ้น
บิ๊กเนม เร่งระบายสต๊อกบ้าน-คอนโดฯ รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯลดค่าโอน-จำนอง หลัง แอลทีวีฉุดยอด ขายติดลบ มั่นใจ ช่วยยืดลมหายใจโค้งท้ายปี แข่งขันงัดแคมเปญฝุ่นตลบ
คณะรัฐมนตรี(ครม.) ผ่านความเห็นชอบ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ จาก 2% เหลือ 0.01% และจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% หลังตลาดหดตัวอย่างหนัก นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศใช้มาตรการแอลทีวี (กำหนดอัตราสินเชื่อต่อมูลค่าที่อยู่อาศัย) ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯใน กรุงเทพมหานคร-ปริมณฑลช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ก.ย.) ยอดขายติดลบแล้ว 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ส่วนไตรมาส 3 เพียงไตรมาสเดียวติดลบถึง 35% โดยสรุป คาดการณ์ตลอดทั้งปี 2562 ตลาดจะหดตัว 15-20% มองว่ามาตรการของกระทรวงการคลังออกมา แค่ผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงให้ลดลง แต่คงไม่มีประโยชน์มากนัก
ขณะมุมสะท้อนบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุว่า มาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง ช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันมาตรการนี้ยังช่วยการตัดสินใจของกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริงหรือเรียลดีมานด์และที่สำคัญช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สร้างเสร็จพร้อมโอนอีกทั้งที่อยู่อาศัยเซ็กเมนต์ดังกล่าว ยังเป็นเซ็กเมนต์หลักของ ออลล์ อินสไปร์
ดังนั้นจึงเชื่อว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีจะทำให้กลุ่มธุรกิจมีสีสันมากขึ้น ทั้งยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่สรรพากรได้ประกาศลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียมสูงสุด 2 แสนบาท สำหรับโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อหน่วย โดยต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2562 “มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มผู้ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริงได้ ซึ่งการปรับลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจด จำนอง เหลือ 0.01% จะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเอง ก็จะต้องมีการจัดโปรโมชันต่างๆ ให้สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้เร็วขึ้น ในขณะที่ ผู้ประกอบการที่มีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในมือ จะได้เปรียบจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะต้องมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที หลังตัดสินใจซื้อ จึงจะได้รับสิทธิ์จากมาตรการดังกล่าว” นายธนากร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวสรุปทิ้งท้ายโดยภาพรวมว่า มาตรการปรับลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ถือเป็นข่าวดีของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้าย และจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดอสังหา ริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2562 กลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะเดียว กันจะช่วยผลักดันผลประกอบการของ ALL ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย และจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ด้วยเช่นกัน และจะผลักดันให้ผลประกอบการในปี 2562 เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยเป้าหมายรายได้รวมในปี 2562 ตั้งเป้าเติบโตมากกว่าเท่าตัวจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,342.97 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1,691.94 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรก เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทเตรียมประกาศงบ 9 เดือนแรกเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีความพยายามรักษาอัตราส่วนกำไรขั้นต้น ให้อยู่ในระดับ 36-37%
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอนรวมมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3- 4 ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2563- 2565) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้ดังกล่าว นอก จากนี้ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทยังมีแผนการเปิดขายโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแผนการเตรียมเปิดโครงการดังกล่าว จะช่วยหนุนยอดขาย ในปี 2562 ให้มีโอกาสเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ช่วงต้นปีที่ระดับ 7,000 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทุนสิงคโปร์บุกไทยสวนอสังหาฯขาลง
กลุ่มกรีนฟิลด์ ผู้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วทุกทวีปในโลก ทั้งในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป มีบริษัทแม่อยู่ประเทศสิงคโปร์ เริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2553 โดยในช่วง 5 ปีแรกเข้าลงทุนธุรกิจบริการประเภทโรงแรม, เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ ต่อมาทำการศึกษาวิจัยหลายธุรกิจ แล้วจึงได้ขยายภาคการลงทุนสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาธุรกิจนี้จะอยู่ในภาวะชะลอตัว
ทั้งนี้ นายดีภัค มิชรา ผู้ก่อตั้ง บริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด มั่นใจว่ายังเป็นธุรกิจที่มีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเติบโตได้ในอนาคต นอกจากนั้นที่สำคัญยังเชื่อมั่นในศักยภาพ และเสถียรภาพของเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีความมั่นคงตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ในภูมิภาคเอเชีย โดยได้วางแผนงานพัฒนาโครงการไว้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
ด้านนายสมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ ผู้อำนวยการ บริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวถึงความเป็นมาของการจับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจกับกลุ่มกรีนฟิลด์ฯ เพื่อก่อตั้งบริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์สฯ ว่าเริ่มจากการชักชวนโดยเข้ามาซื้อกิจการโรงแรมและคอนโดมิเนียมแอสพีร่าที่สมุยเป็นแห่งแรก จากนั้นซื้อที่ดินเปล่า ที่ป่าตอง ภูเก็ต และตามมาด้วยโรงแรม แกรนด์ สวิส สุขุมวิท 11 เป็นต้น จนถึงปัจจุบันฟัลครัม เวนเจอร์สฯ มีสินทรัพย์ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม, เซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ และที่ดินเปล่าหลายแห่ง ตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 2 โครงการ ซึ่งจากนี้ไปจนถึงกลางปีหน้ามีแผนพัฒนาโครงการคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยยังคงเน้นโครงการประเภทแนวราบหรือบ้านเดี่ยวเป็นหลัก และมีแผนที่จะเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 5 ปีอีกด้วย
ทั้งนี้ ล่าสุดเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยว “พานารา เทพารักษ์” เป็นโครงการแรก ภายใต้แบรนด์ฟัลครัม เวนเจอร์ส บนทำเลทองประมาณ 30 ไร่ติดถนนใหญ่ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี สมุทรปราการ ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 7-15 ล้านบาท โดยมีทั้งหมด 129 หลัง มูลค่าโครงการประมาณ 1,250 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
JWD ชิงเค้กธุรกิจใหม่ ‘ตู้นิรภัยให้เช่า’
ต่อยอดบริการ ‘ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า’ ในที่เดียวรายแรกในไทย เจาะลูกค้าธุรกิจและรายย่อย
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า หลังจากปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการ Self-Storage หรือห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้ชื่อ JWD Store It! สาขาสยาม อาคาร JWD Group ซอยจุฬาฯ 16 เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่เก็บของส่วนตัวภายในเมืองและได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ปัจจุบัน บริษัทฯ พบว่ามีกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจและบุคคลทั่วไป ต้องการเช่าพื้นที่ Safe Deposit Box หรือตู้นิรภัยให้เช่า เพื่อเก็บของมีค่าในพื้นที่ที่มีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูงเพิ่มเติมด้วย
ดังนั้น ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงเริ่มเปิดให้บริการตู้นิรภัยให้เช่า ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณชั้น 5 ของ JWD Store it! สาขาสยาม ซึ่งเป็นอาคารแบบสแตนอโลนสามารถเข้า-ออกได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อขยายบริการใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเก็บของใช้ส่วนตัวหรือต้องการเก็บของมีค่าในที่เดียว
สำหรับตู้นิรภัยให้เช่าสาขาสยาม ปัจจุบันเปิดให้บริการในเฟส 1 มีจำนวน 540 ช่อง จากแผนพัฒนาทั้งหมด 4 เฟส รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,000 ช่อง โดยมีตู้นิรภัยให้เลือกอย่างหลากหลายถึง 4 ขนาด คือ S M L และ XL มีระยะเวลาเช่า 2 รูปแบบ ได้แก่ เช่าระยะสั้น 3 เดือน และเช่าระยะยาว 1 ปี จุดเด่นบริการตู้นิรภัยให้เช่าของ JWD คือมีการออกแบบก่อสร้างตามมาตรฐาน International Standard Vault Class A โดยมีโครงสร้างเป็นผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก ติดตั้งประตูกันไฟ และระบบป้องกันอัคคีภัย และระยะเวลาในเปิดทำการมีความยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกในการเข้า-ออก ระบบสแกนลายนิ้วมือและใบหน้า โดยลูกค้าสามารถซื้อประกันภัยทรัพย์สินเพิ่มเติมได้สูงสุด 5 ล้านบาทจากความคุ้มครองปกติวง เงิน 100,000 บาท ซึ่งเป็นที่เดียวที่มอบประภัยความคุ้มครองขั้นต่ำแก่ผู้ใช้บริการ
บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าเฟสแรกที่เปิดให้บริการคาดว่าพื้นที่จะเต็มภายใน 3 ปี ปัจจุบันเริ่มมีลูกค้ารายย่อยเข้าใช้บริการและอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าธุรกิจที่เป็นผู้ประกอบการที่สนใจเช่าพื้นที่ ข้อดีของธุรกิจตู้นิรภัยให้เช่าคือมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่าค่อนข้างมาก นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจตู้นิรภัยให้เช่าเพิ่มเติมในทำเลที่มีศักยภาพ
ขณะที่การดำเนินธุรกิจ Self-Storage หรือห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า ภายใต้ชื่อ JWD Store It! มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวเป็นผู้นำธุรกิจนี้ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา ถือว่ามีอัตราเช่าพื้นที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ได้แก่ สาขาศรีกรีฑา (ถนนกรุงเทพกรีฑา) เปิดให้บริการปี 2557 มีอัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 90% และสาขาสยาม เปิดให้บริการปี 2561 มีอัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 50%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดให้บริการ JWD Store It! เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาภายในปีนี้ ได้แก่ สาขาเทียมร่วมมิตร มีพื้นที่ให้เช่ารวม 2,000 ตารางเมตร และสาขารามอินทรา มีพื้นที่ให้เช่ารวม 1,800 ตารางเมตร ซึ่งล้วนเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อขยายพื้นที่บริการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ถ้ารวมทั้ง 4 ทำเลที่อัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 90% จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อปี รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเช่าพื้นที่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อขยายสาขาเพิ่มเติมโดยมีเป้าหมายภายในปี 2563 จะมีพื้นที่ให้บริการ Self-Storage รวมทั้งหมด 2 หมื่นตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีจำนวนสาขาและพื้นที่ให้บริการมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
สัญญาณเตือนของโรคอัมพฤกษ์ – อัมพาต
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช แนะประชาชนสังเกตุตนเองและคนรอบข้าง หากพบแขน ขาอ่อนแรง สับสน พูดลำบาก มองเห็นลดลง ให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วนภายใน 4.30 ชั่วโมง เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอัมพฤกษ์ – อัมพาต
พญ.ศิริลักษณ์ ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เผยว่า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโลก มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5.5. ล้านคน ป่วยจำนวน 80 ล้านคน และยังพบผู้ป่วยรายใหม่ถึง 13.7 ล้านคนต่อปี โดย 1 ใน 4 เป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และร้อยละ 60 เสียชีวิตก่อนวัยอันควร สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย พบว่าโรคหลอดเลือดสมองยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี จากรายงานภาระโรคและการบาดเจ็บของประชาชนไทย พ.ศ.2557 พบว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิต อันดับ 1 ทั้งในประชากรเพศชายและเพศหญิง จำนวน 30,403 คน และ 31,045 คน
พญ.ศิริลักษณ์ กล่าวเพิ่ม องค์การอัมพาตโลก (World Stroke Organization) ได้กำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันอัมพาตโลก (Wold Stroke Organization : WSO) ซึ่งองค์การอนามัยโลก ได้กำหนดประเด็นสารวันอัมพาตโลกคือ Don’t Be the One” และกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดคำขวัญรณรงค์วันอัมพาตโลกคือ “อย่าให้อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ” เพื่อให้เกิดความตระหนักในการป้องกันและการจัดการปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในระดับบุคคล หากประชาชนรู้จักดูแลตนเอง และหมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอสามารถป้องกันและลดความรุนแรงได้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดโรค ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะหัวใจ ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ บริโภคอาหารไม่เหมาะสม ภาวะอ้วน ดังนั้นการบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลี่ยงอาหารประเภทหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คุมน้ำหนัก งด/ลดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอทุกปี จะช่วยป้องกันโรคดังกล่าวได้ และขอให้สังเกตตนเองและคนรอบข้าง หากมีอาการหน้าชา ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขน ขา ข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง เคลื่อนไหวลำบากอย่างทันทีทันใด ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมง เพราะการรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงของความพิการ และรักษาชีวิตของผู้ป่วยไว้ได้ หากมีอาการดังกล่าว สามารถโทร.สายด่วน 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ
ขอบคุณข้อมุลจาก thaihealth.or.th
รอย คีน บอกฟูลแบ็ค สเปอร์ส เล่นสุดเลวร้าย จนตนมองเป็นคู่หูสุดทึ่ม ดัมบ์ แอนด์ ดัมเบอร์
รอย คีน ตำนานกัปตัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิจารณ์ฟูลแบ็ค ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เล่นกันได้เลวร้ายในเกมกับ ลิเวอร์พูล จนตนต้องนำไปเทียบกับคู่หูสุดทึ่มในภาพยนตร์ ดัมบ์ แอนด์ ดัมเบอร์
เกมดังกล่าว สเปอร์ส ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสล่อเป้าเยอะมาก แต่ยังดีที่ได้ผู้รักษาประตู เปาโล กัซซานิก้า เซฟช่วยเอาไว้ได้ถึง 12 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในการป้องกันประตูต่อ 1 เกมใน พรีเมียร์ ลีก นับตั้งแต่ที่ ดาบิด เด เคอา ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ในเกมกับ อาร์เซน่อล เมื่อเดือนธันวาคม 2017 ที่จำนวน 14 ครั้ง
หลังจบเกม คีน ได้วิจารณ์ถึง แซร์จ ออริเยร์ และ แดนนี่ โรส ของทีมไก่เดือยทองว่า “ฟูลแบ็ค 2 ข้างของ สเปอร์ส เล่นกันได้เลวร้ายมาก ผมเรียกพวกเขาเลยว่า ‘ดัมบ์ แอนด์ ดัมเบอร์’ ผมคิดว่าทั้งคู่เล่นได้แย่สุดๆ”
“คุณไม่สามารถนำพวกเขาไปเทียบกับของ ลิเวอร์พูล ได้เลย ทั้งคู่เล่นกันได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเติมเกมรุก ในการเล่นเกมรับนั้นมันก็เป็นส่วนหนึ่งของเกม พวกเขาสามารถพัฒนาได้ แต่การเติมเกมรุกของพวกเขามันสุดยอดเหลือเกิน”
สำหรับ สเปอร์ส ปัจจุบันอยู่อันดับที่ 11 ของตารางคะแนน พรีเมียร์ ลีก หลังเก็บได้เพียงแค่ 12 แต้ม จากการลงสนาม 10 เกม ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก
เกร็ดน่ารู้
ดัมบ์ แอนด์ ดัมเบอร์ คือภาพยนตร์ตลกอเมริกันที่ฉายเมื่อปี 1994 นำแสดงโดย จิม แคร์รี่ย์ และ เจฟฟ์ แดเนียลส์ ถือเป็นหนังระดับตำนานเรื่องหนึ่งที่ผู้คนยังจดจำมาจนถึงทุกวันนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sport.mthai.com
รู้ยัง! เรียก Grab ผ่าน Booking.com ได้แล้ว
Booking.com ประกาศร่วมมือกับ Grab เปิดผู้ใช้แอพฯ สามารถถึงกลุ่มคนขับที่ใหญ่ที่สุดได้ใน 8 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขจัดอุปสรรคภาษาและสกุลเงิน สาเหตุใหญ่ที่นักเดินทางตัดสินใจไม่ใช้การเดินทางจากผู้ให้บริการในท้องถิ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.62) Booking.com ประกาศร่วมมือกับ Grab เปิดตัวบริการเรียกรถออนดีมานด์ (On-demand) ทำให้ผู้ใช้แอพพลิเคชัน Booking.com สามารถเข้าถึงกลุ่มคนขับที่ใหญ่ที่สุดได้ใน 8 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปิดตัวบริการเรียกรถครั้งนี้จะช่วยเชื่อมโยงผู้เดินทาง ระหว่างประเทศที่มาเยือนกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ให้เข้าถึงบริการเดินทางออนดีมานด์ในท้องถิ่นผ่านแอพพลิเคชัน Grab ซึ่งเป็นที่รู้จักและไว้วางใจในตลาดอยู่แล้ว เพื่อช่วยขจัดอุปสรรคด้านภาษาและสกุลเงินซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้มาเยือนจำนวนมาก ตัดสินใจไม่ใช้การเดินทางจากผู้ให้บริการในท้องถิ่น
สำหรับ Grab นั้นนอกจากจะเป็นผู้นำในภูมิภาค ด้านบริการเรียกรถแล้ว ก็ยังเป็นผู้สร้าง Super App สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน ส่วน Booking.com ซึ่งเข้าใจผู้เดินทางและความต้องการของคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี และเป็นส่วนประกอบสำคัญในการตัดสินใจออกสำรวจโลกกว้างของเหล่านักเดินทางจำนวนมาก ที่มาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาแล้วเป็นเวลาอย่างยาวนาน การริเริ่มครั้งนี้ผสานจุดแข็งของผู้นำในตลาดเทคโนโลยีด้านการเดินทางทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Grab ร่วมงานกับแบรนด์ตะวันตกด้านการเดินทางออนไลน์ระดับโลก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ทั้ง Booking.com และ Grab ต่างขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยลูกค้าด้านการเดินทางผ่านเทคโนโลยี ด้วยนวัตกรรมที่ให้ความสำคัญกับการใช้อุปกรณ์พกพาเป็นอันดับแรก และเนื่องจากทุกปีมีผู้เดินทางมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 130 ล้านคน การร่วมมือระหว่าง Booking.com และ Grab จะมอบตัวช่วยที่ผู้เดินทางต้องการ เพื่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อในแบบฉบับคนท้องถิ่น โดยเชื่อมโยงกับคนขับ Grab นับล้าน ผู้เดินทางจากต่างประเทศจะได้สิทธิ์ในการเข้าถึงตัวเลือกการเดินทางในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งปลอดภัย ราคาเหมาะสม และแสนสบายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และชำระแบบไม่ต้องใช้เงินสดผ่านแอพพลิเคชันในสกุลเงินของผู้ใช้ ปลอดภัยและขจัดความกังวล ไม่ต้องเสียเวลาต่อรองราคา ขจัดอุปสรรคด้านภาษาและการแปลงสกุลเงิน นอกจากนี้ยังมีบริการช่วยเหลือด้านภาษาของผู้ใช้งาน มีฟังก์ชันใช้งานครบครันในที่เดียว ทั้งบริการด้านที่พักและการเดินทาง รวดเร็วและวางใจได้ และปลอดภัย
ผู้ใช้แอพพลิเคชัน Booking.com จะสามารถเข้าถึงบริการ Grab ในสิงคโปร์ได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วนในอินโดนีเซียและไทยจะเปิดให้บริการในสิ้นปี และสำหรับกัมพูชา มาเลเซีย เมียนมาร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์จะเริ่มบริการในต้นปี 2563
โดยร้อยละ 70 ของการใช้บริการเรียกรถจากทั่วโลกนั้นเกิดขึ้นในเอเชีย และสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งชื่นชอบเทคโนโลยีบนอุปกรณ์พกพานั้น เรียกได้ว่าเป็นสมรภูมิอันท้าทายของบริการเรียกรถอย่างเห็นได้ชัด โดยภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่มีเครือข่าย WiFi อยู่แทบทุกแห่ง และคาดการณ์ว่าจะมีการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 3 เท่าก่อนเข้าปี 2564
ไบรอัน บาทิสต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายดูแลด้านการเดินทางของ Booking.com กล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเพราะผู้คนค้นพบวิธีใหม่ ๆ ในการสำรวจส่วนต่าง ๆ ของโลก เช่นเดียวกับ Grab เราดีใจที่ได้ผลักดันขีดจำกัด อีกทั้งรวมจุดแข็งเฉพาะทางเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มมูลค่า อีกทั้งมอบสิทธิประโยชน์แท้จริงที่จับต้องได้ให้แก่นักเดินทาง “ภารกิจของเรานั้นทั้งเรียบง่ายและมุ่งมั่น นั่นคือเรากำลังช่วยให้ทุกคนออกไปสำรวจโลกกว้างได้ง่ายขึ้น เรามองการณ์ไกลด้วยการทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เมื่อเรามอบเทคโนโลยที่ไม่ซับซ้อนให้ลูกค้า ก็เท่ากับว่าเราได้มอบอิสระที่จะสำรวจ ด้วยตัวเลือกมากขึ้นและสิ่งที่เหมาะกับแต่ละบุคคลยิ่งกว่าที่เคยมีมา”
การผสานบริการเรียกรถของ Grab เข้าแอพพลิเคชัน Booking.com เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือครั้งใหญ่ทางกลยุทธ์ระหว่าง Booking Holdings กับ Grab โดย Booking Holdings เป็นผู้ลงทุนใน Grab และ Grab ได้เสนอบริการที่พักโดยตรงผ่านแอพพลิเคชัน (ร่วมมือกับ Agoda และ Booking.com)
ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรให้ครอบคลุมทุกสิ่งเกี่ยวกับการเดินทางของ Booking.com ด้วยการเชื่อมโยงทุกจุดในทริปไว้ด้วยกัน กล่าวคือ Booking.com ตั้งใจที่จะมอบตัวช่วยเดียวให้ผู้เดินทางสามารถ จอง จ่าย และจัดการทุกด้านของทริปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นที่พัก การเดินทาง ไปจนถึงประสบการณ์และสิ่งที่น่าสนใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,250.00 | 21,350.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,376.00 | 20,860.16 | 21,850.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 1,238.40 | 18,774.14 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 1,100.80 | 16,688.13 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 619.00 | 9,384.04 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 482.00 | 7,307.12 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,426.00 | 21,618.16 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/10/2562
 ปตท. |
 บางจาก |
 เชลล์ |
 เอสโซ่ |
 คาลเท็กซ์ |
 ไออาร์พีซี |
 พีที |
 ซัสโก้ |
 เพียว |
 ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 | 26.55 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 | 26.28 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.54 | 23.54 | 23.54 | 23.54 | 23.54 | – | 23.54 | 23.54 | 23.54 | 23.54 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.49 | 19.49 | – | – | – | – | – | 19.49 | – | – |
| เบนซิน 95 | 33.96 | – | – | – | 34.41 | – | 34.46 | 34.26 | – | 34.26 |
| ดีเซล | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 |
| ดีเซล B10 | 23.39 | 23.39 | 23.39 | – | – | – | – | – | – | – |
| ดีเซล B20 | 22.39 | 22.39 | 22.39 | 22.39 | 22.39 | – | 22.39 | 22.39 | – | 22.39 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.24 | 29.26 | 29.64 | 29.64 | 29.64 | – | – | – | – | – |
| แก๊ส NGV | 15.73 | 15.73 | – | – | – | – | – | – | – | – |
