สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562

อาคารสำนักงาน  ในกทม.บูม  อีก 2 ปีเปิด 13 โครงการ

คอลัมน์พร็อพเพอร์ตีโฟกัส
อาคารสำนักงาน เป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่งที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างมากช่วง 5 ปีนี้ ท่ามกลางภาพรวมของตลาดอสังหาฯค่อนข้างชะลอตัว จากมาตรการ LTV ซ้ำกำลังซื้อติดกับดักหนี้ครัวเรือน

เน็กซัส เรียลเอสเตท แอทไวซอรี่ สำรวจตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอ ในกรุงเทพมหานคร พบว่ายังมีความต้องการอีกมาก การเข้ามาของซัพพลายใหม่ๆ ทำให้ตลาดมีสีสันมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอ มีอยู่อย่างจำกัดมากว่า 20 ปีแล้ว การเปิดอาคารสำนักงานเพิ่มมากขึ้นทำให้ผู้เช่ามีทางเลือกมากยิ่งขึ้น ทั้งทางเลือกด้านทำเล สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงการให้บริการภายในอาคาร และยิ่งส่งผลดีอย่างมากกับกลุ่มผู้เช่าที่เป็นต่างชาติ (Multi-National Corporation)

เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ เป็นบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาในไทย ซึ่งต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร การเช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ ใหม่ๆ ที่สวยงาม อยู่บนทำเลทอง จะเป็นการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับลูกค้าหรือคู่ค้าของบริษัทนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี การเพิ่มขึ้นของซัพพลายใหม่อย่างรวดเร็วนี้ ส่งผลให้ตลาดตื่นตัวมากขึ้นและทำให้เจ้าของอาคารเดิม ต้องหันมาใส่ใจกับอาคารของตนเองให้มาก ซึ่งก็ถือเป็นกำไรของผู้บริโภคนั่นเอง

ในรอบปีที่ผ่านมา (ตุลาคม 2561-กันยายน 2562) มีอาคารสำนักงานเกรดเอ เปิดตัวทั้งสิ้น 5 อาคาร ได้แก่ สิงห์ คอมเพล็กซ์ , 101 แอท ทรู ดิจิทัล พาร์ค, ที-วัน, เอ็มเอส สยาม และสามย่านมิตรทาวน์ การเปิดตัวของทั้ง 5 โครงการ นับเป็นอาคารสำนักงานที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้เช่า ทั้งเรื่องการเดินทาง และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน เนื่องจากทุกโครงการล้วนตั้งอยู่บนสุดยอดของทำเลที่เป็นไข่แดง และศูนย์กลางแหล่งธุรกิจของกรุงเทพฯ แทบทั้งสิ้น อีกทั้งหลายอาคารยังเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS/MRT อีกด้วย

และภายในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีอาคารสำนักเกรดเอ สร้างเสร็จและพร้อมเปิดใช้งานได้อีก 10 – 13 อาคาร อาทิ เดอะ พาร์ค, สีลม เซ็นเตอร์, สยาม สเคป และ โอ-เนส ทาวเวอร์ ฯลฯ  ซึ่งอาคารเหล่านี้จะทำให้มีพื้นที่เช่าเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 350,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานเกรดเอ จะเพิ่มมากขึ้นถึง 1,000,000 ตารางเมตร ในอีก 5 ปีข้างหน้า

นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอทไวซอรี่ฯ ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของซัพพลายใหม่ ไม่ส่งผลต่อตลาดมากนัก โดยอัตราการเช่าลดลงเพียง 1% จาก 96% ในปีที่แล้ว เหลืออยู่ที่ 95% ในไตรมาสนี้ นั่นหมายความว่าความต้องการอาคารสำนักงานเกรดเอ ยังคงมีอยู่มาก และในส่วนของราคาค่าเช่าเฉลี่ยขยับขึ้นถึง 7% มาอยู่ที่ 1,025 บาท/ ตารางเมตร /เดือน จากเดิมอยู่ที่ 960 บาท/ ตารางเมตร/ เดือน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


คนสามเสน ต้านคอนโดหรู ริมเจ้าพระยา

ถนนสามเสน เขตบางซื่อ ย่านชุมชนเก่า กิจการโรงเลื่อยเก่า เนื่องจากชัยภูมิติดเจ้าพระยา จึงเหมาะส่งผ่านสินค้าทางนํ้า เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน มีรถไฟฟ้าพาดผ่าน มีโครงการขนาดใหญ่ของรัฐเกิดขึ้น อย่างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณเกียกกาย สถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการเปลี่ยนถ่ายทางรางระดับอาเซียน สะพานข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยา ถนนตัดใหม่เชื่อมโยงโครงข่าย ทำให้ทำเลการค้าที่ว่า กลายเป็นทำเลทองคอนโดมิเนียม โรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ขึ้นแทนที่

เช่นเดียวกับยักษ์อสังหาริมทรัพย์เบอร์ 1 ของเมืองไทย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จำกัด (มหาชน ) มักสร้างอาณาจักรริมแม่น้ำเจ้าพระยา รองรับความต้องการของคนที่อยากมีบ้านริมนํ้า นอกจาก โซนสถานีบางโพ ส่วนต่อขยายสายสีนํ้าเงินแล้ว ค่ายแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ซื้อที่ดิน โรงเลื่อยและบ้านอยู่อาศัยเก่าแก่ริมนํ้าเจ้าพระยาที่ดินแปลงใหญ่ 17 ไร่เศษ มูลค่า 15,000 ล้านบาท สร้าง โครงการ เดอะรูม สามเสน คอนโดมิเนียมหรู 5 อาคาร ประกอบด้วย ทาวเวอร์เอ สูง 43 ชั้น จำนวน 636 หน่วย ทาวเวอร์บี สูง 52 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น สูงสุด 52 ชั้น รองรับกลุ่มคนที่จะเข้าพื้นที่อย่างไร้คู่แข่ง

 

แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาฟ้องร้องต่อศาลชั้นอุทธรณ์ ระหว่างตระกูล อินทรไทยวงศ์ ที่นำที่ดินไปขายให้กับแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และตระกูล โยธาสมุทร ในฐานะผู้จัดการมรดกตัวจริง แม้ศาลชั้นต้นจะพิจารณาให้แลนด์แอนด์เฮ้าส์ชนะคดีแต่ถือว่า ยังไม่สิ้นสุด

ที่สำคัญแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยังเดินหน้า พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เป็นคอนโดมิเนียม 1,628 หน่วย และอยู่ในขั้นตอน ยื่น
ขออนุญาตทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ

วันที่26 ตุลาคม 2562 “ฐานเศรษฐกิจ” สังเกตการณ์ การเปิดรับฟังความคิดเห็น ชุมชนรอบพื้นที่ พบคนส่วนใหญ่ยังกังวลไม่เห็นด้วยกับโครงการที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะ ปัญหาจราจรบนถนนสามเสน เนื่องจากเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายแห่ง เช่นกรมชลประทาน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีคนเข้าใช้พื้นที่จำนวนมากเช่นเดียวกับกลุ่มคนนับถือศาสนาอิสลามไม่เห็นด้วยกับผลกระทบของมัสยิดที่อาจถูกรื้อ และเด็กนักเรียนโรงเรียนราชินีบน ที่ต้องสัญจรผ่านหน้าโครงการ

ทั้งนี้ตัวแทนของกรม ชลประทาน สะท้อนว่า ชุมชนยังไม่เห็นด้วยกับการมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นบนถนนสามเสน ตั้งแต่สามเสน 21-23 เพราะ 1. ปริมาณรถเพิ่มขึ้นสร้างความแออัดในพื้นที่ 2. มีเด็กนักเรียน และผู้ปกครองสัญจรจำนวนมากกว่า 2,000 คน 3. ตั้งข้อสังเกต โรงเรียนราชินีบน เคยขออนุญาตสร้างอาคารสูง 8 ชั้น แต่ถูกระงับ เพราะอยู่ในเขตปลอดภัยของอาคารรัฐสภา แต่ คอนโดมิเนียมของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ห่างจากโรงเรียนเพียง 12 เมตร แต่สร้างสูงได้ 53 ชั้น 4. ที่ดินยังมีคดีฟ้องร้อง 5. โครงการเป็นลักษณะไฮเอนด์มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ราคาขายต่อหน่วยหลายสิบล้านบาท มองว่าไม่มีส่วนสร้างรายได้ให้กับชุมชนเช่นการค้าขาย 6. ชุมชนต้องการรักษาวิถีดั้งเดิมไว้ ฯลฯ

“ซอยสามเสน 21 อนาคตจะหายไปกลายเป็นทางเข้าโครงการ จะเหลือ แค่ สามเสน 19 และ 23”

ผู้แทนกรมชลประทาน อธิบายต่อว่า โดยสรุป ชาวบ้านยังเป็นห่วง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งสถานที่ราชการ ชุมชน และโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อยากให้บริษัทที่ปรึกษา เสนอข้อมูลที่เป็นจริงให้กับชุมชนและ คณะผู้ชำนาญการสิ่งแวดล้อมฯ

ด้าน บริษัทไท-ไท วิศวกร จำกัด กล่าวว่า บริษัทให้ความมั่นใจกับชุมชนว่าสามารถสร้างความมั่นใจไม่สร้างผลกระทบให้กับชุมชน โดยเฉพาะในระหว่างก่อสร้างจะมีการแก้ปัญหาฝุ่นละออง ลดผลกระทบทางเสียง

ด้านทนายความของตระกูล โยธาสมุทร ยืนยันว่า คดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ และไม่อนุญาตให้ใครเข้าพื้นที่ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ข่าวดีญี่ปุ่นปรับเครดิตประเทศไทยเป็นA

ข่าวดีญี่ปุ่นปรับเครดิตประเทศไทยเป็นA

ประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือเป็นระดับA

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2562 บริษัท Rating and Investment Information, Inc. (R&I) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ของญี่ปุ่นได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Issuer CreditRating) จากระดับ BBB+ เป็น A- และคงมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ที่ระดับเสถียรภาพ (StableOutlook)

ทั้งนี้ R&Iได้ให้เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือว่ามาจากปัจจัยหลัก 4 เรื่องกล่าวคือ

 2. การเกินดุลการค้าและดุลบริการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีสาเหตุหลักจากรายได้ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง และมีระดับเงินสำรองระหว่างประเทศเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศ ดังนั้น ประเด็นเรื่องสภาพคล่องในสกุลเงินตราต่างประเทศจึงไม่น่ากังวล

3. การมีพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดกรอบวินัยการเงินการคลัง ทำให้การบริหารจัดการด้านการคลังมีประสิทธิภาพและมีรูปธรรมชัดเจนขึ้น โดยมีการกำหนดเพดานหนี้สาธารณะไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน และเนื่องจากสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ดังนั้น จึงไม่มีความน่ากังวลทั้งในประเด็นด้านความสามารถในการระดมทุนและความเสี่ยงทางการคลัง

นางแพตริเซีย กล่าวว่า ในปี 2562 ประเทศไทยได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Moody’s และ Fitch Rating ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ให้กับประเทศไทย จากระดับ “เสถียรภาพ (Stable Outlook)” เป็น “เชิงบวก (Positive Outlook)” ซึ่งการได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังจะช่วยให้การระดมทุนจากต่างประเทศของรัฐบาลและเอกชนไทยมีต้นทุนที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ R&I ได้ทำการจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้กับประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เป็นต้นมาโดยการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะพิจารณาจากองค์ประกอบ5 ด้าน อันได้แก่ ภาวะทางการคลัง (Fiscal conditions) โครงสร้างการระดมทุน (Funding structure) ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Economic fundamentals) ปัจจัยพื้นฐานทางสังคมและการเมือง (Socio-political fundamentals) และความสามารถในการบริหารจัดการนโยบาย (Policy management capacity)

ขอบคุณข้อมูลจาก www.posttoday.com


โรคอาการอาคารป่วย Sick Building Syndrome

โรคอาการอาคารป่วย Sick Building Syndrome  thaihealth

กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี แนะโรคอาการอาคารป่วย Sick Building Syndrome เป็นการเจ็บป่วยของผู้ที่ทำงานภายในอาคาร อาจมาจากวัสดุโครงสร้าง สารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้ภายในอาคาร อุปกรณ์สำนักงาน แนะหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงพร้อมปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้น

นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า โรคอาการอาคารป่วย Sick Building Syndrome หรือเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับมลภาวะภายในอาคารจากปัจจัยบางอย่าง เช่น วัสดุโครงสร้างของอาคาร สีที่ใช้ภายในอาคาร การถ่ายเทอากาศ เป็นต้น แต่จะมีอาการดีขึ้นหากออกจากตัวอาคาร ซึ่งอาการป่วยที่พบเมื่ออยู่ในอาคาร คือ เจ็บตา หรือเจ็บคอ แสบร้อนในจมูก มีน้ำมูก หนาว เป็นไข้ ผิวแห้งเป็นผื่น อ่อนเพลียหงุดหงิด ปวดหัว ปวดท้อง ปวดเมื่อยตามร่างกาย หายใจไม่สะดวก นอกจากนี้โรคดังกล่าว อาจทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคทางเดินหายใจหรือเป็นภูมิแพ้อยู่ก่อนแล้วมีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้สาเหตุแม้ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัด แต่ก็มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคกลุ่มอาการอาคารป่วย เช่น น้ำยาถูพื้น สารฟอร์มาลดีไฮด์ สีที่ใช้ทาภายในอาคาร อุปกรณ์สำนักงานอย่างจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่กรองแสงเป็นอันตรายต่อสายตา ฝุ่นภายในอาคาร หรือมลพิษอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียง เสียงรบกวน อากาศที่ไม่ถ่ายเท ไฟที่ส่องสว่าง ความร้อนหรือความชื้น แบคทีเรีย เชื้อรา

นายแพทย์สมบูรณ์  ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวว่า โรคอาการอาคารป่วยไม่มีอาการที่จำเพาะเจาะจง และอาการหลายอย่างก็คล้ายคลึงกับโรคทั่วไป จึงทำให้ยากต่อการวินิจฉัยโรค อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจสอบถามเกี่ยวกับระยะเวลาในการทำงานและสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน เพื่อหาความเกี่ยวข้องหรือความเป็นไปได้ของการเกิดโรคอาการอาคาร ซึ่งผู้ป่วยสามารถสังเกตตนเองได้ว่าอาการต่าง ๆ มักเกิดขึ้นเฉพาะตอนอยู่ภายในอาคารหรือไม่ วิธีการนี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง สำหรับการรักษายังไม่มีวิธีเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการตามที่เป็น และผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะทำให้อาการกำเริบ โดยปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ดีขึ้น เช่น เปิดประตู หน้าต่างให้อากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อป้องกันความอับชื้นหรือเชื้อรา ทำความสะอาดสถานที่ทำงานอยู่เสมอ ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อลดมลภาวะ ทำความสะอาดเครื่องกรองอากาศเป็นประจำ เปลี่ยนหลอดไฟเพื่อปรับความสว่าง หรือเปลี่ยนจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น  ทั้งนี้หากป้องกันเบื้องต้นด้วยวิธีต่าง ๆ แต่อาการไม่ดีขึ้นควรรับการรักษาเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยโดยทันที หรือปรึกษาได้ที่ คลินิกโรคจากการทำงาน กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้ในวันและเวลาราชการ

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


 สภาวะ Dead Air เคยเป็นมั้ย ไม่รู้จะคุยอะไร?

Dead air ประโยคภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว ภาษาอังกฤษน่ารู้ ภาษาอังกฤษพื้นฐาน วิธีคุยกับต่างชาติ วิธีคุยกับฝรั่ง เดดแอร์ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ไม่รู้จะคุุยอะไร

เวลาไปออกเดท หรือไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่ หรือคนที่ไม่ค่อยสนิท พอคุยๆ ไปจะรู้สึกได้ว่า ความเงียบกำลังครอบงำบทสนทนานั้น เอาง่ายๆ ก็คือ ไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี บางคนที่อัธยาศัยดีๆ หรือเป็นคนพูดเก่งอาจจะไม่ได้ประสบพบเจอปัญหานี้ แต่สำหรับน้องหลายๆ คน ต้องเคยเป็นแบบนี้แน่นอน และยิ่งกับเพื่อนต่างชาติด้วยแล้ว บางทีอาจจะเกิด Dead air (เดดแอร์) ได้บ่อยๆ เพราะต้องใช้เวลาในการคิดและแต่งประโยคนานไปอีก

สภาวะ Dead Air
เคยเป็นมั้ย ไม่รู้จะคุยอะไร?

งั้นลองมาดูประโยคที่สามารถเอาไปใช้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา Dead air กันดีกว่า ก่อนจะมาดูประโยคขอแนะนำ Topic ที่ง่ายและสามารถคุยได้กับทุกๆ คน

Hobbies (งานอดิเรก)

เราอาจจะเลือกคุยใน topic นี้ก็ได้ เพราะการพูดถึงสิ่งที่เค้าทำตอนเวลาว่าง จะทำให้เราทราบความสนใจของคู่สนทนา และจะทำให้เรารู้ว่าจะต้องชวนคุยอะไรดี

ตัวอย่างคำถาม

What do you do in your free time? : คุณทำอะไรเวลาว่าง?

Do you play any musical instruments? : คุณเล่นเครื่องดนตรีได้มั้ย

Do you draw, paint or do art? : คุณวาดรูปหรือทำงานศิลปะมั้ย?

Are you into dancing? : ชอบเต้นมั้ย?

School (โรงเรียน)

หรือน้องๆ อาจจะเลือกคุยเรื่องที่เราคุ้นเคยก่อนก็ได้ เรื่องเรียนก็เป็นอีกหัวข้อที่ดีของการสนทนา

ตัวอย่างคำถาม

What do you study? : คุณเรียนอะไรหรอ?

 What is your most favorite subject in school? : ชอบวิชาอะไรมากสุด?

 Do you like studying there? : ชอบเรียนที่นั้นมั้ย?

What is your dream university? : มหา’ลัยที่คุณฝันอยากจะเข้าคือมหา’ลัยอะไร?

Travel (ท่องเที่ยว)

เรื่องท่องเที่ยวนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คุยกันได้เพลินๆ ไม่รู้จบเลยทีเดียว

ตัวอย่างคำถาม

What countries have you traveled to? : เคยไปเที่ยวประเทศไหนแล้วบ้าง?

Where in the world would you love to live most? Why? : ถ้าเลือกได้ อยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไหน และทำไม?

What’s the worst thing that’s happened to you while traveling? : ประสบการณ์ที่แย่ที่สุดที่เจอตอนเดินทางคืออะไร?

Have you ever traveled by yourself? : เคยไปเที่ยวคนเดียวมั้ย?

Do you speak any other languages? : คุณพูดภาษาอื่นได้บ้างมั้ย

พอจะเห็นตัวอย่างกันไปบ้างแล้ว จริงๆ เรื่องที่เราสามารถเอาไปเป็นหัวข้อบทสนทนายังมีอีกหลายอย่าง อาจจะขึ้นอยู่กับความสนิทและความสนใจส่วนตัวอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com


โลจิสติกส์ยุคดิจิทัล พึ่งโรบอทลดต้นทุน

ซีทีไอ โลจิสติกส์ จับมือ บริษัทฟูจิซีร็อกซ์ นำเทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงปฏิบัติการงาน ลดต้นทุน ลดปัญหาความผิดพลาด

นายพสุ อุณหะนันทน์ หัวหน้าผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทซีทีไอ โลจิสติกส์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน ระบบออโตเมชั่นกำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมการทำงานของมนุษย์ การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในองค์กรไม่ได้เป็นแค่ตัวเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย ล่าสุด บริษัท ฯ ร่วมมือกับบริษัทฟูจิซีร็อกซ์ นำเอาเทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) มาใช้ในการทำงาน ซึ่ง RPA ถือว่าเป็น Technology ใหม่อันดับต้นๆ ที่มาแรงในยุคดิจิทัล โดยเป็นหุ่นยนต์ที่อยู่ในรูปแบบของซอฟท์แวร์ที่เหมาะสำหรับงานอะไรที่ต้องทำซ้ำๆ ต้องการความถูกต้องและรวดเร็ว เช่น งานทางด้านป้อนข้อมูลเข้าระบบ งานบัญชี เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ปัจจุบันยังทำโดยมนุษย์เป็นส่วนมาก และมีข้อผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ ตามระยะเวลาการทำงาน ดังนั้นทางบริษัทจึงเห็นว่า RPA สามารถเข้ามาสนับสนุนการทำงานในส่วนนี้ได้ เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ การนำ RPA มาใช้จะช่วยให้พนักงานมีเวลาไปทำงานในเชิงคิดวิเคราะห์ หรืองานที่เพิ่มคุณค่าให้กับ

นายพสุ กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต เป็นรากฐานสำคัญ ของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นกลไกที่ส่งผ่านมูลค่าของสินค้าและบริการจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค การบริการขนส่งและกระจายสินค้าทำให้โลจิสติกส์เป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ที่ไทยจะชิงความได้เปรียบจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์อันเป็นศูนย์กลางที่พร้อมจะพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็นฮับโลจิสติกส์ รุกตลาดอาเซียนและจีน หากจะกล่าวถึงเรื่องของการขนส่งและโลจิสติกส์นั้น ต้องถือว่ามีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ในขณะเดียวกันทั่วโลกก็เกิดความเปลี่ยนแปลงตามเทรนด์ ซึ่งนับเป็นการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เช่น Digital disruption ที่ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับธุรกิจประเภทใด การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการเติบโตของ E-Commerce ที่เปลี่ยนแปลงระบบการขนส่งสินค้า นำมาซึ่งการแข่งขันทางด้านราคาที่รุนแรง ทำให้บริษัทที่ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อที่จะดำรงค์ความสามารถในการแข่งขันได้ในสภาวะปัจจุบัน ในขณะที่ต้องพยายามลดต้นทุนนั้น ความต้องการของลูกค้าก็มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจแต่ละประเภทมีความต้องการหรือรูปแบบในการดำเนินงานที่แตกต่างกันไป จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งที่จะต้องตามให้ทันความต้องการที่หลากหลายไปพร้อมๆกับลดต้นทุนในการทำงาน ซึ่งปัจจุบันใครสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว สามารถนำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับงานได้เหมาะสม ก็จะสามารถปรับปรุงการให้บริการและสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า นำไปสู่การเป็นผู้นำทางธุรกิจอย่างแท้จริง”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,500.00 21,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,393.00 21,117.88 22,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,253.70 19,006.09 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,114.40 16,894.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 627.00 9,505.32 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 488.00 7,398.08 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,444.00 21,891.04 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/11/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 26.25 26.25 26.25 26.25 26.25 26.55 26.25 26.25 26.25 26.25
แก๊สโซฮอล์ 91 25.98 25.98 25.98 25.98 25.98 26.28 25.98 25.98 25.98 25.98
แก๊สโซฮอล์ E20 23.24 23.24 23.24 23.24 23.24 23.24 23.24 23.24 23.24
แก๊สโซฮอล์ E85 19.34 19.34 19.34
เบนซิน 95 33.66 34.11 34.16 33.96 33.96
ดีเซล 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.89 25.59 25.59 25.59 25.59
ดีเซล B10 23.59 23.59 23.59 23.59
ดีเซล B20 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.44 29.46 29.84 29.84 29.84
แก๊ส NGV 15.73 15.73

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า