ทำไม “ลาดพร้าว” ถึงเป็นทำเลศักยภาพที่มูลค่าที่ดินสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ความสะดวกสบายจากระบบคมนาคมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ที่ดิน “ลาดพร้าว” ในปัจจุบันขึ้นแท่นทำเลศักยภาพใจกลางเมืองที่ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะในเรื่องของพื้นที่เพื่อการลงทุนอสังหาฯ การค้าพาณิชย์ หรือแหล่งที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญอย่างศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ธนาคาร โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณห้าแยกลาดพร้าวที่ถือเป็นศูนย์รวมของความสมบูรณ์แบบครบวงจรและเป็นกุญแจสำคัญของเส้นทางการคมนาคมไปสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ อีกด้วย
ลาดพร้าวคือทำเลศักยภาพที่ราคาที่ดินขยับสูงอย่างต่อเนื่อง
ความต้องการในด้านที่อยู่อาศัยบนทำเลลาดพร้าวนั้นสูงขึ้นทุกปีโดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สังเกตได้จากการเพิ่มขึ้นของโครงการอสังหาฯ ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน คอนโดมิเนียม หรือแม้แต่โครงการบ้านเดี่ยว โดยแหล่งอ้างอิงข้อมูลราคาที่ดินจากสรุปราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินเพื่อใช้ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมปี 2559-2562 จากกรมธนารักษ์เผยว่า ถนนลาดพร้าวมีมูลค่าที่ดินอยู่ที่ 250,000 บาทต่อตารางวา โดยมีอัตราขยับสูงขึ้นถึง 13% (เมื่อเปรียบเทียบจากปีพ.ศ. 2548) ซึ่งพื้นที่ใกล้เคียงอย่างบางซื่อขยับขึ้นเพียง 5% ในขณะที่ดอนเมือง-หลักสี่นั้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4% ส่วนห้วยขวางและดินแดงนั้นราคาที่ดินขยับตัวขึ้นมาเพียง 1% เท่านั้น จากข้อมูลจะเห็นได้ชัดว่าย่านลาดพร้าวนั้นมีอัตราการดีดตัวของราคาขึ้นสูงที่สุด และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากมาย ทั้งความเจริญของแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่มีทุกสิ่งครบครับไม่ต่างจากย่านสยามหรือทองหล่อ หากแต่มีตัวเลือกการคมนาคมที่หลากหลายกว่า และมีโครงการขนส่งระบบรางที่กำลังก่อสร้างอย่าง “สถานีกลางบางซื่อ” ที่คาดว่าจะสมบูรณ์แล้วเสร็จทุกส่วนในปี 2575 และเป็นไปได้ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า ราคาที่ดินแถวลาดพร้าวนั้นอาจจะมีแนวโน้มที่ขยับตัวสูงขึ้นได้มากกว่า 13% จากที่เคยเป็นมา ด้วยแวดล้อมมากมายที่ทำให้ ลาดพร้าว เปรียบเสมือนเป็นใจกลางเมืองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
ลาดพร้าวคือฮับแห่งการเชื่อมต่อสู่จุดหมายที่หลากหลาย
ทำเลลาดพร้าวนั้นมีความสะดวกสบายในเรื่องของการเดินทางครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจชั้นในหรือการเดินทางออกสู่จังหวัดต่างๆ อีกทั้งยังมีไฮไลท์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น คือโครงการศูนย์กลางระบบรางแห่งใหม่ของประเทศไทยซึ่งเป็นสถานีรถไฟไทยที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนอย่าง “สถานีกลางบางซื่อ” ที่จะมาแทนที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อรองรับโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างไปกว่า 65% คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 เป็นชุมทางรถไฟ 24 ชานชาลาที่รวบรวมไว้ทั้งแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเส้นทางลาดพร้าว-สำโรงที่มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าวไปตามแนวถนนลาดพร้าว โดยเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินยาวไปจนถึงสถานีสำโรงที่เป็นจุดตัดถนนสุขุมวิท นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยายจากสถานีลาดพร้าวบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าวไปถึงบริเวณแยกรัชโยธิน โดยสถานีแรกจะตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลอาญาซึ่งห่างจาก บ้านเดี่ยวโครงการสุดท้าย The Gallery House Patternเพียง 550 เมตร และสถานีที่สองจะตั้งอยู่บริเวณแยกรัชโยธิน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปสู่รถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตได้อีกด้วย ทั้งนี้บริเวณโดยรอบของ สถานีกลางบางซื่อ นั้นยังมีแผนพัฒนาที่ดินโดยมีการแบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ ZONE A ศูนย์กลางแหล่งธุรกิจ อาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์อาหาร, ZONE B ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับอาเซียนทั้งค้าปลีกและค้าส่ง, ZONE C ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนกำแพงเพชร 2 และ ZONE D อาจพัฒนาเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการโดยสาร รวมไปถึงคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวยังสามารถเลือกใช้ทางยกระดับอุตราภิมุขและทางยกระดับศรีรัชเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาในเรื่องของการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ที่โครงการ The Gallery House Pattern บ้านเดี่ยวโครงการสุดท้ายบนทำเลนี้ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวเพื่อสร้างและรองรับการขยายครอบครัวบนที่ดินลาดพร้าวใจกลางเมือง ที่รายล้อมไปด้วยความสมบูรณ์พร้อมทั้งจากภายในและภายนอกโครงการ เอื้ออำนวยความสะดวกต่อการใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน อีกทั้งยังเดินทางเข้า-ออกสะดวกเพราะติดถนนสามสายพร้อมสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างจากโครงการเพียงไม่กี่นาที ไม่ว่าจะเป็น ถนนลาดพร้าว (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) ถนนรัชดาภิเษก (รถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย) และถนนพหลโยธิน(รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย) ความสะดวกสบายทั้งหมดนี้พร้อมแล้วที่จะให้คุณครอบครอง บนที่ดินผืนสุดท้ายในย่านลาดพร้าวแห่งนี้!
https://www.terrabkk.com
เด็ดปีกนักเก็งกำไรคอนโด สคบ.ไฟเขียวริบเงินดาวน์
นักเก็งกำไรป่วนตลาดอสังหาฯ 5 แสนล้าน สวมรอยผู้บริโภคฟ้อง สคบ.ถูกริบเงินดาวน์ 800 ราย “นายกคอนโดฯ” ฉะแหลก แฉลูกค้าซื้อลงทุน-เก็งกำไรพุ่ง 50% ถ้าขายต่อไม่ได้หาข้ออ้างยื้อโอน ชี้ กม.แพ่งถ้าลูกค้าผิดสัญญาสร้างเสร็จไม่รับโอนเปิดช่องให้ริบเงิน ขาใหญ่โครงการห้องชุด “ดีแลนด์-เอพี-พฤกษา” ประสานเสียงทำตามสัญญาเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะบูมของตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน นำไปสู่จำนวนคดีร้องเรียนของผู้บริโภคอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับการถูกริบเงินจอง-เงินดาวน์เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดมี 800 ราย ทำให้หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเชิญตัวแทน 3 สมาคม หารือเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และจากการสอบถามไปยังดีเวลอปเปอร์ทั้งรายใหญ่-รายกลาง มีคำตอบสอดคล้องกันคือ ผู้ซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ เป็นเรียลดีมานด์ หรือซื้อเพื่ออยู่จริง 100% ขณะที่ผู้ซื้อคอนโดฯมีสัดส่วนลูกค้าแอบแฝง โดยเป็นผู้ซื้อลงทุนกับซื้อเก็งกำไรสูงถึง 50%
สคบ.เชิญหารือ 3 สมาคม
นายอุฬาร จิ๋วเจริญ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถิติข้อร้องเรียนอสังหาริมทรัพย์มีประเด็นการถูกริบเงินจอง-เงินดาวน์เพิ่มสูงขึ้น โดยเบียดมากับข้อร้องเรียนสร้างช้าและมีข้อชำรุดบกพร่อง จึงเชิญผู้ประกอบการมาหารือ วันที่ 8 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา
มีตัวแทนจาก 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย ธุรกิจบ้านจัดสรร และอสังหาริมทรัพย์ไทย ทางผู้ประกอบการชี้แจงว่า ผู้ซื้ออสังหาฯในปัจจุบันแบ่งเป็นผู้ซื้อเรียลดีมานด์ หลังสร้างเสร็จมีพฤติกรรมรับโอนแต่โดยดี อีกกลุ่มผู้ซื้อเก็งกำไร มีพฤติกรรมขายต่อเพื่อให้มีส่วนต่างกำไร หากขายต่อไม่ได้จะไม่ยอมรับโอนเด็ดขาด
“ให้โจทย์ 3 สมาคม กรณีผู้บริโภคผิดสัญญาคือไม่รับโอนเพราะกู้ไม่ผ่าน ผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่จะริบเงินดาวน์ทั้งหมด ก็ขอความเห็นใจควรจะคืนให้เขาบ้าง ให้ไปลองพิจารณาดูว่าสัดส่วนในการจะคืนควรเป็นเท่าไหร่ เพราะเรื่องถึงศาล ทางศาลมักมีคำพิพากษาว่า เงินจอง-เงินทำสัญญาสามารถริบได้ ส่วนเงินดาวน์ต้องคืน”
กฎเหล็กไม่คุ้มครอง “เก็งกำไร”
สาเหตุที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาดู เพราะข้อกำหนดเงินดาวน์ผู้ประกอบการบางรายระบุในสัญญา บางรายไม่ระบุในสัญญา เมื่อไม่มีหลักเกณฑ์กลาง เวลามีคดีร้องเรียนเข้ามาต้องไกล่เกลี่ยทุกราย กลายเป็นภาระสคบ. ซึ่งปฏิเสธผู้ร้องเรียนก็ไม่ได้ เป็นภาระของผู้ประกอบการด้วยที่ต้องเข้ามาชี้แจง
กรณีลูกค้าซื้อเก็งกำไร อาทิ ซื้อยกฟลอร์,ซื้อคนละ 3-4 ห้อง หรือชื่อเดียวกันซื้อหลายโครงการ หากเป็นคดีฟ้องร้องไปที่ศาลและมีข้อพิสูจน์ทราบได้ ศาลอาจไม่ให้คืนเงินดาวน์ รวมทั้งนโยบายสคบ.ก็ชัดเจนว่า ผู้ซื้อเก็งกำไรไม่ใช่ผู้บริโภคตัวจริงจะไม่ดูแล แนวทางปฏิบัติคือไม่ดำเนินการฟ้องร้องคดีให้
บ้านจัดสรรปัญหาจิ๊บจ๊อย
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการกานดา พร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่า พฤติกรรมลูกค้าเรียลดีมานด์ส่วนใหญ่รับโอนเพราะซื้ออยู่อาศัยจริง ปัญหาไม่รับโอนเกิดขึ้นในตลาดบ้านจัดสรรน้อยมาก เพราะไม่มีลูกค้าเก็งกำไร
“กานดาฯ มีนโยบายยืดเวลาให้ 45 วัน หากยังไม่สามารถรับโอนจะคืนเงินดาวน์ทุกกรณี เพราะต้องการนำบ้านมารีเซลให้เร็วที่สุด”
นายรุ่งรัตน์ ลิ้มทองแท่ง กรรมการผู้จัดการ บจ. ซื่อตรงกรุ๊ป กล่าวว่า โมเดลธุรกิจบ้านแนวราบส่วนใหญ่ขายบ้านสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ตัดขั้นตอนการวางเงินดาวน์ เพราะจองซื้อต้องรับโอนเร็วใน 7-30 วัน ขณะเดียวกันการวางเงินดาวน์ก็มีระยะสั้น 6-8 เดือน ไม่เหมือนตลาดคอนโดฯที่วางเงินดาวน์ 12-36 เดือนใช้เวลานานกว่า จึงมีความเสี่ยงลูกค้าไม่รับโอนมากกว่า
http://www.bkkcitismart.com
เชื่อมั่นเศรษฐกิจอีสานทรุดต่อเนื่อง4ไตรมาส คะแนนศก.รัฐบาลต่ำสุดรอบ4ปี
ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน ชี้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจอีสานทรุดตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาส ส่งผลคะแนนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลต่ำสุดในรอบ 4 ปี
วันนี้ (3กรกฎาคม2561) อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2561” ผลสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจอีสานในไตรมาสที่ 2/2561 ผลการสำรวจพบว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจอีสานในไตรมาสที่ 2/2561 ยังต่ำกว่าร้อย หรือความเชื่อมั่นแย่ลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว และต่ำกว่าร้อยต่อเนื่อง 4 ไตรมาส และมีแนวโน้มแย่ลงต่อเนื่องในไตรมาส 3/2561 แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้น แต่กลุ่มที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางในอีสานยังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ราคาน้ำมันแพง รายได้ไม่พอรายจ่าย หนี้สิน เป็นต้น ส่งผลคะแนนด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือนและระดับจังหวัด เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและคำนวณดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานในไตรมาส 2/2561 และประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30มิถุนายน – 2กรกฎาคม 2561จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,109รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ เศรษฐกิจและการค้าของจังหวัด รายได้ครัวเรือน สภาพคล่องการเงินครัวเรือน และการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคและบริโภคของครัวเรือน และทำการประมวลผลได้ดัชนีต่างๆ ซึ่งมีค่าระหว่าง 0-200 ถ้าค่าดัชนีต่ำกว่า 100 คือ แย่ลง/ลดลง เท่ากับ 100 คือ ทรงตัว/เท่าๆเดิม และมากกว่า 100 คือ ดีขึ้น/เพิ่มขึ้น
http://www.bangkokbiznews.com
บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่าที่ 33.15 บาทต่อดอลลาร์
จากความผันผวนในต่างประเทศ ตลาดจับตาเงินหยวนและเงินบาทเริ่มพักฐาน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงิน ตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.15บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปิดตลาดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 33.18 บาทต่อดอลลาร์
ในคืนที่ผ่านมาตลาดการเงิน มีความผันผวนตามความเคลื่อนไหวของข่าวดีและร้ายในแต่ละประเทศ ดัชนี S&P500 ของสหรัฐปรับตัวลง 0.5% จากเรื่องสงครามการค้าที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงอย่างรวดเร็วและบริษัทของสหรัฐเริ่มได้รับผลกระทบ สวนทางกับหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx600 ปรับตัวขึ้น 0.8% เนื่องจากการเมืองยุโรปหาข้อตกลงเรื่องผู้อพยพได้
ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานต่อภาวะเศรษฐกิจระดับครัวเรือนและระดับจังหวัด เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและคำนวณดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานในไตรมาส 2/2561 และประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30มิถุนายน – 2กรกฎาคม 2561จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,109รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ เศรษฐกิจและการค้าของจังหวัด รายได้ครัวเรือน สภาพคล่องการเงินครัวเรือน และการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคและบริโภคของครัวเรือน และทำการประมวลผลได้ดัชนีต่างๆ ซึ่งมีค่าระหว่าง 0-200 ถ้าค่าดัชนีต่ำกว่า 100 คือ แย่ลง/ลดลง เท่ากับ 100 คือ ทรงตัว/เท่าๆเดิม และมากกว่า 100 คือ ดีขึ้น/เพิ่มขึ้น
http://www.bangkokbiznews.com
ทิศทางพลังงานไทย กระแสโซลาร์มาแรง
ท่ามกลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ในตลาดโลก ไทยต้องเร่งวิจัยรองรับ ขณะที่ภาครัฐต้องมีกลไกจูงใจให้ใช้นวัตกรรมในประเทศ ด้านเอกชน-กฟผ.-กกพ. เร่งเดินหน้าขยายการใช้พลังงานแดดและพลังงานหมุนวียนอื่นๆ
บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดเสวนา “ทิศทางพลังงานไทย ในกระแสโซลาร์มาแรง” หวังสร้างการรับรู้เรื่องของพลังงานทางเลือกให้กับประชาชน วิทยากรเริ่มจาก บุญรอด สัจจกุลนุกิจ นักวิชาการจากเจจีซี กล่าวว่า หากมองเรื่องเทคโนโลยีตัวโซลาร์เซลล์ ไทยเราตามไม่ทันจีนแน่นอน ด้วยมีจุดแข็งทั้งเรื่องของประสิทธิภาพและราคา ที่แม้สหรัฐหรือเยอรมนีที่เป็นผู้นำด้านนี้มาก่อนก็ต้องยอมแพ้
“นักวิจัยด้านนี้ของเรามีอยู่น้อย ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตัวก้อนเซลล์ที่หากเราจะเร่งวิจัยก็ตามผู้นำอย่างจีนไม่ทันแน่นอน ทำให้ภาคธุรกิจของไทยที่ทำเรื่องโซลาร์เซลล์นิยมนำเข้ามาประกอบ ส่วนที่เหลืออีกราว 80% ของระบบจะใช้วัสดุในประเทศ ดังนั้น หากจะวิจัยและพัฒนาด้านนี้ ต้องมองข้ามช็อตไปในอนาคต หรือเลือกที่จะพัฒนาในส่วนของ 80% ที่เหลือ เช่น อินเวอร์เตอร์ ที่เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นและเรามีศักยภาพที่จะพัฒนาได้ ที่สำคัญคือ ภาครัฐต้องสนับสนุน วางกลไกจูงใจ ดังเช่นในมาเลเซียที่รูปแบบการใช้โซลาร์เซลล์เหมือนไทย และรัฐจูงใจด้วยการให้ค่าแอดเดอร์ที่สูงขึ้นสำหรับคนที่ใช้ระบบโซลาร์เซลล์ที่ใช้อินเวอร์เตอร์ที่พัฒนาและผลิตในประเทศนั่นเอง”
มุมมองเช่นนี้ ตรงกับความต้องการใช้งานของภาคอุตสาหกรรมที่ ศ.ดุสิต เครืองาม นายกสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย มองว่า พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด จากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ปี 2558-2579 ที่ตั้งเป้าว่าภายใน 20 ปีข้างหน้า จะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 20% ของประเทศ หรือประมาณ 1.9 หมื่นเมกะวัตต์ สิ่งที่เอกชนต้องการเพื่อส่งเสริมเรื่องของโซลาร์รูฟ หรือการใช้แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคานั้น ต้องการกลไกสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระเบียบโซลาร์รูฟเสรี โซลาร์รูฟภาคประชาชน และเรื่องของ Third Party Access (TPA) ที่เอื้อให้เอกชนสามารถใช้ระบบจำหน่าย ระบบสายส่งเป็นทางผ่านได้
ในขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องให้แก้ไขกฎกระทรวงเพื่อยกเลิกบัญชีแนบท้ายลำดับที่ 88 (รง.4) โดยมีระเบียนรองรับโรงไฟฟ้าแทน รง.4 และยกเลิกใบอนุญาตผลิตพลังงานควบคุม (พค.2) ที่ซ้ำซ้อนกับใบอนุญาตผลิตพลังงาน รง.4 ที่สำคัญคือ มีกาเรรียกร้องให้ปรับปรุงกริดโค้ด (Grid Code) ของ กฟน. และกฟผ. เช่นเรื่องของรีเลย์ ค่าบริการที่ไม่มีเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน ระยะเวลาที่นาน รวมถึงเรื่องของค่าธรรมเนียม Back Up Fee อีกด้วย
เอกชน-รัฐต้องร่วมใจ
ภาครัฐอย่าง วีรพล จิรประดิษฐกุล กรรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ สหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ การไฟฟ้าฝ่าผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มองในทิศทางเดียวกันทั้งในเรื่องของค่าธรรมเนียม ที่ต้องคำนวณต้นทุนการวางระบบให้ตอบความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ แต่หากมีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง ความต้องการจะลดลง แต่ต้นทุนค่าระบบเท่าเดิม ทำให้อาจต้องปรับขึ้นค่าไฟ ส่งผลกระทบต่อคนที่ไม่ได้ผลิตไฟใช้เอง ค่าธรรมเนียมจะมาลดภาระด้านนี้ ในขณะเดียวกัน เรื่องของ “กริดโค้ด” จะเป็นการป้องกันในกรณีที่กระแสไฟจากระบบผลิตไฟจากโซลาร์เซลล์ที่จะย้อนกลับเข้ามาในระบบไฟฟ้า ส่งผลต่อความถี่ของพลังงานในระบบไฟฟ้าที่ผันผวนจากปริมาณพลังงานที่เข้าและออก รวมถึงอาจมีตัวกวนระบบจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่คุณภาพไม่ดี ทั้งหมดจะส่งผลต่อระบบหลัก และอาจสร้างความเสียหายในระดับประเทศได้
สำหรับวิธีแก้ที่มีการเตรียมการเอาไว้มีทั้งการติดตั้ง Energy Storage เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานอย่างราบรื่น ควบคุมความถี่และการเปลี่ยนผ่านของพลังงานได้ โดยปัจจุบัน กฟผ. มีโครงการ Battery Energy Storage System Project ที่แม่ฮ่องสอน กำลังไฟฟ้า 4 เมกะวัตต์ จะช่วยลดเวลาในการเกิดไฟดับเหลือน้อยกว่า 500 นาทีต่อปี จากเดิมที่สูงถึง 2,614 นาทีต่อปี และมีอีก 2 โครงการที่อยู่ระหว่างการอนุมัติโครงการคือ สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ กำลังไฟฟ้า 16 เมกะวัตต์ และ สถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาล จ.ลพบุรี กำลังไฟฟ้า 21 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจำนวนมาก และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
http://www.bangkokbiznews.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 4/07/2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,600.00 |
19,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,270.00 |
19,253.20 |
20,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,143.00 |
17,327.88 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
572.00 |
8,671.52 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
445.00 |
6,746.20 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,316.00 |
19,950.56 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 4/07/2561
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
29.25
|
29.25
|
34.29
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
29.25
|
30.30
|
29.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
|
26.74
|
27.39
|
26.74
|
26.74
|
– |
26.74
|
26.74
|
27.79
|
26.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
21.14 |
21.14 |
– |
– |
– |
– |
– |
21.14 |
21.14 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
28.98 |
เบนซิน 95 |
36.36 |
– |
– |
– |
36.81
|
– |
36.86 |
36.86 |
36.86 |
36.86 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
28.79
|
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
31.79 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
14 Jun 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |
29 May 05:00 |