สำรวจดีมานด์ที่อยู่อาศัย ชี้“บ้านเดี่ยว-ราคาต่ำ2ล้าน”มาแรง
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สำรวจความต้องการ “ที่อยู่อาศัย” ของประชาชนทั่วประเทศผ่านแอพพลิเคชั่น “คนไทยมีบ้าน” หรือ Home for All รวมทั้งผ่านเว็บไซต์ ธอส.และศูนย์ข้อมูลฯ
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ 2 และรักษาการผู้อํานวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. กล่าวว่าการสำรวจอยู่ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ย.2560 จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 78,586 ราย ผู้ตอบแบบสำรวจ ส่วนใหญ่ 42.4% อยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รองลงมาอยู่ในภาคเหนือ 17.3% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15.2% ภาคตะวันออก 9.4% ภาคใต้ 9% ภาคกลางและภาคตะวันตกมีสัดส่วนเท่ากัน 3.3%
ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ปานกลาง-รายได้น้อย เนื่องจาก 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีรายได้ไม่ถึง 35,000 บาทต่อเดือน
พบว่ากลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัย จำนวน 70,068 ราย หรือ 89.2% และกลุ่มที่ไม่มีความต้องการที่อยู่อาศัย แต่ต้องการสินเชื่อด้านอื่น ๆ 8,518 ราย หรือ 10.8%
ในกลุ่มที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย 46,095 ราย หรือ 65.8% และมีความต้องการปลูกสร้างบ้าน 23,973 ราย หรือ 34.2%
หากวิเคราะห์เฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อในช่วง 1-3 ปี (2560-2562) จำนวน 40,338 ราย สัดส่วน 87.5% อีก 5,757 ราย หรือ 12.5% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ถือเป็นกลุ่มที่มีความต้องการในอนาคต ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนในการตัดสินใจ
กลุ่มที่มีความต้องการซื้อในช่วงปี2560-2562 จำนวน 40,338 รายนี้ กลุ่มที่มีความพร้อมในการผ่อนชำระสินเชื่อ ซึ่งเป็นกลุ่มความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพ หรือมีความสามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้ พบว่ามีความต้องการซื้อ “บ้านเดี่ยว” สัดส่วน 57.3% รองลงมาทาวน์เฮาส์ 25.1% คอนโดมิเนียม 8.81% บ้านแฝด 4.6% และอาคารพาณิชย์ 4.1%
ด้านราคาที่อยู่อาศัยที่ต้องการซื้อ ส่วนใหญ่ 34.7% ต้องการซื้อในช่วง 1-2 ล้านบาท รองลงมาราคา 7 แสนบาท-1 ล้านบาท 15%
“จะเห็นได้ว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีสัดส่วนรวมกัน 45% ส่วนราคา 1- 3 ล้านบาท รวมกัน 47.7% ส่วนราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป 7.3%”
สำหรับ ทำเลหรือจังหวัดที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่าเขต กรุงเทพฯ–ปริมณฑล สูงสุดที่ 53.2% รองลงมาเป็นภาคตะวันออก 11.5% ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน 10.6% และ 10.3% ตามลำดับ ภาคใต้ 8.3% ภาคตะวันตก 3.2% และภาคกลาง 3%
ทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และภาคตะวันออก เป็นภาคที่มีสัดส่วนความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1-3 ล้านบาท มากกว่าราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนภาคอื่นๆ อยู่ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มากกว่าราคา 1- 3 ล้านบาท
ขณะที่ความต้องการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยจำนวน 23,973 ราย สัดส่วน 30.5% ในกลุ่มที่ต้องการปลูกสร้างช่วง 1-3 ปีนี้ จำนวน 19,109 ราย กลุ่มที่มีศักยภาพหรือมีความสามารถที่จะผ่อนชำระได้ มีจำนวน 28%
ด้านราคาที่อยู่อาศัยที่ต้องการปลูกสร้าง ส่วนใหญ่ 21.7% อยู่ที่ 1-2 ล้านบาท รองลงมาต้องการปลูกสร้างในช่วงราคา 7 แสนบาท- 1 ล้านบาท สัดส่วน 18.7%
“ความต้องการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีสัดส่วนรวมกัน 70% ส่วนราคา 1-3 ล้านบาท มีสัดส่วน 27.2% ราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนรวมกัน 2.8%”
ภาคที่มีความต้องการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยมากที่สุด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สัดส่วน 33.1% รองลงมาเป็นภาคเหนือ 24% ภาคใต้ 12.7% กรุงเทพฯ-ปริมณฑล สัดส่วน 10.6% ภาคตะวันออก 8.2% ภาคตะวันตก 6.5% และภาคกลาง 4.8% ในแต่ละจังหวัดของแต่ละภูมิภาค จะมีความต้องการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยกระจายไปยังอำเภอต่างๆ ไม่กระจุกตัวอยู่ในอำเภอเมือง หรืออำเภอที่เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด
ในด้านราคาที่อยู่อาศัยที่ต้องการปลูกสร้าง ส่วนใหญ่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท รองลงมา 1-3 ล้านบาท ส่วนราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวนน้อยที่สุด
สรุปได้ว่าภาพรวมความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่มีศักยภาพ ในช่วงปี 2560-2562 สัดส่วนกว่า 60% ทั่วประเทศ
http://www.bangkokbiznews.com
ค่าเช่าสำนักงานไทยพุ่งต่อเนื่อง แตะ 1,000 บาท/ตร.ม. อัตราเช่ากว่า 90%
ตลาดสำนักงานให้เช่าในประเทศไทยปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นทางธุรกิจของระบบเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้หลาย ๆ บริษัททั้งไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะต้องการพื้นที่สำนักงานเพิ่ม ซึ่งจากการสำรวจแนวโน้มตลาดสำนักงานในกรุงเทพฯ ของไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ล่าสุดพบว่า พื้นที่สำนักงานใหม่ให้เช่าในเขตกรุงเทพฯ มีการขยายตัวทั้งด้านอุปทานและอุปสงค์ แม้อัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยประจำไตรมาสจะทรงตัว แต่ยังคงปรับเพิ่มขึ้น 1.5% ต่อปี ซึ่งต่อไปในอนาคตผู้เช่าสำนักงานในกรุงเทพฯ จะต้องเผชิญกับปัญหาอัตราค่าเช่าสำนักงานที่สูงขึ้น โดยที่คุณภาพและทำเลไม่ต่างกัน
สิ้นปี 60 อุปทานเพิ่ม กว่า 64,000 ตร.ม.
จากรายงานของไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่า จำนวนอุปทานสำนักงานในไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ 4,877,670 ตารางเมตร โดยอาคารสำนักงานที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ อาคารเกษร ทาวเวอร์ พื้นที่ 32,312 ตารางเมตร กับอาคารภิรัชทาวเวอร์ที่ไบเทค พื้นที่ 31,880 ตารางเมตร คาดว่าภายในสิ้นปี 2560 จะมีอุปทานเพิ่มเข้ามาในตลาด 64,192 ตารางเมตร และในสิ้นปี 2562 จะมีอุปทานใหม่ซึ่งรวมโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างทั้งสิ้น 350,511 ตารางเมตร ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อาคารสำนักงานใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ จะตั้งอยู่นอกพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจที่กำลังเติบโตเป็นพื้นที่พาณิชย์แห่งใหม่
สิ้นปี 60 จำนวนอุปทาน สำนักงานเพิ่ม
อาคารเกรด A-B ผู้เช่ากว่า 90% ค่าเช่าแตะ 1,000 บาท/ตร.ม.
ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีพื้นที่ที่ถูกครอบครองในตลาดสำนักงานรวมทั้งสิ้น 4,454,894 ตาราเมตร คิดเป็นอัตราครอบครองรวม 90.82% โดยอัตราพื้นที่ว่างของอาคารเกรด A โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5% อาคารเกรด B อยู่ที่ 6.45% และอาคารเกรด C อยู่ที่ 12.14% โดยอุปสงค์นี้แสดงการเติบโตเพียงเล็กน้อยทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี 2555
ส่วนอัตราค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในเขตกรุงเทพฯ มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา อัตราค่าเช่าที่ตั้งไว้โดยเฉลี่ยในไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ 702 บาท/ตารางเมตร/เดือน แม้จะยังทรงตัวจากไตรมาสที่แล้ว แต่อัตราค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคาดว่าแนวโน้มนี้จะยังคงเดิมในไตรมาส 3 และในอนาคต อัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยต่อเดือนของสำนักงานเกรด A อยู่ที่ 952 บาท/ตารางเมตร/เดือน อาคารเกรด B อยู่ที่ 705 บาท/ตารางเมตร/เดือน และอาคารเกรด C อยู่ที่ 450 บาท/ตารางเมตร/เดือน ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 เริ่มเห็นภาพอาคารสำนักงานหลายแห่งในกรุงเทพฯ ตั้งอัตราค่าเช่ามากกว่า 1,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน
เทียบต่างประเทศ ฮ่องกงแพงอันดับ 1
แม้ว่าอัตราค่าเช่าสำนักงานในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ จะมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จากข้อมูลของไนท์แฟรงค์ที่ได้สำรวจอาคารเชิงพาณิชย์ที่สูงกว่า 30 ชั้น จาก 23 เมืองทั่วโลก พบว่า อัตราค่าเช่าสำนักงานในฮ่องกงสูงที่สุดในโลก โดยอัตราค่าเช่าในกรุงเทพฯ เป็นเพียงแค่ 10% ของอัตราค่าเช่าสำนักงานในฮ่องกง และยังไม่ถึงครึ่งของสิงคโปร์
ทั้งนี้ อัตราค่าเช่าสำนักงานในฮ่องกงสูงที่สุดในโลกเป็นปีที่ 4 แล้ว โดยอยู่ที่ 304 ดอลล่าร์/ตารางฟุต ห่างจากอันดับที่ 2 อย่างนิวยอร์ก ซึ่งมีอัตราค่าเช่า 162 ดอลล่าร์/ตารางฟุต ถึง 88% อันดับต่อมาคือ โตเกียว มีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 140 ดอลล่าร์/ตารางฟุต ซานฟรานซิสโก 117 ดอลล่าร์/ตารางฟุต และลอนดอน 110 ดอลล่าร์/ตารางฟุต ซึ่งทุกเมืองเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจชั้นนำของโลกทั้งสิ้น ในขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 22
http://www.ddproperty.com
คลังเร่งทบทวนมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” เล็งยืดเวลาให้นานขึ้น กระตุ้นการใช้จ่าย
กระทรวงการคลัง เร่งศึกษาข้อดี-ข้อเสีย “มาตรการช้อปช่วยชาติ” เล็งขยายเวลาให้นานกว่าเดิม ดึงประชาชนออกมาใช้จ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นำมาตรการ “
ช้อปช่วยชาติ” มาพิจารณากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีอีกครั้ง
โดยให้ศึกษารายละเอียดเรื่องการเพิ่มระยะเวลาใช้มาตรการให้นานขึ้นนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างทบทวนข้อดี-ข้อเสียของมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อเป็นตัวเลือกในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดท้ายของปี 2560 เพื่อให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ระดับ 4-5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3.8-3.9% แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ จนกว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและประกาศบังคับใช้
โดยเบื้องต้นหากมีมาตรการช้อปช่วยชาติออกมา ก็จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงสิ้นปี หลังจากที่ผ่านพ้นจากพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งประชาชนอยู่ในบรรยากาศโศกเศร้า กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่มีการเคลื่อนไหว การมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจะช่วยทำให้เศรษฐกิจก้าวเดินต่อไปได้
แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการช้อปช่วยชาติก็มีข้อเสีย เนื่องจากหลังเคยใช้มาตรการนี้มาแล้ว 2 ครั้งเมื่อปี 2558 และปี 2559 ก็พบว่าประชาชนจะรอจับจ่ายในช่วงที่ออกมาตรการ ส่งผลให้มีการชะลอการใช้จ่ายในช่วงอื่น ซึ่งหากในปีนี้จะมีการใช้มาตรการช้อปช่วยชาติ ก็จะมีการประกาศและมีผลทันที เพื่อไม่ให้ประชาชนชะลอการใช้จ่ายเหมือนที่ผ่านมา
https://money.kapook.com
กรุงศรีฯ ปรับเป้าจีดีพี มีลุ้นแตะ 4%-ส่งออก-ลงทุนหนุน
นายสมประวิณ มันประเสิรฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยเศรษฐกิจและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 3.8% จากเดิม 3.6% โดยปัจจัยหลัก ๆ มาจากการส่งออก และการท่องเที่ยว ก็มีการขยายตัวได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับเม็ดเงินจากโครงการลงทุนภาครัฐที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนปี 2561 คาดการณ์จีดีพี เติบโตที่ 3.7-3.8% ขณะที่ส่งออกยังคงประมาณการเติบโตที่ระดับ 6.5% และปีหน้าที่ 4.5%ซึ่งอาจจะต่ำกว่าปีนี้ เนื่องจากฐานที่สูงขึ้น แต่แนวโน้มโดยรวมยังดีจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัวได้ดี
“จากตัวเลขจีดีพีที่เราประมาณการไว้ 3.8% แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะโตได้ถึง 4% ถ้าการส่งออกโตมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเราก็มองว่าอาจจะได้ถึง 8-10% ก็ได้ เพราะการส่งออกโตมากกว่าสองหลักมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตของภาคเอกชนก็เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 6 ปี สะท้อนให้เห็นว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น การท่องเที่ยวก็ยังดี ขณะที่การลงทุนภาครัฐที่เม็ดเงินจะเข้ามามากขึ้นในปีหน้าอีก ก็จะเป็นปัจจัยหนุนของเศรษฐกิจในปีหน้าด้วย”
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาในช่วงปลายปีนี้นั้น นายสมประวิณ กล่าวว่า เป็นมาตรการระยะสั้น ซึ่งยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการทางการคลัง เพราะจะเป็นการดึงกำลังซื้อในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัว เนื่องจากปัจจุบัน เศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวในทิศทางที่ดีทำให้มาตรการทางการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ ควรปล่อยให้เศรษฐกิจเดินไปตามกลไลตลาดจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังเผชิญปัญหาโครงสร้างระยะยาวที่ต้องแก้ปัญหาเพื่อให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน ซึ่งปัญหาเชิงโครงสร้างเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถขยายตัวได้ 7-8% เหมือนในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นการขยายตัวได้เพียง 3-4%
คาดบาทมีแนวโน้มแข็งค่าในปี 2561
ขณะที่กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า แม้ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ย Fed funds ไว้ในช่วง 1.00-1.25% ตามความคาดหมาย แต่เฟดก็ส่งสัญญาณว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไป ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 12-13 ธันวาคม ส่วนในปี 2561 คาดว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้ง แนวโน้มการปรับดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวังนี้สะท้อนว่านโยบายการเงินภายใต้การนำของนายพาเวล ซึ่งมีแนวคิดด้านนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดแบบสายเหยี่ยวน้อยกว่าตัวเก็งคนอื่น ๆ จะก่อให้เกิดความต่อเนื่องด้านนโยบายใกล้เคียงกับนางเยลเลน ประธานคนปัจจุบันมากที่สุด
ทั้งนี้ เรามองว่า เงินบาทมีทิศทางแข็งค่าในปี 2561 เนื่องจากปัจจัยบวกที่จะหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดโลก จากการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจมีผลน้อยลง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ จะล่าช้าออกไปท่ามกลางความขัดแย้งภายใน ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำแห่งอื่น ๆ เริ่มทยอยปรับสมดุลนโยบายในระยะข้างหน้า
https://mgronline.com
คำศัพท์ที่ความหมายเหมือนคล้ายกัน แต่ใช้ต่างกัน
1. price value cost
price : ราคา ตัวนี้เน้นที่ป้ายราคา
value : มูลค่า
cost : ราคา ตัวนี้เน้นที่ตัวสินค้า
2. say speak talk
ใช้ต่างกันอย่างไรนั้น แล้วแต่ว่าสถานการณ์นั้นพูดถึงอะไรค่ะ
talk : ไม่เป็นทางการ แปลว่า คุย
speak : เป็นทางการกว่า แปลว่า พูด
say : มักเป็นการกล่าวอ้างถ้อยคำ แปลว่า บอก หรือ กล่าว
Examples
I speak five languages. ฉันพูดได้ห้าภาษา =ในแง่นี้จะใช้อีกสองคำนั้นไม่ได้ค่ะ
Can you speak English? คุณสามารถพูดภาษาอังกฤษได้หรือไม่
I don’t like to talk to people. หมายถึง การพูดคุยหรือสนทนากับผู้คน==> ฉันไม่ชอบคุยกับคนอื่น
I don’t like to speak to people.หมายถึง การออกไปพูดในที่สาธารณะ==>ฉันไม่ชอบพูดต่อหน้าสาธารณะชน
I say, she says, he says, they say อ้างข้อความ คนนั้นคนนี้พูดว่า… หรือ คนนั้นคนนี้บอกว่า…
3. A little, Little
ทั้งสองคำนี้ใช้กับนามนับไม่ได้เท่านั้น ซึ่งไม่มีการเติม “s”
A little : มีความหมายเหมือนกับ A few เช่น……
He puts a little milk and sugar in his coffee. เขาใส่นมและน้ำตาลเล็กน้อยลงในกาแฟ
little : มีความหมายเช่นเดียวกับ Few เช่น ……
Love me little, love me long. จงรักฉันแต่น้อย แต่รักฉันให้นานๆ(นะจ๊ะ)
4. Accept, Agree
Accept : หมายถึง ยอมรับ (สิ่งของ, ข้อเท็จจริง ,คำเชิญ) เช่น…
He accepted her gift. เขายอมรับของขวัญจากเธอ
We accepted his invitation. เรายอมรับคำเชิญของเขา
Agree : หมายถึง เห็นด้วย ,เห็นชอบด้วย เช่น …
I agree with you in that case. ฉันเห็นด้วยกับคุณในกรณีนั้น
He did not agree to the plan. เขาไม่เห็นด้วยกับแผนการนั้น
5. Afraid, Fear
Afraid : เป็น Adjective ใช้ในรูป To + be + afraid + object
She is afraid of dog. เธอกลัวสุนัข
Fear : เป็นกิริยาและคำนาม
1) ถ้าเป็นรูป to fear + กรรม เช่น
She fears dog. เธอกลัวสุนัข
2) ในกรณีเป็นคำนามเช่น…
I don’t want to walk in the garden for fear of dog. ฉันไม่ต้องการเดินในสวน กลัวสุนัข
6. Among, Between
Among : มีความหมายว่า “ท่ามกลาง”ใช้กับคำนามที่มีมากกว่า 2 เช่น….
He is standing among five of his sons. เขายืนอยู่ท่ามกลางลูกชายทั้ง 5 คนของเขา
Between : มีความหมายว่า “ระหว่าง” ใช้กับนามที่มีอยู่เพียงสองเท่านั้น เช่น…
Jannie is sitting between Ann and Mary. เจนนี่นั่งอยู่ระหว่างแอนและแมรี่
7. Everyday, Every day
Everyday : เขียนติดกัน ใช้เป็น adjective เช่น …
Tell me about your everyday life. จงบอกฉันเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคุณ
Every day : เขียนแยกกัน ทำหน้าที่เป็น Adverb เช่น…
I saw him almost every day. ฉันเห็นเขาเกือบทุกวัน
http://www.edufirstschool.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 6/11/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,900.00 |
20,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,289.00 |
19,541.24 |
20,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,160.10 |
17,587.12 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
580.00 |
8,792.80 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
451.00 |
6,837.16 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,336.00 |
20,253.76 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 7/11/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.65 |
27.65 |
– |
27.65 |
27.65 |
27.65 |
27.65
|
27.65
|
27.65
|
27.65
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.14
|
25.14
|
25.14
|
25.14
|
25.14
|
– |
25.14
|
25.14
|
25.14
|
25.14
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.44 |
20.44 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.44 |
20.44 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
27.38 |
เบนซิน 95 |
34.76 |
– |
– |
– |
34.76 |
– |
34.76 |
34.76 |
34.76 |
34.76 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
26.39 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
29.39 |
29.39 |
29.39 |
29.39 |
29.39 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |
03 Nov 05:00 |