สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2560

คอนโดฯหรูราคาไม่ขยับชี้3แสน/ตร.ม.นิ่งยาว2ปี

นายกอาคารชุดชี้ ราคาคอนโดฯหรู ตารางเมตรละ 3 แสนบาทขึ้นไป จะไม่ขยับอย่างน้อย 2 ปี ระบุตลาดกลุ่มนักลงทุนลังเลเพราะไม่เห็นอัพไซด์เกน มั่นใจกลไกตลาดจัดการอุปทานส่วนเกินในตลาดบนได้ คอลลิเออร์สจัดอันดับคอนโดฯหรู โครงการริมถนนวิทยุ แพงสุดในเมืองไทย

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม ธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท-พรีเมียม และนายกสมาคม อาคารชุดไทย เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดคอนโด มิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี และ ลักชัวรี หรือ คอนโดฯหรู ราคาเสนอขายเริ่มต้น 3 แสนบาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ขึ้นไป ต้องรอเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีระดับราคาจึงจะขยับขึ้นไปสูงกว่าราคาขายปัจจุบันได้ เนื่องจากราคาเสนอขายระดับดังกล่าวเกินกำลังซื้อผู้บริโภค และผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มอินเวสต์เมนต์ (ซื้อเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน) ยังไม่เห็น อัพไซด์เกน (ส่วนต่างราคาปัจจุบันกับมูลค่า) ทำให้การขายช้าลงไปบ้าง “คนรวยไม่โง่…ถ้าเงินเขาไม่งอกเงยเขาไม่ซื้อ” นายประเสริฐยํ้าตอนหนึ่ง

นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่าราคาที่ดิน ในเขตซีบีดี(ย่านธุรกิจกลางเมือง)ทำเลที่ตั้งโครงการคอนโดฯหรู (สีลม สาทร ศาลาแดง สุขุมวิท ต้นๆ ทองหล่อ) ราคาเฉลี่ย 1.5 ล้านบาทต่อตารางวา (ตร.ว.) “ราคาที่ดินระดับนี้ต้องขายคอนโดฯไม่ตํ่ากว่า 3 แสนบาทต่อตร.ม.” เขาให้ข้อมูล อีก ว่าราคาที่ดินในทำเลดังกล่าวขยับขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัวในช่วงเวลาไม่ถึง 7 ปี เช่น ทองหล่อจากราคา 4 แสนบาทต่อตรว.ขึ้นมาเป็น 1-1.5 ล้านบาทต่อ ตร.ว.ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

มุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย)ฯ ที่กังวลว่าอุปทานคอนโดฯ หรูที่เข้าตลาดต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะส่งผลต่อทิศทางตลาดกลุ่มนี้เนื่องจากขนาดตลาดคิดเป็น 7% ของตลาดรวมเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการบางรายกลับมองต่างออกไปโดยเชื่อว่ากลุ่มผู้ซื้อต่างประเทศจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ตลาดคอนโดฯหรูเติบโตต่อไป

ทั้งนี้ตลาดคอนโดฯหรู ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2558 ข้อมูลจาก บริษัท คอลลิเออร์สฯ ระบุมีโครงการคอนโดฯหรู (คอนโดลักชัวรีราคา 2 แสนบาท/ตาม.ขึ้นไป) และซูเปอร์ลักชัวรีราคา 3 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไป) รวมกัน 1,402 หน่วย ในทำเล สุขุมวิทต้นๆ หรือ ริมเจ้าพระยา(เจริญนคร) ราคาเสนอขายเริ่มต้นระหว่าง 2.3- 3 แสนบาทต่อตร.ม. ซึ่งปีดังกล่าวถือว่า คอนโดฯหรูทำตลาดแบบแมสเป็นครั้งแรก

ในปี 2559 มีโครงการคอนโดฯ หรูเปิดตัวรวมกัน 673 หน่วย โดยทุกโครงการราคาเสนอขายเฉลี่ย 3 แสนบาทต่อตร.ม. มีบางโครงการที่มีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ตั้งราคาเสนอขายมากกว่า 5 แสนบาทต่อตร.ม.

สำหรับปีนี้จากการสำรวจพบว่า การแข่งขันในตลาดคอนโดฯหรูยังทวีความเข้มข้นต่อเนื่อง 6 เดือนแรกมีโครงการคอนโดฯหรูเปิดตัวต่อเนื่องอาทิ โครงการ 28 ชิดลม ซึ่งขยับราคาเสนอขายเริ่มต้นขึ้นไปเป็น 3.5แสนบาทต่อตร.ม. และคาดว่าทั้งปีจะมีสินค้าใหม่เข้าตลาดไม่น้อยกว่า 1,500 หน่วย

นายประเสริฐให้ความเห็นอีกว่า ตลาดคอนโดฯหรูที่มูลค่าตลาดราว 2 หมื่นล้านบาท ของตลาดรวม เป็นตลาดของผู้เล่นรายใหญ่เท่านั้น “ที่ดินในทำเลพัฒนาคอนโดฯหรูราคาเฉลี่ย 1-1.5 ล้านบาท โครงการหนึ่งใช้พื้นที่ไม่ตํ่ากว่า 500-600 ตร.ว. หรือต้นทุนที่ดินเฉลี่ย 600-900 ล้านบาท ผู้ซื้อต้องวางดาวน์เจ้าของที่ 30% และที่สำคัญต้องโอนเร็ว” เขาขยายความ

อนึ่ง บริษัท คอลลิเออร์สฯ จัดอันดับราคาคอนโดฯหรู อันดับ 1 โครงการ ไวร์เลส 98 ถนน วิทยุ ราคาเสนอขาย 5.8 แสนบาทต่อตร.ม. อันดับ 2 เดอะสุโขทัย เรสซิเดนท์ (สาทร) 4 แสนบาทต่อตร.ม. อันดับ 3 185 ราชดำริ (ราชดำริ) 3.8 แสนบาทต่อตร.ม.อันดับ 4 ริซท์-คาร์ลตัน (สีลม) 3.7 แสนบาทต่อตร.ม. อันดับ 5 คุณบายยู (ทองหล่อ) 3.7แสนบาทต่อตร.ม.

นายประเสริฐกล่าวว่าแม้ตลาดคอนโดฯหรู ขยายตัวอย่างคึกคักตลอด 2 ปีเศษที่ผ่านมา หากตลาดยังไม่เกิดภาวะ อุปทานส่วนเกิน(สินค้าล้นตลาด) และจะไม่นำไปสู่ภาวะฟองสบู่ในตลาดสินค้าระดับบน เขาเชื่อว่ากลไกตลาดจะกำหนดภาวะสมดุล(ตลาด) เอง และยังระบุด้วยว่าการเติบโตของตลาดคอนโดฯหรูมาจาก 4 ปัจจัยหลักคือ

1.ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวตั้งเริ่มเป็นที่นิยมหลังเหตุการณ์ นํ้าท่วมใหญ่ปี 2554 2.การขยายตัวของโครงการรถไฟฟ้า 3. ผู้ประกอบการเข้าตลาดบนเพื่อทด แทนตลาดระดับกลางล่างที่ชะลอไป 4.ไลฟ์สไตล์เศรษฐีเปลี่ยนจากเดิมนิยมบ้านเดี่ยวมีสระว่ายนํ้ามาเป็นคอนโดฯหรูย่านซีบีดี และ 5.การขยายตัวของตลาดกลุ่มนักลงทุน ซึ่งเป็นผลพวงจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดตํ่าตั้งแต่ปี 2540 ส่งผลให้มีการถ่ายเทเงินออมเข้าสู่ตลาดอสังหาฯ

http://www.thansettakij.com


“สศค.” แจงกม.ภาษีที่ดินฯ ไม่กระทบผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง รวมทั้ง SME รัฐมีมาตรการบรรเทาภาษีให้แน่นอน

สภาหอการค้าไทยจัดสัมมนาหัวข้อ “เจาะลึกภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ดร.พรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง บรรยายหัวข้อ “เจาะลึกร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และข้อยกเว้น ลดหย่อน ขั้นตอนกระบวนการประเมินค่า เรียกเก็บ และชำระภาษีอย่างไร” มีรายละเอียด ดังนี้
 
ภาษีที่ดินฯ กลัวภาษีแพง กลัวจ่ายภาษีไม่ถูก ย้อนหลังเราเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครปี 2543 มีคนใช้สิทธิ์ 40% มีสถิติคนมีที่ดินเกิน 50 ตารางวาจำนวน 3 แสนคน จากผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 10 ล้านคน ถ้ากม.ใหม่นี้มาบังคับใช้ และทดแทนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนจะหายไป
ภาษีบำรุงท้องที่เก็บจากการใช้ที่ดิน ปัจจุบันใช้ราคาประเมินปี 2521-2524 เป็นฐานคำนวณภาษี เป็นการใช้ราคาประเมิน 40 ปีที่แล้ว ทั่วประเทศเก็บได้ 900 ล้านบาท ในเขตกทม.เก็บได้หลัก 100 ล้านบาท น้อยมาก
ภาษีโรงเรือนฯ ทั่วประเทศ 2.7 หมื่นล้านบาท ในกทม. 1.2 หมื่นล้านบาท เกือบครึ่งของภาษีตัวนี้
ถ้าเราใช้ราคาปานกลางในการคำนวณภาษีบำรุงท้องที่ ปี 21-24 ปี 2559 กระทรวงมหาดไทยทดลองใช้ราคาประเมินปัจจุบันจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงหันมาใช้ราคาปานกลางในการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ เพื่อสะท้อนราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากในปัจจุบัน นั่นคือข้อมูลที่ใช้คำนวณเก็บภาษีบำรุงท้องที่เป็นข้อมูลเก่า
ผมเชื่อว่าคนคงไม่ชอบแน่ๆ ถ้าที่ดินติดกันเพื่อนบ้านเสียภาษีน้อยกว่า แต่ภาษีใหม่จะรู้ได้ทันทีว่าข้างบ้านราคาประเมินเท่าไหร่ เสียภาษีเท่าไหร่ เราจะให้มีการประกาศในพื้นที่มีทรัพย์สินอะไร ราคาประเมิน เสียภาษีเท่าไหร่ เราและคนอื่นดูได้เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ดร.พรชัยกล่าวว่า ภาษีโรงเรือนและที่ดิน เก็บจากค่าเช่า 12.5% ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยในการคำนวณภาษี มีปัญหาในการจัดเก็บรายได้
เปรียบเทียบงบประมาณ กทม.ปีละ 7 หมื่นล้านบาท แต่จัดเก็บเองเพียง 1.2 หมื่นล้าน จากผู้เสียภาษีปีละ 3 แสนกว่าคนเท่านั้นเอง ปูพื้นฐานเพื่อให้เข้าใจถึงการเตรียมบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
มีผู้ให้ข่าวว่ารัฐบาลจะเลื่อนการบังคับใช้ภาษี ขอเรียนยืนยันว่าไม่ได้ประกาศเลื่อนใช้ เพราะกม.อยู่ในขั้นตอนพิจารณาของสนช. ต้องทำความเข้าใจเพราะจะนิ่งนอนใจเกินไป
โดย กม.ภาษีที่ดินฯ มีการจัดเก็บ 4 ประเภท ภาคเกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และที่ดินรกร้างว่างเปล่า อย่าเพิ่งตกใจเพราะบางแปลงอยู่ในบังคับกม.ที่ทำอะไรไม่ได้เลย รัฐบาลดูแลตรงนี้ให้ด้วย
เพราะฉะนั้น มีผู้เสียภาษี 3 คน 1.เจ้าของทรัพย์สินหรือเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง ใครมีชื่อโฉนดก็คนนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานก็ขอดูทะเบียนราษฎร์ ก็เป็นผู้เสียภาษี 2.เจ้าของห้องชุด ดูง่ายสุด 3.ผู้เช่าหรือผู้ครอบครอง เป็นผู้เสียภาษี
ส่วนผู้จัดเก็บภาษี ต้องทำงานหนักขึ้น โดยต้องเข้าสำรวจเนื้อที่ และสำรวจการใช้ประโยชน์ จากเดิม “จุดเทียน”​ เอา ต่อไปทำไม่ได้แล้ว ต้องระบุทรัพย์สินมีเท่าไหร่ ใส่รายละเอียดหมด ได้แก่ เทศบาล อบต. อบจ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา
หลักการ ภาษีนี้ไม่กระทบต่อผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ดังนั้น ข้อห่วงใยว่า SME จะมีวิธีการดูแลบรรเทาความเดือดร้อนอย่างไร เช่น มีที่ดิน ทำมาหากินมานาน เดิมราคาที่ดินไม่แพงแต่เมืองขยายตัวมาหาท่าน ซึ่งภาษีจัดเก็บคำนวณจากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งภาระเสียภาษีอาจเสียไม่เต็มตามการคำนวณ ซึ่งจะมีการบรรเทาภาษี
แนวทางการจัดเก็บ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำการสำรวจ คำนวณแบบ และปิดประกาศเพื่อให้คนคัดค้านได้
สำหรับอัตราจัดเก็บ มติครม.เห็นชอบและส่งต่อให้ สนช.พิจาณา ดังนี้ ที่ดินภาคเกษตร เพดานไม่เกิน 0.2% ที่อยู่อาศัย ที่ดินเปล่า 5% ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม อัตราจัดเก็บแท้จริงยังมีเรื่องการบรรเทาภาษี ซึ่งการเสียภาษีจริงอาจไม่ได้เต็มจำนวนก็ได้
นอกจากนี้ มีเรื่องการยึดทรัพย์สิน ข้อชี้แจงคือกฎหมายใหม่ไม่ได้เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นการใช้ข้อกฎหมายตามอำนาจเดิมที่เคยให้ไว้อยู่แล้ว ข้อวิตกเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงมองว่าอาจมีความเข้าใจผิด
ประชาชาติธุรกิจ
http://www.bkkcitismart.com

คลังเร่งเบิกจ่ายงบดันเศรษฐกิจครึ่งปีแรกโต3.5%

 

“กระทรวงคลัง” เผย 10 เดือนแรกเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 2,514,229 ล้านบาท เพิ่ม 3.3% ดันเศรษฐกิจครึ่งปีแรกขยายตัว 3.5%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 60 (ต.ค.59-ก.ค.60) ว่า รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำนวนทั้งสิ้นจำนวน 2,514,229 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 81,381 ล้านบาท (คิดเป็น 3.3%) ประกอบด้วย รายจ่ายปีปัจจุบันจำนวน 2,329,256 ล้านบาท คิดเป็น 79.7% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย (2,923,000 ล้านบาท) สูงกว่าชjวงเดียวกันปีที่แล้ว 4.6% และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนจำนวน 184,973 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 10.2%

สำหรับรายจ่ายปีปัจจุบันจำนวน 2,329,256 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายประจำจำนวน 2,030,032 ล้านบาท (คิดเป็น 86.7% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลงจำนวน 2,340,449 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.6% และรายจ่ายลงทุนจำนวน 299,224 ล้านบาท (คิดเป็น 51.4% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลงจำนวน 582,551 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.3%

 “การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปี 60 ที่ขยายตัวได้ถึง 3.5% ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายกฤษฎา กล่าว

ขณะที่รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้นจำนวน 1,904,053 ล้านบาท เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยรายได้นำส่งคลังต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 60,214 ล้านบาท (คิดเป็น 3.1%) เนื่องจากปีที่แล้วมีการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) จำนวน 56,273 ล้านบาท การชำระภาษีการพนันในส่วนของสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 11,982 ล้านบาท และการนำส่งเงินสภาพคล่องส่วนเกินของกองทุนหมุนเวียนจำนวน 10,634 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษดังกล่าว รายได้นำส่งคลังปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนจำนวน 18,675 ล้านบาท

http://www.bangkokbiznews.com

ยังคงเนื้อหอม ! ไทยติดอันดับ 9 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก

 เที่ยวไทยยังคงบูม ติดอันดับ 9 ของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุดในโลก พร้อมพ่วงอันดับ ประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว เป็นอันดับ 3 ของโลก 

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 เว็บไซต์โคโคนัทแบงค็อก รายงานผลการจัดอันดับ ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุด ประจำปี 2560 ซึ่งจัดอันดับโดยองค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นดับเบิลยูทีโอ (UNWTO – United Nations World Tourism Organization) โดยรวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวจากทุกประเทศทั่วโลกในปี 2559

สำหรับอันดับ 1 ในปีนี้ ก็คือประเทศในฝันตลอดกาลของคนทั่วโลก นั่นก็คือ ฝรั่งเศส โดยมีนักท่องเที่ยวไปเยือนถึงกว่า 82.6 ล้านคน รองลงมาคือสหรัฐอเมริกา โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 75.6 ล้านคน และสเปน 75.6 ล้านคน

ส่วนประเทศไทยนั้นยังคงติดอันดับท็อป 10 ของประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด โดยในปีนี้ได้ตำแหน่งอันดับที่ 9 ไปครอง จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 32.6 ล้าน และที่น่าประทับใจยิ่งกว่านั้นก็คือ รายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยขยับจากอันดับที่ 5 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 รวมรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 4.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.65 ล้านล้านบาท

สำหรับผลการจัดอันดับ 10 ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุด ประจำปี 2560 มีดังต่อไปนี้

ที่ท่องเที่ยว
1. ฝรั่งเศส – 82.6 ล้านคน
 2. สหรัฐอเมริกา – 75.6 ล้านคน
3. สเปน – 75.6 ล้านคน
4. จีน – 59.3 ล้านคน
5. อิตาลี – 52.4 ล้านค
6. สหราชอาณาจักร – 35.8 ล้านค
7. เยอรมนี – 35.6 ล้านคน
8. เม็กซิโก – 35 ล้านคน
9. ไทย – 32.6 ล้านคน
10. ตุรกี (ข้อมูลยังนับไม่เสร็จสิ้น)
ส่วน 10 อันดับประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุด ประจำปี 2560 มีดังต่อไปนี้
 1. สหรัฐอเมริกา – 6.83 ล้านล้านบาท
ที่ท่องเที่ยว
2. สเปน – 2 ล้านล้านบาท
ที่ท่องเที่ยว
 3. ไทย – 1.65 ล้านล้านบาท
ที่ท่องเที่ยว
4. จีน – 1.47 ล้านล้านบาท
5. ฝรั่งเศส – 1.41 ล้านล้านบาท
6. อิตาลี – 1.33 ล้านล้านบาท
7. สหราชอาณาจักร – 1.31 ล้านล้านบาท
8. เยอรมนี – 1.24 ล้านล้านบาท
9. ฮ่องกง – 1.09 ล้านล้านบาท
10. ออสเตรเลีย – 1.07 ล้านล้านบาท
https://travel.kapook.com

18 สุดยอดอาหารบำรุงหัวใจของคุณ

การดูแลสุขภาพของคนในยุคสมัยนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ เพราะเราต้องเจอทั้งฝุ่นละออง สารเคมีทั้งหลายแหล่ทั้งจากการใช้เครื่องสำอาง การกินอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้สุขภาพหัวใจทรุดลงไปเรื่อยๆ แต่เมื่อมีมารก็ต้องมีฮีโร่ และฮีโร่ที่เราพูดถึงกันในบทความนี้ก็คือ อาหารบำรุงหัวใจนั่นเอง!

1. แซลมอน

ปลาแซลมอน

 

ปลาแซลมอนและปลาที่มีไขมันดีอื่นๆ เช่น ปลาซาร์ดีนและปลาทู เรียกได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ของอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากมีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่อุดมสมบูรณ์ ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (irregular heart beat) และหลอดเลือดแดง (atherosclerosis) ช่วยลดคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดงและลดไตรกลีเซอไรด์ได้ดี เราแนะนำให้กินปลาแซลมอนและควรกินปลาที่มีไขมันดีอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง

2. ข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติที่พิเศษมากๆ คือมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้สูง ซึ่งสามารถลดคอเลสเตอรอลได้และไม่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เราแนะนำว่าควรกินข้าวโอ๊ตเป็นอาหารเช้าและต้องไมผ่านการปรุงแต่งมากเกินไป (หรือกินแบบคลีนๆนั่นแหล่ะ)

3. บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่

ไม่เพียงแค่บลูเบอร์รี่เท่านั้นนะคะ แต่สตรอเบอร์รี่และผลเบอร์รี่อื่นๆก็มีประโยชน์ต่อหัวใจมากเช่นกัน สาวๆที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปควรกินผลไม้ตระกูลนี้เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายลงได้ตั้ง 32% (เมื่อเทียบกับคนที่กินน้อย) อีกทั้งยังมีสารแอนโทไซยานินและฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความดันโลหิตและขยายหลอดเลือดหัวใจได้ดี

4. ดาร์กช็อกโกแลต

ดาร์กช็อกโกแลต

หากกินดาร์กช็อกโกแลตทุกวัน จะช่วยลดอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองในคนที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับปัญหาเหล่านี้ได้ และจะต้องเป็นช็อกโกแลตที่ทำจากโกโก้อย่างน้อย 60-70% ด้วยนะคะ สาเหตุที่มันดีต่อใจมากมายนั่นเป็นเพราะว่า ดาร์กช็อกโกแลตนั้นมีสารฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าโพลีฟีนอล ซึ่งจะช่วยให้ความดันโลหิต ลดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด และการบาดเจ็บของเซลล์ได้ แต่มันก็น่าเศร้าตรงที่ช็อกโกแลตนมหรือขนมแสนอร่อยไม่สามารถช่วยปกป้องหัวใจของคุณให้มีสุขภาพดีได้

5. พืชตระกูลส้ม

ส้ม

เราจะพบสารฟลาโวนอยด์มากในพืชตระกูลส้มค่ะ ผู้หญิงที่กินผลไม้ประเภทนี้เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบได้ถึง 19% นอกจากนี้ มะนาว ก็ยังมีวิตามินซีสูง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ แต่ให้ระวังน้ำส้มที่ใส่น้ำตาลเพิ่มตามตลาดนัดนะคะ

6. ถั่วเหลือง

ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ได้แก่ เต้าหู้และนมถั่วเหลือง เป็นเคล็ดลับที่ดีในการเพิ่มสารอาหารอย่างโปรตีนในมื้อโปรดของคุณ โดยไม่ทำให้ไขมันและคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นเลย เพราะจากถั่วเหลืองมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (แน่นอนว่าดีต่อสุขภาพ) มีไฟเบอร์ วิตามิน และเกลือแร่ ที่สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ ซึ่งถ้าเทียบกับนมหรือโปรตีนชนิดอื่น โปรตีนจากถั่วเหลืองถือว่าสามารถลด LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าค่ะ

7. มันฝรั่ง

คุณไม่มีเหตุผลที่จะหลีกเลี่ยงมันฝรั่งในมื้ออาหารของคุณ เพียงเพราะมันมีสีขาวและดูคล้ายแป้ง (แน่นอนว่าการกินแป้งเยอะก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายเท่าไหร่นัก) แต่ตราบใดที่คุณไม่ได้สวาปาม “มันฝรั่งทอด” เข้าไป มันก็ยังเป็นพืชที่ดีต่อใจคุณค่ะ! มันฝรั่งนั้นอุดมไปด้วยโพแทสเซียมที่สามารถลดความดันโลหิตได้ และมีไฟเบอร์สูงซึ่งสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ดี

8. มะเขือเทศ

มะเขือเทศ

ราชินีแห่งพืชผักสำหรับความงามของสาวๆนี้ เป็นแหล่งอาหารชั้นดีที่มีไลโคปีนสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ กำจัดคอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” ออกไปจากร่างกาย แถมยังมีแคลอรี่น้อยและมีน้ำตาลในปริมาณที่ต่ำ นอกจากจะดีต่อใจแล้วยังดีต่อหุ่นด้วยนะ

9. ถั่ว

ในข้อนี้ก็รวมถึงอัลมอนด์ วอลนัท พิสตาชิโอ ถั่วลิสงและถั่วแมคาเดเมีย ซึ่งทั้งหมดนี้มันดีสำหรับหัวใจของเราด้วย นอกจากนี้ในถั่วยังมีวิตามินอีและกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ถ้าเป็นในอดีตเราก็อาจจะเคยได้ยินมาบ่อยๆว่าการกินถั่วนั้นไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นัก แต่การวิจัยในปัจจุบันนี้ก็สามารถบอกได้แล้วว่า เจ้าถั่วเม็ดเล็กๆนั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาหัวใจได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

10. พืชตระกูลถั่ว

เช่น ถั่วเลนทิล ถั่วแขก ถั่วพู ถั่วฝักยาว ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมที่ไม่มีไขมันเลวร้าย คนที่กินพืชตระกูลถั่วอย่างน้อยสี่ครั้งต่อสัปดาห์ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจลดลง 22% อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนที่เป็นโรคเบาหวานได้ ซึ่งการลดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโรคหัวใจนั่นเองค่ะ

11. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์

น้ำมันมะกอก

น้ำมันมะกอกช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายได้ถึง 30% เป็นแหล่งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เย็นนี้ถ้ามีสลัดอยู่บนโต๊ะอาหาร ก็ลองเติมน้ำมันมะกอกลงไปสัก 2 ช้อนโต๊ะนะคะ

12. ไวน์แดง

ไวน์แดง

 

โพลีฟีนอลที่พบในไวน์แดง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบได้ดี ช่วยลดความเสียหายต่อดีเอ็นเอ กำจัดอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ และการดื่มไวน์เป็นประจำในปริมาณพอสมควร (ไม่ใช่ดื่มจนเมาหัวราน้ำนะคะ) จะช่วยป้องกันภาวะหัวใจวายได้โดยเฉพาะในสาวๆ

13. ชาเขียว

เครื่องดื่มยอดนิยมของชาวเอเชียนี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมากเลยค่ะ จากการวิจัยพบว่า คนที่ดื่มชาเขียวทุกวันหรือมากกว่า 4 ถ้วยต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยดื่ม แถมยังชาวยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในหมู่นักดื่มตัวยงได้อีกด้วย

14. บร็อคโคลี่ ผักขม และคะน้า

บร็อคโคลี่

มีแคโรทีนอยด์สูงซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีเส้นใยสูง เต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อหัวใจ เขาถึงได้บอกไงคะว่าในหนึ่งมื้ออาหารของเราควรมีผักใบเขียวอยู่ด้วย 40% เพราะดีต่อร่างกายและหัวใจจริงๆค่ะ

15. กาแฟ

กาแฟ

การดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองหรือจากสาเหตุอื่นๆลดลงถึง 15% ถ้าคุณเป็นคอกาแฟอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ แต่อาจจะลดน้ำตาลที่ใส่ลงไปสักครึ่งนึงเพื่อผลดีต่อสุขภาพ และที่สำคัญ ไม่ควรดื่มกาแฟมากเกิน 5 ถ้วยต่อวันนะคะ

16. เมล็ดแฟลกซ์

เมล็ดแฟลกซ์และเมล็ดเชียมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และไปเบอร์ในปริมาณสูง นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มันดีต่อหัวใจของคุณ วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ลองทำสมูธตี้ปั่นใส่เมล็ดเชียหรือเมล็ดแฟลกซ์เพิ่มลงไปเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนแถมอยู่ท้องสบายๆ

17. อะโวคาโด

ผลไม้เนื้อนุ่มรสชาติอร่อยนี้มีไขมันที่ดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกับน้ำมันมะกอก พวกมันอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและโพแทสเซียมสูงอีกด้วย

18. ทับทิม

ในทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายรวมทั้งโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานิน ที่ช่วยยับยั้งการแข็งของหลอดเลือดแดงได้ดี แต่ถ้าใครที่ไม่ค่อยพิสมัยในผลไม้ชนิดนี้มากนัก จะกินแอปเปิ้ลแทนก็ได้ไม่ว่ากัน

เห็นอย่างนี้แล้ว คราวหน้าหากเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ก็อย่าลืมลิสท์รายชื่อผักผลไม้ที่บำรุงหัวใจเหล่านี้ลงไปในรายการของคุณด้วยนะคะ เพราะกินแล้วดีต่อใจจริงๆค่ะ^^

https://www.health-th.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 31/08/2560

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,400.00 20,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,321.00 20,026.36 21,000.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,188.90 18,023.72 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 594.00 9,005.04 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 462.00 7,003.92 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,379.00 20,754.04 n/a

 

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  31/08/2560


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.15 27.15 27.15 34.71 27.15
27.15
27.15
27.15
27.15
แก๊สโซฮอล E-20
24.64
24.64
24.64
24.64
24.64
24.64
24.64
24.64
24.64
แก๊สโซฮอล E-85 20.24 20.24 20.24 19.94
แก๊สโซฮอล 91 26.88 26.88 26.88 26.88 26.88 26.88 26.88 26.88 26.88 26.88
เบนซิน 95 34.26 34.71 34.76 34.26 34.26 34.26
ดีเซลหมุนเร็ว 24.99 24.99 24.99 24.99 24.99 24.99 24.99 24.99 24.99 24.99
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 27.99 28.67 28.67 28.67 28.67
มีผลตั้งแต่ 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00 30 Aug 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า