สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 6 มีนาคม 2561

อสังหาฯ มกราคมปี 61 หดตัว คอนโดฯ ยังครองแชมป์ขายดี

อสังหาฯ มกราคมปี 61 หดตัว คอนโดฯ ยังครองแชมป์ขายดี

จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA พบว่า ในเดือนมกราคม 2561 อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีการเปิดตัวลดลงเล็กน้อยจากปลายปี 2560 โดยมีโครงการเปิดขายใหม่ทั้งหมด 23 โครงการ ลดลงจากเดือนธันวาคม 2560 จำนวน 2 โครงการ ซึ่งมีจำนวนหน่วยขายและมูลค่าโครงการรวมลดลงด้วย

อสังหาฯ เปิดใหม่ลดลง 27%
จำนวนอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ในเดือนมกราคมมีทั้งหมด 4,112 หน่วย ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 1,483 หน่วย (เดือนธันวาคม 2560 มีจำนวน 5,595 หน่วย) หรือลดลงประมาณ 27% เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการไปเป็นจำนวนมากในช่วงปลายปี 2560 แล้ว และมีจำนวนหน่วยขายเฉลี่ยต่อโครงการที่ 178 หน่วย ซึ่งลดลงจากเดิมที่เฉลี่ยต่อโครงการ 223 หน่วย

คอนโดฯ-บ้านเดี่ยว จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น
ประเภทที่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่มากที่สุดในเดือนมกราคมยังคงเป็นอาคารชุด โดยมีจำนวนหน่วยเปิดขาย 2,190 หน่วย (53.3%) รองลงมาคือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,018 หน่วย (24.8%) ส่วนอันดับ 3 คือ บ้านเดี่ยว 662 หน่วย (16.1%) ของจำนวนหน่วยขายที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจำนวนหน่วยขายกับเดือนที่ผ่านมา จะพบว่าจำนวนหน่วยขายของอาคารชุดและบ้านเดี่ยวมีจำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น ส่วนทาวน์เฮ้าส์มีจำนวนลดลง โดยอาคารชุดมีจำนวนเพิ่มขึ้น 214 หน่วย (11%) บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 299 หน่วย (82%) และทาวน์เฮ้าส์ลดลง 1,973 หน่วย (-66%)

คอนโดฯ เป็นประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด 11,032 ล้านบาท (66.4%)

คอนโดฯ เป็นประเภทอสังหาฯ ที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด 11,032 ล้านบาท (66.4%)

มูลค่าการพัฒนา คอนโดฯ แตะ 1 หมื่นล้าน
ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คือ อาคารชุด 11,032 ล้านบาท (66.4%) รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว 2,946 ล้านบาท (17.7%) ส่วนอันดับ 3 คือ ทาวน์เฮ้าส์ 1,786 ล้านบาท (10.8%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมด ทั้งนี้ ภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนมกราคมหากเป็นบ้านเดี่ยวจะเน้นที่ระดับราคาปานกลาง 3-5 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ราคา 1-2 ล้านบาท และอาคารชุดราคา 2-3 ล้านบาท

คอนโดฯ 5-10 ล้าน ขายดี
เมื่อพิจารณาอัตราการขายได้ จะพบว่าในเดือนแรกของการเปิดขายมีอัตราการขายได้เฉลี่ยที่ 26% ซึ่งจากเดือนที่ผ่านมาที่มีอัตราการขายได้ที่ 18% ต่อเดือน โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการขายได้สูงสุด และมีจำนวนหน่วยขายเป็นส่วนใหญ่ของตลาดคือ อาคารชุดระดับราคา 5-10 ล้านบาท จำนวน 307 หน่วย ขายได้แล้ว 175 หน่วย (57%) รองลงคือ อาคารชุดระดับราคา 10-20 ล้านบาท จำนวน 254 หน่วย ขายได้แล้ว 108 หน่วย (43%) และอันดับ 3 คืออาคารชุดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 984 หน่วย ขายได้แล้ว 350 หน่วย (36%)

อย่างไรก็ตาม สาเหตุสำคัญของการชะลอตัวในเดือนมกราคม 2561 คือ ในช่วงปลายปี 2560 มีการเปิดตัวโครงการเป็นจำนวนมากหลังจากงานพระราชพิธีสำคัญ โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2560 โดยเบื้องต้นคาดว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 การเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ จะยังน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2561 และทั้งปี 2561 จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ใกล้เคียงกับปี 2560

https://www.ddproperty.com


“สมคิด” เชิญทูต-นักลงทุนทั่วโลก ชิงรถไฟไฮสปีด-สนามบิน-ท่าเรือ EEC

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 2/2561 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน เห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กม. มูลค่าการลงทุน 2 แสนล้านบาท เป็น “ไฮสปีดเทรน” เชื่อมกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา ในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

กรุงเทพฯถึงอู่ตะเภา 45 นาที
 
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากสนามบินดอนเมือง-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. โดยสถานีมักกะสันจะเป็น main station เป็นรถไฟสายอนาคตสำหรับภาคตะวันออก ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจสูง มีความสำคัญ 4 ด้าน
 
1.รถไฟความเร็วสูงสายนี้จะเชื่อมโยง 3 สนามบิน ใน 45 นาที อนาคตจะยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ทำให้การเดินทางจากสนามบินอู่ตะเภา-กรุงเทพฯ รองรับผู้โดยสารจากสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิที่เกินความจุแล้ว 17 ล้านคนต่อปี
 
2.เปิดพื้นที่การพัฒนาจากกรุงเทพฯเชื่อมฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง 5 สถานี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา และอู่ตะเภา มีการพัฒนาบริเวณสถานีเชื่อมโยงกับชุมชนเก่า
 
“ไฮสปีด” เฟส 2 ระยอง-จันทบุรี-ตราด
 
3.ระยะต่อไปจะเป็นการศึกษาในระยะที่ 2 เส้นทางระยอง จันทบุรี และตราด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ-ระยอง 60 นาที กรุงเทพฯ-จันทบุรี 100 นาที และกรุงเทพฯ-ตราด 120 นาที
 
4.การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจตลอดทั้งโครงการ ตั้งแต่สร้างจนกระทั่งเสื่อมราคา 700,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 50 ปีแรก มีมูลค่าเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าเงินลงทุน 200,000 ล้านบาท ผลตอบแทนที่ได้จากการพัฒนาเศรษฐกิจตลอดแนว 2 ข้างทาง คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เมื่อครบกำหนด 50 ปีแล้ว โครงการทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐ มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 300,000 ล้านบาท
 
โครงการจะครอบคลุมเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากสนามบินดอนเมือง-สนามบินอู่ตะเภา โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1.รถไฟความเร็วสูงส่วนต่อขยายแอร์พอร์ตลิงก์ ดอนเมือง-พญาไท ระยะทาง 21 กม. ซึ่งเป็นแนวรางแอร์พอร์ตลิงก์เดิม 2.รถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 29 กม. 3.รถไฟความเร็วสูงจากสนามบินสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 170 กม.
 
4.พัฒนาพื้นที่สถานีและสนับสนุนการให้บริการผู้โดยสาร 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 สถานีมักกะสัน 150 ไร่ สำหรับการเป็นสถานีหลักรถไฟความเร็วสูง รวมที่จอดรถและเชื่อมโยงกับรถไฟใต้ดิน เป็นการแก้ปัญหาของสถานีมักกะสัน เนื่องจากการเดินทางไม่เชื่อมโยงกับรถไฟในเมือง และจุดที่ 2 สถานีศรีราชาประมาณ 100 ไร่ สำหรับการเป็นสถานี ที่จอดรถ และอู่ซ่อม แบ่ง 75 ไร่ อีก 25 ไร่พัฒนาเชิงพาณิชย์ และจ่ายค่าเช่าให้การรถไฟฯตามราคาตลาด และเมื่อมีกำไรเกินปกติต้องมีการนำกำไรแบ่งปันกับรัฐ
 
โดยจะมี 1 ช่วงที่จะต้องเวนคืน คือ พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงเวลาเลี้ยวโค้งต้องใช้รัศมีของหัวโค้งเป็นวงกว้าง
 
รูปแบบลงทุน PPP net cost
 
การดำเนินการเป็นโครงการร่วมทุนกับเอกชน (PPP) เพื่อลดการใช้งบประมาณภาครัฐและความเสี่ยงจากความล่าช้าของโครงการ ขณะที่การกู้เงินจากต่างประเทศทำให้เกิดภาระหนี้สาธารณะ ความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน บางครั้งทำให้ต้นทุนโดยรวมสูงและเงินลงทุนถูกถ่ายเทกลับประเทศเจ้าของเงินจนทำให้ประเทศเหลือแต่หนี้และการบำรุงรักษา
 
การประมูลจะเป็น PPP net cost ผู้สนอผลประโยชน์สูงสุด-รัฐลงทุนน้อยที่สุดเป็นผู้ชนะ โดยเอกชนแต่ละรายจะคำนวณผลตอบแทนสูงสุด ทั้งการจัดหาขบวนรถไฟ การหารายได้ การบริหารอสังหาริมทรัพย์ ได้พัฒนาเต็มที่
 
พ่วงพัฒนาที่ดินมักกะสัน-ศรีราชา
 
“สำหรับเรื่องอ่อนไหวหลายประการที่ที่ประชุมหารือกันอย่างกว้างขวาง ได้แก่ เรื่องที่ดินมักกะสัน 150 ไร่ มีพื้นที่ี่เชิงพาณิชย์ ผู้รับไปพัฒนาต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินให้ ร.ฟ.ท.ตามราคาตลาด และให้รัฐมีส่วนร่วมรับกำไร หรือ revenue shar-ing” นายคณิศกล่าว
 
ถกสัมปทาน 50 ปีกันรัฐลงทุนเพิ่ม
 
ด้านการรวมแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนสะสม 1,785 ล้านบาท และเป็นหนี้จากการก่อสร้างประมาณกว่า 33,000 ล้านบาท จึงนำมารวมและแก้ปัญหาการขาดทุนในคราวเดียว ผู้ที่จะมาลงทุนต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อแอร์พอร์ตลิงก์เพื่อไปพัฒนา โดย ร.ฟ.ท.จะนำเงินไปใช้หนี้ของแอร์พอร์ตลิงก์
 
สำหรับอายุโครงการ 50 ปี เพื่อให้รัฐบาลใช้งบประมาณน้อยที่สุด ถ้าให้เวลาโครงการน้อยก็จะขาดทุนมาก เพราะกำไรของโครงการจะอยู่ในช่วงปีหลัง ๆ ถ้าเหลือ 30 ปี รัฐอาจต้องจ่ายเงินลงทุนไปกับเอกชนเพิ่ม
 
สำหรับการใช้วิศวกรไทยและการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทยจะอยู่ในเงื่อนไขร่าง TOR การกำกับโครงการ มีคณะกรรมการขึ้นมาดูแลการดำเนินโครงการ ค่าโดยสารจากมักกะสัน-พัทยา 270 บาท และจากมักกะสัน-สนามบินอู่ตะเภา 330 บาท
เปิดประมูลทั่วโลกมีนาคม
 
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป คือ เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติและนำไปสู่การประกาศเชิญชวนนักลงทุนในเดือนมีนาคม ในรูปแบบอินเตอร์เนชั่นแนลบิดดิ้งเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจทั่วโลกเข้าร่วมประมูลและเปิดกว้างให้ทุกค่ายที่สนใจขณะนี้ อาทิ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน คาดว่าจะได้ผู้ชนะการประมูลภายในไตรมาสสองและลงนามเซ็นสัญญากับผู้ชนะการประมูลภายในปีนี้ สร้างเสร็จปี 2566
 
หลังจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้เชิญทูตทุกประเทศ ร่วมฟังความคืบหน้าในโครงการอีอีซีทั้งหมด เพื่อให้เห็นโอกาสที่กำลังเปิดในประเทศไทย โดยจะเชิญชวนและเปิดประมูลแก่นักลงทุนและเซ็นสัญญาภายในปีนี้ อาทิ รถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด
 
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานอีอีซีไปศึกษาการขยายพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่รอบ ๆ ใกล้เคียงเพื่อเชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดเดิม เช่น ปราจีนบุรี สระแก้ว และสมุทรปราการ เชื่อมโยงจากกรุงเทพฯไปยังการค้าการลงทุนชายแดน ใช้เวลาศึกษา 4 เดือน
http://www.bkkcitismart.com

ค่าบาท ‘แข็งค่า’ ตามภูมิภาค

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า “31.43 บาทต่อดอลลาร์” ในสัปดาห์นี้บาทมีโอกาสแข็งค่าตามภูมิภาค จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.43 บาท ต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากช่วงปิดท้ายสัปดาห์ก่อนที่ 31.46 บาทต่อดอลลาร์

ในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าตลาดจะมีความผันผวน เนื่องจากนโยบายการค้าล่าสุดของโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประเด็นที่กดดันตลาดเงิน เชื่อว่าทั้ง ECB และBOJ จะมีการโต้ตอบผ่านแถลงการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้ไม่มากที่ค่าเงินดอลลาร์จะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเพราะนักลงทุนไม่เชื่อว่าธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะสามารถผ่อนคลายนโยบายทางการเงินสวนทางกับภาพเศรษฐกิจได้

ค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าตามสกุลเงินเอเชียในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าความผันผวนจะเพิ่มขึ้นต่อในช่วงกลางสัปดาห์ และตลาดจะจับตาไปที่สหรัฐในวันศุกร์ ถ้าตัวเลขการจ้างงานดีตามคาดก็จะเป็นบวกกับค่าเงินดอลลาร์ แต่ถ้าออกมาต่ำกว่าคาด อาจกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงแรง

กรอบเงินบาทวันนี้ 31.35-31.45 บาท/ดอลลาร์ กรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 31.20-31.70 บาท/ดอลลาร์

สัปดาห์นี้สิ่งที่ต้องจับตาคือ ผลการเลือกตั้งในอิตาลี การประชุมธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น กับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์

ในฝั่งของอิตาลี ผลการเลือกตั้งน่าจะเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโดยเอ็กซิตโพลล่าสุดชี้ว่า พรรคการเมืองที่มีแนวคิดสุดโต่งอย่าง Five Star Movement ได้คะแนนเสียงมากที่สุดขณะที่พักฝั่งรัฐบาล (Partito Democrat) ได้คะแนนเสียงตามมาเป็นอันดับที่สอง มีโอกาสเป็นประเด็นยืดเยื้อ และสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยุโรป

วันพฤหัส การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะ “คงดอกเบี้ย” ที่ระดับเดิม ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นน่าจะส่งผลให้ ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะลดการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินลงในปีนี้ ถ้าสหรัฐไม่กลับมาเล่นสงครามการค้ากับทั่วโลก

วันศุกร์ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยจะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับติดลบ 0.1% และดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 0.0% แต่อาจมีการให้ความเห็นต่อนโยบายกีดกันการค้าล่าสุดจากฝั่งสหรัฐ

คืนวันศุกร์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐ คาดว่าจะรายงานที่ระดับ 2.1 แสนตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเลขการว่างงานจะลงมาอยู่ที่ระดับ 4.0% ขณะที่รายได้ (Average hourly earning) น่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หรือคิดเป็น 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

http://www.bangkokbiznews.com


นักวิทยาศาสตร์ห่วง! ปัญญาประดิษฐ์อาจก่อภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ

นักวิทยาศาสตร์ห่วง! ปัญญาประดิษฐ์อาจก่อภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ

การคืบคลานเข้ามาของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ ai ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของวิทยาการทั่วโลกไปอย่างก้าวกระโดด ทว่ารายงานชิ้นล่าสุดที่รวบรวมข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ในประเทศที่พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลก แสดงความกังวลว่า ความก้าวหน้าของ AI ได้มาพร้อมภัยคุกคามที่คาดไม่ถึง

ไม่นานมานี้ เราได้เห็นศักยภาพของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการตรวจจับข่าวโคมลอยที่กลุ่มก่อการร้ายได้สร้างขึ้นมาบนโลกออนไลน์ ที่มีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 94 ซึ่งถือเป็นการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยให้สังคมปลอดภัยขึ้นได้

แต่ทุกเทคโนโลยี มีเหรียญอีกด้านเสมอเช่นกัน …

istock-858544974

เมื่อปีที่แล้ว University of Washington เผยคลิปบทสัมภาษณ์ของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แต่นี่ไม่ใช่คลิปธรรมดา เพราะเป็นคลิปปลอมที่ระบบ AI สร้างขึ้นมา ผ่านการเรียนรู้ท่าทางการพูดของอดีตประธานาธิบดีได้เหมือนตัวจริง

ที่ใกล้ตัวกว่านั้น คือภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ ที่เรียกกันว่า Phishing การโจมตีบนโลกออนไลน์อันแยบยล ด้วยการปลอมแปลงอีเมลหรือสร้างข้อความปลอม เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น หมายเลขบัตรเครดิต บัตรประชาชน หรือรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินหรือแหล่งข้อมูลส่วนตัว

ชาฮาร์ อาวิน ผู้ร่วมเขียนรายงานภัยคุกคามของปัญญาประดิษฐ์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อธิบายว่า ตอนนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์อาจถูกนำมาใช้ เพื่อสร้างอีเมลแบบ Phishing ด้วยการจำลองลักษณะเฉพาะของบุคคล ตั้งแต่ความสนใจ รูปแบบการเขียนเพื่อสื่อสารกับคนภายนอก หรือการสื่อสารกับคนใกล้ตัว จนสามารถสร้างข้อความปลอมเพื่อหลอกให้กลุ่มเป้าหมายเปิดอ่านหรือทำตาม

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังขับเคลื่อนด้วยระบบ AI คือ การพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่บริษัทยานยนต์หลายแห่งกระโจนเข้าสู่การแข่งขันอันดุเดือด เพื่อชิงเจ้าแห่งเทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ให้ได้

แต่ นายอาวิน กลับมองต่างออกไปว่า เราอาจจะได้รถยนต์ที่ดีเทียบเท่า หรือดีกว่าการควบคุมโดยมนุษย์ แต่หากผู้ผลิตยานยนต์ไม่สามารถแก้ไขความบกพร่อง เช่น การจำแนกป้ายจราจรที่มีความใกล้เคียงกันมากๆ อาจทำให้เราได้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่ แต่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมได้

รายงานยังเตือนด้วยว่า โดรน หรือ หุ่นยนต์ต่างๆ ที่ควบคุมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ อาจถูกแฮกเกอร์ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ายึด ควบคุม หรือใช้เป็นอาวุธโจมตี หรือเรียกค่าไถ่ได้

ในอนาคตอันใกล้ ระบบ AI จะมีส่วนสำคัญในการทหารมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ โดรน และ หุ่นยนต์สังหาร ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ท่านนี้ กังวลว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้หุ่นยนต์และระบบปัญญาประดิษฐ์ในการสงครามแทนการใช้มนุษย์อย่างเต็มตัว การส่งผ่านข้อมูลมหาศาลจะเกิดขึ้น ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถวิเคราะห์หรือประมวลข้อมูลมากมายเช่นนั้นได้ และต้องพึ่งพาการตัดสินใจที่ประมวลด้วย AI วันนั้นมนุษย์อาจไม่มีความหมายในการตัดสินใจอีกต่อไป

รายงานจากความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปัญญาประดิษฐ์ 26 คนทั่วโลกชิ้นนี้ ไม่ได้พุ่งเป้าไปแค่แง่ลบของระบบ AI เพียงแต่เน้นย้ำความสำคัญและรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่ใช้ประโยชน์ได้มหาศาลและหาทางป้องกันหากเทคโนโลยีนี้ตกไปอยู่ในมือผู้ไม่ประสงค์ดี

https://www.sanook.com


โอเมกา 3 (Omega-3) คืออะไร มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร?

โอเมกา 3 (Omega-3) กับสุขภาพร่างกาย ในอดีตเราเชื่อกันว่าโรคต่างๆจะเกิดขึ้น ก็เมื่อเรามีอายุมากขึ้น เพราะเมื่อเราแก่ตัวอวัยวะต่างๆในร่างกายก็จะเสื่อมสภาพลงตามอายุการใช้งานที่มากขึ้น เซลล์แก่ชรา ผิวหนังเหี่ยวย่น ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง ความยืดหยุ่นและระบบซ่อมแซมการสึกหรอ จนทำให้การฟื้นฟูสภาพทำได้ช้าลง เมื่อระบบภูมิคุ้มกันต่างๆลดลง จึงทำให้เชื้อโรคต่างๆสามารถแพร่กระจายไปตามอวัยวะต่างๆได้ง่ายขึ้น

            แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะโรคเสื่อมต่างๆเช่น ความดัน โรคหัวใจ มักเกิดขึ้นได้กับคนที่มีอายุน้อยลง ซึ่งต้นเหตุของปัจจัยที่เกี่ยวข้องนั้นเกิดขึ้นจากระบบหลอดเลือด เพราะหลอดเลือดเป็นตัวเชื่อมโยง ที่นำน้ำ สารอาหาร ฮอร์โมนและแร่ธาตุต่างๆ เพื่อส่งไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆตามอวัยวะบนร่างกาย

           ดังนั้นถ้าหากระบบหลอดเลือดดี ผิวผนังหลอดเลือดเรียบมีความยืดหยุ่น อวัยวะต่างๆก็จะได้รับอาหารที่เราบริโภคเข้าไปครบถ้วน ก็ช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง  ตรงกันข้ามหากหลอดเลือดมีปัญหา มันก็จะกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายอ่อนแอและเกิดโรคต่างๆได้ง่ายขึ้น  แล้วถ้าปัญหาระบบหลอดเลือดเกิดขึ้นกับอวัยวะสำคัญ โดยเฉพาะสมองและหัวใจนั้นหมายถึงการจบชีวิต

            ดังนั้นจึงควรหันมาใส่ใจต่อระบบหลอดเลือดกันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งต่อไปนี้เราจะไปทำความรู้จักสารอาหารที่สำคัญต่อระบบหลอดเลือด เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์อย่างมากต่อระบบหลอดเลือด เพราะมันช่วยทำให้ผิวผนังหลอดเลือดเรียบ แข็งแรงและมีความยืดหยุ่น  ซึ่งเรียกกรดไขมันชนิดนั้นว่า โอเมกา 3  (Omega-3 fatty acids)

โอเมกา 3

สาเหตุและการเกิดปัญหาของระบบหลอดเลือด

  1. ผนังระหว่างหลอดยึดติดกันไม่ดี  โดยโครงสร้างของหลอดเลือดมี 3 ชั้นด้วยกัน แบ่งอกเป็นชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน  ซึ่งในระหว่างชั้นนั้น จะมีกาวเป็นตัวเชื่อมเพื่อให้ผนังของหลอดเลือดยึดติด  เรียกชื่อกาวนั้นว่า “คอลลาเจน”  ถ้าร่างกายขาดคอลลาเจนก็จะทำให้ผนังหลอดเลือดยึดติดกันไม่ดี เมื่อผนังหลอดเลือดแต่ละชั้นห่างกัน ผลที่เกิดขึ้นตามก็คือ ขนาดของหลอดเลือดชั้นใน จะเล็กลงกลายเป็น เส้นเลือดตีบ ก็จะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

  2. ผนังหลอดเลือดได้รับบาดเจ็บ  เมื่อมีอะไรบางอย่างไปทำให้ผิวด้านในของหลอดเลือดได้รับบาดเจ็บหรือฉีกขาด หลังจากนั้นร่างกายจะมีระบบการซ่อมแซม ซึ่งลักษณะการซ่อมแซมของเส้นเลือดก็เหมือนกับการ ปะ ชุน เสื้อผ้าที่ขาด ผิวหลอดเลือดก็จะไม่เรียบและเกิดการแข็งตัวคล้ายๆ กับมีตระกรันไปเกาะ ทำให้รูของหลอดเลือดเล็กลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆไม่ดี เซลล์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

  3. หลอดเลือดอักเสบ ปกติรูปแบบการอักเสบที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคนเรา มีให้เห็นอยู่สองลักษณะด้วยกัน คือ การอักเสบภายนอกเช่น โดนมีดบาดเราก็เจ็บซึ่งสามารถมองเห็นลักษณะของบาดแผลและสามารถรักษาได้ง่าย  ส่วนอีกลักษณะคือ เกิดการอักเสบภายในอย่างการเป็นฝี มีหนอง   ซึ่งลักษณะการอักเสบของหลอดเลือดก็มีลักษณะคล้ายๆกับอวัยวะต่างๆของเราเกิดการอักเสบ   ซึ่งงานวิจัยของ ดร.อลัน ไรอัน พบว่า โรคหัวใจไม่ได้มีสาเหตุเกิดจากไขมันและคอเลสเตอรอลสูง  แต่มันมีความสอดคล้องกับการอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบนั้นเป็นเพราะ การกินไขมันเลว ของหวาน  แป้งและน้ำตาลมากเกินความจำเป็นของร่างกาย

เมื่อหลอดเลือดมีปัญหาจะทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ดังนี้

         โรคเกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ หัวใจทำงานหนัก หัวใจวายเฉียบพลัน

         โรคเกี่ยวกับสมองได้แก่ หลอดเลือดสมองตีบ หลอดเลือดสมองอักเสษ โดยโรคที่เกิดขึ้นตามมาคือโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ (Brain stroke) ซึ่งกลุ่มโรคเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ของกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าโรคหลอดเลือดเป็นโรคไม่ติดต่อ  แต่มีจำนวนผู้ป่วยโรคต่างๆ ที่มีต้นเหตุจากปัญหาหลอดเลือด  มีอัตราการตายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

omega3

 

กรดไขมันกับโรคหลอดเลือดมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร

      ไขมันหรือกรดไขมันนับได้ว่าเป็น 1 ในสารอาหาร 5 หมู่ที่จำเป็นต่อร่างกาย  แต่กรดไขมันบางชนิดก็มีโทษต่อร่างกาย เพราะมันเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดได้รับบาดเจ็บได้เช่นกัน ซึ่งไขมันที่เราบริโภคเข้าไปมี 2 ประเภทคือ

1.ไขมันที่ทำให้เกิดการอักเสบ  อันได้แก่ไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล โดยได้รับจากการกินเนื้อสัตว์บก และการบริโภคน้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหาร ” เรื่องน่ารู้ ”  น้ำมันพืชมักจะเติมแต่งสารบางอย่าง เพื่อกันหืน แต่ถ้ายังอยู่ในขวดจะไม่เป็นไร แต่เมื่อนำมันไปผ่านความร้อน ที่เกินร้อยองศาจะเป็นอันตราย โดยเฉพาะการใช้น้ำมันซ้ำ ก็จะทำให้น้ำมันกลายเป็นไขมันทรานต์ และนอกจากนี้แล้ว  ยังมีไตรกลีเซอไรด์ที่สร้างจากตับเป็นต้นเหตุทำให้เส้นเลือดเกิดการอักเสบได้เช่นกัน

2. กรดไขมันที่ลดการอักเสบหรือกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง  อันได้แก่ ” โอเมกา 3 ” มีชื่อเรียกทางสามัญอีกอย่างหนึ่งว่า กรดไอโคซาเพนตาอีโนอิก EPA(Eicosapentaenoic acid) & กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก DHA (Docosahexaenoic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ได้จากสัตว์เช่นกัน กรดไขมันชนิดดีนี้ ร่างกายสามารถขาดได้ โดยไม่มีผลกระทบแต่อย่างไรต่อร่างกาย  แต่ก็เป็นกรดไขมันที่มีความจำเป็น เพราะมีประโยชน์มาก

ประโยชน์ของโอเมกา 3 มีดังนี้

  1. ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ยืดหยุ่น ถึงระดับหลอดเลือดฝอย ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดแข็งตัว ลดการบาดเจ็บและลดการอักเสบภายในหลอดเลือด

  2. ช่วยทำให้เซลล์แข็งแรง เซลล์ซึ่งสิ่งที่เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในร่างกาย หากเซลล์ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ก็จะทำให้เซลล์แข็งแรง เมื่อเซลล์แข็งแรงสมบูรณ์ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง

  3. ช่วยให้น้ำเลือดไม่ข้น ไม่หนืด ละลายลิ่มเลือด เมื่อความหนืดของเลือดลดลง ก็ทำให้การสูบฉีดเลือดทำได้ดี แรงดันในหลอดเลือดลดลง จะลดการทำงานของหัวใจ เมื่อหัวใจทำงานลดลง ปัญหาอันเกี่ยวกับโรคหัวใจก็จะน้อยลง

  4. ลดอัตราการเกิดโรคเสื่อม เมื่อหลอดเลือดแข็งแรง ก็สามารถยืดเวลาของการเกิดโรคเสื่อมต่างๆได้ช้าลง เช่นโรคมะเร็ง เบาหวานเป็นต้น

  5. ช่วยทำให้ผิวของเส้นเลือดเรียบขึ้น จึงทำให้เลือดฝอยทำงานได้ดี ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดี

  6. ช่วยกำจัดและลดปริมาณไขมันอิ่มตัว จึงสามารถช่วยลดไขมันในช่องท้อง และไขมันสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายได้

  7. ลดอัตราการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอักเสบที่เป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์ โรคอัมพาต

  8. ช่วยปรับสมดุลในร่างกายโดยปรับสมดุลฮอร์โมน สารสื่อประสาทต่างๆ จะถูกส่งผ่านไปกับน้ำเลือด จึงทำให้การหลั่งฮอร์โมนไปยังส่วนต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น

  9. ช่วยกำจัดไขมันเลว ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ที่สะสมในร่างกายได้ น้ำมันปลาสามารถลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ ลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงกว่า น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันดอกคำฝอย ผู้ชายที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง เมื่อให้กินน้ำมันปลาประมาณ 18 ออนซ์ต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน พบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง และระดับเอชดีแอลโคเลสเตอรอลเพิ่มขึ้น

  10. คนที่มีความเครียดอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ร่างกายขาด DHA ใน ปริมาณที่เหมาะสม กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก จะเข้าไปเสริมสร้างการเจริญเติบโต ปลายประสาทของเซลล์สมอง ซึ่งทำหน้าที่ ถ่ายทอดสัญญาณและส่งผ่านข้อมูล ระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น การรับประทานอาหารแล้วได้สารอาหาร DHA จำนวนมากอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ความเครียดจะลดลงและ สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น

  11. ผู้สูงอายุมักจะเกิดภาวะ สมองเสื่อม  เป็นอัลไซเมอร์ได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆทั่วไป แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เกิดจากสาเหตุอะไร  จากการทดลองที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยการให้กรดโดโคซาเฮ็กซาอีโนอิก แก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์พบว่า ประสิทธิภาพความสามารถในการคำนวณและความสามารถในการตัดสินใจดีขึ้น และผลจากการทดลองกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับ DHA เป็นเวลา 6 เดือน จะมีอาการที่ดีขึ้น มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ DHA อย่างเห็นได้ชัด

  12. นอกจากนี้สถาบันวิจัยนานาชาติพบว่า DHA ยังช่วยพัฒนาเซลล์สมองของเด็ก พัฒนาระบบจอประสาทตา ส่งผลดีต่อระบบฮอร์โมนต่างๆ ของหญิงตั้งครรภ์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน เมื่อร่างกายแม่ทำงานได้ดี ก็จะช่วยทำให้ทารกมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ขึ้น มีการเจริญเติบโตได้ดี

  13.  โอเมกา 3  (Omega3) ช่วยทำให้ระบบประสาทและสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ และกระตุ้นการสร้างสารเคมีซีโรโทนินในสมอง ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการซึมเศร้า

 

omega-3

แหล่งอาหารที่จะทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันดี โอเมกา 3

          เมื่อรู้ว่าโอเมกา 3 ส่งผลดีต่อการเกิดโรคเสื่อมและสามารถลดโรคอันเกิดจากหลอดเลือดเสื่อมได้ ดังนั้นหลายคนคงอยากรู้ว่าจะหาโอเมกา 3 (Omega3) สามารถได้รับจากการกินอาหารประเภทใดบ้าง  โอเมกา 3 ชนิดดีมักมีอยู่มากใน สัตว์ทะเลโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เพราะไม่มีสารพิษอย่างอื่นตกค้าง นอกจากนี้ยังมีใน ไข่ ปลาน้ำจืดบางชนิด ถั่ว และผักบางชนิด

        ซึ่งข้อมูลงานวิจัยด้านอาหาร ของสำนักงาน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า คนไทยมีความเข้าใจผิดว่า กรดไขมันโอเมกา 3 มี เฉพาะในปลาทะเล แต่ความจริงแล้ว ปลาน้ำจืดก็มี โอเมกา 3 สูง เช่น ปลาบางชนิดมี โอเมกา 3 สูงกว่าปลาทะเล โดยเปรียบเทียบในปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน จะพบว่าปลาสวยเนื้อขาว มีโอเมกา 3 สูงถึง 2,570 มิลลิกรัม ปลาช่อนมีโอเมกา 3 ถึง 870 มิลลิกรัม  แต่ ขณะที่ปลาแซลมอนมีโอเมกา 3 ประมาณ 1,000-1,700 มิลลิกรัม และปลากะพงขาวมีโอเมกา 3 เพียงประมาณ 310 มิลลิกรัม

       ” นายสง่า ดามาพงษ์ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวไว้ว่า “อาหารทะเลแปลกๆ หรือปลาราคาแพงๆ จากเมืองนอกไม่ได้มี คุณค่าทางอาหารดี ไปกว่า อาหารทะเลสดๆของไทย เช่นเดี่ยวกับ การบริโภคอาหารเพื่อให้กรดไขมันโอเมกา 3  ที่ช่วยบำรุงร่างกายนั้น ก็สามารถพบได้ใน ปลาช่อน ปลาทู หรือปลาเกือบทุกชนิด เพราะฉะนั้น ควรกินปลาให้ได้ทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 มื้อ และเพื่อความปลอดภัย ไม่ควรกินอาหารชนิดเดียวกันซ้ำๆ ควรกินอาหารหลากหลายชนิด เพื่อร่างกายจะได้ประโยชน์จากสารอาหารหลายๆ ประเภท และได้สารอาหารที่ครบห้าหมู่ และมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ปริมาณที่แนะรับประทาน

          ในประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานใดที่ออกมาแนะนำปริมาณในการปริโภคกรดไขมัน DHA แต่มีแสดงอย่างชัดเจนและรับรองโดยสถาบัน EFSA: European Food Safety Authority ของยุโรปแนะนำให้ทาน 250 มิลลิกรัมต่อวัน แสดงให้เห็นว่าโอเมกา 3 ได้รับการยอมรับแล้วว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย มีประโยชน์ต่อสมองและหัวใจ

http://besterlife.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 6/03/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,600.00 19,700.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,270.00 19,253.20 20,200.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,143.00 17,327.88 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 572.00 8,671.52 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 445.00 6,746.20 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,316.00 19,950.56 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  6/03/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35
แก๊สโซฮอล E-20 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84 24.84
แก๊สโซฮอล E-85 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล 91 27.08 27.08 27.18 27.58 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08
เบนซิน 95 34.46 34.91 34.96 34.46 34.46 34.46
ดีเซลหมุนเร็ว 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.59 29.59 29.59 29.59 29.59
มีผลตั้งแต่ 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00 06 Mar 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า