สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 6 ธันวาคม 2560

พลัสฯขยาย”ช็อป”ช่องทางซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาฯ

พลัส พร็อพเพอร์ตี้  ขยายศูนย์ “พลัสช็อป” ให้บริการซื้อ-ขายโครงการใหม่ พร้อมบริการฝากขาย-เช่าโครงการรีเซล  ล่าสุดเปิดสาขาเดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต ตอบโจทย์วิถีคนกรุงเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้เปิดศูนย์ให้บริการด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร “PLUS Shop” เพื่อเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภคได้เข้าถึงบริการได้สะดวก

 โดยในศูนย์ดังกล่าวมีสต๊อกที่อยู่อาศัย เพื่อขาย และเพื่อเช่า ของห้องชุดในโครงการ อาทิ ออนิกซ์ พหลโยธิน, เดอะ เวอร์ติเคิล อารี, เดอะ ไลน์ ราชเทวี, ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี, ริทึ่ม รางน้ำ, โนเบิล รีฟอร์ม รวมถึงยังมีบริการรับฝากขาย-เช่า สำหรับลูกค้าและนักลงทุนที่ใช้บริการผ่านพลัสฯ จึงเป็นเสมือนศูนย์กลางในการขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของ One Stop Contact

ปัจจุบันได้เปิดให้บริการแล้ว 4 แห่ง บนทำเลศักยภาพ โดย 3 แห่งแรกเปิดให้บริการที่หัวหิน ภูเก็ต และในโครงการ T77 และล่าสุดเปิดที่ โครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร –หมอชิต เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ที่สัญจรไปมาดีเกินคาด เนื่องจากทำเลของช็อปใหม่นี้ ตั้งอยู่ในจุดที่ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นระบบขนส่งที่มีผู้โดยสารหนาแน่น อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที

นอกจากนี้ยังตั้งอยู่บนทำเล ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานของบริษัทชั้นนำ รวมถึงอยู่ใกล้ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ และตลาดนัดจตุจักรซึ่งเป็นแหล่งชอปปิงที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ

สำหรับการให้บริการรับฝาก-เช่า อสังหาริมทรัพย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบริการได้รับความสนใจค่อนข้างสูงจากลูกค้าและนักลงทุนในส่วนที่ต้องการนำที่อยู่อาศัยกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ซึ่งจากผลการวิจัยของพลัสฯพบว่า ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมรีเซลเป็นตลาดได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาขายของตลาดรีเซลโดยส่วนใหญ่เฉลี่ยที่ต่ำกว่าโครงการเปิดตัวใหม่ในทำเลเดียวกันค่อนข้างมาก คิดเป็นราคาต่ำกว่าราคาขายคอนโดมือหนึ่งเปิดใหม่  26-44%

อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบโครงการที่เปิดขายในช่วงไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าโดยภาพรวมราคารีเซลต่ำกว่าโครงการที่เปิดใหม่อยู่ที่ 33% โดยโซนที่ราคามีความแตกต่างมากสุดคือโซนริมแม่น้ำ (ต่างกันถึง 44%) สำหรับย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้แก่ โซนเพลินจิต-ชิดลม-อโศก แตกต่างจากโครงการเปิดตัวใหม่ 26% โซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ราคาแตกต่างประมาณ 28% โซนสีลม-สาธร ราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 26% สำหรับโซนพระรามเก้า-ศูนย์วัฒนธรรม ราคาแตกต่างกันอยู่ที่ 32% โซนราชเทวี –พญาไท ราคาแตกต่างกันประมาณ 38% ส่วนโซนสนามเป้า-หมอชิต ราคาแตกต่างประมาณ 32% ส่วนโซนพระโขนง – อ่อนนุช ราคาแตกต่างกันประมาณ 30%

สภาพอาคารของโครงการรีเซลเหล่านี้มักได้รับการดูแลอย่างดี ไม่แตกต่างจากโครงการใหม่มากนัก แม้ว่าวัสดุหรือรูปแบบอาจจะแตกต่างจากโครงการใหม่บ้าง แต่จากราคาที่ต่ำกว่าในทำเลที่ดีไม่ต่างจากโครงการใหม่ จึงทำให้ตลาดรีเซลได้รับการตอบรับที่ดี ปัจจัยหลักมาจากราคาที่สามารถจับต้องได้ง่ายกว่า และทำเลบางแห่งที่ไม่มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นแล้ว

สำหรับการเปิดช็อปดังกล่าวนับเป็นการเปิดประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคได้เข้ามาทดลองใช้บริการแนะนำที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับความต้องการ การชมห้องตัวอย่างและโครงการ และโปรโมชั่นที่อยู่อาศัยโครงการอื่น ในย่านต่างๆ ที่น่าสนใจ

“การเปิดให้บริการพลัสช็อปเป็นหนึ่งในนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี และสร้างบริการที่เพิ่มมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัยในอนาคต” นายอนุกูล กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


‘ทุนต่างชาติ’แห่ลงทุนอสังหาฯ

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังได้รับความสนใจลงทุนจาก“ต่างชาติ”ต่อเนื่อง นำโดยสัญชาติ“ญี่ปุ่น” ที่เห็นการประกาศร่วมทุนเป็นพันธมิตรกับดีเวลลอปเปอร์ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม“บิ๊กเนม” 

รัชภูมิ จงภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีหน้า มีทิศทางกระเตื้องขึ้นจากปีนี้ แต่เป็นอัตราเท่าไรคงต้องรอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐอีกครั้ง

ปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน คือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) การลงทุนระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเส้นต่างๆ  รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากบีโอไอ  ซึ่งเป็นโครงการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับความสนใจจากทุนต่างชาติ อย่างมาก

แม้ที่ผ่านมาจะมีกลุ่ม“ทุนญี่ปุ่น” เข้ามาขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯไปแล้วรายหลาย แต่ในปี 2561 จะเห็นการ“ร่วมทุน” และจับมือเป็นพันธมิตรเพิ่มขึ้นอีก ขณะนี้มีทุนญี่ปุ่น 2-3 รายที่มีชื่อเสียง กำลังอยู่ระหว่างเจรจาการลงทุนในโปรเจคอสังหาฯประเภทต่างๆ

ปัจจุบันกลุ่มทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจการลงทุนในโครงการอีอีซี พื้นที่ศรีราชา  ที่มีการพัฒนาโปรเจคมิกซ์ยูส  โดยมองการลงทุนด้านโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ เพราะเห็นโอกาสเจาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซี

“ผู้ประกอบการญี่ปุ่นตื่นตัวกับโครงการอีอีซี อย่างมาก เพราะเป็นโปรเจคขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ จึงมีโอกาสเข้าไปตอบดีมานด์ที่อยู่อาศัยในโซนดังกล่าว”

ปีที่ผ่านมามีทุนญี่ปุ่น ที่ดำเนินธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ในญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ แบรนด์“ลีโอพาเลซ”(Leopalace) เข้ามาลงทุนเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ ที่ศรีราชา มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยซื้อโครงการต่อจากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้บริการลูกค้าชาวญี่ปุ่น โดยกลุ่มดังกล่าวสนใจลงทุนเพิ่มเติมในศรีราชา ประเภทคอนโดมิเนียม ลักชัวรี

นอกจากนี้ทุนญี่ปุ่นยังสนใจการลงทุนคอนโด โรงแรม และพื้นที่อาคารสำนักงานทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่อีอีซี ขนาดการลงทุนที่สนใจอยู่ที่โครงการละ 1,000-1,500 ล้านบาท โดยมีทั้งดีลการตั้งบริษัทในไทย, การร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น

รัชภูมิ กล่าวว่าด้านการลงทุนอสังหาฯประเภทที่อยู่อาศัย ทำเล“เมืองชั้นใน”ย่านสุขุมวิท ทั้งซอย 12, 14, อโศก,ทองหล่อ ยังคงร้อนแรง ทั้งในกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ไทยและทุนต่างชาติ

ล่าสุดเพิ่งมีการปิดดีลซื้อขายที่ดินแปลงต้นซอยสุขุมวิท 14  และที่กำลังจะปิดดีลในสัปดาห์นี้อีกแปลง  คือ ต้นซอยสุขุมวิท 12  ขนาดที่ดิน 524 ตร.ว. มูลค่าราว 800 ล้านบาท ซึ่งมีทุนญี่ปุ่นและมาเลเซีย สนใจที่ดินแปลงดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการเจรจาสิทธิประโยชน์และการลงทุนร่วมกับเจ้าของที่ดิน เนื่องจากที่ดินเมืองชั้นในมีเหลือไม่มาก บางแปลงเจ้าของที่ดินไม่ต้องการขาย แนวทางการพัฒนาที่ดินจึงต้องเสนอสิทธิประโยชน์ และเป็นการลงทุนร่วมกัน

นอกจากทุนญี่ปุ่น พบว่าผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างรายใหญ่จาก มาเลเซีย ซึ่งมีการลงทุนอสังหาฯ ในฮ่องกงและสหรัฐ  แต่ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยมาก่อน ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาฯไทยเช่นกัน ขณะนี้กลุ่มดังกล่าวสนใจทำเลซอยทองหล่อ  เพื่อพัฒนาโครงการคอนโด โลว์ไรส์ ขนาดการลงทุนราว 1,000 ล้านบาท

กลุ่มทุนต่างชาติยังเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดอาคารสำนักงาน ทำเลกรุงเทพฯ  ย่านรัชดาฯ พระราม4  เนื่องจากการเชื่อมโยงระบบคมนาคมสะดวก อีกทั้งพื้นที่สำนักงานในไทยมีอัตราการเช่าสูงที่ 90%  ผลตอบแทนอยู่ที่ 6%  ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศ

เช่นเดียวกับโอกาสการลงทุนในธุรกิจโรงแรม จากทิศทางการเติบโตต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปีนี้อยู่ที่ 35 ล้านคน

ขณะที่กลุ่มทุนจากจีนและฮ่องกง ที่มีการลงทุนมาก่อนหน้านี้ มองโอกาสขยายการลงทุนอสังหาฯ ในไทยมากขึ้นในปีหน้าเช่นกัน โดยเฉพาะ“จีน”

http://www.bangkokbiznews.com


ภาษีเหล้า-บุหรี่-น้ำมันดิบ ดันเงินเฟ้อเดือน พ.ย. พุ่ง

ภาษีเหล้า-บุหรี่-น้ำมันดิบ ดันเงินเฟ้อเดือน พ.ย. พุ่ง

จากภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของไทยเกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น จากการสำรวจอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยประจำเดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า มีอัตราสูงขึ้นต่อเนื่องตลอด 11 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบ และภาษีสรรพสามิต บุหรี่-เหล้า ที่เพิ่งปรับขึ้นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

เงินเฟ้อสูงแต่อยู่ในกรอบคาดการณ์
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) เดือนพฤศจิกายน 2560 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายน 2560 สูงขึ้นอยู่ที่ 0.99% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับสูงขึ้น ตามราคาในตลาดโลก จากกลุ่มผู้ผลิตลดกำลังการผลิต และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต บุหรี่ เบียร์ ไวน์ สุรา ส่วนผักและผลไม้สด ไข่ไก่ เนื้อสุกร ราคาลดลงเนื่องจากมีปริมาณผลผลิตในตลาดสูง ในขณะที่ความต้องการในตลาดเท่าเดิม ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 11 เดือนขยายตัวสูงขึ้น 0.66% ซึ่งอยู่ในกรอบที่กระทรวงพาณิชย์ประมาณการอัตราเงินเฟ้อใหม่ทั้งปี 2560 ที่ 0.4-1.0% และอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2561 อยู่ที่ 0.6-1.6%

ระดับราคาสินค้าที่เปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ ที่ทำให้เงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายน 2560 สูงขึ้นจากเดือนตุลาคม 2560 ที่ 0.07% มีดังนี้

– กลุ่มพลังงาน สูงขึ้น 1.7% จากน้ำมันเชื้อเพลิง 2.42% (น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด ยกเว้นก๊าซ NGV) จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ส่งผลให้หมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.36%

– อาหารสด ลดลง -1.04% จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตของผักสดและผลไม้เข้าสู่ตลาดมากขึ้นรวมทั้งเนื้อสัตว์ ขณะที่ความต้องการบริโภคคงที่ทำให้ราคาลดลง ได้แก่ ผักคะน้า ผักขึ้นฉ่าย หัวผักกาดขาว ผักกาดหอม กล้วยน้ำว้า ส้มเขียวหวาน มะพร้าวอ่อน เนื้อสุกร ไก่สด ปลาดุก และไข่ไก่ ส่งผลให้หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ลดลง -0.42%

– สินค้าอื่น ๆ ได้แก่ บุหรี่ ปรับสูงขึ้น 0.4% โดยทยอยปรับขึ้นในบางพื้นที่ตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ขณะที่สินค้าบางรายที่ปรับลดลง ได้แก่ เบียร์ สุรา เครื่องใช้ไฟฟ้า (ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เครื่องรับ
โทรทัศน์) ปรับราคาลดลงจากโปรโมชั่นใกล้สิ้นปี 2560

สรุปเงินเฟ้อพบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายน 2560 สูงขึ้นอยู่ที่ 0.99% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สรุปเงินเฟ้อพบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายน 2560 สูงขึ้นอยู่ที่ 0.99% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

เงินเฟ้อพุ่งต่อเนื่องถึงปี 61
สอดคล้องกับรายงานของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรืออีไอซี ซึ่งคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2560 และ 2561 จะอยู่ที่ 0.7% และ 1.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ตามลำดับ โดยปัจจัยหลักที่จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นในปี 2561 มาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (น้ำมันดิบที่มีแหล่งผลิตอยู่ในทะเลเหนือ หรือทะเลที่อยู่ระหว่างเกาะอังกฤษและคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย) เฉลี่ยในปี 2561 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จาก 54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2560 ประกอบกับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตสำหรับบุหรี่และสุราที่จะยังคงมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ขณะที่ราคาอาหารสดโดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ยังมีแรงกดดันจากผลผลิตทางการเกษตรที่อาจมีปริมาณออกสู่ตลาดจำนวนมาก ตามแนวโน้มสภาพอากาศและ

ปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตใน 2561
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำที่ 0.5% และ 0.6% ในปี 2560 และ 2561 ตามลำดับ เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ได้ฟื้นตัวชัดเจนนัก โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ จะถูกปรับราคาขึ้นได้อย่างช้า ๆ

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ทิศทางอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2561 จะเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.1% กรอบประมาณการที่ 0.6-1.5% ส่วนใหญ่จะมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของฝั่งต้นทุนทั้งพลังงานและแรงงาน มากกว่าจะเป็นผลจากความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภค เนื่องด้วยกำลังซื้อของผู้บริโภคในภาพรวมที่ยังถูกกดดันด้วยหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่รายได้ของครัวเรือนยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ภาพรวมการจ้างงานล่าสุดในเดือน ต.ค.2560 ยังไม่ได้ส่งสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดี ก็อาจจะเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อในภาพรวมไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ดี หากภาพเศรษฐกิจไทยสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ดีต่อเนื่องและมีการกระจายการเติบโตให้มีความครอบคลุมมากขึ้น ก็น่าจะส่งผลให้ภาพการจ้างงานปรับตัวดีขึ้นตาม ซึ่งจะเป็นสัญญาณบวกต่อภาพกำลังซื้อในประเทศ

https://www.ddproperty.com


ก.แรงงาน เตรียมเคาะค่าจ้างปี 61

ก.แรงงาน เตรียมเคาะค่าจ้างปี 61

จากประเด็นร้อนแรงเรื่องการปรับค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ทางคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย หรือ คสรท. ออกมาเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำสูงถึงวันละ 600-700 บาท เท่ากันทั้งประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ร้อนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาเบรกแนวคิดดังกล่าวว่าทำได้ยาก แม้จะปรับขึ้นไม่ถึงตามที่กลุ่มแรงงานเรียกร้อง แต่ล่าสุด กระทรวงแรงงานกำลังพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับปี 2561 ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลได้ภายในวันที่ 13 ธันวาคมนี้

ค่าจ้างขั้นต่ำ

ต้องพิจารณารอบด้าน
ขณะนี้กระบวนการพิจารณาการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของของคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองที่จะต้องพิจารณาประกอบหลักเกณฑ์ต่าง ๆ โดยได้กำหนดแนวทางการใช้สูตรคำนวณที่มีการเพิ่มเติมตัวชี้วัดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อาทิ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับในปัจจุบัน ดัชนีชี้วัดค่าครองชีพ อัตราค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ มาตรฐานค่าเฉลี่ยค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิตราคาสินค้าและบริการ ความสามารถในการประกอบธุรกิจ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี รวมทั้งคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน

การพิจารณาการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละครั้งจะมีคณะกรรมการค่าจ้าง เป็นระบบไตรภาคี มีผู้แทนทั้งฝ่ายลูกจ้าง นายจ้าง และภาครัฐ ฝ่ายละ 5 คน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ จากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ ที่จะให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการเพื่อประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างตามหลักการดังกล่าวอีกด้วย

ผู้ใช้แรงงานเสนอคิดค่าจ้างอัตราเดียว
ด้าน คสรท. ไม่เห็นด้วยกับการให้ค่าจ้างลอยตัว และสูตรการคิดค่าจ้างขั้นต่ำของกระทรวงแรงงาน ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อระบบโครงสร้างค่าจ้าง และระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคมมากขึ้น จึงเสนอให้คิดอัตราค่าจ้างเพียงอัตราเดียวทั่วประเทศเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม กระจายรายได้ และดึงคนกลับสู่ท้องถิ่น โดยขอให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการค่าจ้างระดับจังหวัด คงไว้เพียงคณะกรรมการค่าจ้างระดับประเทศชุดเดียว และที่มาของคณะกรรมการต้องหลากหลายกว่าที่เป็นอยู่

ผู้ใช้แรงงาน เสนอเสนอให้คิดอัตราค่าจ้างเพียงอัตราเดียวทั่วประเทศเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ผู้ใช้แรงงาน เสนอเสนอให้คิดอัตราค่าจ้างเพียงอัตราเดียวทั่วประเทศเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ผลวิจัยชี้ค่าจ้างปี 61 ขึ้น 5.5%
ด้าน วิลลิส ทาวเวอร์ส วัทสัน บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล โบรกเกอร์ และโซลูชั่นส์ ได้เผยผลสำรวจจากรายงานการวางแผนจัดสรรงบประมาณเงินเดือนในเอเชียแปซิฟิก ปี 2560-ไตรมาส 3 โดยคาดว่า อัตราเงินเดือนในไทยจะปรับขึ้นที่ 5.5% ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ที่อัตราการเงินเดือนปรับขึ้นที่ 5.2%
ทั้งนี้ การปรับอัตราเงินเดือนของไทยอยู่ในระดับกลางของกลุ่ม โดย 3 อันดับแรกได้แก่ อินเดีย ปรับขึ้น 10% ศรีลังกาปรับขึ้น 8.6% และอินโดนีเซียปรับขึ้น 8.5% ส่วนประเทศที่ปรับขึ้นน้อยที่สุดคือ ญี่ปุ่น อยู่ที่ 2.3%

การปรับอัตราเงินเดือนสำหรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในไทยช่วงปี 2559-2561 มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง มีการขึ้นเงินเดือนต่ำสุดที่ 4% ในปี 2560 และคาดว่าอัตราการขึ้นเงินเดือนจะยังคงต่ำสุดในกลุ่ม โดยอยู่ที่ 5% ในปี 2561 ส่วนกลุ่มประกันชีวิตมีอัตราการขึ้นเงินเดือนลดลงต่อเนื่องทุกปี แต่คาดว่าจะยังรักษาระดับที่ค่าเฉลี่ยมาตรฐานของทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ 5.5%

ส่วนการจ่ายโบนัสในปี 2560 เฉลี่ยของทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ที่ 2.4 เดือน โดยกลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มประกันภัย จ่ายโบนัสต่ำสุดที่ 1.8 เดือน ขณะที่กลุ่มบริหารสินทรัพย์ มีการจ่ายโบนัสสูงที่สุดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5 เดือน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปัจจุบันอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทั้งการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่อย่าง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และคณะกรรมการค่าจ้างชุดใหม่ โดยคาดว่าจะประชุมเคาะค่าจ้างได้ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เบื้องต้นอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดได้ส่งข้อมูลและอัตราค่าจ้างที่ต้องการปรับมาแล้ว มีข้อเสนอให้ปรับสูงสุดตั้งแต่ 10-15 บาท และต่ำสุด 2 บาท รวมถึงไม่เสนอให้มีการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งหลังจากนี้ทางคณะกรรมการค่าจ้างจะพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง

https://www.ddproperty.com


เป้าหมายการออกกำลังกายของคุณคืออะไร

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจาก Fitness First แนะนำให้ตั้งเป้าหมายของการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น เพื่อการลดน้ำหนัก เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ดูฟิตแอนด์เฟิร์ม จะช่วยทำให้เรารู้ทิศทางว่าควรออกกำลังกายแบบใด

เป้าหมายการออกกำลังกายของคุณคืออะไร เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น เพื่อการลดน้ำหนัก เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ดูฟิตแอนด์เฟิร์ม แต่ละคนก็มีเป้าหมายที่แตกต่างกันไป การกำหนดเป้าหมายจะช่วยทำให้เรารู้ทิศทางว่าควรออกกำลังกายแบบใด และเป็นการกระตุ้นสร้างกำลังใจให้ถึงเป้าหมาย

ชากร ศรีสุนทร Health and Fitness Manager จาก Fitness First สาขา ไลฟ์เซ็นเตอร์ ได้กล่าวว่า เราควรตั้งเป้าหมายของการออกกำลังกาย เพราะการกำหนดเป้าหมายเปรียบเสมือนการสร้างแรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจในการที่จะลงมือทำอะไรซักอย่างให้ได้ตามที่ตั้งไว้ คล้ายกับการตั้งเข็มทิศว่าจะไปในทิศทางไหนและมุ่งไปในทิศทางนั้น

 ข้อดีของการกำหนดเป้าหมาย คือ
1.ทำให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
2.มีแบบแผนที่ชัดเจนในการลงมือทำ(รูปแบบการฝึก)
3.มีระยะเวลา (Timeline) ที่ชัดเจนและเหมาะสม
4.ประสบความสำเร็จในการออกกำลังกาย
หลักในการกำหนดเป้าหมาย ต้องคำนึงถึงว่าสามารถเกิดขึ้นได้จริง อาจจะกำหนดเป้าหมายในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แต่ละช่วงจะมี Timeline เช่น ระยะสั้นอยู่ที่ 3-6 เดือน ระยะกลางอยู่ที่ 6 เดือน-1 ปี ระยะยาว 1-3 ปี ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตามเป้าหมายนั้นๆ และเมื่อถึงเป้าหมายในทุกระยะก็ควรจะมีการให้รางวัลกับตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ ควรเลือกออกกำลังกายให้เหมาะกับแต่ละเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น

•เป้าหมายเพื่อการลดน้ำหนัก ในเบื้องต้นควรออกกำลังกายให้ครบทุกส่วนของร่างกาย แต่เน้นกิจกรรมที่มีการใช้การเผาผลาญเยอะๆ โดยจะเน้นเรื่องของการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การออกกำลังกายแบบ Functional training หรือ Dynamic movement training ซึ่งเป็นการออกกำลังกายในลักษณะของการเคลื่อนไหวในหลายระนาบ เช่น ลุก นั่ง เดิน ก้ม ย่อ ยืด หมุนตัวทำให้ร่างกายมีการใช้งานได้ครบทุกส่วน และเพิ่มเติมเรื่องของการควบคุมอาหาร

•เป้าหมายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ควรเน้นการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน Resistance training อาจจะเริ่มง่ายๆจากการใช้ Body weight เช่น Push up, Pull up จนกระทั่งไปถึงการใช้อุปกรณ์ Free weight (Barbell, Dumbbell, Barbell Squats)

•เป้าหมายเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ควรจะเน้นไปในการฝึกแบบ Cardio เพื่อให้หัวใจเต้นเร็ว มีการสูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้น ถ้าเป็นกีฬาก็เป็นจำพวก วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน

•เป้าหมายเพื่อลดสัดส่วนเฉพาะจุด ในความเป็นจริงจะไม่สามารถทำได้ เพราะถ้าลดไขมันจะทำให้ทุกๆ ส่วนของร่างกายลดด้วย แต่ถ้าเราต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุดให้มีความชัดเจนมากขึ้นจะใช้การฝึกแบบ weight training เข้ามาช่วย เช่น ถ้าต้องการลดต้นขาควรฝึกท่า Leg Extension และท่า Leg curl เป็นต้น

•เพื่อความสวยงาม หรือร่างกายที่สมส่วน จะเน้นเป็นเรื่องของการเล่น weight training ควบคู่ไปกับ Functional training แต่จะแตกต่างกันตรงความหนักและเวลา

สิ่งสำคัญที่สุดในการออกกำลังกายคือวินัย ควรออกกำลังกาย 4-5 ครั้ง/สัปดาห์ วันละ 1 ชั่วโมง ถ้าไม่สามารถทำได้ อาจจะลดจำนวนเวลาลง หรือเน้นในกิจกรรมที่เป็น Dynamic movement training โดยใช้ทุกส่วนของร่างกาย ในเวลาที่จำกัด ประมาณ 25-30 นาที จะทำให้ร่างกายได้เผาผลาญแคลอรี่ได้เยอะและควรทำพร้อมกับการควบคุมอาหารด้วย

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 6/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,500.00 19,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,263.00 19,147.08 20,100.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,136.70 117,232.37 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 568.00 8,610.88 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 442.00 6,700.72 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,309.00 19,844.44 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  6/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 28.25 28.25 27.65 28.25 27.65
28.25
28.25
28.25
28.25
แก๊สโซฮอล E-20
25.74
25.74
25.74
25.14
25.74
25.74
25.74
25.74
25.74
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 27.98 27.98 27.98 27.38 27.98 27.38 27.98 27.98 27.98 27.98
เบนซิน 95 35.36 35.81 35.86 35.36 35.36 35.36
ดีเซลหมุนเร็ว 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.79 30.47 30.47 30.47 30.47
มีผลตั้งแต่ 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า